ส่องรายชื่อ 10 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของอเมริกาในปี 2019!

       สวัสดีค่ะน้องๆ … มีใครกำลังหาข้อมูลจะไปเรียนต่อที่ประเทศอเมริกาอยู่บ้างมั้ยคะ? พูดถึงมหาวิทยาลัยในอเมริกา ต้องเรียกว่ามีสถาบันมากมายให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว แถมแต่ละที่คุณภาพคับแก้วทั้งนั้น ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกสมัครที่ไหนดี วันนี้ พี่เยลลี่ ได้รวบรวมข้อมูล 10 มหาวิทยาลัยในอเมริกาที่ดีที่สุดในปี 2019 จากการจัดอันดับของ QS มาให้น้องๆ ได้ดูกัน จะมีที่ไหนติดโผบ้าง ตามมาดูกันได้เลยค่ะ!

 
**ค่าเล่าเรียนในบทความเป็นค่าเฉลี่ยเท่านั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามปีการศึกษา คณะ และสาขาวิชา

 

10. University of Pennsylvania 



Photo Credit: https://geriatricnursing.org/

 
       เริ่มกันที่อันดับ 10 ก่อนเลยดีกว่าค่ะ “มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย” เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยเอกชนชั้นนำของอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งที่นี่เป็น 1 ในกลุ่มมหาวิทยาลัย Ivy League (กลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชนที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ประกอบด้วย 8 สถาบัน) เพราะฉะนั้นการันตีถึงคุณภาพการศึกษาได้แน่นอน แถมยังก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1740 เก่าแก่เป็นอันดับที่ 4 ของอเมริกาเลย ผู้ก่อตั้งสถาบันไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ "เบนจามิน แฟรงคลิน" 1 ในบิดาแห่งการสร้างชาติอเมริกานั่นเองค่ะ 
 
       ที่นี่เปิดสอนในระดับปริญญาตรีทั้งหมด 4 คณะ ระดับปริญญาโทและเอก 12 คณะ ซึ่งคณะดังๆ คือ แพทย์ศาสตร์ พาณิชยศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ ขอบอกว่ามีคนไทยที่มีชื่อเสียงหลายคนเลยค่ะที่เรียนจบจากที่นี่ แต่การจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนี้นั้นค่อนข้างยาก เรียกว่าเป็นอีกสถาบันที่มีการแข่งขันเข้าเรียนสูงที่สุดเลยล่ะ ส่วนค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรีจะอยู่ที่ประมาณ $53,534 ต่อปี ระดับปริญญาโทที่ประมาณ $37,134 ต่อปีค่ะ

 

9. Columbia University


Photo Credit: https://www.columbia.edu/
 
       มาต่อกันที่อีกหนึ่งสถาบันในกลุ่มสมาชิก Ivy League นั่นก็คือ “มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย” นั่นเอง ตั้งอยู่ที่ทางเหนือของเกาะแมนฮัตตัน ในเมืองนิวยอร์ก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1754 เลยค่ะ ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในนครนิวยอร์ก แถมยังเก่าแก่เป็นอันดับที่ 5 ของอเมริกาด้วย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยโคลัมเบียยังเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำระดับโลก บรรดานักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการจากที่นี่ล้วนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ อย่างเลเซอร์ที่เราใช้กันในปัจจุบันก็มาจากการค้นพบของของโคลัมเบียค่ะ สุดยอดไปเลยเนอะ     
 
       นอกจากด้านวิทยาศาสตร์แล้ว สาขาที่มีชื่อเสียงคือ นิติศาสตร์ ศิลปะ วิศวกรรมศาสตร์ ศัลยศาสตร์ และสาธารณสุข หากพูดถึงความสำเร็จของบรรดาศิษย์เก่าและอาจารย์ของที่นี่ บอกเลยค่ะว่าเยอะแยะมากมายจนนับไม่ถ้วน มีผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาต่างๆ มากถึง 102 คน ซึ่งถือว่าเยอะเป็นอันดับที่ 2 ของโลก นอกจากนี้ยังมีศิษย์เก่าที่เป็นประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก อย่างอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามาก็เป็นศิษย์เก่าของที่นี่เช่นกัน ในส่วนของค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรีจะอยู่ที่ $51,640 ต่อปี และปริญญาโท $46,956 ต่อปีค่ะ

 

8. Yale University



Photo Credit: 
https://ethereumworldnews.com/
 
       “มหาวิทยาลัยเยล” ก็เป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยวิจัยเอกชนที่อยู่ในกลุ่มสมาชิก Ivy League ตั้งอยู่ ณ เมืองนิวเฮเวน รัฐคอนเนตทิคัต เป็นสถาบันที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 3 ของอเมริกา เพราะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1701 ค่ะ หากใครที่ต้องการจะเรียนทางด้านนิติศาสตร์ที่ต่างประเทศ พี่เชื่อว่ามหา’ลัยนี้น่าจะเป็นที่ใฝ่ฝันถึงไม่น้อย เพราะที่นี่ดังทางด้านนิติศาสตร์มากกก มีอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หลายคนเลยค่ะที่เรียนจบจากที่นี่ ส่วนสาขาอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันคือ เกษตรศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ค่ะ ส่วนค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรีอยู่ที่ประมาณ $51,400 ต่อปี และปริญญาโท $41,000 ต่อปี

 

7. Cornell University



Photo Credit: 
https://statlerhotel.cornell.edu/
 
       มาต่อกันที่อันดับที่ 7 “มหาวิทยาลัยคอร์เนล” ตั้งอยู่ที่เมืองอิทาคา รัฐนิวยอร์ก แน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งสถาบันที่อยู่ในกลุ่มสมาชิก Ivy League อีกแล้วค่ะ ที่นี่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1865 และมีชื่อเสียงทางด้านวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ หรือสังคมศาสตร์ ส่วนคณะฮอตฮิตของที่นี่คณะสัตว์แพทย์ และคณะการจัดการโรงแรม แอบนึกไม่ถึงเหมือนกันนะเนี่ย ใครที่สนใจอยากเรียนต่อทางด้านนี้ลองตั้งเป้าหมายที่มหา’ลัยคอร์เนลเพิ่มเข้าไปอีกที่ดูนะคะ ลองดูไม่เสียหายเนอะ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ค่าเล่าเรียนในระดับปริญญาตรีของที่นี่อยู่ที่ประมาณ $52,853 ต่อปี ส่วนปริญญาโทจะถูกลงกว่ามาก อยู่ที่ $29,585 เท่านั้นค่ะ

 

6. Princeton University



Photo Credit: 
https://upload.wikimedia.org/
 
       สำหรับสายอาร์ตและสายมนุษย์ต้องมาที่นี่เลย “มหาวิทยาลัยพรินซ์ทัน” มหาวิทยาลัย Ivy League ที่ตั้งอยู่ที่เมืองพรินซ์ทัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อตั้งเมื่อปี 1746 และเปิดสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรี-ปริญญาเอก และอย่างที่พี่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ ที่นี่มีชื่อเสียงมากๆ ทางด้านศิลปะและมนุษย์ศาสตร์ค่ะ หนำซ้ำยังได้ชื่อว่ามีห้องสมุดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยด้วย ในส่วนของค่าเล่าเรียนปริญญาตรี ที่พรินซ์ทันจะราคาต่ำกว่ามหา'ลัยอื่นๆ ในกลุ่ม Ivy League สักหน่อย ประมาณ $47,140 ต่อปี ส่วนปริญญาโทแพงกว่าสักเล็กน้อย ประมาณ $48,940 ค่ะ

 

5. University of Chicago



Photo Credit: 
https://media.npr.org/
 
       มาถึงครึ่งทางกันแล้ว มหาวิทยาลัยที่ได้อันดับที่ 5 ไปครองคือ “มหาวิทยาลัยชิคาโก” นั่นเองค่ะ ตั้งอยู่ที่ทางตอนใต้ของเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ก่อตั้งในปี 1890 และมีชื่อเสียงมากๆ ในเรื่องของงานวิจัย นอกจากนี้ยังได้ชื่อว่าเป็น “อาจารย์ของเหล่าอาจารย์” (Teacher of Teachers) อีกด้วยค่ะ เพราะมีศิษย์เก่าจำนวนมากที่เรียนจบจากที่นี่ แล้วไปเป็นอาจารย์สอนตามสถาบันต่างๆ ส่วนใครที่อยากเรียนสาขาสังคมวิทยา ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยแรกที่เปิดสอนเลยนะคะ มาตรฐานและคุณภาพแน่นปึ้กชัวร์ๆ แต่ค่าเล่าเรียนก็สูงตามไปด้วยเช่นกัน ปริญญาตรีอยู่ที่ประมาณ $54,825 ต่อปี ส่วนปริญญาโท-เอกที่ประมาณ $57,006 ต่อปีค่ะ

 

4. California Institute of Technology (Caltech)



Photo Credit: 
https://s3-us-west-2.amazonaws.com/
 
       ข้ามมาที่ “สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย” กันบ้าง เรียกสั้นๆ ว่า “แคลเทค” ก็ได้เหมือนกันค่ะ ตั้งอยู่ที่เมืองแพซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย ถือเป็นอีกสถาบันที่มีผลงานวิจัยโดดเด่นและมีคุณภาพมากๆ โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการศึกษาแบบเจ๋งๆ หลายอย่าง โดยเฉพาะห้องห้องวิจัยพลังงานขับดัน (Jet propulsion laboratory) ของนาซ่า เรียกได้ว่าสุดยอดมากๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นใครที่อยากเรียนคณะวิศวะขอบอกเลยว่าจะพลาดที่นี่ไม่ได้ โดยเฉพาะสาขาวิศวกรรมอากาศยาน วิศวกรรมโยธา และวิศวะกรรมเครื่องยนต์ เป็นสาขายอดฮิตสำหรับเหล่านักศึกษาเลยล่ะ
 
       สำหรับค่าเล่าเรียนในระดับปริญญาตรีจะอยู่ที่ $50,487 ต่อปี ส่วนระดับปริญญาโท-เอกจะราคาถูกกว่า อยู่ที่ $48,111 ต่อปีค่ะ

 

3. Harvard University



Photo Credit: 
https://www.diarystore.com/
 
       เข้ามาสู่ท็อป 3 กันแล้ว พี่เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก “มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด” แน่นอน เพราะเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ที่นี่เป็น 1 ในกลุ่มสมาชิก Ivy League ตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ นอกจากนี้ยังเป็นสถาบันที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกาอีกด้วย เพราะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1636 โดยกลุ่มคณะนักบวชเพียวริตันที่อพยพมาจากอังกฤษ คณะที่ดังมากๆ ของก็คือ MBA หรือปริญญาโทสาขาการจัดการธุรกิจนั่นเอง ถึงขนาดได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการจะเข้าไปเรียนนั้นยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน T _ T แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนไทยหลายคนเลยค่ะที่เรียนจบมาจากที่นี่ อย่าง ณัฐ ศักดาทร เองก็จบปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์มาเหมือนกันค่ะ
 
       ในส่วนของค่าเล่าเรียน ปริญญาตรีจะอยู่ที่ $46,340 ต่อปี ส่วนในระดับปริญญาโท-เอกจะแบ่งออกเป็นค่าเล่าเรียนหลักสูตร 1-2 ปี = $46,384 ต่อปี และค่าเล่าเรียนหลักสูตร 3-4 ปี = $12,062 ต่อปี

 

2. Stanford University 



Photo Credit: 
https://www.diarystore.com/
 
       “มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด” มีชื่อเต็มๆ ว่า มหาวิทยาลัยลีแลนด์สแตนฟอร์ดจูเนียร์ (ยาวมาก 5555) อยู่ที่เมืองสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อตั้งขึ้นในปี 1891 และได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 3 สถาบันชั้นนำทางเทคโนโลยีในอเมริกา ส่วนสาขาวิชาที่ดังมากๆ นั่นคือ วิทยาศาสตร์การแพทย์ ฟิสิกส์ และเศรษฐศาสตร์ แต่ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนเท่านั้นที่ดีนะคะ เพราะด้านกีฬาก็เด่นมากด้วยเหมือนกัน แสตนฟอร์ดเคยได้รับถ้วยรางวัล Director’s Cup ที่มอบให้กับมหาวิทยาลัยที่ประสบความสำเร็จด้านกีฬามากที่สุดเป็นเวลาถึง 11 ปีติดต่อกัน! ไปสุดมากกก
 
       ค่าเล่าเรียนของสแตนฟอร์ดในระดับปริญญาตรีอยู่ที่ $50,703 ต่อปีค่ะ ปริญญาโท-เอกเองก็มีค่าเล่าเรียนอยู่ที่ $50,703 เช่นกัน ยกเว้นวิศวกรรมศาสตร์ที่จะแพงกว่า ประมาณ $54,015 ต่อปีค่ะ

 

1. Massachusetts Institute of Technology (MIT)


Photo Credit: https://res.cloudinary.com/
 
       และแล้วก็มาถึงมหาวิทยาลัยที่ได้อันดับ 1 จากการจัดอันดับของ QS ในปีนี้แล้วค่ะ ซึ่งสถาบันที่ว่านี้ก็คือ “สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์” นั่นเอง ก่อตั้งขึ้นในปี 1861 ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ที่นี่เป็นอีก 1 สถาบันชั้นนำทางเทคโนโลยี นอกเหนือจากแสตนฟอร์ดและแคลเทค แน่นอนค่ะว่าสาขาวิชาชื่อดังของที่นี่ย่อมหนีไม่พ้นวิศวกรรมศาสตร์ในสาขาต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสาขาเคมีและฟิสิกส์อีกด้วยเช่นกัน รับรองว่าทั้งการเรียนละการวิจัยเรียกได้ว่าเข้มข้นชัวร์!
 
       พูดถึงค่าเล่าเรียนของที่นี่ ทั้งในระดับปริญญาตรี-เอก เกือบทุกสาขาวิชา จะอยู่ที่ $51,520 ต่อปีค่ะ

 
       เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 10 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของอเมริกาในปีนี้ มีมหาวิทยาลัยไหนที่น้องๆ สนใจบ้างมั้ยคะ? แต่สารภาพตามตรงเลยว่าเห็นอันดับแล้วพี่แอบขนลุก ต้องยอมรับว่าแต่ละสถาบันมีแต่เด็กหัวกะทิจริงๆ ยังไงก็ตามพี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อที่อเมริกาให้ประสบความสำเร็จน้า สู้ๆ ค่ะ ><

 
Source:
https://www.topuniversities.com/university-rankings-articles/world-university-rankings/top-universities-us-2019
       
พี่เยลลี่
พี่เยลลี่ - Columnist อักษรศาสตร์ เอกมโน โทติ่ง หิวชานมตลอดเวลาและเป็นทาสลูกน้องแมว

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด