เปิดวิธีการผลิต "ฟัวกราส์" อาหารหรูจากความโหดร้ายที่บังคับให้สัตว์กินด้วยการสอดท่อ!

       สวัสดีชาว Dek-D ทุกคนค่ะ วันนี้ พี่เยลลี่ อ่านเจอข่าวนึงที่น่าสนใจมากๆ นั่นคือข่าวกรุงนิวยอร์กผ่านร่างกฎหมายห้ามขาย “ฟัวกราส์” นั่นเองค่ะ ซึ่งเจ้าฟัวกราส์เนี่ยเรียกได้ว่าเป็นอาหารหรูหรานิยมกันทั่วโลกเลย หลายๆ คนบอกว่ามันอร่อยมากก รสชาตินุ่มละมุนลิ้นแตกต่างจากตับเป็ดหรือตับห่านธรรมดาทั่วไป แต่น้องๆ ทราบมั้ยคะว่าเบื้องหลังกรรมวิธีการผลิตฟัวกราส์นั้นโหดร้ายสุดๆ ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นการทรมานสัตว์เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเราจะไปดูกันค่ะว่ากว่าที่จะได้ฟัวกราส์มาแต่ละชิ้นต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง ตามมาดูกันได้เลย!

 
คำเตือน: มีภาพที่รุนแรงกับสัตว์ อาจก่อให้เกิดความไม่สบายใจได้ค่ะ 
 
        อย่างที่พี่ได้เกริ่นไปในตอนแรก กรุงนิวยอร์กได้ผ่านร่างกฎหมายแบนการขายฟัวกราส์ไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมานี้เองค่ะ ซึ่งสภาเทศบาลของนครนิวยอร์กนั้นลงคะแนนโหวตไปแบบท่วมท้นถึง 42 ต่อ 6 โดยกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ในปี 2020 ถ้าหากมีการฝ่าฝืนจะถูกปรับตั้งแต่ 500-2,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15,100-60,360 บาท)
 

Photo Credit: https://nypost.com/
 
       แน่นอนว่าพอข่าวนี้ออกมาวงการอาหารที่นู่นก็เดือดดาลกันใหญ่ เพราะมันมีผลกระทบกับธุรกิจไม่น้อยเลยค่ะ เนื่องจากที่นิวยอร์กเองมีร้านอาหารกว่า 1,000 ร้านที่บรรจุฟัวกราส์อยู่ในเมนู และยังมีผู้ผลิตฟัวกราส์รายใหญ่อีก 2-3 แห่ง การที่ออกกฎหมายมาแบบนี้ทำให้ในอีกประมาณ 3 ปีหลายๆ คนจะต้องตกงาน ซึ่งฟาร์มบางแห่งก็เตรียมตัวจะฟ้องร้องกลับอยู่เหมือนกัน
 
        แต่จริงๆ แล้วนิวยอร์กไม่ใช่ที่แรกที่ออกกฎหมายแบนการจำหน่ายฟัวกราส์นะคะ ก่อนหน้านี้ในปี 2012 รัฐแคลิฟอร์เนียก็แบนการซื้อขายไปแล้วเช่นกัน หรือจะเป็นต่างประเทศอย่าง อินเดีย ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา หลายประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเช็ก เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เยอรมนี อิตาลี ลักเซมเบิร์ก โปแลนด์ ตุรกี สหราชอาณาจักร และออสเตรียในหลายๆ แคว้นก็ด้วย เพราะเค้ามองว่าการผลิตฟัวกราส์นั้นเป็นการทรมานสัตว์ โหดร้าย และไม่มีมนุษยธรรม

 

Photo Credit: https://www.insider.com/
 
       Foie Gras ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ "ตับอ้วน" ถือเป็น 1 ในเมนูเลิศรสจากฝรั่งเศสที่ดังไปทั่วโลก ซึ่งบางคนก็อาจเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าการผลิตฟัวกราส์นั้นจะต้องขุนเป็ดหรือห่านให้อ้วนเข้าไว้ บางคนอาจจะสงสัยว่าแล้วการขุนสัตว์มันร้ายแรงขนาดขนาดนั้นเลยเหรอ? จริงๆ แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นค่ะ เพราะฟาร์มผลิตฟัวกราส์ทั่วไปจะใช้วิธีที่เรียกว่า “Gavage” ในการให้อาหาร ซึ่งเป็นการบังคับให้พวกสัตว์กินอาหารในปริมาณที่มากกว่าปกติวันละหลายๆ ครั้ง

 
       แต่ที่โหดร้ายกว่านั้นคือวิธีการป้อนค่ะ เค้าจะใช้วิธีจับเป็ดหรือห่านเอาไว้และสอดท่อเหล็กความยาว 20-30 เซนติเมตรผ่านคอ จากนั้นก็ฉีดอาหารปริมาณมากลงไปในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งอาหารที่ว่ามักจะเป็นข้าวโพดหรือพวกธัญพืชผสมกับไขมัน วิธีการนี้จะทำให้ตับเป็ดและตับห่านโตขึ้นกว่าปกติประมาณ 10 เท่า และเกิดเป็น “ภาวะไขมันพอกตับ” ซึ่งเป็นที่มาที่ทำให้ฟัวกราส์มีรสชาตินุ่มลิ้นผิดจากตับธรรมดาทั่วไปนั่นเอง   

 
       แค่นึกภาพตามก็ว่าหดหู่แล้ว แต่ในกรณีที่สัตว์เหล่านี้ดิ้นหนีตอนถูกเอาท่อเหล็กสอดลงไปในคอ หรือเกิดอาการอาเจียนระหว่างที่ถูกป้อน ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการหายใจไม่ออกหรือคอทะลุได้อีกเหมือนกัน T _ T นอกจากนี้การสอดท่อลงลำคอก็ยังทำให้หลอดอาหารอักเสบและติดเชื้อได้ง่าย ทำให้เกิดโรคร้ายแรงเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารอีกต่างหาก แถมการเลี้ยงเป็ดและห่านเพื่อผลิตฟัวกราส์นั้นส่วนใหญ่มักจะถูกขังอยู่ในกรงแคบๆ ที่เบียดกันจนขยับไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วการที่ตับของเจ้าพวกนี้มีขนาดใหญ่โตกว่าปกติก็ทำให้เจ้าพวกนี้ไม่สามารถทรงตัวได้อยู่ดีค่ะ และบางครั้งก็อาจเกิดภาวะเครียดจนถอนขนตัวเองหรือตีกับตัวอื่นๆ ด้วยซ้ำ (น้องงง T ___ T)
 
       ด้วยเหตุนี้หลายๆ คนเลยออกมาต่อต้านฟัวกราส์เพราะว่ามันเป็นการทรมานสัตว์ แต่ขอบอกว่าจริงๆ แล้วฟัวกราส์ก็สามารถเกิดโดยธรรมชาติได้เหมือนกันนะคะ อย่างที่บอกไปว่ามันคืออาการไขมันพอกตับ หากเป็ดหรือห่านตัวไหนที่กินเยอะๆ ก็สามารถเป็นภาวะนี้ได้ตามธรรมชาติ (คนเราเองก็เป็นโรคนี้ได้เหมือนกันจ้า 55555) เพียงแต่มันอาจจะไม่ได้เร็วทันความต้องการของตลาดเท่ากับวิธีบังคับป้อนอาหาร ไม่คุ้มกับการลงทุนและกำไรค่ะ
 
       แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีฟาร์มผลิตฟัวกราส์ที่นึงที่ใช้วิธีธรรมชาติ นั่นคือฟาร์ม "Eduardo Sousa" ในแคว้นเอกซ์เตรมาดูรา ประเทศสเปน ซึ่งที่นี่จะไม่มีการบังคับป้อนอาหารให้สัตว์ ไม่ขังอยู่ในกรง แต่เลี้ยงแบบเปิดโดยที่พื้นที่ฟาร์มนั้นกว้างถึง 500 เฮกเตอร์ (5 ตารางกิโลเมตร) จะมีก็แค่รั้วไว้ป้องสัตว์ป่าอื่นๆ เท่านั้นเองค่ะ และเค้าจะใช้วิธีทิ้งอาหารเอาไว้เยอะๆ ให้เป็ดและห่านกินกันเอง เพราะโดยปกติแล้วห่านจะมีการเก็บสะสมไขมันตามธรรมชาติอยู่แล้ว

 

Photo Credit: https://www.lefigaro.fr/
 
       ซึ่งคุณโซวซ่า เจ้าของฟาร์มก็บอกไว้ว่า อุตสาหกรรมการผลิตฟัวกราส์นั้นเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากกระบวนการนี้ แต่ว่ามันมากเกินไป เลยกลายเป็นการทรมานสัตว์ในรูปแบบนั้น ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงผลผลิตฟัวกราส์จากฟาร์มของเค้าก็ไม่ได้ทำกำไรได้มากเท่าไหร่ค่ะ ตับห่านจากฟาร์ม Eduardo Sousa ทั้งปีนั้นมีปริมาณพอๆ กับผลผลิตเพียง 3 เดือนของฟาร์มในฝรั่งเศสที่ใช้วิธี force-feeding และฟัวกราส์ที่ได้จากธรรมชาติก็มีน้ำหนักน้อยกว่าอีกต่างหาก แค่ประมาณ 450 กรัมเท่านั้น ในขณะที่ตับห่านจากฟาร์มเหล่านั้นจะหนักตั้งแต่ 600-1,000 กรัมเลย แต่คุณโซวซ่าก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนวิธีเพื่อสร้างกำไร นอกจากนี้เวลาจะฆ่าเพื่อเอาตับก็จะใช้วิธีดั้งเดิมที่ทำให้ห่านเครียดและเจ็บน้อยที่สุด และจะใช้วิธีฆ่าเป็นกลุ่มๆ เพื่อไม่ให้ตัวที่เหลือในกลุ่มรู้สึกเศร้าที่เพื่อนๆ หรือครอบครัวหายไปด้วย เรียกได้ว่าทำทุกวิถีทางให้ออกมาดีที่สุดเลยค่ะ

 


 
       พอได้รู้วิธีการได้ฟัวกราส์มาแบบละเอียดอย่างนี้แล้วรู้สึกว่ามันน่ากลัวมากเลยค่ะ T _ T ส่วนตัวแล้วพี่ว่าการกินเนื้อสัตว์ก็เป็นการดำรงชีพอย่างหนึ่ง แต่ถ้าต้องทำขนาดนี้ก็น่าสงสารสัตว์เหมือนกันนะ

 
Sources:
พี่เยลลี่
พี่เยลลี่ - Columnist อักษรศาสตร์ เอกมโน โทติ่ง หิวชานมตลอดเวลาและเป็นทาสลูกน้องแมว

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ืืืื่naoko Member 10 พ.ย. 62 11:34 น. 1

อ่านแล้วร้องไห้เลย ขอให่้เรื่องนี้ถูกแบนและถูกออกกฎหมายอย่าางจริงจังจนหมดการทำแบบนี้กับสัตว์

0
กำลังโหลด

4 ความคิดเห็น

ืืืื่naoko Member 10 พ.ย. 62 11:34 น. 1

อ่านแล้วร้องไห้เลย ขอให่้เรื่องนี้ถูกแบนและถูกออกกฎหมายอย่าางจริงจังจนหมดการทำแบบนี้กับสัตว์

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด