คำบอกเล่าของ 3 ไอดอลกับเรื่องลับในวงการ K-POP (กว่าจะเดบิวต์, แอบเดท, ออกจากวง)

        อันยองครับน้องๆ ชาว Dek-D พี่เชื่อว่าน้องๆ หลายคนน่าจะติดตามวงการ K-POP กันไม่มากก็น้อยเนอะ ต้องยอมรับเลยว่ากระแสของฮันรยูสตาร์นั้นยังคงแรงดีไม่มีตก และปัจจุบันก็ขยายฐานแฟนคลับไปไกลทั่วโลก และยิ่งเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากเท่าไหร่ แน่นอนว่ามีคนอีกมากมายเลยล่ะที่อยากก้าวเข้ามาอยู่ในวงการนี้ แต่เราก็ต้องยอมรับว่ากว่าจะเป็นไอดอลเกาหลีได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแถมมีเรื่องที่ไม่คาดคิดพร้อมทั้งอุปสรรคอีกมากมายรออยู่ข้างหน้า วันก่อนพี่วุฒิไปเจอคลิปใน Youtube ของอดีตไอดอลเค้าได้ออกมาพูดเปิดใจเกี่ยวกับชีวิตไอดอลที่หลายคนอาจจะต้องเจอ ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจเลยครับ มีเรื่องเล่าของใครบ้าง ตามมาเลยครับ 

 

เปิดใจ ‘เวย์ Crayon Pop’ อดีตเกิร์ลกรุ๊ปเพลงไวรัลที่ดังไกลไปทั่วโลก 
 


 
        Jumping jumping everybody! ไหนมีใครอ่านแล้วใส่ทำนองแบบพี่มั้ยครับ ฮ่าๆ เชื่อว่าหลายปีก่อนหลายคนน่าจะรู้จักเพลง Bar Bar Bar จากเกิร์ลกรุ๊ปวง Crayon Pop กันแน่ๆ เพราะเป็นวงที่มีเอกลักษณ์ทั้งเรื่องเพลง รวมถึงคอสตูมสีสดใส และที่เป็นซิกเนเจอร์สุดๆ ก็คงเป็นหมวกกันน็อคนี่แหละ (ติดตามาก) ถึงแม้ว่ายุคนึงวงนี้จะเคยดังแบบสุดๆ จนได้ไปออกทัวร์กับเลดี้กาก้า แต่สุดท้ายแล้วเมื่อวงถึงจุดอิ่มตัว เหล่าเมมเบอร์ก็ได้แยกย้ายและไม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันต่อ เช่นเดียวกับ ‘เวย์’ สาวฝาแฝดจากวงที่ได้ผันตัวมาเป็นยูทูบเบอร์เต็มตัวกับแชนแนล 웨이랜드 WayLand ซึ่งเธอก็มักอัปคลิปพูดถึงเรื่องราวลับๆ ในวงการไอดอลให้ฟังอยู่บ่อยๆ และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ไปให้สัมภาษณ์และเปิดใจกับสื่อ Asian Boss ถึงเรื่องราวในวงการให้ฟังด้วย มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้างนะ
 
การซ้อมโหดสมัยเด็กฝึก
 
        เวย์เล่าว่าในการฝึกซ้อมเต้นแต่ละครั้ง จะมีวิธีประหลาดที่ครูฝึกใช้กับเธอคือ จะต้องนำถุงทรายที่มีความหนัก 5 กิโลกรัมมาใส่ถ่วงไว้ที่บริเวณเท้าและซ้อมเต้นแบบนั้น เพราะว่าเวลาเอาถุงทรายออกปุ๊บ จะได้แล้วรู้สึกเบาเท้าและเต้นได้พริ้ว แต่ก็เหนื่อยมากไม่แพ้กัน และยิ่งช่วงก่อนที่จะได้เดบิวต์ ตารางการซ้อมก็หนักหน่วงสุดๆ และแทบไม่ได้นอน เธอและเมมเบอร์ต้องมาบริษัทตั้งแต่ตี 4 และกลับหอหลังเที่ยงคืนแบบนี้ทุกวัน // โหดจริง แต่ก็รู้สึกว่าหลายค่ายก็เป็นแบบนี้เหมือนกันเนอะ ถือว่าเป็นอีกอาชีพที่ต้องแลกกับสุขภาพจริงๆ  
 
ไอดอลกับการแอบเดท 
 
        เรื่องการเดทของไอดอล เชื่อว่าเป็นอีกประเด็นที่หลายคนก็คงอยากรู้กันเนอะ (พี่เองก็อยากครับ 555) ที่ผ่านมาเราก็เห็นข่าวของไอดอลแอบเดทกันบ่อยๆ แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกรา บ้างก็บอกว่างานยุ่งขอเลือกโฟกัสงาน บ้างก็บอกว่าไม่ได้เดท เป็นเพื่อนกัน แกอะคิดมาก... ส่วนใครที่แอบเดทกันจริงๆ ถ้าถูกบริษัทจับได้ก็อาจถูกสั่งให้เลิกกันก็มี ซึ่งเวย์ได้บอกว่า บริษัทของเธอค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องนี้มาก พวกเธอและเมมเบอร์แทบจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนลำพัง อีกทั้งยังไม่ให้ใช้โทรศัพท์ด้วย (แต่สุดท้ายแล้วหลายคนก็มีโทรศัพท์ลับๆ อยู่ดีแหละ) 
 
        เธอบอกว่าในตอนนั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะติดต่อกับคนอื่น แม้กระทั่งอยากเป็นเพื่อนกับไอดอลคนอื่นๆ ในวงการมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และยิ่งไปกว่านั้น แค่กับครอบครัวของตัวเองก็แทบไม่ได้รับอนุญาตให้พบกัน เวย์บอกว่าถ้าอยากจะติดต่อกับพ่อแม่ก็ต้องไปขออนุญาตทางบริษัทก่อน แต่มีครั้งนึงโหดร้ายมากๆ ก็คงเป็นตอนที่พ่อแอบมาหาที่บริษัทซึ่งวันนั้นเป็นวันเกิดของเธอ แต่ทางบริษัทกลับไล่ให้พ่อของเธอกลับไปซะ (อันนี้ก็เกิ๊นนน) เธอจึงบอกว่าแค่ครอบครัวยังเจอยาก อย่าหวังเลยว่าจะแอบเดทได้ง่ายๆ  
 
เป็นไอดอล = เป็นหนี้ 
 
        เชื่อว่าอีกเหตุผลที่หลายคนอยากเป็นไอดอลก็คงจะมีเรื่องรายได้นี่แหละ เพราะอย่างที่รู้กันว่าถ้าดังเมื่อไหร่ เม็ดเงินหรือกำไรที่ได้ก็มหาศาล เรียกว่าสบายไปตลอดชาติเลยก็ว่าได้ แต่กว่าจะถึงจุดนั้นสำหรับหลายๆ คนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และเราก็ไม่รู้ว่าบริษัทจะผีใส่เราเมื่อไหร่ด้วย (วงการบันเทิงก็คือธุรกิจอะเนอะ ทำใจ) เวย์ได้เปิดใจว่า ก่อนที่จะเดบิวต์เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องการแบ่งรายได้กับบริษัทมากนัก ในตอนนั้นเพียงแค่รู้สึกว่าอยากเดบิวต์สักที ไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่อาจจะตามมา แม้ว่าก็พอรู้มาแล้วบ้างว่าอาจจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง และหลังจากเดบิวต์ก็ต้องจ่ายหนี้ให้กับบริษัท (พี่เคยอ่านข่าวแล้วรู้มาว่าบางวงทำงานจบยุบวงยังใช้หนี้ไม่หมดเลย ฮือ) 
 

 
          เวย์บอกว่าบริษัทกับวง Crayon Pop มีการแบ่งรายได้คิดเป็นร้อยละ 70:30 หรือ 60:40 ซึ่งหลายๆ ค่ายก็มักจะแบ่งแบบนี้ (บางค่ายก็จะแบ่งแยกไปอีก เช่น รายได้ในประเทศ, งานอีเวนต์ต่างประเทศ, รายได้จากยอดขายอัลบั้ม, ยอดดาวน์โหลดเพลงดิจิตอล เป็นต้น) หลายคนอาจจะคิดว่า วง Crayon Pop เพลงดังเป็นไวรัลขนาดนั้น ต้องรวยเละกันแน่ๆ เลย แต่เธอบอกว่า หลังจากที่เดบิวต์มาปีครึ่ง เธอใช้ชีวิตแบบไม่มีรายได้และยังต้องกู้เงินใช้อยู่ และพอมีมีรายได้เมื่อไหร่ก็ต้องนำเงินส่วนนั้นไปใช้หนี้ที่กู้มาอีกที -___- และที่เธอช็อกสุดๆ ก็คงเป็นตอนไปออกทัวร์คอนเสิร์ตกับเลดี้กาก้าที่อเมริกาเหนือ ตอนนั้นก็คิดว่าวงของเธอจะสามารถหาเงินได้เป็นจำนวนมากแน่ๆ แต่หลังจากทัวร์เสร็จและกลับมาคุยเรื่องนี้กับบริษัท เธอและเมมเบอร์กลับได้คำตอบกลับมาว่า ในระหว่างที่ไปออกทัวร์ต่างประเทศ Crayon Pop ไม่ได้มีงานอีเวนต์ยิบย่อยที่สามารถสร้างเงินเพื่อคืนให้กับบริษัทได้ ดังนั้นรายได้จากการทัวร์ทั้งหมดก็ถือเป็นโมฆะ ซึ่งตอนนั้นพวกเธอก็ตกใจว่า ‘นี่เรายังเป็นหนี้อยู่เหรอเนี่ย?’  // เป็นพี่ก็คงงงเหมือนกันอ่ะ เพลงก็ดัง วงก็ดัง และออกทัวร์กับศิลปินระดับโลกขนาดนั้น มันควรจะมีเงินเยอะแล้วมั้ย แต่สุดท้ายกลับเป็นหนี้อยู่ (ผีจริงๆ)    
 
คำแนะนำสำหรับคนที่อยากเป็นไอดอล  
 
        เชื่อว่าน่าจะมีแฟนเพลงหลายคนที่คิดถึงวง Crayon Pop แต่ก็อาจจะทำได้แค่คิดถึง เพราะตอนนี้เมมเบอร์แต่ละคนหลังจากหมดสัญญาก็แยกย้ายกันหมดแล้ว ซึ่งอีกเหตุผลหลักๆ ของไอดอลหญิงหลายวงที่ต้องยุบก็คงเป็นเพราะว่า อายุที่มากขึ้นและอาจไม่ได้รับความนิยมเหมือนอย่างในอดีตอีกต่อไปแล้ว อย่างเวย์และเมมเบอร์ก็บอกว่า พวกเธอเริ่มมีอายุใกล้เฉียดเลข 3 กันแล้วด้วย และก็ไม่แน่ใจว่าชีวิตไอดอลนั้นคือสิ่งที่พวกเธอต้องการจริงๆ เหรอ? 
 
        แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอก็บอกว่า ยังอยากร้องเพลง อยากมอบเพลงและโชว์ดีๆ เพื่อเพิ่มเอเนอจี้ให้กับแฟนเพลงอยู่เสมอ แต่ไม่ได้อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบไอดอลอีกต่อไปแล้ว และสำหรับใครก็ตามที่อยากเป็นศิลปินไอดอลเกาหลี เธอก็บอกว่า “ฉันรู้ว่าตอนนี้ตลาดเพลง K-POP มันขยายกว้างแต่ก่อนเยอะมาก และคงมีหลายคนที่อยากเป็นไอดอลกันมากขึ้น แต่หลายครั้งคนก็มักจะมองแต่ด้านที่สวยงามเพียงด้านเดียว แต่ความจริงแล้วมันยังมีเรื่องที่เราต้องยอมแลกและต้องทำงานหนักมากอย่างที่เราอาจจะไม่ได้คิดมาก่อน”
 

Clip



 

เปิดใจ ‘อเล็กซ์ BP Rania’ สาวต่างชาติผิวสีคนแรกในเกิร์ลกรุ๊ป K-POP 
 


 
        ถัดมาที่ ‘อเล็กซ์’ สาวลูกครึ่งสวีเดน-ฮังการี ที่เริ่มต้นจากการเป็นนักแต่งเพลงในอเมริกาก่อนที่จะจับพลัดจับผลูมาเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ปในวง BP Rania ซึ่งถือว่าเป็นวงที่อยู่คู่กับวงการ K-POP มานานมากกก และมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกและชื่อวงบ่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ (วง Rania เป็นวงรุ่นน้องของ Baby V.O.X เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังในตำนานของเกาหลี) อเล็กซ์ได้มาเผยชีวิตของไอดอลชาวต่างชาติในวงการ K-POP ให้ฟังในแชนแนลของแร็ปเปอร์สาว GRAZY GRACE มีหลายเรื่องเลยที่พี่เองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน พูดเลยว่าแซ่บ!
 
ไอดอลชาวต่างชาติกับปัญหาเรื่องภาษาและวัฒนธรรม
 
        อเล็กซ์บอกว่าเธอเพิ่งเข้าวง BP Rania ไม่นานและก็คัมแบ็คเลย จึงทำให้เธอไม่ได้ฝึกซ้อมมากเท่าที่ควรเหมือนกับไอดอลคนอื่นๆ และรวมไปถึงเรื่องภาษาที่เริ่มจากศูนย์ จึงมีหลายครั้งที่เธอกับเมมเบอร์สื่อสารกันไม่เข้าใจ แต่ก็ยังมีเมมเบอร์บางคนในวงที่พูดภาษาอังกฤษได้ ซึ่งเค้าก็พยายามช่วยเธออยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตามอเล็กซ์ก็บอกว่า ไม่อยากพึ่งพาคนอื่นมากเกินไปเพราะว่าไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเธอเป็นตัวปัญหา
 

 
เมื่อเมมเบอร์เด่นเกินไป...ก็กลายเป็นปัญหา
 
       ในตอนนั้นวง BP Rania กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งเป็นเพราะว่ากระแสจากอเล็กซ์ ข่าวหลายต่อหลายสำนักทั้งในเกาหลีรวมถึงต่างประเทศต่างนำเสนอเรื่องราวของเธอในเรื่องของไอดอลสาวผิวสีคนแรกในวงการ K-POP ซึ่งว่ากันตามตรงแล้ว อเล็กซ์เองไม่ได้อยากให้ทุกคนโฟกัสที่จุดนั้นด้วยซ้ำ และเมื่อแสงสปอตไลท์ฉายมาที่เธอแค่เพียงคนเดียวอย่างโดดเด่นมากเกินไป แน่นอนว่าจึงเกิดความอิจฉาและความไม่พอใจเกิดขึ้น บรรยากาศภายในวงก็เปลี่ยนไป เธอบอกว่าในตอนแรกก็รู้สึกภูมิใจมากและมองเห็นเมมเบอร์คนอื่นๆ เป็นเหมือนครอบครัวเหมือนพี่น้อง แต่พออยู่ไปก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นมากเท่าไหร่นัก แม้ว่าจะไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งหรือถูกเลือกปฏิบัติแย่ๆ ใส่ก็ตาม   
 
รายการเพลงคือจุดเริ่มต้นของการเดท 
 
        เมื่อกี้เวย์ Crayon Pop เล่าว่าการแอบเดทกันนั้นเป็นเรื่องยากมาก เรามาฟังเรื่องเล่าของอเล็กซ์เกี่ยวกับเดทกันของไอดอลบ้างดีกว่า ซึ่งเธอบอกว่า เธอเองก็เคยมีประสบการณ์เดทกับไอดอลหนุ่มจากวงอื่นอยู่เหมือนกัน ซึ่งจุดเริ่มต้นนั้นก็เกิดจากรายการเพลงที่ไปโปรโมทนี่แหละ ถ้าใครเคยดูรายการเพลงเกาหลี ไม่ว่าจะ Music Core, Mcountdown, Music Bank, The Show, Inkigayo หรือ Show Champion หลังจบรายการจะมีการประกาศรายชื่อผู้ชนะรายการเพลงในแต่ละสัปดาห์ และช่วงชุลมุนตอนนั้นระหว่างที่ไอดอลเดินก้มทักทายหรือเดินสวนกันไปมา บางคนก็จะแอบเอากระดาษมายื่นใส่มือ เป็นโพยเบอร์ไอดี Kakao Talk (แอปแชตของเกาหลี) ตอนนั้นอเล็กซ์ได้รับก็รู้สึกงงและหันไปมองหน้าคนที่มายัดเบอร์ใส่มือให้ ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน 5555
 

 
        นอกจากนี้แล้วเธอยังบอกว่าอีกว่า ไอดอลมักจะนัดมาเจอกันตามโรงอาหารของรายการ หรือตามบันไดระหว่างรอเช็กไมค์เพื่อทำการแสดง รวมถึงตอนที่ไอดอลรุ่นน้องมารวมตัวยืนรอทักทายรุ่นพี่หลังเวที หลายคนก็อาศัยจังหวะนี้ส่งซิกให้กัน และยังมีอีกวิธีที่เธอรู้สึกว่าเจ๋งมากก็คือ การแอบใส่เบอร์มือถือลงในอัลบั้มซีดี (ธรรมเนียมไอดอลเกาหลีมักจะมีการแลกอัลบั้มกันหลังเวที) ซึ่งอเล็กซ์เล่าอย่างติดตลกว่า ในตอนแรกเธอไม่รู้ว่าพวกหนุ่มๆ ไอดอลพวกนั้นจะใส่เบอร์โทรมาทำไมในอัลบั้ม เธอเลยเอาไปให้ผู้จัดการของวงซะเลย ซึ่งผู้จัดการวงก็ยึดไปและบอกว่าห้ามติดต่อกันเด็ดขาด แต่หลังจากนั้นพอได้รับอีกก็ไม่ให้ผู้จัดการเห็นแล้ว 55555 ส่วนสถานที่เดทนอกจากรายการเพลงของไอดอลหลายคนที่นิยมมากๆ ก็คงจะเป็นริมแม่น้ำฮันนี่แหละ เธอเองก็เคยมาเดทที่นี่ แม้ตอนนั้นจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ก็ตาม 
 
สิ่งที่ดีและแย่ในวงการสำหรับเธอ 
 
        หลายคนอาจเข้าใจว่าเหตุผลที่เธอเลือกออกจากวง Bp Rania เป็นเพราะถูกไล่ออก แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เธอเลือกออกเพราะว่าสถานการณ์ในตอนนั้นมันไม่ดีต่อสุขภาพจิตใจ เรื่องที่เธอเจอมันทำลายความสุขจนไม่สามารถรับมือได้แล้วก็เลยเลือกออกมา แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีเรื่องราวดีๆ มากมายในวงการที่เธอได้เรียนรู้ อย่างแรกเลยคือเธอได้ทำตามความฝันของตัวเอง แต่สิ่งที่ยากที่สุดของการเป็นไอดอลเกาหลีสำหรับเธอคือ การที่ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ไอดอลทุกคนก็เหมือนทรัพย์สินของบริษัท และเป็นคนของวงการจึงถูกคาดหวังเยอะ ซึ่งตรงนี้จะต่างจากอเมริกาตรงที่ศิลปินที่นู่นจะมีพาวเวอร์ในการจัดการและเป็นตัวของตัวเองได้มากกว่า แต่ที่เกาหลีนอกจากจะไม่สามารถเป็นในสิ่งที่ต้องการได้แล้ว มิหนำซ้ำก็อาจจะถูกวิจารณ์จากคนรอบข้างอีกมากมายว่าคนที่มาเป็นไอดอลคือคนที่ไม่เก่งพอที่จะสามารถหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งได้ ซึ่งความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย   
 

Clip



 

เปิดใจ ‘แอมเบอร์ f(x)’ ตั้งแต่ชีวิตเทรนนี่และเมมเบอร์ออกจากวง
 


 
       ปิดท้ายที่แอมเบอร์ จากวง f(x) แม้จะไม่ได้คัมแบ็คมาหลายปีแล้วแต่ก็มีแฟนคลับมากมายที่เฝ้ารอคอยวันที่สาวๆ จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง (พี่คนนึงแหละ ฮืออ TT) ล่าสุดแอมเบอร์ได้มาเปิดใจในรายการในแชนแนล Just Kidding News เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตไอดอล และประเด็นดราม่าเมมเบอร์ออกจากวง…  
 
ชีวิตเทรนนี่สุดหินในค่ายยักษ์ใหญ่ 
 
       คนที่ติดตาม K-POP ก็น่าจะพอรู้กันมาบ้างเนอะ ถ้าพูดถึงค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีก็ต้องนึกถึงค่าย SM Entertainment กันเป็นชื่อแรกๆ เพราะสร้างศิลปินคุณภาพประดับวงการเยอะมาก และแน่นอนว่ากว่าจะเดบิวต์ศิลปินไอดอลออกมาได้แต่ละคนก็ต้องผ่านการเคี่ยวเข็ญมาอย่างหนักหน่วง ซึ่งแอมเบอร์ก็ได้บอกว่า ตอนที่เธอเข้ามาในบริษัทก็มีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้น เด็กฝึกบางคนเทรนมา 6 -7 ปี แต่สมาชิกของ f(x) เฉลี่ยแล้วเทรนน้อยกว่า 5 ปีทั้งหมด ยิ่งตัวเค้าเองเทรนมาแค่ปีครึ่งก็ได้เดบิวต์แล้ว มันยิ่งทำให้รู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนที่เธอถูกเลือกให้ได้เดบิวต์ในวง f(x) ทั้งที่เทรนมาน้อยกว่า และยังมีเทรนนี่คนอื่นๆ ที่เก่งกว่าเธอ อีกทั้งเด็กฝึกเหล่านั้นก็เป็นคนที่คอยดูแลเทคแคร์ตอนที่เธอเข้ามาในบริษัทใหม่ๆ อีกด้วย ซึ่งหนึ่งในเด็กฝึกรุ่นพี่ที่เทรนมานานกว่าแอมเบอร์ แต่กลับได้เดบิวต์ทีหลังก็มี ‘ซึลกิ  จากวง Red Velvet’ 
 


 
กว่าจะได้เดบิวต์เป็น f(x)
 
        ในช่วงที่ค่ายกำลังเตรียมฟอร์มวง f(x) จะมีการสอบประเมินรายสัปดาห์เพื่อดูว่าผลงานใครเข้าตา และในทุกๆ 3 เดือนจะมีการจัดโชว์เคสเพื่อคัดเลือกคนที่จะได้เดบิวต์ และหลังจากได้สมาชิกของวงตามที่ต้องการแล้ว บริษัทก็จะให้ทุกคนลองใช้ชีวิตและทำงานร่วมกันเพื่อดูเคมีและการทำงานด้วยกันเป็นอย่างไรบ้าง แอมเบอร์ยังบอกอีกว่า ในตอนที่เธอถูกคัดเลือกให้เป็นเมมเบอร์ก็ไม่ได้มีเทรนนี่คนไหนที่ทำไม่ดีกับเธอ หรือกลั่นแกล้งเธอเพราะว่าไม่ได้เดบิวต์ แต่กลับเป็นสต๊าฟของบริษัทซะมากกว่าที่เป็นขัดขาและพยายามกลั่นแกล้งเธอเพื่อไม่ให้เดบิวต์ (แรงอะ)               
 
คิดอย่างไรเมื่อเมมเบอร์ออกจากวง?
 
        ต้องบอกว่าหลังจากเดบิวต์มา วง f(x) ก็ได้รับความรักจากแฟนๆ เป็นจำนวนมาก ออกเพลงอะไรมาก็ดัง แต่แล้ววงก็เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อเมมเบอร์ของวงอย่าง ‘ซอลลี่’ ได้ประกาศลาออกจากวงเพื่อไปโฟกัสงานแสดง ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีเมมเบอร์คนไหนได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้อย่างจริงจัง แต่ล่าสุดแอมเบอร์ก็ได้เปิดใจถึงประเด็นนี้แล้วครับ 
 
         “เธอก็แค่สนใจด้านอื่น ถ้าทำแล้วมีความสุขก็ลุยเลย เพราะเธอเลือกที่จะไปเอง จริงๆ ฉันก็พอรู้ว่าเวลามีเมมเบอร์ออกจากวงมันมักจะมีดราม่าตามมา มีการวิพากษ์วิจารณ์มากมายในโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่สำหรับพวกเราคือ ถ้าเธอไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร โฟกัสในเรื่องของตัวเองไป เพราะเราก็รู้กันว่าเธอผ่านอะไรมาหลายอย่าง ต่างคนต่างก็มีเรื่องต้องพบเจออยู่แล้วแหละ สำหรับวงเราก็ไม่ใช่ว่าจะชิลล์ๆ อะไรขนาดนั้นนะ แต่มันก็แค่เราเข้าใจเค้าอะ" 
 

 
       "สิ่งที่แย่ที่สุดในวงการ K-POP คือ หลายวงต้องมีเมมเบอร์ต่างที่มารวมกันและอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง สุดท้ายมันก็ต้องมีเรื่องชวนปวดประสาท (เพราะไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกันแบบธรรมชาติเหรอ?) มันก็ใช่ แต่สุดท้ายแล้วเราก็เข้าใจ ถ้าเค้าไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำ ในฐานะเพื่อน เราก็ไม่อยากขัดความสุข” 
 

Clip



 
       พอได้รู้เรื่องราวของแต่ละคนแล้วก็ทำให้รู้เลยเนอะว่าวงการ K-POP นั้นไม่มีอะไรง่ายเลย ตอนเป็นเทรนนี่ก็ว่าหนักแล้ว แต่พอเดบิวต์แล้วก็ไม่ได้การันตีว่าจะประสบความสำเร็จหรือมีความสุขเสมอไป อีกทั้งยังมีอุปสรรคมากมายที่บางทีก็ไม่อาจคาดเดาได้อีก ส่วนเรื่องการเดทของไอดอลนั้น พี่คิดว่าเป็นเรื่องปกติของวงการแหละ เพราะไอดอลเค้าก็คือมนุษย์คนนึง แต่ก็อย่างว่าเมื่อเลือกเดินเส้นทางนี้แล้วมันก็ต้องยอมรับและยอมเสียความเป็นตัวเองไปด้วย ความจริงแล้วพี่ว่าน่าจะมีอีกหลายเรื่องเลยล่ะที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย วันหลังถ้าเจอเรื่องของใครน่าสนใจจะแวะมาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ //แฮร่ 
พี่วุฒิ
พี่วุฒิ - Columnist มนุษย์ 4 มิติผู้หลงใหลในเพลงเกาหลี ชาเนสที และหมูกระทะ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น