10 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเยอรมนี ปี 2019 (การศึกษาดี+ค่าเรียนถูกมาก!)

        สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคน มีใครสนใจไปเรียนต่อประเทศเยอรมนีมั้ยคะ? ต้องยอมรับเลยว่ามหาวิทยาลัยในเยอรมนีขึ้นชื่อด้านการสอนที่เป็นเลิศ และบางแห่งก็ไม่เก็บค่าเล่าเรียนกับนักศึกษาต่างชาติด้วย ทำให้มีนักเรียนไทยหลายๆ คนรู้สึกสนใจและอยากไปเรียนต่อที่เยอรมนีกันเยอะ ว่าแต่มีสถาบันไหนที่ขึ้นชื่อในประเทศนี้กันบ้าง วันนี้พี่ชมพูนำผลจัดอันดับ 10 มหาวิทยาลัยน่าเรียนในเยอรมนีมาฝากค่ะ เป็นการจัดอันดับจากทาง QS Top Universities in German 2019 จะมีมหา’ลัยไหนติดอันดับบ้างตามไปดูกันเลยย 


 

10. มหาวิทยาลัยไฟรบวร์ค (Universität Freiburg)
 


Cr. Andreas Schwarzkopf via wikipedia.org
 
ที่ตั้ง เมืองไฟรบวร์คอิมไบรส์เกา รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ค
 
        มหาวิทยาลัยไฟรบวร์ค มีชื่อเต็มๆ ว่า มหาวิทยาลัยอัลเบิร์ตลุดวิกแห่งไฟรบวร์ค เป็นมหา’ลัยที่ได้ชื่อว่า มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งรัฐ ก่อตั้งเมื่อปี 1457 นับว่าเป็นสถาบันที่เก่าแก่เป็นลำดับที่ 5 ของประเทศ ที่นี่เลื่องลือด้านการสอนคณะมนุษยศาสตร์, สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยเริ่มแรกคณะที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่ก่อตั้งมีอยู่ด้วยกัน 4 คณะคือ เทวศาสตร์, ปรัชญา, แพทยศาสตร์ และ กฎหมาย อีกทั้งในปี 2007 และปี 2009 ยังได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดด้านการวิจัยและด้านการสอนด้วยค่ะ
 
        สำหรับค่าเล่าเรียนจะยกเว้นให้นักเรียนที่เป็นพลเมืองของประเทศและนักเรียนในเครือสหพันธ์ EU และ EEA ได้เรียนฟรี ส่วนนักเรียนต่างชาติจะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเป็นจำนวนเงิน 1,500 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 53,330 บาท) แต่อย่างไรก็ตามก็เปิดโอกาสให้เรียนฟรีเหมือนกันนะ แต่ต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้  
 
1) เคยจบการศึกษาระดับมัธยมในเยอรมนี 
2) มีที่พักอาศัยและเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรในเยอรมนี
3) เรียนในหลักสูตร 2 ปริญญาต่อเนื่อง (ยกเว้นระดับปริญญาตรี) 
4) เรียนต่อในระดับปริญญาเอก 
5) นักเรียนในโครงการ Erasmus 
6) นักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้นระหว่างสถาบัน
 
ในส่วนของรายละเอียดค่าใช้จ่ายนั้นจะแตกต่างกันไปแต่ละระดับหรือสาขา โดยน้องๆ สามารถเช็กได้ที่นี่เลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่อาจจะต้องจ่ายเพิ่มอีกด้วย เช่น ค่าบัตรโดยสาร ค่าสวัสดิการ ฯลฯ โดยจ่ายเป็นจำนวน 155 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 5,542 บาท) 
 
เว็บไซต์มหา’ลัย https://www.uni-freiburg.de/


 

9. มหาวิทยาลัยทือบิงเงิน (Universität Tübingen)
 


Cr. Der gestiefelte Kater via wikipedia.org
 
ที่ตั้ง เมืองทือบิงเงิน รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก
 
        มหาวิทยาลัยทือบิงเงิน หรือชื่อทางการว่า ‘มหาวิทยาลัยอัลเบอร์ฮาร์ดคาร์ลแห่งทือบิงเงิน (Eberhard Karls Universität Tübingen)’ เป็นสถาบันที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหา’ลัยที่ดีที่สุดในประเทศเยอรมนี  ที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งการศึกษาที่มีวิสัยทัศน์กว้างขวางและเน้นให้ความอิสระแก่ผู้เรียนมากเลยล่ะ ทั้งในด้านการศึกษา การวิจัย การแสดงออก และรวมไปถึงการตระหนักถึงความเท่าเทียมกันของมนุษย์และการให้เกียรติซึ่งกันและกันค่ะ สำหรับใครที่สนใจเรียนต่อที่ทือบิงเงิน ตอนนี้ที่สถาบันได้ทำการเปิดการเรียนการสอนทั้งหมด 7 คณะ แต่การเรียนการสอนนั้นมีคุณภาพมาก และสาขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่คือ แพทยศาสตร์, กฎหมาย และ เทววิทยาและศาสนา
 
        ในส่วนของค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ไม่ได้อยู่ใน EU และ EEA นั้นอยู่ที่ 1,500 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 53,330 บาท)  ส่วนค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าสวัสดิการ ค่าโดยสาร ฯลฯ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2019 จะเก็บเป็นจำนวน 158.30 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 5,660 บาท) รายละเอียดค่าใช้จ่ายสามารถดูได้จากที่นี่ 
 
เว็บไซต์มหา'ลัย https://uni-tuebingen.de/en/university/


 

8. มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเบอร์ลิน (Technische Universität Berlin)
 


Cr. wikipedia.org
 
ที่ตั้ง ใจกลางกรุงเบอร์ลิน
 
         มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเบอร์ลิน หรือเรียกย่อๆ ว่า TU-Berlin ที่นี่ถือว่าเป็นมหา’ลัยแห่งการวิจัยที่มีชื่อเสียงของประเทศเลยค่ะ และยังเป็น 1 ในสมาชิกของ TU9 (กลุ่มพันธมิตรมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านวิศวกรรมในเยอรมันนี) อีกด้วยนะ โดยทางม.เบอร์ลินมีแนวคิดที่จะสร้างลูกหลานให้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคและการจัดการเพื่อการบริหารบริษัทซึ่งตอบสนองความต้องการของนักอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นที่นี่จึงโดนเด่นในเรื่องของวิศวกรรมมากๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะในสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, วิศวกรรมเครื่องกล และ เศรษฐศาสตร์และการจัดการ และที่ดีงามคือ ที่นี่เปิดรับนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนมากถึงร้อยละ 24 ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด ถือว่าเยอะมากกก
 
        สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนที่ TU-Berlin นั้นมีให้น้องๆ เลือกเรียนมากมายเลยค่ะ ทั้งหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาเยอรมันและหลักสูตรภาษาอังกฤษ รวมถึงมีคอร์สช่วงภาคเรียนฤดูร้อนกับภาคฤดูหนาวให้น้องๆ ได้ไปหาประสบการณ์เพิ่มเติมด้วยค่ะ และเนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยรัฐ ค่าเรียนของที่นี่จึงไม่ได้สูงมาก และไม่ต่างจากที่อื่นมากนัก   
 
เว็บไซต์มหา'ลัย https://www.tu-berlin.de/menue/university_institutions/parameter/en/


 

7. มหาวิทยาลัยแอร์เวเทอาอาเคิน (Rheinisch-Westfälische Technische Hochschule Aachen)
 


Cr. Norbert Schnitzler via wikipedia.org
 
ที่ตั้ง เมืองอาเคิน รัฐนอร์ทไรน์-เวสท์ฟาเลิน
 
        มหาวิทยาลัยแอร์เวเทอาอาเคิน (RWTH Aachen University) ที่นี่เองก็เป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัยค่ะ และขึ้นชื่อที่สุดในเรื่องของเทคโนโลยี จึงได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีของยุโรปเลย และนอกจากจะเป็น 1 ในสมาชิกของ TU9 แล้วยังเป็น 1 ในผู้ก่อตั้ง IDEA ลีคแห่งยุโรปด้วย (กลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านเทคโนโลยี) โดยเป้าหมายของมหา’ลัยคือการเป็นหนึ่งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทวีปยุโรปค่ะ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่จะโดดเด่นทางด้านนี้มากๆ ส่วนคณะที่ได้รับความนิยมได้แก่ คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยี, คณะวิทยาศาสตร์กายภาพ และคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
 
        และความดีงามมันอยู่ตรงนี้เลยค่ะ เพราะว่าทางมหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้ทุกคนเรียนฟรี (อ่านไม่ผิดค่ะ)  ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาท้องถิ่นและนักศึกษาต่างชาติ แต่จะมีค่าธรรมเนียมส่วนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยที่ต้องจ่ายแทนคือค่าเงินสมทบประกันสังคมและค่าบัตรโดยสาร เป็นจำนวน 42 ยูโร (ประมาณ 1,495 บาท) ซึ่งไม่ได้สูงเลย ดีงามอ่ะ! รายละเอียดค่าใช้จ่ายสามารถดูได้ที่นี่
 
เว็บไซต์มหา'ลัย http://www.rwth-aachen.de/cms/~a/root/lidx/1/


 

6. มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน (Freie Universität Berlin)
 


Cr. wikipedia.org
 
ที่ตั้ง กรุงเบอร์ลินฝั่งตะวันตก
 
        มหาวิทยาลัยเสรีแห่งเบอร์ลิน หรือเรียกย่อๆ ว่า FU Berlin มีประวัติที่น่าสนใจมากค่ะ เพราะว่าก่อตั้งเมื่อปี 1948 โดยกลุ่มนักศึกษาและนักวิชาการที่โดยไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน เนื่องจากมีความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่ตรงกันในยุคที่อยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่มโซเวียต
 
        มหาวิทยาลัย FU Berlin มีคติที่ยึดถือมาตั้งแต่ตอนก่อตั้งว่า Veritas, Justitia, Libertas หรือ ค้นหาความจริง การศึกษาที่เท่าเทียม และอิสระในการวิจัยและการเรียนการสอน จะเห็นได้ว่าที่นี่มีสาขาที่โดดเด่นในเรื่องงานวิจัยมากมาย เช่น มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติและโลก, วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ เป็นต้น 
 
        ความดีงามอีกอย่างของ FU Berlin คือ นักศึกษาได้เรียนฟรี ไม่เสียค่าเล่าเรียน แต่จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมอื่นๆ เล็กน้อยเช่น ค่าลงลงทะเบียน ค่าสวัสดิการต่างๆ ในมหา’ลัย ค่าขนส่งสาธารณะ ฯลฯ เป็นจำนวน 311.99 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 11,154 บาท) ซึ่งถือว่าไม่ได้สูงเลยเมื่อเทียบกับคุณภาพทางการศึกษาที่จะได้รับ ส่วนใครสนใจไปเรียนต่อที่นี่ สามารถดูรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ
 
เว็บไซต์มหา'ลัย https://www.fu-berlin.de/en/index.html


 

5. มหาวิทยาลัยฮุมบ็อลท์แห่งเบอร์ลิน (Humboldt-Universität zu Berlin)
 


Cr. wikipedia.org
 
ที่ตั้ง เขตมิตเต้ อยู่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงเบอร์ลิน
 
        มหาวิทยาลัยฮุมบ็อลท์แห่งเบอร์ลิน หรือเรียกสั้นๆ ว่า HU Berlin ก่อตั้งขึ้นในปี 1810 โดยเฟรดเดอริค วิลเลี่ยมที่ 3 ที่นี่นับว่าเป็นมหา’ลัยที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเบอร์ลิน และด้วยความที่เป็นผู้นำในการคิดค้นระบบการเรียนเชิงวิจัยและวิชาการ HU Berlin จึงกลายเป็นต้นแบบของระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลกที่ต่างก็เอาเป็นแบบอย่าง และยังชนะรางวัลโนเบลมากถึง 55 รางวัล ที่สำคัญคือที่นี่มีศิษย์เก่าที่คนทั้งโลกรู้จักอย่าง ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ นักวิชาการผู้เป็นผลผลิตจากสถาบันแห่งนี้ค่ะ จึงไม่แปลกใจเลยที่สาขาวิชาที่คนอยากมาเรียนต่อมากที่สุดจะเป็นด้านฟิสิกส์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และ ศิลปศาสตร์และมนุษยศาสตร์
 
        ที่มหา’ลัยแห่งนี้เองก็ไม่เก็บค่าเล่าเรียนสำหรับใครก็ตามที่สนใจจะมาเรียนต่อค่ะ (เย้) แต่ยังคงเสียค่าธรรมเนียมรายเทอมอยู่เหมือนกัน (ค่าบัตรรถสาธารณะ, ค่าหอ, ค่าอาหาร ฯลฯ) โดยรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 300 ยูโรต่อเทอมสำหรับนักศึกษาทั่วไป (ประมาณ 10,725 บาท) และ 250 ยูโรต่อเทอมสำหรับนักศึกษาแลกเปลี่ยน (ประมาณ 8,938 บาท) รายละเอียดค่าใช้จ่ายสามารถดูได้จากที่นี่ค่ะ
 
เว็บไซต์มหา'ลัย https://www.hu-berlin.de/de


 

4. สถาบันเทคโนโลยีคาลส์รูเออ (Karlsruher Institut für Technologie)
 


Cr. Haeferl via wikipedia.org
 
ที่ตั้ง เมืองคาลส์รูเออ รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก
 
        สถาบันเทคโนโลยีคาลส์รูเออ หรือ KIT เป็นมหา’ลัยวิจัยแห่งรัฐที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี สถาบันนี้เกิดจากการรวมตัวของมหาวิทยาลัยคาลส์รูเออกับศูนย์วิจัยคาลส์รูเออ โดยปัจจุบันทำการเปิดสอนทั้งหมด 11 คณะ ที่ขึ้นชื่อหน่อยก็คงจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ แต่ที่โดดเด่นสุดๆ ก็ต้องยกให้ด้านวิศวกรรมเลยค่ะ เพราะสถาบัน KIT นั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ในมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านวิศวกรรมทั้ง 9 แห่งของประเทศเยอรมนี (TU9)
 
        น้องๆ คนไหนที่สนใจจะมาเรียนไม่ว่าจะหลักสูตรปริญญาตรี หลักสูตรต่อเนื่องปริญญาโท หรือหลักสูตรครูจะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนจำนวน 1,500 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 53,625 บาท) แต่ก็มีโอกาสได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนอยู่เหมือนกันนะ โดยเงื่อนไขคือ 
 
1) เป็นนักเรียนของ EU/EEA 
2) จบการศึกษาระดับมัธยมในประเทศเยอรมนี 
3) เป็นผู้ทุพพลภาพตามที่เงื่อนไขทางมหาวิทยาลัยระบุในระเบียบการ 
4) เป็นผู้อพยพ
5) นักเรียนในโครงการ Erasmus
6) นักเรียนระดับปริญญาเอก 
 
หากใครสนใจและอยากดูรายละเอียดค่าเล่าเรียนเพิ่มเติม คลิกที่นี่เลยค่ะ
 
เว็บไซต์มหา'ลัย http://www.kit.edu/kit/english/index.php


 

3. มหาวิทยาลัยไฮเดเบิร์ก (Ruprecht-Karls-Universität Heidelberg)
 


Cr. Jan Beckendorf via wikipedia.org
 
ที่ตั้ง เมืองไฮเดลเบิร์ก รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก
 
        มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก นับว่าเป็น 1 ในมหา’ลัยวิจัยแห่งรัฐที่เก่าแก่ที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่าก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1386  ในช่วงสมัยสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 6 (นานมากกกก) สถาบันทรงเกียรติแห่งนี้เปิดสอนอยู่ด้วยกันทั้งหมด 12 คณะ และโดดเด่นในสาขาของมนุษยศาสตร์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ, แพทยศาสตร์ และ สังคมศาสตร์ โดยส่วนใหญ่จะทำการเรียนการสอนเป็นภาษาเยอรมันในระดับปริญญาตรี แต่ถ้าเป็นระดับปริญญาโทขึ้นไปจะสอนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ
 
        สำหรับค่าเทอมตั้งแต่ปีการศึกษา 2017 เป็นต้นไป นักศึกษาต่างชาติต้องจ่ายค่าเล่าเรียน 1,500 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 53,625 บาท) แต่ก็มีการยกเว้นค่าเล่าเรียนสำหรับบางกรณีเช่นกัน  
 
1) ได้สถานะเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรในเยอรมนี 
2) ในช่วง 6 ปีก่อนที่เราจะเข้าเรียน ต้องมีพ่อหรือแม่อาศัยอยู่ในเยอรมนีไม่น้อยกว่า 3 ปี
 
ส่วนรายละเอียดค่าเล่าเรียนสามารถดูได้จากที่นี่ค่ะ สำหรับค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าบัตรโดยสาร ค่าสวัสดิการ ฯลฯ ต้องจ่ายเป็นจำนวน 154.70 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 5,531 บาท)
 
เว็บไซต์มหา'ลัย https://www.uni-heidelberg.de/index_e.html


 

2. มหาวิทยาลัยลูทวิช-มัคซีมีลีอานแห่งมิวนิก (Ludwig-Maximilians - Universität München)
 


Cr. Diego Delso via wikipedia.org
 
ที่ตั้ง เมืองมิวนิค รัฐบาวาเรีย
 
        มหาวิทยาลัยลูทวิช-มัคซีมีลีอานแห่งมิวนิก หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า ‘มหาวิทยาลัยมิวนิก’ (ตัวย่อ LMU) ที่นี่ก็เป็นมหา’ลัยวิจัยแห่งรัฐและเป็นสถาบันที่เก่าแก่เป็นอันดับ 6 ของประเทศเยอรมนี ก่อตั้งในปี 1472 โดยดยุกลูทวิชที่ 9 และพระเจ้ามัคซีมีลีอานที่ 1 
 
        LMU ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ของประเทศเลยค่ะ เพราะถ้าวัดจากจำนวนนักศึกษาทั้งหมด ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 เลยล่ะ อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของยุโรปด้วยรางวัลโนเบลมากถึง 42 รางวัลอีกด้วย (เริ่ดมากกก) ปัจจุบันทำการเปิดสอนทั้งหมด 18 คณะและมีหลักสูตรภาษาอังกฤษไว้รับรองนักศึกษาต่างชาติในระดับบัณฑิตศึกษา รวมถึงในสาขาที่นิยมอย่าง จิตวิทยา, ฟิสิกส์, ธุรกิจ และการจัดการด้วยค่ะ 
 
        ที่ม.มิวนิกก็เป็นอีกแห่งที่ไม่เก็บค่าเล่าเรียนค่ะ แต่จะเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนอื่นๆ เช่น สวัสดิการ ค่าบัตรโดยสาร ฯลฯ ในจำนวน 129.40 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 6,057 บาท) ซึ่งไม่สูงมากเลย ราคาดีเวอร์! ส่วนรายละเอียดค่าใช้จ่ายอื่นๆ น้องๆ สามารถดูได้ที่นี่เลยค่ะ
 
เว็บไซต์มหา'ลัย https://www.en.uni-muenchen.de/index.html


 

1. มหาวิทยาลัยเทคนิคมิวนิก (Technische Universität München)
 


Cr. Mattes via wikipedia.org
 
ที่ตั้ง เมืองมิวนิค รัฐบาวาเรีย
 
        มาถึงอันดับ 1 กันแล้วกับมหาวิทยาลัยเทคนิคมิวนิก หรือ TUM ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1868 โดยกษัตริย์ลูทวิชที่ 2 ด้วยความที่มีคุณภาพทางการศึกษาที่สูงมาก จึงไม่แปลกใจที่ TUM จะได้รับการขนานามว่าเป็นมหา’ลัยแห่งการวิจัยที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และยังจัดอยู่ในกลุ่มของ TU9 อีกด้วย รูปแบบการเรียนการสอนของที่นี่มีความโดดเด่นมาก เพราะว่ามีการเรียนการสอนแบบสหวิทยาการ หรือ การใช้ความรู้จากองค์ความรู้หลายสาขาวิชา หลายศาสตร์เข้ามาประยุกต์ ส่วนสาขาวิชาที่มีชื่อเสียงของที่นี่จะเป็นด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, วิศวกรรมเครื่องกล, เศรษฐศาสตร์ และ การบริหารธุรกิจ
 
        แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคนอยากเข้าเรียนมากที่สุด และเป็นอันดับ 1 ของประเทศ แต่ TUM ก็ไม่ได้เก็บค่าเล่าเรียนจากนักศึกษานะคะ ทุกคนได้เรียนฟรีหมด แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เฉพาะค่าธรรมเนียมเบื้องต้น เช่น สวัสดิการ บัตรโดยสาร ฯลฯ จำนวน 129.40 ยูโรต่อเทอม (ประมาณ 6,057 บาท) เท่านั้นค่ะ ส่วนรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์นี้เลย
 
เว็บไซต์มหา'ลัย https://www.tum.de/en/



 
        ผลการจัดอันดับปีนี้เรียกได้ว่าแทบไม่มีการเคลื่อนไหวจากปีที่แล้วเลยค่ะ ทั้ง 10 อันดับยังคงครองตำแหน่งของตัวเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ที่สำคัญคือมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่เก็บค่าเล่าเรียนจากทั้งนักเรียนท้องถิ่นและนักศึกษาต่างชาติอีกด้วย ได้เรียนในสถาบันที่มีคุณแบบฟรีๆ กันไปเลย
 
        แต่อย่างไรก็ตามหากน้องๆ สนใจจะเรียนต่อที่เยอรมนีก็ลองศึกษารายละเอียดกันให้ดีๆ นะคะ และที่สำคัญคือ ควรมีพื้นฐานภาษาเยอรมันติดตัวด้วย เพราะถึงแม้เราจะไปเรียนในหลักสูตรภาษาอังกฤษ แต่อย่าลืมนะว่าเราต้องไปอยู่ในประเทศที่เขาสื่อสารด้วยภาษาแม่ของตัวเอง ดังนั้นรู้ไว้ทั้ง 2 ภาษาจะดีกว่าค่ะ ^^



 
ข้อมูลจาก
https://www.topuniversities.com/university-rankings-articles/world-university-rankings/top-universities-germany-2019
พี่ชมพู

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด