เก็บศัพท์ผ่านบทเพลง 'Stand Out Fit In' ที่ตีแผ่ชีวิตจริงเด็กเอเชียที่ไปเรียนต่อเมืองนอก!


 
        สวัสดีค่ะชาว Dek-D ทุกคน สำหรับใครที่เป็นแฟนของวง ONE OK ROCK วงดนตรีสัญชาติญี่ปุ่นคงจะได้เห็นซิงเกิ้ลใหม่กันแล้วเนอะ นั่นก็คือเพลง Stand Out Fit In นั่นเอง ซึ่งเพลงใหม่นี้ทำเอาแฟนเพลงชาวเอเชียรวมไปถึงเด็กเอเชียที่กำลังเรียนต่อนอกน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว ไม่ใช่ว่ามันเศร้าหรือรันทดนะ แต่เป็นเนื้อหาเพลงกับ MV มันช่างตรงกับชีวิตจริงของพวกเขามากซะเหลือเกิน ถามว่ามันตรงยังไง งั้นพี่ชมพูว่าเราไปฟังเพลงกันก่อนดีกว่า (อาจจะมีบางท่อนที่น้องๆ ฟังไปแล้ว เอ๊ะ ภาษาอะไร อย่าตกใจค่ะ มันคือภาษาญี่ปุ่น :D)



 

เนื้อเพลง Stand Out Fit I

I know they don't like me that much
Guess that I don't dress how they want
 
I just wanna be myself, I can't be someone else
 
Try to color inside their lines
Try to live a life by design
I just wanna be myself, I can't be someone else
(someone else)

 
*They yell, they preach
I've heard it all before
Be this, be that
I've heard it before
Heard it before
 
**Big boys don't cry
Shoot low aim high
Eat up stay thin
Stand out fit in
 
***Good girls don't fight
Be you dress right
White face tan skin
Stand out fit in
Stand out fit in
Stand out fit in

(ในส่วนนี้ในเพลงจะเป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ)
Lately it's been too much all day
Words shot like a cannon at me
I just wanna be myself,I Can't be someone else
(*, **, ***)
Stand out fit in
Stand out fit in
 
I am who I am No matter what
Never changing No matter what 
No matter what 
(**,***) 
 (**,***)
Stand out fit in
Stand out fit in
 
รู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้ชอบฉันขนาดนั้น
คงเป็นเพราะไม่ได้แต่งตัวในแบบที่ใครต่อใครต้องการ
ฉันแค่อยากจะเป็นตัวเอง ฉันเป็นใครไม่ได้อีกแล้ว
 
พยายามแต่งแต้มสีสัน ในลายเส้นของพวกเขา
พยายามมีชีวิตที่ออกแบบเอง
ฉันแค่อยากจะเป็นตัวเอง ฉันเป็นใครไม่ได้อีกแล้ว
เป็นใครไม่ได้อีกแล้ว

 
*พวกเขาตะคอก พวกเขาพร่ำสั่งสอน
ฉันได้ยินมันมาหมดแล้ว
"เป็นแบบนั้นสิ" "เป็นแบบนี้สิ"
ฉันได้ยินมันมาหมดแล้ว
ได้ยินมันมาแล้ว
 
**อย่าร้องไห้ไปเลยไอ้หนุ่ม
ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึงสิ
กินเยอะๆ รักษาสุขภาพดีๆ
โดดเด่น แล้วก็กลมกลืน
 
***อย่ามัวตบตีกันเลยสาวน้อย 
เป็นตัวของตัวเอง แต่งตัวให้ดี
หน้าจะขาว ตัวจะคล้ำก็ช่าง
โดดเด่น แล้วก็กลมกลืน
โดดเด่น แล้วก็กลมกลืน
โดดเด่น แล้วก็กลมกลืน

 
เมื่อไม่นานมานี้ทุกอย่างเหมือนจะมากเกินไป
ถ้อยคำยิงใส่ฉันราวกับกระสุน
ฉันก็แค่อยากจะเป็นตัวเอง เพราะฉันไม่อาจเป็นคนอื่น
(*, **, ***)
โดดเด่น แล้วก็กลมกลืน
โดดเด่น แล้วก็กลมกลืน
 
ฉันยังเป็นคือคนเดิมเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไร
ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเกิดอะไร
ไม่ว่าจะเกิดอะไร
(**, ***)
(**, ***)
โดดเด่น แล้วก็กลมกลืน
โดดเด่น แล้วก็กลมกลืน
 
        จากเนื้อเพลงจะเล่าเหตุการณ์ว่าเมื่อเด็กชาวเอเชียไปอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเสรีภาพ เขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ทั้งการโดนล้อเลียนเรื่องหน้าตา (จากใน MV ที่เด็กต่างชาติใช้มือจับหางตา) ทั้งเรื่องอาหารการกิน และธรรมเนียมการช่วยเหลือพ่อแม่ (เป็นเรื่องปกติที่เด็กเอเชียส่วนใหญ่จะช่วยงานบ้านที่บ้าน) ทำให้เขาคิดอยากจะเปลี่ยนตัวเองพยายามเป็นส่วนหนึ่งของคนในสังคมนั้นๆ และพี่เชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยไปแลกเปลี่ยนหรือไปเรียนภาษาที่ต่างแดนคงจะเคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์แบบใน MV มาไม่มากก็น้อยเลยใช่มั้ยคะ เอาล่ะทีนี้เรามาดูศัพท์และสำนวนที่น่าสนใจที่ปรากฏในเพลงกันดีกว่าค่ะ

 

 

ศัพท์และสำนวนที่น่าสนใจในเพลงนี้
 

Wanna
 
       มาเริ่มด้วยภาษาพูดของคำว่า want to กันดีกว่า คำนี้ส่วนใหญ่จะใช้ในภาษาพูดหรือบทสนทนาไม่เป็นทางการนั้นเอง จะพบได้ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน น้องๆ อาจจะเคยเห็นมาบ้างตาม Quotes ต่างๆ รวมถึงบทสนทนาตามซีรีส์หรือรายการต่างๆ ซึ่งการพูด wanna แทน มันจะทำให้ดูกระชับมากยิ่งขึ้นนะ แต่ว่าจะใช้พูดได้เมื่อในบทสนทนาพูดถึงแค่ ฉัน และ เธอ
 
ตัวอย่างประโยค
I wanna go home. My mom and dad are waiting for me and they wanna go out. ฉันอยากกลับบ้าน พ่อและแม่ของฉันกำลังรอฉันอยู่และอยากจะออกไปข้างนอก
 
Try to
 
        น้องคงเจอมาบ่อยแล้วกับคำว่า try to… มีความหมายว่า พยายาม (ทำบางสิ่ง) ด้วยความอุตสาหะ ซึ่งตัว try to จะตามด้วย v.infinitive (v.inf) เช่น try to do, try to read แต่จะมีบางคำที่อาจทำให้สับสน อย่างตัวพี่เองเนี่ยชอบสับสนระหว่าง try to v.inf กับ try v.ing ซึ่งสองคำนี้ความหมายไม่เหมือนกันนะ ตัวแรกแปลว่าพยายาม ตัวที่สองแปลว่าลอง ฉะนั้นเทคนิคการจำของพี่คือจำเป็นแพ็คคู่ซะ จะเป็น try to do คือ พยายาม try doing คือ ลอง
 
ตัวอย่างประโยค
I tried to keep my eyes open but I couldn’t. ฉันพยายามถ่างตาให้เปิดแล้วแต่ไม่ก็สำเร็จ
 
Color inside their lines
        วลีนี้มีความหมายว่า ระบายสีตามเส้นที่วางไว้ ซึ่งถ้าน้องอ่านเพลินๆ ก็คงจะแปลตรงๆ อย่างนี้ใช่มั้ยคะ ไม่ต้องห่วงค่ะตอนแรกพี่ก็แปลแบบนี้ (ฮา) แต่จริงๆ แล้ววลีนี้เป็นสำนวนค่ะ หมายความว่า ทำตามกฎที่คนอื่นวางไว้ ค่ะ ซึ่งเข้ากับความหมายของเพลงพอดีที่ จะต้องปรับตัวตามที่ (พวก) เขาบอก
 
ตัวอย่างประโยค
Should I really need to color inside thier lines? ฉันควรต้องทำตามที่พวกเขาว่าไว้จริงๆ เหรอ
 

 
Preach
 
        คำนี้มีหลายความหมายค่ะ น้องๆ น่าจะเคยเห็นมาบ้างนะคะ เพราะส่วนใหญ่คำนี้จะใช้ในเชิงศาสนาหรือการสอนให้เชื่อค่ะ preach คำนี้แปลว่า สวด (ออกแนวพร่ำสอน) นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นสแลงได้ด้วยโดยมีความหมายว่า ฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูดนะ ทั้งนี้ทั้งนั้นในเพลงนี้ใช้ความหมายในเชิงการกล่าวเพื่อให้ (คนอื่น) ทำตาม/เชื่อ
 
ตัวอย่างประโยค
My parent have always preached toleration and moderation. พ่อแม่ของฉันคอยพร่ำสอนเรื่องการอดทนและการรูู้จักประมาณตน
 
Be this, be that
 
        คำนี้คงไม่ยากสำหรับน้องๆ ค่ะ ความหมายก็คือ จงเป็นอย่างนั้น! จงเป็นอย่างนี้! สิ่งที่น่าสนใจคือรูปแบบประโยคค่ะ วลี Be this, be that เป็นรูปแบบประโยคคำสั่งที่ขึ้นต้นด้วย V ค่ะ และแน่นอนว่า subject ของทุกประโยคคำสั่งคือ you (คนที่เราพูดด้วย)
 

 
Shoot low, aim high
 
        คำนี้เป็น phrasal verb ค่ะ น้องอาจจะงงว่ามันคืออะไร อะไรคือยิงต่ำเป้าหมายสูง มาดูความหมายกันก่อนค่ะ คำนี้หมายถึง ฝันให้ไกลไปให้ถึง ซึ่งความหมายที่ซ่อนอยู่ในวลีนี้คือ ยิ่งตั้งเป้าหมายไว้สูงกว่าที่ตั้งใจไว้ยิ่งทำให้ความสำเร็จเพิ่มมากขึ้น อย่างใน MV เด็กผู้ชายเขาพยายามอย่างมากที่จะกลมกลืนไปกับเด็กอเมริกา จนเขาสามารถเป็นส่วนหนึ่งได้จริงๆ
 
Stand out, fit in
 
        มาถึงคำหลักของเพลงนี้กันแล้ว นั่นคือ stand out fit in มันคือการจับ phrasal verb สองตัวมารวมกันนั่นเอง เราสามารถแบ่งคำนี้ได้เป็นสองส่วนคือ stand out มีความหมายว่า โดดเด่น, แตกต่าง และ fit in มีความหมายว่า เข้ากัน, กลมกลืน พอจับมารวมกันจึงกลายเป็น ความโดดเด่นที่กลมกลืน หรือ แตกต่างอย่างกลมกลืนค่ะ ดังที่ได้เห็นในเพลงเนอะว่า กลุ่มเพื่อนอเมริกามีเขาเป็นคนเอเชียคนเดียว พวกเขาทำกิจกรรมต่างๆ ที่เหมือนกัน แสดงให้เห็นว่าถึงจะแตกต่างแต่ก็กลมกลืน
 

 
Be you, dress right
 
        สำนวน Be you คล้ายๆ กับ be this, be that นั่นก็คือ เขาบอกว่าจงเป็นตัวของตัวเอง ส่วน dress right ความหมายตรงๆ คือแต่งตัวให้ถูกต้อง แต่ถ้ายึดตามเนื้อเพลงแล้ว be you, dress right ควรจะหมายถึง จงเป็นตัวเองแต่ก็ต้องแต่งกายให้เหมาะสม มากกว่าค่ะ น้องๆ ลองคิดดูนะคะว่าถ้าเราแต่งตัวแปลก แหวกกว่าชาวบ้านจะยังเรียกว่ากลมกลืนได้อีกรึเปล่า
 
Words shot like a cannon at me
       วลี words shot like a cannon at me นี้ พี่เชื่อว่าหลายคนคงเดาออกว่าหมายถึงอะไร ก็แปลได้ตรงๆ เลยค่ะ ว่าสาดคำพูดใส่ฉันราวกับปืนใหญ่ เขาเปรียบคำพูดเป็นกระสุนค่ะ เป็นกระสุนที่สามารถฆ่าคนตายได้ ในเพลงนี้คือ ตัวเอกเขาโดนคำพูดพวกนี้กรอกใส่หูทุกวัน เป็นคำพูดที่สาดมาเพื่อฆ่าตัวตนที่อยู่ในตัวเขาค่ะ
 

 
        เป็นยังไงกันบ้างคะ เนื้อหาเพลงไม่ได้ยากมากเนอะ เพียงแต่อาจจะต้องตีความให้ลึกลงไปอีกหน่อย สำหรับพี่เองค่อนข้างชอบนักร้องนำของวงนี้(ชื่อคุณทากะ) เขาเป็นนักร้องญี่ปุ่นที่ใส่ใจกับการเรียนภาษาอังกฤษมากกกก พี่คิดว่าหลายคนคงรู้ว่าชาวญี่ปุ่นมักพูดภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นกัน อย่างเช่นจะพูดคำว่า fight ปกติเราจะพูด ไฟท์ แต่ชาวญี่ปุ่นจะออกเสียง ไฟโตะ หรือคำว่า McDonald ชาวญี่ปุ่นจะอ่านว่า มัคคุโดนาลุโดะ ซึ่งจะฟังยากนิดหน่อยแต่เขาคนนี้สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษยังกับเจ้าของภาษามาพูดเองได้(เป็นไอดอลของพี่คนนึง ><) ด้วยตัววงที่โกอินเตอร์มากๆ ก็จะมีหลายเพลงเลยที่ร้องสองภาษาคืออังกฤษปนญี่ปุ่น หลายคนที่เป็นแฟนคลับวง ONE OK ROCK คงจะชอบอยู่แล้วส่วนใครที่เพิ่งรู้จักวงนี้ สามารถหาดูเพลงอื่นๆ ได้นะ เพลงเขาดีจริงๆ
พี่ชมพู

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด