เมื่อเด็กสายภาษาบินลัดฟ้าไปอังกฤษ เริ่มชีวิต ป.โท Computer Science ใน Newcastle Univ.

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ถ้าพูดถึงการเรียนต่อนอกในแถบยุโรป พี่ว่าหลายคนต้องยก "อังกฤษ" ไว้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ แน่เลยใช่มั้ยคะ วันนี้พี่มีรีวิวประสบการณ์เรียนต่อของ "พี่พิซซ่า" ที่เรียนจบคณะอักษรศาสตร์ตอน ป.ตรี แต่ข้ามสายไปเรียนต่อ ป.โท สาขา Computer Science ที่ Newcastle University ประเทศอังกฤษ เรียนกันยังไง? ค่าครองชีพเบอร์ไหน? ข้ามสายแบบนี้เจอความท้าทายเรื่องอะไรบ้าง? มาหาคำตอบกันเลยค่ะ

อ้างอิงจากประสบการณ์ส่วนตัว สัมภาษณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562
ตอนนี้พี่พิซซ่าเรียนจบ ป.โท แล้วค่า~

 

Note: ห้ามพลาดงานแฟร์ฟรี Dek-D’s Study Abroad Fair ในวันที่ 7-8 ตุลาคม 2566 ที่ไบเทคบางนา (ฮอลล์ EH98) รวมรุ่นพี่นักเรียนทุนจากหลากหลายประเทศให้ปรึกษาฟรี รวมถึง "พี่พิซซ่า" ในบทสัมภาษณ์นี้ด้วยนะคะ 

เมื่อ Harry Potter จุดประกายให้อยากเรียนที่อังกฤษ!

“สวัสดีค่ะ ‘พิซซ่า’ พิชชา ศิลปสุวรรณ จบ ป.ตรี สาขาภาษาอังกฤษ (โทเกาหลี) คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วไปต่อ ป.โท สาขา Computer Science ของคณะ School of Computing ที่ Newcastle University ตั้งแต่ ก.ย. 2018 ตอนนี้จบแล้วค่ะ **มหาวิทยาลัยนี้จะเด่นด้านคอมพิวเตอร์ ส่วนตัวพี่เองสนใจด้านคอมพ์อยู่แล้ว และตอน ม.ปลาย ก็จบสายวิทย์-คณิตด้วย”

“พี่เลือกเรียนอังกฤษเพราะหลักสูตร ป.โท ที่นั่นเรียนแค่ปีเดียว แล้วพี่ก็ชอบ Harry Potter มากกก เลยอยากเที่ยวสถานที่ถ่ายทำทั้งหมดเลย ไม่ใช่แค่วิหารที่ถ่ายทำเรื่องนี้ พี่ว่าเรื่องเที่ยวมีส่วนในการตัดสินใจเลือกที่เรียนของหลายๆ คนเลยนะ"

The Cathedral Church of St.Nicholas
The Cathedral Church of St.Nicholas
(วิหารที่ถ่ายทำ Harry Potter)
Photo Credit: Pixabay

จบอักษรก็ต่อสาขานี้ได้!

พี่เลือกเรียนหลักสูตร 'Conversion Course' ซึ่งจะเหมือนกับหลักสูตร ป.โท ที่เอา ป.ตรี มาบีบให้เหลือปีเดียว เงื่อนไขคือจบคณะอะไรก็ได้แต่เกรดเฉลี่ยต้องถึงเกณฑ์ ตอนเขียนเรียงความต้องแสดงให้เขาเห็นว่าเราน่าจะเรียนไหวและนำความรู้ไปทำอะไรต่อได้ พี่ก็เขียนไปประมาณว่า เราเคยเรียนวิทย์-คณิต แล้วตอนทำงานที่ Dek-D แม้หน้าที่หลักคือการทำคอนเทนต์ แต่ก็พอมีโอกาสจับๆ เล่นๆ พวก front-end อยู่บ้าง (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตร)

สำหรับนักเรียนต่างชาติ ตอนสมัครยื่นแค่เกรด ป.ตรี กับผลสอบ IELTS ถ้ามั่นใจว่าผ่านเกณฑ์ก็ไม่ต้องสอบแบบ UKVI ก็ได้นะ จะได้ประหยัดเงินด้วย ส่วนคนที่ IETLS ผ่านเกณฑ์แล้วพอไปถึงมหา'ลัยจะมีจัดสอบภาษาอังกฤษเพิ่มเติมให้ฟรี เพื่อแบ่งกลุ่มเป็น 3 เลเวลสำหรับไปเรียนคอร์สพัฒนาภาษาอังกฤษฟรีของมหา'ลัยค่ะ (อันนี้เรียนหรือไม่เรียนก็ได้ ไม่บังคับ)

คอร์สจะมีทั้งหมด 20 คอร์ส แต่จะมีเลเวลว่ากลุ่มไหนลงเรียนคอร์สไหนได้บ้าง ถ้าอยู่เลเวล 1 ก็ลงได้ประมาณ 10 คอร์ส / เลเวล 2 ลงได้น้อยลงมา / ส่วนเลเวล 3 ซึ่งสูงสุด จะเหลือลงได้แค่ 3-4 คอร์ส  ส่วนมากเน้นทักษะพูดกับเขียน เพราะรู้ว่าเป็นทักษะที่เด็กต่างชาติไม่ค่อยถนัด แต่ก็จะมีคอร์สด้านการฟังที่เปิดให้เลเวล 1 ลงเรียนได้เยอะอยู่ ตอนนั้นพี่ได้เลเวล 3 เจอเนื้อหาแนวๆ Academic พวกการเขียน Proposal, Thesis, E-mail, การคุยกับอาจารย์ ฯลฯ เราจะได้เจอเพื่อนหลายคณะมากๆ แต่ถ้าใครได้ IELTS กิน 7 ครบทุกพาร์ต ก็นำผลสอบมายื่นเพื่อขอไม่สอบวัดระดับนี้ได้ ส่วนตัวพี่ไม่ถึง 7 พาร์ตการเขียนนี่แหละ

Photo Credit: britishunited.net
Photo Credit: britishunited.net

เมื่อเด็กอักษรฯ ต้องเผชิญกับหลักสูตร Computer Science

ภาพรวมการเรียนหลักสูตรนี้จะแบ่งเนื้อหาเป็น 3 เทอม = เรียน 2 เทอม + ทำวิทยานิพนธ์ 1 เทอม และมีปิดเทอม 3 ครั้ง ซึ่งจะรวมอยู่ในเทอมด้วย (อารมณ์เหมือนมีวันหยุดยาวมาคั่นเฉยๆ เปิดมาก็เรียนเนื้อหาที่ค้างไว้ต่อ) ปิดเทอมครั้งแรกตรงกับคริสมาสต์ ต่อมาตรงกับวันหยุดอีสเตอร์ และครั้งสุดท้ายคือช่วงซัมเมอร์ โดยช่วงซัมเมอร์เขาจะให้ทำวิทยานิพนธ์ ห้ามออกนอกประเทศ ต้องรายงานตัวพร้อมรายงานความคืบหน้าทุกสัปดาห์ ถ้าจับได้จังๆ ว่าออกนอกประเทศโดยไม่เกี่ยวกับการไปหาข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ ก็อาจมีผลต่อวีซ่า

เทอม 1

  • Programming and Data Structures เริ่มเรียน Java ตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงเจาะลึก 
     
  • Computer Environments วิชานี้จับฉ่าย มีทั้ง Linux, Regular Expression, Spam, Phishing Mail, ระบบความจำในคอม (เช่น ROM, Drive, Memory)
     
  • Information Systems ครึ่งแรกเรียน Interactive Design แนวๆ ดีไซเนอร์ ตั้งแต่การเลือกสี เลือกฟอนต์ ออกแบบให้ผู้ใช้ทุกเพศทุกวัยและทุกสภาพสามารถใช้งานได้ การบ้านที่พี่เจอตอนนั้นคือออกแบบมือถือ ต้องดีไซน์ตั้งแต่ตัวทรง หน้าจอ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราสัมผัส ซึ่งเขาไม่ได้ดูความสวยงาม แต่ดูว่าคนใช้งานได้ง่ายและใช้ได้จริงมั้ย ต้องคิดเผื่อว่าถ้าคนที่มีปัญหาการควบคุมมือมาใช้จะได้ผลรึเปล่า อะไรประมาณนี้ หลายคนวาดรูปเป็นก็จะวาดประกอบเยอะๆ คำอธิบายน้อยๆ แต่พี่วาดรูปไม่เป็น เลยต้องเขียนบรรยายยาวๆ ว่าภาพสี่เหลี่ยมว่างๆ ที่วาดด้วย Microsoft Word เนี่ย มันคือฟังก์ชันอะไร

    ส่วนครึ่งหลังเรียน Database Design ออกแบบฐานข้อมูล เช่น ออกแบบฐานข้อมูลให้โรงแรมที่มีเว็บจองออนไลน์โดยใช้ภาษา SQL (Structured Query Language) พี่เรียนแล้วชอบมาก เพราะปกติเป็นคนชอบจัดระเบียบของอยู่แล้ว 55555 
     
  •  Software Engineering with Group Project วิชานี้เรียน 2 เทอม เทอมแรกเรียนกระบวนการทำ Software Engineering ตั้งแต่การวางแผน การคุยและวางม็อกอัปให้ลูกค้า โมเดลการผลิต วิธีการเขียนเอกสารสัญญาทางราชการ ส่วนเทอม 2 ทำโปรเจกต์กลุ่มสร้างระบบแอปฯ ให้สำเร็จ

    ตอนปีพี่ให้ทำระบบร้านขาย Fast Food ตั้งแต่ระบบเคานเตอร์ แล้วส่งข้อมูลให้ครัวกับโรงงาน จริงๆ หน้าที่ของพี่คือเขียน MySQL แต่ปัญหาคือกลุ่มพี่ไม่มีคนมีประสบการณ์งานสายนี้ แถมขี้เกียจด้วย (อันนี้ซวยมาก) พี่เลยต้องไปศึกษาด้านที่ตัวเองไม่ถนัดเพื่อทำในส่วนของสมาชิกที่ไม่ทำงาน ส่วนประกอบของคะแนนคือ คะแนนสอบเทอมแรก + คะแนนกลุ่ม + คะแนนเดี่ยว อาจารย์จะให้สมาชิกกลุ่มคอมเมนต์เพื่อน แล้วมาคิดคะแนน

เทอม 2

  • Advanced Programming โปรแกรมมิ่งขั้นสูงขึ้น ยากกว่าตัวแรก สารภาพว่าตอนนี้พี่ยังนั่งโง่อยู่ ยากมากกก
     
  • Networks and Web Technologies ส่วนแรกคือเรียนการทำ Networks ของคอมพ์ฯ การส่งข้อมูลในเน็ต กับอีกส่วนคือเรียน Web Technologies ทั้ง HTML, CSS, Javascript ทำหน้าเว็บ Interactive ซึ่งต้องใช้ความรู้ดีไซเนอร์เทอมที่แล้ว
     
  • Project and Dissertation for MSc Computer Science ระเบียบวิธีวิจัย
​Photo Credit:  Newcastle University
​Photo Credit:  Newcastle University
​Photo Credit:  Newcastle University
​Photo Credit:  Newcastle University

 ชั่วโมงเรียนของพี่จะมีจันทร์ อังคาร พฤหัส ศุกร์ ส่วนมากวันละ 6 ชม. ระยะเวลาแต่ละคาบไม่เท่ากัน ถ้าเป็นวิชา 20 หน่วยกิตจะเรียนสัปดาห์ละ 6 ชม. (เลกเชอร์ 4 ชม. + เข้าห้องคอมพ์ 2 ชม.) อาจารย์จะสอนทฤษฎีแล้วเราต้องฝึกปฏิบัติ ซึ่งมีผู้ช่วยเป็นนักศึกษา ป.เอก ที่จะมาสาธิตวิธีการทำ อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของเขานะ เพราะเขาก็ต้องทำเพื่อคะแนนเหมือนกัน แต่ก็เคยเจอบางคนที่มาแบบไม่เต็มใจจะช่วย ก็ต้องเขียนคอมเพลนแจ้งอาจารย์วิชาเราให้เขาช่วยจัดการให้

นักศึกษาในสาขาที่พี่เรียนมี 20% ที่มีประสบการณ์ทำงานด้านโปรแกรมมิ่ง ส่วนคนที่เคยทำงานด้านอื่นหรือจบสาขาที่ไม่เกี่ยวเลยอย่างพี่เนี่ย มีประมาณ 10% ในชั้น แล้วที่เหลือคือจบตรีสาขาใกล้เคียงที่ไม่ใช่คอมพ์โดยตรง เช่น วิศวะ เลข ฟิสิกส์ ที่ยังต้องใช้ตรรกะค่ะ จริงๆ ถ้าคะแนน IELTS ถึงเกณฑ์คณะ ในแง่ภาษาพี่ว่าเรียนได้อยู่แล้ว แต่ถ้าตัวเนื้อหาเรียน แนะนำให้ดูคอร์สออนไลน์ฟรีที่สอนการเขียนโปรแกรมเบื้องต้นไปล่วงหน้า 

อ่านเพิ่มเกี่ยวกับหลักสูตร
Photo Credit:  Newcastle University
Photo Credit:  Newcastle University

เรียนอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นล่ามจำเป็น

สิ่งที่หลายคนเป็นห่วงคือการปรับตัวด้านภาษา อยากรู้ว่าช่วงแรกๆ พี่เจอปัญหาเรื่องนี้รึเปล่า? “มีบ้างนะ ถ้าเกิดเป็นเจ้าหน้าที่มหา’ลัย แคชเชียร์ตามห้างฯ เขาจะพูดสำเนียงกลางๆ ฟังง่าย แต่สมมติอย่างคนขับรถมหา’ลัยที่ไปรับจากสนามบิน เขาเป็นคนท้องถิ่น พูดสำเนียงที่เรียกว่า ‘Geordie’ เราได้ยินแรกๆ จะงงนิดนึง แต่พี่มีหาข้อมูลมาก่อนบ้างก็เลยพอรู้ค่ะ

แล้วตอนเรียนบางทีพี่ก็เหมือนเป็นล่าม สมมติทำงานกลุ่ม แล้วฝรั่งด่าคนจีนในกลุ่มว่าไม่ทำงาน คนจีนฟังไม่ทัน เราเลยต้องเป็นล่ามให้ หรือบางทีคนจีนไม่เข้าใจว่าฝรั่งให้ทำงานเรื่องอะไร เราต้องมานั่งอธิบาย พูดช้าๆ ให้ฟังทีละคำ เปลี่ยนมาใช้ศัพท์ที่เบสิกขึ้น นอกจากนี้ก็มีตอนที่คนสงสัยบทเรียนแล้วมาถาม ส่วนมากคือเขาจะฟังอาจารย์พูดไม่ทันหรือไม่ชัด เพราะแม้อาจารย์จะพยายามพูดสำเนียงชัดๆ แล้ว แต่บางท่านจะติดสำเนียงสก็อตบ้าง ไอริชบ้าง เยอรมันบ้าง ถ้าเราเข้าใจก็จะช่วยอธิบายให้

แล้ววัฒนธรรมที่น่ารักอย่างนึง พี่ชอบตรงที่ลุงๆ ป้าๆ คนท้องถิ่นชอบทักทายโดยใช้คำหวานๆ แบบ Hi, sweetheart. Hello, darling. สรุปคือกลายเป็นมิตรภาพระหว่างเรากับลุงเก็บขยะที่หอ กับป้าที่ทำความสะอาดห้องน้ำ 5555 คือตัวพี่เองอะชอบอยู่คนเดียว วันๆ ไม่ค่อยคุยกับใครหรอก พอมาได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกดีนะ ได้ยินทีไรเขินตลอดดดด ><

กิจกรรมเยอะมาก แบบดักทุกแนว

มีเรื่องนึงพี่ชอบมาก ตอนปฐมนิเทศนักศึกษาต่างชาติของมหา’ลัย มีตำรวจมาสอน 2 เคส เคสแรกคือเรื่องการโดนเหยียด อธิบายลักษณะของการเหยียด (บางคนอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังโดน) แล้วถ้าตกเป็นเหยื่อสามารถแจ้งได้ที่ไหน ส่วนอีกเคสคือการโดนข่มขืน เขาบอกว่าแค่เราไปเที่ยวแล้วมีคนคะยั้นคะยอให้ดื่ม คอยยัดเยียดทั้งที่เราไม่ได้ต้องการ แค่นี้เราก็สามารถขอความช่วยเหลือได้แล้ว ตำรวจเขายกตัวอย่างรูปแบบการถูกกระทำให้เยอะและเห็นภาพชัดมาก ซึ่งมันดีมากๆ เลยนะ เพราะบางอย่างตอนอยู่ไทยจะอยู่ในหมวดหยวนๆ ไปเถอะ ช่างมันเถอะ อะไรแบบนี้

มหาวิทยาลัยพี่จะมี "สัปดาห์รับน้อง" จ่าย 70 ปอนด์แล้วจะได้ริสแบนด์มาใส่เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเป็นระยะเวลา 5 วัน ซึ่งกิจกรรมมีให้เลือกหลากหลายมาก แต่คนนึงจะลงได้ไม่หมดเพราะเวลาทับซ้อนกัน สตาฟฟ์คือนักเรียนอาสาสมัครชั้นปี 2-3  เราต้องเช็กว่าแต่ละวันมีอะไรบ้าง แล้วลงชื่อให้ทันทุกเช้า (ไม่ค้างคืน)

ตัวอย่างกิจกรรม เช่น เรียนทำอาหาร เขาจะพาไปร้านดีๆ ในเมือง, ปาร์ตี้กลางคืนแบบแดนซ์ๆ มีดีเจเปิดเพลงให้, ปาร์ตี้เบียร์ฟรีพร้อมเล่นบิงโกล่องเรือชมแม่น้ำในเมืองตอนกลางคืน, Formal Dinner, นั่งรถไฟฟ้าไปเล่นยิงธนูนอกเมือง, โยคะ, คอร์สพาเที่ยวในเมือง ฯลฯ อย่างพี่เป็นคนไม่ชอบที่มืดๆ คนเยอะ เสียงดังๆ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เขาก็ยังมีอะไรให้ทำ เพราะเขาจะจัดงานแดนซ์ในผับตรงกับการล่องเรือชมแม่น้ำ พี่ก็เลยเลือกไปล่องเรือ แล้วก็ได้เจอคนนิสัยคล้ายๆ เราไปล่องเรือด้วยกัน กลายเป็นว่าเราได้เจอเพื่อนคุยคอเดียวกันเยอะเลยค่ะ ดังนั้นจะคนเงียบๆ หรือเฮฮา จะชอบกลางแจ้งหรือในร่ม ก็มีหลายกิจกรรมที่เหมาะกับเรามาให้เข้าร่วม

นอกจากนี้มหา’ลัยยังมีโครงการ ‘Give it a go’ ประมาณว่า ‘ไปลองสักครั้งสิ’  ลักษณะคล้ายๆ สัปดาห์รับน้อง แต่ต่างกันที่กิจกรรมจะแยกๆ และคิดราคาแตกต่างกันออกไป (ไม่ใช่ริสแบนด์ 70 ปอนด์เข้าได้ทุกกิจกรรม)

ตัวอย่างเช่น ทริปพากินร้านอาหารในเมือง, เล่นโยคะ, เต้น, แต่งหน้า ฯลฯ พี่เคยไปทริประยะสั้นทัวร์เมืองใกล้ๆ ซึ่งได้ราคาตั๋วที่ถูกกว่าไปเอง เช่น จ่าย 12 ปอนด์ ได้ไปเที่ยว ‘Beamish Museum’ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งจำลองวิถีชีวิตยุควิกตอเรียน สนุกมากก ราคานี้รวมรถตู้มหา'ลัยรับ-ส่งแล้วด้วย ถ้าไปเองแค่ค่าเข้าก็ 14 ปอนด์แล้ว นอกจากนี้พี่ก็ได้ไป ‘Edinburgh’ ในราคา 15 ปอนด์ ด้วยรสบัสมหา'ลัย ไม่ต้องซื้อตั๋วรถไฟเอง และไม่ต้องเดินไปสถานีรถไฟซึ่งอยู่ไกลจากหอพี่เยอะเลย

Beamish Museum
Beamish Museum
Beamish Museum
Beamish Museum

รีวิวชีวิตนักศึกษาในอังกฤษ
สวัสดิการเริ่ด & ระบบทันสมัย

ที่นี่มีห้องติวส่วนตัวและติวเป็นทีมให้เราจองได้ มีสวัสดิการให้ปริ๊นท์ด้วยเครื่องในมหา'ลัยได้ในงบ 37 ปอนด์ต่อคนตลอดหลักสูตร (=Credit Printing) ส่วนแอปพลิเคชันของมหา'ลัยก็สะดวกมาก มีทั้งตารางเรียน/กิจกรรม ซึ่งกดดูโลเกชั่นได้ด้วย มีระบบห้องสมุด (การยืม-คืนหนังสือ เช็กที่นั่งในห้องสมุดหรือห้องคอมพ์), เช็ก Print Credits, อาจารย์ที่ปรึกษา, ข่าวอัปเดตของมหา’ลัย 

นอกจากนี้ยังมีแอปฯ องค์การนักศึกษา ที่เช็กโปรโมชันร้านอาหารและที่เที่ยวที่สามารถนำบัตรนิสิตไปลดได้ และแอปฯ หอพัก ที่เราสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ

Photo Credit:  Newcastle University
Photo Credit:  Newcastle University

นอกจากนี้คืออังกฤษจะเป็นระบบ Cashless Society  ขนาดซื้อผักสดในตลาดยังมีบัตร Contactless card ใช้บัตรเดียวจ่ายได้ทุกอย่างโดยไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ถ้าใช้ตั๋วรถไฟรายเดือนก็ใส่เงินในบัตรนักศึกษาใช้ขึ้นรถไฟได้เลย ถ้าจะจ่ายรายเที่ยวก็ใช้บัตรชื่อ pop ไว้ขึ้นรถลงเรือต่างๆ คล้ายๆ กับบัตร Oyster ที่ลอนดอน

สวัสดิการนักศึกษาลดได้เยอะจริงๆ นะ อย่างร้าน Boots ก็ลดเพิ่มได้ตั้ง 10% พี่ชอบตรงเขาไม่จำกัดอายุนักศึกษา คือถ้ามีสถานะนักเรียนนักศึกษาอยู่ ต่อให้อายุเท่าไหร่ก็ใช้สิทธิราคานักศึกษา

Newcastle
Newcastle
Photo Credit: Pixabay

 อีกหนึ่งวิธีหาเงินที่ไม่ใช่งานพาร์ตไทม์

พี่หางานพาร์ตไทม์ทำไม่ได้ เพราะมีคนสมัครเยอะ โดยเฉพาะคนที่มาอยู่ตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม เช่น เด็กไทยที่มาเรียนปรับภาษาตั้งแต่ เม.ย. พอเราไปโผล่ตั้ง ก.ย. ก็เลยไม่มีงานเหลือ ส่วนงานในมหา'ลัยก็การแข่งขันสูง แถมมาเรียนข้ามสายแบบนี้ยิ่งต้องทุ่มเทมาก จะให้ทำงานจริงจังก็ไม่ไหวละ 555

ทีนี้มหาวิทยาลัยพี่จะมีแบบสอบถามให้ทำลุ้นรางวัลเยอะมาก พี่เคยทำไป 10 กว่าชุด แล้วได้รางวัลเป็น Gift Voucher มูลค่า 25 ปอนด์มา 1 ครั้ง เคยเข้าร่วมเป็นกลุ่มตัวอย่างทดลองงานวิจัยของนักศึกษา ป.เอก ที่เขาเปิดรับสมัคร ซึ่งเขาจะให้ค่าตอบแทนตามเกณฑ์ นอกจากนี้ยังไปร่วมกิจกรรมพูดคุยแลกเปลี่ยน ซึ่งทุกครั้งจะมีอาหารหรือ Gift Voucher ให้ฟรีด้วย อันนี้พี่ชอบตรงที่เราได้แสดงความคิดเห็นด้วย ล่าสุดก็เพิ่งได้มาอีก 20 ปอนด์

พี่ไม่ใช่สายเที่ยว แต่ก็มีซื้อของสะสมที่ชอบบ้าง ส่วนมากทำกับข้าวเอง และอยู่หอในที่ถูกสุดในมหา’ลัย ค่าเทอมประมาณ 21,000 ปอนด์ ถ้านับรวมทั้งหมดพี่ใช้ไป 1.2 ล้านบาทไทย ไม่รวมค่าเทอมกับค่าหอ พี่ใช้เดือนละไม่ถึง 200 ปอนด์ ซึ่งกินขนมเปรมทุกวัน ไม่มีอดสักวัน

- - - - - - - - - - - - - -  - - - - - 
You're Invited!
ปรึกษาเรื่อง SoP กับ "พี่พิซซ่า" ได้ในงานนี้

ขอเชิญทุกคนมาเป็นส่วนหนึ่งในงาน Dek-D’s Study Abroad Fair ในวันที่ 7-8 ตุลาคม 2566 ที่ไบเทคบางนา ฮอลล์ EH98 (BTS บางนา ทางออกประตู 1) มี skywalk เชื่อมไปไบเทคบางนาชั้น 2 เข้าร่วมฟรี

  • พบกับเอเจนซีชั้นนำมากมาย จากหลากประเทศ หลายสาขาวิชา พร้อมช่วยเหลือเรื่องเรียนต่อตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้น ทั้งเรื่องเอกสาร สมัครเรียนให้ จัดแจงวีซ่า จองที่พัก และความพร้อมด้านต่างๆ ให้บินไปเรียนแบบ Perfect Planning!
  • โปรแกรมบริการ และฐานกิจกรรมมากมาย เพื่อช่วยวางแผนการสมัครเรียนต่อต่างประเทศ
  • โต๊ะปรึกษา 1:1 กับรุ่นพี่นักเรียนไทยที่ได้ทุนสุดฮิต 16 คน ทั้งทุนรัฐบาลเกาหลี, ทุน EGPP (ม.สตรีอีฮวา), ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น, ทุนรัฐบาลไต้หวัน, ทุนรัฐบาลอินเดีย, ทุนรัฐบาลไทย, ทุน Chevening, ทุน DAAD, ทุน ERASMUS, ทุน Franco-Thai ฯลฯ เล็งทุนไหนไว้ หรืออยากค้นหาประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ห้ามพลาด!

งานนี้จะจัดพร้อมกับ Dek-D’s TCAS Fair ด้วยนะคะ เท่ากับว่ามาครั้งเดียวจะได้ค้นหาตัวเองและหลักสูตรที่ตอบโจทย์ ซึ่งอาจจะเป็นในไทยหรือต่างประเทศก็ได้ ว่าแล้วก็สะกิดชวนเพื่อนหรือผู้ปกครองด่วนๆ เลยค่าา :D

พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น