Photo Credit: https://www.cambodianchildrensfund.org/
 

        มาเริ่มกันที่เรื่องราวของ 'โซฟี รอน' อดีตเด็กสาวที่เติบโตจากสลัมในพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โซฟีเคยเป็นเด็กคนนึงที่เคยไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา ในขณะที่เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันไปโรงเรียนแต่ชีวิตวัยเด็กของโซฟีนั้นไม่ได้โชคดีเหมือนกับคนอื่น เพราะเธอต้องทำงานตั้งแต่ยังเด็กด้วยการเก็บขยะเพื่อช่วยเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัว ในแต่ละวันเธอจะถือกระสอบไปเก็บขยะกองใหญ่ๆ ที่ถูกนำมาทิ้งไว้นอกเมือง ไม่ใช่แค่เพียงขยะที่สกปรกเท่านั้น แต่ขยะเหล่านั้นยังปนเปื้อนไปด้วยสารเคมีที่อันตรายต่อร่างกายอีกด้วย และก็ไม่ใช่แค่เก็บขยะไปขายแค่เพียงอย่างเดียวนะครับ โซฟียังต้องกินอาหารบูดเน่าที่เหลือทิ้งในกองขยะเหล่านั้นอีกด้วย T__T
 

Photo Credit: https://www.cambodianchildrensfund.org/
 

       ถึงแม้หลังจะสู้ฟ้าส่วนหน้าสู้กองขยะ โซฟีก็มีความใฝ่ฝันอยากจะเรียนหนังสือเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ และในที่สุดก็ได้มีคนหยิบยื่นโอกาสดีๆ มาให้เธอ เมื่อองค์กร CCF หรือ Cambodian Children's Fund มูลนิธิช่วยเหลือเด็กยากไร้ในกัมพูชาได้รับเธอเข้าไว้ในอุปถัมภ์ ซึ่งโอกาสในครั้งนั้นเรียกว่าได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาลเลยครับ โซฟีได้มีโอกาสเข้าโรงเรียนครั้งแรกก็เมื่อตอนอายุ 11 ขวบ คือช้ากว่าคนอื่นไปเยอะมากกก แต่เธอก็ไม่ย่อท้อและพยายามเรียนไล่ตามเด็กคนอื่นจนทัน และเรียนจบมัธยมด้วยคะแนนดีเด่นอีกด้วย 
 

Photo Credit: https://www.cambodianchildrensfund.org/
 

        และด้วยผลการเรียนอันยอดเยี่ยมของเธอ ทำให้เธอได้รับทุนเต็มจำนวนเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศออสเตรเลียที่ Trinity College ของ The University of Melbourne และล่าสุดโซฟีก็เพิ่งจบการศึกษาไปหมาดๆ เพื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอีกด้วย โดยในวันจบการศึกษาเธอได้เป็นตัวแทนบัณฑิตของรุ่นขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีด้วยนะครับ ถือว่ามาไกลมากจริงๆ น่าปลื้มใจแทนมากๆ เลยครับ :D  

 

        น้องๆ ยังจำคลิปวิดีโอไวรัลของเด็กชายกัมพูชาที่สามารถพูดได้ถึง 12 ภาษาได้มั้ยครับ? สำหรับ 'เด็กชายธุช สาลิก' พ่อค้าเด็กวัย วัย 14 ปี ผู้ขายของที่ระลึกที่จังหวัดเสียมราฐและโด่งดังเมื่อปลายปีที่แล้วกับคลิปพ่นภาษาจีนกวางตุ้ง, จีนแมนดาริน, อังกฤษ, มาเลเซีย, ไทย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ฝรั่งเศส, สเปน, เยอรมัน และฟิลิปปินส์ เพื่อพูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้น้องสาลิกได้ไปเรียนต่อที่ประเทศจีนแล้วนะครับ 
 

Photo Credit: Jack Board
 

        หลังจากที่มีคนอัปโหลดคลิปน้องสาลิกพูดหลากหลายภาษาเพื่อขายของให้กับนักท่องเที่ยวจนเป็นที่ฮือฮาในโซเชียล เรียกว่าหลายคนก็ประทับใจในความสามารถของเค้ากันเยอะมากกก โดยเฉพาะกับชาวจีน เพราะหลังจากที่คลิปโด่งดังมีสื่อมากมายติดต่อให้เค้าไปออกรายการเพื่อขอสัมภาษณ์ รวมถึงมีเศรษฐีชาวจีนยื่นโอกาสขอช่วยเหลือเรื่องการศึกษาให้กับเค้าอีกด้วย เพราะโดยพื้นฐานครอบครัวของน้องมีรายได้ที่ไม่ได้มากนัก พ่อแม่ของสาลิกได้เผยกับสื่อว่า ครอบครัวของเค้านั้นค่อนข้างลำบากและมีหนี้สินเยอะ ทำให้ลูกชายของเค้าต้องมาช่วยครอบครัวทำมาหากินตั้งแต่อายุ 10 ขวบด้วยการขายของที่ระลึกแถวนครวัด โดยในแต่ละวันหลังจากเลิกเรียนในตอนบ่าย สาลิกจะมาช่วยครอบครัวขายของอยู่เสมอ ทำให้ไม่ได้มีโอกาสไปเรียนพิเศษหรือติวหนังสือเหมือนกับคนอื่น แต่อย่างไรก็ตามสาลิกก็ไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ เพราะว่าหลังจากเลิกงานทั้งสาลิกมักหาเวลาเรียนภาษาเพิ่มเติมอยู่เสมอ รวมถึงเรียนรู้ภาษาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกด้วย 
 

Photo Credit : South China Morning Post
 

        ตอนนี้น้องสาลิกกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนภาษาต่างประเทศไห่เหลียงในประเทศจีน หลังจาก เฝิง ไห่เหลียง ประธานกลุ่มไห่เหลียง ผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ในเมืองจูจี้และเป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งนี้รับมาอุปการะดูแล ซึ่งเค้าได้มอบทุนเรียนต่อให้น้องสาลิกรวมถึงค่าใช้จ่ายจนกว่าสาลิกจะเรียนจบมหาวิทยาาลัยระดับปริญญาโท โดยส่วนตัวสาลิกบอกเอาไว้ว่าอยากเรียนต่อที่ Peking University หรือมหาวิทยาลัยปักกิ่ง พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายไว้ว่าหลังเรียนจบอยากเป็นนักธุรกิจ ผู้ผลิตสินค้าส่งออกขายที่จีนอีกด้วย พอเห็นถึงความมุ่งมั่นแล้วพี่เชื่อว่าน้องสาลิกต้องทำได้แน่นอน!

 

Photo Credit : https://www.aol.com/
 

        ปิดท้ายที่ 'แมดด็อกซ์' ลูกชายบุญธรรมหัวแก้วหัวแหวนของนักแสดงสาวชื่อดังระดับโลกอย่าง 'แองเจลินา โจลี' ที่เธอได้รับเค้ามาอุปการะเลี้ยงดูตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งตอนนั้นเค้ามีอายุแค่เพียง 7 เดือนเท่านั้น โดยโจลีได้พบกับแมดด็อกซ์ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าระหว่างที่เธอไปถ่ายภาพยนตร์ที่ประเทศกัมพูชา 
 

Photo Credit : Getty Images
 

       ถ้าเทียบกับเรื่องราวของโซฟีและสาลิก แมดด็อกซ์อาจจะไม่ได้เผชิญช่วงวัยเด็กที่ยากลำบากเท่ากับคนอื่นๆ มากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงแม้จะดูเหมือนโชคดีกว่าคนอื่น แมดด็อกซ์ก็เป็นเด็กดีมาก ที่ผ่านมาเค้าคอยช่วยเหลืองานของโจลี่อยู่เสมอ อย่างเมื่อหลายปีก่อนแมดด็อกซ์ก็เข้ามาเป็นผู้ช่วยและเรียนรู้การทำงานในกองถ่ายขณะที่โจลี่เตรียมทำหนังเรื่อง First They Killed My Father : A Daughter of Cambodia Remembers ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดชีวิตความยากลำบากช่วงที่เขมรแดงเข้ายึดครองกัมพูชาในช่วงยุค 70 ซึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมีประชาชนเสียชีวิตเกือบ 2 ล้านคนเลยครับ โดยโจลีได้เคยบอกเอาไว้ว่า การที่เค้ามาช่วยทำภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เหมือนเป็นการเรียนรู้งานไปในตัว รวมถึงเรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ชาติเกิดของเค้าอีกด้วย      
 

แองเจลินา โจลี ส่งแมดด็อกซ์รายงานตัวนักศึกษาใหม่ที่ Yonsei University
 

        และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็มีเรื่องให้ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อแมดด็อกซ์ ได้ตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนต่อระดับปริญญาตรี สาขาชีวเคมี (Biochemistry) ที่ Yonsei University มหาวิทยาลัยที่จัดอยู่ในกลุ่ม SKY หรือ 1 ใน 3 มอดังที่คนเกาหลีอยากเรียนต่อมากที่สุดนั่นเองครับ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลของการตัดสินใจมาเรียนที่เกาหลีเป็นเพราะว่าเค้าอยากลองใช้ชีวิตแบบอิสระเหมือนวัยรุ่นอเมริกันทั่วไปที่อยากหาความท้าทายให้ตัวเอง และตัวแมดด็อกซ์เองก็มีความชอบความหลงใหลในวัฒนธรรมเกาหลีอยู่แล้ว ซึ่งในก่อนหน้านั้นเค้าก็เคยบินมาที่เกาหลีกับโจลี่ เพื่อเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะเรียนที่ไหนดี ในระหว่างที่คอยช่วยเหลืองานคนเป็นแม่ในการปฏิบัติภารกิจขององค์กร UNHCR นั่นเองครับ 

 

       จะว่าไปแล้วคำว่าโอกาสมันมีความหมายสำหรับชีวิตคนนึงมากเลยเนอะ โดยเฉพาะกับโอกาสในการศึกษา เพราะในโลกนี้มีเด็กอีกมากมายเลยที่ยากจนและไม่มีโอกาสในการเรียนต่อ พอเห็นคนที่เค้าได้รับโอกาสแล้วก็ทำได้ดี ก็แอบรู้สึกประทับใจด้วยมากๆ เลยครับ :)