ผิวเราอยู่ฤดูไหน? ‘Personal Color’ คอร์สฮิตในเกาหลีเพื่อค้นหาสีที่ใช่ รู้แล้วชีวิตจะง่ายขึ้นมาก!

      อันยองครับน้องๆ ชาว Dek-D ช่วงนี้ก็ใกล้จะเข้าปีใหม่กันทั้งปี พี่วุฒิ เชื่อว่าพอจะเข้าสู่ปีใหม่ หลายคนอาจมีความคิดอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองกันบ้าง เสื้อผ้าเอย หน้าผมเอย ก็อยากลองสไตล์ใหม่ๆ กันบ้างล่ะเนอะ แต่การจะเปลี่ยนโฉมทั้งทีก็ไม่ได้ง่ายเลย โดยเฉพาะเรื่องโทนสีเสื้อผ้าซึ่งบอกเลยว่าเลือกยากมาก ถึงแม้จะมีบางสีที่เรารู้สึกชอบแต่พอใส่แล้วกลับไม่เข้ากับตัวเองซะงั้น บางสีใส่แล้วดูป่วย แต่ถ้าเจอสีที่ใช้ก็เพิ่มความมั่นใจให้กับเราได้เยอะเลย ยิ่งถ้าใครที่ชอบใส่เสื้อผ้าตามตารางสีมงคล (แบบพี่และชาวออฟฟิศ Dek-D) ถ้าเรารู้ว่าสีไหนที่เข้ากับตัวเอง นอกจาก(อาจจะ)ช่วยเสริมความมงคลแล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเราอีกไม่น้อยเลยล่ะ         
 

Photo Credit : Unsplash
 
       วันก่อนพี่ไถทวิตเรื่อยๆ แล้วเจอทวิตนึงเค้ารีวิวไปเข้าคอร์ส 'Personal Color Analysis' ที่เกาหลี เพื่อค้นหาว่าสีประจำตัวของเราเองนั้นเป็นสีอะไร จัดอยู่ในฤดูกาลไหน เฉดหรือโทนอะไร เข้มอ่อนขนาดไหน อะไรยังไงบ้าง ซึ่งความจริงแล้วต้องบอกว่าการคอร์สค้นหาสีของตัวเองในเกาหลีนั้นเป็นเทรนด์ที่มีมาหลายปีแล้วครับ พวกไอดอลคนดังส่วนใหญ่ก็จะถูกทดสอบค้นหาสีของตัวเองก่อนเหมือนกันเพื่อจะได้ประยุกต์กับการปรับลุคและคอสตูมที่ใส่นั่นเอง และไม่ได้มีแค่ในเกาหลีนะครับ จริงๆ แล้วมีหลายประเทศเลย ในประเทศไทยเองก็มีคนทำคอร์สแนวนี้อยู่ เท่าที่สังเกตส่วนใหญ่จะเป็นแนว Image consultant ซะส่วนใหญ่ ส่วนตัวพี่เองก็เพิ่งรู้นี่แหละครับว่าเค้ามีอะไรแบบนี้ด้วย 5555 และหลังจากอ่านรีวิวแล้วก็รู้สึกสนใจอยากลองไปทำบ้างแล้วครับ เพราะทุกวันนี้ใส่เสื้อผ้าสีมั่วมากเลย โดนทักว่าดูป่วยหลายรอบด้วย ฮ่าๆ ว่าแล้วก็เลยนั่งค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง Personal Color แล้วพบว่ามีหลายเรื่องน่าสนใจมาก วันนี้เลยจะมาเล่าตามที่เข้าใจให้น้องๆ ได้อ่านกันครับ ^^ 
 

Youtube : WooLara Company
 
       น้องๆ เป็นเหมือนกันมั้ยครับเวลามีคนถามว่าผิวเรานั้นเป็นสีอะไร แต่เราก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจว่าผิวของเรานั้นสีเหลือง ชมพู หรือแทนกันแน่ ส่วนพี่เองทุกวันนี้ก็ยังแยกไม่ค่อยถูกเลยครับ ฮ่าๆ แต่ถ้าให้จัดประเภทกันแบบทั่วไปแล้ว 'Undertone' หรือสีผิวที่ติดตัวเรามาแต่กำเนิดและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้นั้น จะแบ่งเป็นโทนเย็น (cool tone) และโทนร้อน (warm tone) เหมือนกับตอนเด็กๆ ที่เราเรียนเรื่องแม่สีในคลาสวิชาศิลปะเลยครับ ซึ่งวิธีสังเกตง่ายๆ ว่าของเรานั้นอยู่โทนไหน ก็ดูได้ด้วยตาเปล่านี่แหละ น้องๆ อาจจะสังเกตงจากเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับที่เราใส่ หรืออาจจะเป็นลิปสติกที่เราทาก็ได้ ถ้าคนที่มีผิวโทน cool ก็อาจจะใส่เสื้อผ้าที่มีสีฟ้า สีน้ำเงิน สีเขียว สีม่วงแล้วสวย แต่ถ้าใครผิวโทน warm ก็อาจจะใส่ชุดสีเหลือง สีส้ม สีแดง แล้วมีออร่ามากกว่า แต่ถ้าจะแยกแค่นี้ บอกเลยว่ามันง่ายไปครับ จริงๆ แล้วสีประจำตัวของเรามันละเอียดอ่อนกว่านั้น!
 

Photo Credit : http://dustmothstg.cafe24.com/#;
 
       ความจริงแล้วสีผิวของเราเค้าจะแบ่งเป็นตามฤดูกาล ซึ่งก็แยกมาจาก cool tone และ warm tone นั่นเอง โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดู ดังนี้
 
  • Cool Tone - Summer (ฤดูร้อน), Winter (ฤดูหนาว)
  • Warm Tone - Autumn (ฤดูใบไม้ร่วง), Spring (ฤดูใบไม้ผลิ)
     
       ซึ่งการหา Personal Color ของเรานั้น มันยังไม่จบแค่สีตาม 4 ฤดูกาลนี้แค่เพียงเท่านั้น เพราะว่าในแต่ละฤดูกาลเค้าก็จะแบ่งย่อยลงไปอีกว่าเฉดไหน เข้มอ่อนขนาดไหน สว่างขนาดไหน เป็นสีปนเทาหรือเปล่า เรียกว่าสับย่อยลงไปอีกประมาณ 4 เฉด ดูได้จากตารางด้านล่างนี้ เค้าก็จะแบ่งเป็น 4 ฤดู และแต่ละฤดูก็จะแบ่งย่อยออกไปอีก 4 แบบ รวมทั้งหมด 16 ประเภท (ความจริงแล้วขึ้นอยู่กับแล้วแต่ละสำนักนะ บางที่อาจจะไม่ได้แบ่งเยอะขนาดนี้ก็มีเหมือนกัน)   
 

Photo Credit : https://cautiouskitty.livejournal.com/1940.html

 
       เกริ่นมาพอหอมปากหอมคอ น้องๆ น่าจะพอเข้าใจการแบ่งโทนสีผิวกันคร่าวๆ แล้วเนอะ ว่าแล้วเรามาดูขั้นตอนการหา Personal Color แบบจริงจังกันดีกว่า พี่เองมีโอกาสได้ดู Youtube ของคุณฮานึล Influencer ชื่อดังของเกาหลีจากช่อง Ha Neul오늘의 하늘 ซึ่งเค้าได้ไปรีวิวการลงคอร์สเพื่อค้นหาสีประจำตัวกับสตูดิโอ 먼지나방 스토그래피 (Dustmoth Stography) ซึ่งที่นี่เค้าจะวิเคราะห์สีตามมาตรฐานที่เค้าใช้กันในประเทศเกาหลี หรือที่เรียกย่อสั้นๆ ว่า KS (Korean Induatrial Standards) นั่นเองครับ /ตามรูปด้านล่างเลย
 


 
        มาเริ่มกันเลยดีกว่า ปกติแล้วถ้าเราจะทำคอร์สนี้ เราควรใส่ชุดสีขาวมาก่อน และไม่ควรแต่งหน้ามาด้วย เพราะว่าเราจะได้รู้ว่าสีที่เข้ากับใบหน้าของเราจริงๆ นั้นคือสีอะไร แต่ถ้าไม่ได้ใส่ชุดขาวมาก็ไม่เป็นไรครับ เพราะเค้าจะมีผ้าสีขาวมาคลุมชุดเราและโพกไว้ที่ผมของเราให้เหลือแต่ส่วนหน้า และให้เราล้าง make up ออกให้หมด อย่างของงคุณฮานึลเค้าใส่ชุดสีขาวมาพอดี และเธอย้อมผมด้วย ดังนั้นเจ้าของร้าน เค้าก็เลยวิเคราะห์สีที่เข้ากับสีผมไปด้วยนั่นเอง 

        Note: นอกจากวิเคราะห์สีผิวของใบหน้าแล้ว สีของเส้นผมก็มีความสำคัญเช่นกัน  
 

 
        ขั้นตอนแรกเค้าจะมีเครื่องตรวจสีผิวของเราก่อนว่าเป็นสีชมพู สีแดง หรือเหลือง อย่างของคุณฮานึล ตอนแรกเธอเข้าใจว่าสีผิวของเธอนั้นออกสีแดง แต่ความจริงแล้วผิวแท้จริงของเธอนั้นมีสีขาวแบบงาช้าง (Ivory) ซะมากกว่า แต่ก็มีสีแดงนิดหน่อย และก็ไม่ได้เหลือง โดยรวมคือไม่สามารถสรุปว่าเป็นสีที่แท้จริงได้ขนาดนั้น ไม่ได้มีสีที่ตายตัว (ซับซ้อนเหลือเกินครับ555)
 

 
        รูปด้านบนจะเป็นแถบสีผิวสีโทน Ivory แบบคุณฮานึล ซึ่งด้านซ้ายจะเป็นคนที่มีโทนผิวออกสีเหลือง (โทนร้อน) ส่วนด้านขวาจะเป็นผิวออกโทนชมพู (โทนเย็น)
 

 
        หลังจากนั้นเค้าก็จะนำผ้าสีต่างๆ มาวางเทียบเพื่อดูว่าสีไหนเข้ากับเราบ้าง จากนั้น Persocal Color Instructor ก็วิเคราะห์ว่ามันเหมาะกับเราหรือไม่ เริ่มแรกกับสีเบสิคกันก่อน อย่างของคุณฮานึล เค้าได้วิเคราะห์ว่าใส่สีดำแล้วจะดูป่วย ดูโทรม แต่ถ้าเป็นสีขาวจะดูเข้ามากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม สีขาวก็ยังไม่ใช้สีที่เข้ากับผิวของคุณฮานึลที่สุดนะ     
 

 
        จากนั้นเค้าก็จะเริ่มนำผ้าตามสีฤดูกาลต่างๆ มาวางเทียบว่าสีไหนใส่แล้วรอดบ้าง อย่างของคุณฮานึลเธอบอกว่าเธอชอบสีชมพูมากกก อย่างสีในรูปซ้ายเธอคิดว่าเข้ากับหน้าตัวเอง แต่เจ้าของร้านบอกว่าดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่พอเปลี่ยนเป็นสีเดียวกันแต่อีกโทน สว่างขึ้นมานิดนึงกลับดูมีออร่ามากกว่า  
 

 
        ถัดมาที่สีเหลือง ถึงแม้จะเป็นสีโทนสว่างๆ เหมือนจะเข้ากับคุณฮานึล แต่พอเอามาเทียบแล้วจะเห็นว่าทำให้เธอดูหน้าซีดและกลืนลงไปกับสีนั้นๆ เพราะสีที่ดีจะไม่ทำให้เราจมหายลงไปกับสี และไม่แย่งซีนเรามากเกินไปนั่นเอง ดังนั้นสีนี้ไม่ผ่านจ้า  
 

 
        มาดูสีแดงกันบ้าง หลายคนอาจคิดว่าการใส่สีแดงจะทำให้เราดูโดดเด่น เพิ่มความยูนีคมากขึ้น ใครใส่สีแดงต้องเกิดแน่ๆ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ เพราะสีเสื้อผ้าที่ดีนั้นควรเป็นสีที่ไม่แย่งความโดดเด่นจากคนใส่มากเกินไป เชื่อว่าหลายคนคงไม่อยากโดนทักว่า "แหม! เสื้อเด่นมาแต่ไกล จนมองไม่เห็นหน้าเลยแม่" ถ้าเลือกได้ก็อยากโดนทักว่า "ว๊าว! คอสตูมสีดีมาก สวยมากแม่ เข้ากับผิวสุดๆ ออร่าเวอร์!" แบบนี้มากกว่าเนอะ     
 

 
        จากรูปสีชมพูดูเหมือนจะไม่ต่างกันมาก แต่ความจริงแล้วมันแบ่งเป็นโทนร้อนเบสชมพู (ซ้าย) โทนเย็นเบสเหลือง (ขวา) ซึ่งแบบแรกจะเข้ากับคุณฮานึลมากกว่า ส่วนอีกแบบใส่แล้วหน้าจะออกเป็นสีฟ้า ทำให้หน้าดูหม่นไปอีก เอาจริงถ้าคนตาไม่ดีอาจแยกความต่างไม่ออกเลยนะเนี่ย
 

 
         หลังจากเทียบทุกสีเสร็จแล้ว เค้าก็จะรวมสีที่เราใส่แล้วไม่รอดแน่ๆ ไม่เข้ากับผิวสุดๆ อย่างในรูปก็จะเป็นสีที่ไม่เข้ากันคุณฮานึล ส่วนใหญ่จะเป็นสีโทนเย็น หรือสีโทน Summer และ Winter นั่นเองครับ    
 

 
        และผลลัพธ์ก็ออกมาแล้วครับ สีที่เข้ากับคุณฮานึลมากที่สุดก็คือ Light warm spring หรือสีโทนฤดูใบไม้ผลิ โทนร้อนแบบสว่าง นั่นเองครับ ตัวอย่างสีก็คืออยู่ในรูปด้านบนเลย สีน่ารักมากกก 
 

 
        หลังจากหาสีที่ใช่สำหรับเราได้แล้ว หลายๆ ที่เค้าจะวิเคราะห์เครื่องสำอางที่เราใช้ให้ด้วย ว่าเหมาะหรือไม่ ควรใช้รองพื้นเบอร์อะไร ลิปสีไหนที่เข้ากับหน้า อย่างของคุณฮานึลเครื่องสำอางที่เธอใช้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในโทน spring อยู่แล้ว เลยไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก
 
        ดูรีวิวจากคุณฮานึลไปแล้ว ตอนนี้น้องๆ อยากตามไปเข้าคอร์ส Personal Color Analysis กันแล้วใช่มั้ยล่ะ ซึ่งร้านที่เค้าไปเทคคอร์ส ชื่อร้านว่า 먼지나방 스토그래피 (Dustmoth Stography) ตั้งอยู่แถวๆ กึมชอน ในกรุงโซล ซึ่งที่นี่เค้าจะมีบริการหลายอย่างทั้งถ่ายรูป คอร์สค้นหาสี รวมถึงเวิร์คช็อปทำลิปสติกที่เข้ากับตัวเราเองอีกด้วยครับ ถ้าใครจะเทคคอร์สหาสีตัวเอง หรือที่ร้านนี้เค้าเรียกว่า Pl Consulting อย่างเดียวก็ทำได้เช่นกัน เค้าก็จะมีให้เลือกว่าจะปรึกษาเข้มข้น หรืออยากรู้มากแค่ไหน อย่างที่นี่เค้าจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
 

 
1. คอร์สแบบ 3 ชั่วโมงคอร์สนี้เค้าจะเช็กตั้งแต่พื้นผิวที่แท้จริงของเราว่ามีสีอะไร จากนั้นก็จะวิเคราะห์สีที่เหมาะกับเรา รวมถึงโทนสีต่างๆ ที่เหมาะสำหรับการแต่งหน้า รวมถึงแนะนำสไตล์การแต่งตัวที่เข้ากับเรา รวมถึงสไตล์การแต่งหน้า แฟชั่น สีผม สีเล็บ รวมถึงกลิ่นน้ำหอมที่เข้ากับสีของเราอีกด้วย ซึ่งคอร์สนี้ เราสามารถปรึกษาแบบตัวต่อตัวก็ได้ หรือจะมาแบบกลุ่มก็ได้เช่นกัน เค้าก็จะมีส่วนลดลงไปอีก แต่ต้องไม่เกิน 4 คนนะครับ 
ค่าใช้จ่ายคอร์สนี้ : 220,000 วอน/คน  (ประมาณ 5,700 บาท) แต่ถ้ามาเป็นกลุ่ม คนต่อไปจะลดเหลือ 176,000 วอน (ประมาณ 4,500 บาท) สามารถเช็กราคาได้ที่ Payment ในหน้าเว็บไซต์ได้เลย 

2. คอร์สแบบ 1 ชั่วโมง : คอร์สนี้อาจจะไม่ได้เข้มข้นเหมือนด้านบน ถ้าใครแค่อยากตรวจพื้นผิวและรู้ว่าสีประจำตัวของเราคืออะไร ก็ลงแค่คอร์สนี้ก็ได้ครับ นอกจากนี้เค้าก็มีวิเคราะห์เรื่องการแต่งตัวของเราให้ด้วยนะ 
ค่าใช้จ่ายคอร์สนี้ : 110,000 วอน/คน (ประมาณ 2,800 บาท) 
 

 
        นอกจากค้นหาสีประจำตัวเองได้แล้ว ที่นี่เค้ายังมีคอร์สเวิร์กช็อปทำลิปสติกสีที่เข้ากับเรามากที่สุดอีกด้วยนะ ซึ่งหลังจากจบคอร์สเราก็จะได้ลิปสติกสีที่แมทกับเรามาคนละ 1 แท่ง ซึ่งคอร์สนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ 
 
        สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากลองไปเข้าคอร์สหา Personal Color กับที่นี่ ลองแอดเฟรนด์คาทก (Kakao Talk) ไปสอบถามกับทางร้านก่อนก็ได้นะครับที่ https://pf.kakao.com/_xkvxfxaM อาจจะลองสอบถามก่อนว่าทางนู้นเค้าสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้หรือไม่ หรือว่าใช้แค่ภาษาเกาหลีอย่างเดียว ถ้าเป็นอย่างนั้น เราอาจจะต้องมีเพื่อนหรือใครสักคนที่สามารถล่ามให้เราได้ด้วยนะ แต่ถ้าใครพูดเกาหลีได้ก็จัดเลยจ้า ^^ ส่วนใครที่อยากดูรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของร้านได้เลยครับ (คลิกที่นี่)
 

Clip


 
        ความจริงแล้วคอร์ส Personal Color มีเยอะมากๆ ในเกาหลี ไม่ได้มีแค่ที่นี่ที่เดียวนะ น้องๆ สามารถเสิร์ชหารายละเอียดดูได้เลย หรือถ้าใครไม่สะดวกบินไปเกาหลีเพื่อค้นหาสีประจำตัว ความจริงแล้วเราสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเองนะครับ อย่างคลิปด้านล่างเค้าก็ได้แชร์วิธีค้นหาสีตัวเองแบบง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน พี่ว่าเป็นประโยชน์มากๆ เลยล่ะ
 
 

Clip


 
        ปฏิเสธไม่ได้เลยเนอะว่าเรื่องสีนั้นถือว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันเรามากก แค่จะออกจากบ้าน บางทีก็ต้องพึ่งตารางสีมงคลเอาฤกษ์เอาชัยกันแล้ว และบางทีต่อให้เรารู้ว่าวันนี้ควรใส่สีอะไรก็ตาม แต่มันก็ไม่ง่ายเลยนะครับที่จะเลือกเฉดสีที่เข้ากับตัวเรา เอาแค่เวลาไปเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าหลายคนก็อาจจะเกิดความรู้สึกมึนงงว่าซื้อตัวไหนดีนะ เลือกไม่ถูกเลย และบางทีก็ไม่รู้ว่าจะเข้ากับเรามั้ย

        ดังนั้น การที่รู้ฤดูกาลสีของตัวเอง รู้ว่าสีที่เหมาะกับตัวเราคือสีอะไร และเลือกใส่อย่างถูกต้อง อย่างน้อยก็เพิ่มความมั่นใจให้กับเราในแต่ละวันได้เหมือนกันนะครับ แต่อีกแง่นึงก็คือ แอบทำให้เราเลือกใส่เสื้อผ้าได้ยากมากขึ้น เพราะบางสีก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ 55555  


 
Source:
https://www.youtube.com/watch?v=7-uHE2z22wo&t=616s
http://dustmothstg.cafe24.com/mundane/guide.html
พี่วุฒิ
พี่วุฒิ - Columnist มนุษย์ 4 มิติผู้หลงใหลในเพลงเกาหลี ชาเนสที และหมูกระทะ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด