5 อันดับเมืองน่าเรียนในสหราชอาณาจักร ที่มีค่าเรียนและค่าครองชีพถูกที่สุด!

       สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D … ถ้าพูดถึงประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปเรียนกันมากที่สุด เชื่อว่าคำตอบส่วนใหญ่จะต้องมีประเทศใน ‘สหราชอาณาจักร’ เป็นลิสต์แรกๆ ในใจแน่นอน เพราะว่าขึ้นชื่อเรื่องของการศึกษาที่มีคุณภาพ แถมคุณภาพชีวิตก็ดีเยี่ยม แต่อย่างไรก็ตามหลายคนก็บอกว่าค่าครองชีพที่นี่นั้นค่อนข้างสูงอยู่ดี วันนี้ พี่วุฒิ ได้รวม 5 เมืองที่มีค่าครองชีพและค่าเรียนถูกที่สุดในสหราชอาณาจักร มาดูกันว่ามีเมืองใดติดโพลบ้าง?


 

5. กลาสโกว์ (Glasgow)
 

Cr. Pixabay
 
       เริ่มที่อันดับ 5 กับเมืองกลาสโกลว์ ที่นี่ถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์ อีกทั้งยังขึ้นชื่อในเรื่องของอุตสาหกรรม ศูนย์กลางการค้า วิศวกรรม ศูนย์การต่อเรือ จนได้รับว่าเป็นเมืองที่สำคัญอันดับ 2 ของสหราชอาณาจักรรองจากลอนดอน และนอกจากความเจริญด้านเศรษฐกิจ กลาสโกลว์ยังโดดเด่นในเรื่องของกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเทศกาล แหล่งวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งช็อปปิ้ง สถาปัตยกรรม และอีกมากมาย 
 
       และนอกจากที่เกริ่นไปด้านบน น้องๆ รู้มั้ยครับว่ากลาสโกลว์เป็นอีกเมืองที่น่าเรียนต่อมากเลยล่ะ เพราะว่ามีค่าครองชีพถูกกว่ากรุงลอนดอนมากถึงร้อยละ 38 ยิ่งในส่วนค่าที่พักก็ถูกกว่าครึ่งต่อครึ่งเลยครับ ส่วนใครที่อยากจะมาเรียนต่อที่เมืองนี้ ก็ควรทำความรู้จักกับ University of Glasgow เอาไว้เลย เพราะว่าเป็นสถาบันที่ขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพการศึกษา ติดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกในลำดับที่ 69 เลยล่ะ แถมที่นี่ยังมีทุนแจกให้กับนักศึกษาต่างชาติในทุกๆ ปี ซึ่งค่าเล่าเรียนปกติของมหาวิทยาลัยกลาสโกลว์จะตกอยู่ที่ปีละประมาณ 18,930 ปอนด์ หรือประมาณ  621,670 บาทครับ  

 

4. นอตทิงแฮม (Nottingham)
 

Cr. Pixabay
 
       หลายคนน่าจะคุ้นเคยชื่อเมืองนอตทิงแฮม เพราะว่าเป็นเมืองที่มีตำนานดังเกี่ยวกับโรบินฮู้ด แต่น้องๆ รู้มั้ยครับว่าเมืองนื้เป็นอีกเมืองที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างแฟร์กับนักศึกษา ยกตัวอย่าง University of Nottingham สถาบันอุดมศึกษาที่ดังที่สุดของเมืองนี้ ซึ่งติดอันดับ 82 ของโลก มีค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาปริญญาตรีตกอยู่ที่ปีละประมาณ 15,033 ปอนด์ หรือประมาณ 620,685 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับหลายๆ มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรก็ถือว่าถูกมาก และในส่วนของค่าครองชีพเมื่อเทียบกับกรุงลอนดอนที่ที่ขึ้นชื่อว่ารายจ่ายสูงมากๆ ก็ถูกกว่าร้อยละ 38 ส่วนค่าเช่าบ้านก็ถูกกว่าร้อยละ 48 เลยทีเดียวครับ 

 

3. นิวคาสเซิลอะพอนไทน์ ( Newcastle upon Tyne)
 

Cr. Unsplash
 
      นิวคาสเซิลอะพอนไทน์ หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า เมืองนิวคาสเซิล ถือว่าเป็นอีกเมืองที่เป็นจุดหมายสำหรับการเรียนต่อของนักศึกษาทั่วโลก ด้วยความที่เป็นเมืองที่มีขึ้นชื่อในเรื่องของอุตสาหกรรมและเป็นศูนย์การต่อเรือที่สำคัญของโลกแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังมีทีมสโมสรฟุตบอลระดับโลกที่ใครต่อใครก็รู้จัก จึงทำให้นิวคาสเซิลเป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับการเรียนต่อในสหราชอาณาจักร
 
      และเมื่อเทียบค่าครองชีพกับเมืองหลวงของประเทศอย่างกรุงลอนดอน นิวคาสเซิลก็ถือว่ามีค่าครองชีพที่ถูกกว่าถึงร้อยละ 39 แค่เทียบค่าที่พักก็ถูกกว่าร้อยละ 65 เลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรก็ตามค่าเล่าเรียนที่นี่ก็ถือว่ามีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงพอสมควร โดยเฉลี่ยจะตกอยู่ที่ประมาณปีละ 17,578 ปอนด์ หรือประมาณ 725,775 บาท และสถาบันอุดมศึกษาที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากมาเรียน ยกตัวอย่างเช่น Newcastle University ซึ่งติดอันดับ 141 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกจากการจัดอันดับของ QS และ Durham University อันดับ 74 ของโลก  

 

2. แมนเชสเตอร์ (Manchester)
 

Cr. Unsplash
 
       ข้ามมาที่ฝั่งเมืองแมนเชสเตอร์ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ ต้องบอกเลยว่าที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ทีมสโมสรฟึตบอลนะครับ เพราะว่ายังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่น่าเรียนต่อและมีค่าใช้จ่ายเหมาะกับนักศึกษาเป็นอันดับที่ 2 ของสหราชอาณาจักรเลยทีเดียว
 
       ต้องบอกว่าค่าครองชีพของเมือแมนเชสเตอร์นั้นเมื่อเทียบกับกรุงลอนดอนแล้วถูกกว่าร้อยละ 35 เลยล่ะ (ค่าเช่าบ้านก็ถูกไปกว่าร้อยละ 41 แล้ว) ซึ่งโดยเฉลี่ยคนที่นี่จะมีค่าครองชีพตกอยู่ที่เดือนละ 904 ปอนด์ หรือประมาณ 37,400 บาท และถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยที่น่าเรียนของเมืองนี้ เราก็ต้องนึกถึง University of Manchester ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาเน้นวิจัยขนาดใหญ่มาก และมีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี รวมถึงแพทยศาสตร์ก็โดนเด่นสุดๆ  ซึ่งค่าเล่าเรียนเฉลี่ยต่อปีของที่นี่ก็ตกที่ประมาณ 12,806 ปอนด์ หรือประมาณ 523,000 บาทครับ  

 

1. แอเบอร์ดีน (Aberdeen)
 


Cr. Pixabay
 
       สำหรับอันดับที่ 1 ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนเฉลี่ยถูกที่สุดในสหราชอาณาจักรคือ "เมืองแอเบอร์ดีน" ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศสกอตแลนด์ เป็นเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และยังได้รับฉายาว่าเป็น เมืองหินแกรนิต เพราะว่ามีสถาปัตยกรรม รวมถึงอาคารและตึกต่างๆ ล้วนสร้างด้วยหินแกรนิตที่สวยงามเกือบทั้งหมด 
 
       ในปีนี้เมืองแอเบอร์ดีน ได้รับการจัดอันดับจากหลายสำนักว่าเเมืองที่น่าเหมาะสำหรับการศึกษาต่อและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างแฟร์สำหรับนักศึกษา โดยเฉลี่ยแล้วค่าครองชีพจะถูกกว่าลอนดอนประมาณร้อยละ 34 ส่วนค่าเล่าเรียนของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในเมืองนี้ จะเฉลี่ยตกปีละประมาณ 14,237 ปอนด์ หรือประมาณ 587,800 บาท ซึ่งถือว่าถูกสุดในบรรดามหาวิทยาลัยทั้งหมดของสหราชอาณาจักร และถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ หลายคนจะยกนิ้วให้กับ University od Aberdeen ซึ่งติดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกในลำดับที่ 172 ครับ    


 
       เชื่อว่าแต่ละเมืองที่พี่นำมาฝากน้องๆ วันนี้ หลายคนน่าจะจับจ้องกันอยู่แล้วแน่ๆ ถ้าใครอยากไปเรียนต่อที่ไหนก็ขอให้สอบติดกันทุกคนเลยนะครับ หรือถ้าน้องๆ อยากได้ทุนเรียนต่อ พี่ก็แนะนำว่าให้ลองเปิดเข้าเว็บมหาวิทยาลัยของแต่ละที่เลย เพราะเค้าจะมีทุนแจกให้กับนักศึกษาต่างชาติเพียบเลยล่ะ ส่วนใครที่ได้ไปเรียนแล้วก็อย่าลืมมาเล่าประสบการณ์ให้พี่และเพื่อนๆ ชาว Dek-D ได้อ่านกันด้วยนะครับ ^^

 
Source:
https://www.topuniversities.com/university-rankings-articles/qs-best-student-cities/10-cheapest-top-student-cities-uk-2018
พี่วุฒิ
พี่วุฒิ - Columnist มนุษย์ 4 มิติผู้หลงใหลในเพลงเกาหลี ชาเนสที และหมูกระทะ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด