สวัสดีค่า ช่วงนี้น้องๆ คงเห็นข่าวรักๆ เลิกๆ ของทั้งวงการไทยและต่างประเทศมีมาตลอดเลยนะคะ ใครเสพข่าวมากๆ แล้วรู้สึกเหนื่อย เรามาพักดราม่าและลองมาเรียนรู้ข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับประเด็นความรักกันสักนิดดีกว่า~ วันนี้พี่กิ๊ฟเลยจะพาชาว Dek-D ไปอัปเดตมุมมองความรักของชาวเกาหลีในยุคนี้กันสักหน่อยว่ามีอะไรเปลี่ยนไปจากที่เราเคยเข้าใจมั้ยนะ~?
ถึงแม้ว่าประเทศเกาหลีจะขึ้นชื่อเรื่องคู่รัก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ของคู่ การฉลองทุกวันสำคัญ การสกินชิพตามที่เราเห็นในซีรีส์ หรือจะเป็นตัวละครที่มักบ่นว่า “เมื่อไหร่ฉันจะมีความรักสักที!” จากนั้นก็ขะมักเขม้นตามหาคู่จากการนัดบอร์ด (blind date) อยู่บ่อยครั้ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เราคิดว่า “คนเกาหลีต้องมีแฟนทุกคน!”, “การมีแฟนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนเกาหลี” ฯลฯ พี่อยากจะบอกว่า.. ความคิดนี้ได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้วนะคะ เพราะคนเกาหลีรุ่นใหม่หลายคนเขาไม่นิยมมีคู่กันแล้ว!!
Sampo Generation (삼포세대)
หลายปีที่ผ่านมาแนวคิดปัจเจกนิยม (Individualism) ที่มองว่าทุกคนเท่าเทียมกันจากฝั่งตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมเกาหลี คนรุ่นใหม่จึงเริ่มทิ้งความเชื่อของลัทธิขงจื๊อที่มองว่าการแต่งงานเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการสืบสกุล เราเรียกคนรุ่นนี้ว่า “Sampo Generation (삼포세대)” หมายถึง การเลิก 3 สิ่ง คือ การหาคู่, การแต่งงาน, การให้กำเนิด
ด้วยแนวคิดดังกล่าว อัตราการเกิดของประชากรปีล่าสุดจึงลดลงจนเกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่มีคนเกิดใหม่น้อยที่สุดในโลก! เฉลี่ยได้ประมาณ 1.11 คนต่อผู้หญิง 1 คน (ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ 2.4 คน และของไทยอยู่ที่ 1.535 คน) ซึ่งการลดการกำเนิดไม่ใช่เรื่องดีนะคะ เพราะการทำงานต่างๆ เรายังต้องการแรงงานคนอยู่ ถ้าประเทศมีแต่คนสูงอายุ บริษัทก็อาจจะต้องจ้างผู้สูงวัยมาทำงานแทนวัยรุ่น คุณภาพงานก็อาจไม่ดีหรือไม่ทันสมัยเท่า ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่ทางเกาหลีกังวลมากกกกถึงขนาดเรียกว่า “ศัตรูของเกาหลีใต้” เลยพยายามเร่งแก้ไขอยู่ค่า T_T
แพ็กเกจแต่งงาน!
น้องๆ สงสัยมั้ยคะว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเกาหลีเปลี่ยนไปยึดแนวคิดตะวันตกแทน? พี่มีคำตอบมาให้แล้วค่ะ แต่ก่อนอื่นเลยเคยได้ยินคำว่า “การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของคน 2 คน” มั้ยคะ? การแต่งงานของคนเกาหลีก็คล้ายๆ คำดังกล่าวของไทยเลยคือ ครอบครัว 2 ฝั่งจะรวมกันเป็นครอบครัวเดียว และต้องช่วยกันดูแลพ่อ, แม่, ญาติพี่น้องของแต่ละฝ่าย นอกจากนี้การแต่งงานยังมีเรื่องของ “ลูก” ตามมาด้วย ทั้งหมดที่ว่าคนเกาหลีจึงเรียกว่า “แพ็กเกจแต่งงาน” ด้วยความที่ต้องดูแลรับผิดชอบหลายอย่าง คนรุ่นใหม่จึงไม่นิยมการแต่งงานเหมือนแต่ก่อนแล้วค่ะ ซึ่งจากสถิติตั้งแต่ปี 1970 มีจำนวนคนเกาหลีโสดเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่าทีเดียว!!
cr. dramafull.com
ถ้าให้เจาะลึกลงไปอีก เพศที่หวาดกลัว “แพ็กเกจแต่งงาน” มากกว่าดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงค่ะ สาเหตุก็เป็นเพราะหน้าที่ในบ้านส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงต้องทำ ไม่ว่าจะตั้งท้อง, เลี้ยงดูลูก, ทำงานบ้าน, หรือดูแลสามีและพ่อแม่ แล้วบางคนยังต้องทำงานนอกบ้านอีก ด้วยความที่สมัยนี้โลกเสรีมากขึ้น ผู้หญิงบางส่วนจึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมเอาซะเลย! และเขาก็ไม่แคร์ที่จะโสดด้วย (เพราะมีการศึกษาและหาเลี้ยงตัวเองได้) จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่การแต่งงานจะมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ โดยปี 1970 ถึงปี 2010 มีจำนวนผู้หญิงเกาหลีอายุ 30-34 ปียังไม่แต่งงานเพิ่มขึ้นเกือบ 30%!!
ค่าครองชีพที่สูง
อีกสาเหตุที่คนอยากโสดกันมากขึ้นก็คือ ปัญหาเศรษฐกิจค่ะ ปัญหานี้คงคล้ายๆ กับบ้านเราเลย เพราะคนไทยเองก็ไม่ค่อยอยากแต่งงานมีลูกกันแล้วเนื่องจากค่าครองชีพสูงมากกกกกก แค่ข้าวของของตัวเองก็แพงมากๆ แล้ว ถ้าแต่งงานมีลูกก็ต้องมีค่าเทอม ค่าขนม ค่าดูแลต่างๆ เพิ่มอีก คนสมัยนี้เลยมองว่าการแต่งงานเหมือนเพิ่มภาระให้ตัวเองเลยคิดว่าเซย์กู๊ดบายน่าจะดีกว่าค่า
cr. pixabay.com
ปัญหาการทำงานหนัก
อีกเรื่องสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “วัฒนธรรมการทำงาน” ของคนเกาหลีค่ะ เรื่องนี้ถือว่าขึ้นชื่อมากกก ทุกคนน่าจะเคยได้ยินกันนะคะว่าหัวหน้าคนเกาหลีดุและเข้มงวดสุดๆ งานเยอะแล้วก็ทำกันจนดึกดื่นเกินเวลาเลิกงานจริงเป็นเรื่องปกติค่ะ จากผลสำรวจปี 2017 ค่าเฉลี่ยของคนเกาหลีอยู่ที่ 2,024 ชั่วโมงต่อปี ซึ่งมากกว่าคนฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อเรื่องการบริหารเวลาชีวิตได้ดีถึง 500 ชั่วโมง ด้วยเหตุนี้คนเกาหลีจึงแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน.. ทำให้คนโสดไม่มีโอกาสหาแฟน คนมีคู่ก็ไม่มีเวลาให้คนรัก อัตราการเกิดก็ลดลงไปเรื่อยๆ อย่างที่เห็นค่ะ :(
cr. unsplash.com
ด้วยสาเหตุทั้งหมดคนเกาหลีจึงไม่นิยมมีคู่, แต่งงาน, และมีลูกกัน เพราะทุกอย่างดูเหมือนจะเพิ่มงานให้ตัวเองยังไงอย่างงั้น! อย่างไรก็ตาม...การให้กำเนิดคนรุ่นใหม่ถือเป็นเรื่องสำคัญต่อประเทศชาติมากกกก รัฐบาลจึงไม่สามารถนิ่งนอนใจได้เลยพยายามออกนโยบายต่างๆ เช่น ลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์จาก 68 ชั่วโมงเป็น 52 ชั่วโมง, เสนอร่างกฎหมายให้นักศึกษาต่างชาติที่เรียนจบในเกาหลีสามารถเปลี่ยนโอนสัญชาติได้ และข่าวดีพิเศษสุดๆ สำหรับคนที่ทำงานกระทรวง! รัฐบาลเขากำหนดให้แต่ละเดือนมี 1 วันที่ตึกจะปิดไฟตั้งแต่ 1 ทุ่มตรง (เป็นการไล่กลับบ้านเบาๆ) พนักงานจะได้มีเวลาส่วนตัวไปหาแฟนหรืออยู่กับคนรักมากขึ้นค่า ><
(ป.ล. ตรงนี้หลายคนมองว่าเป็นวิธีที่ไม่ได้ผลเพราะต้องแก้ปัญหาเรื่อง “ความไม่เท่าเทียมในครอบครัว” ด้วยค่ะ)
จริงๆ แล้วปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศเกาหลีนะคะ ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฯลฯ เองก็มีคนโสดเพิ่มขึ้นจนอัตราการเกิดลดลงเหมือนกัน สาเหตุส่วนใหญ่ก็เกิดจากเศรษฐกิจนี่แหละค่ะ ของแพงขนาดนี้ คนก็ไม่อยากมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเนอะ~ คนเกาหลีเองก็ด้วย ประเทศเขาเปิดกว้างมากขึ้น ความเชื่อเดิมๆ ก็อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับสถานการณ์ปัจจุบัน.. ตอนนี้เรื่องแต่งงานสำหรับเขาจึงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอีกต่อไปแล้วค่ะ :)
Sources:
2 ความคิดเห็น
ดีค่ะ เป็นโสดแล้วไม่หนักหัวใคร
พอเราทำงานเราก็ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่เรา พอแต่งงานเราก็ต้องดูแลพ่อแม่เขาอีก
พูดง่ายๆคือภาระทางบ้านของพวกผู้ชายจะตกอยู่กับผู้หญิงซะหมด เป็นแบบนี้ไม่แปลกหรอกที่คิดจะไม่อยากแต่งงาน