สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคน พูดถึงประเทศที่คนนิยมไปเรียนต่อนอกกันยังไงก็ต้องมีรายชื่อประเทศอังกฤษติดเข้ามาแน่นอน ซึ่งวันนี้ พี่เยลลี่ จะพาน้องๆ ไปรู้จักกับอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอย่าง University of Leeds กันค่ะ บางคนอาจจะเคยเห็นชื่อมหาวิทยาลัยนี้ผ่านตาไปบ้างแล้ว เพราะเค้าแจกทุนให้เรื่อยๆ แถมคนไทยเองก็ไปเรียนที่นี่ไม่น้อยเลยค่ะ เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว ถ้าสนใจล่ะก็เลื่อนลงมาอ่านในบทความได้เลยจ้า

 

Photo Credit: http://www.leeds.ac.uk/
 

       University of Leeds เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยของรัฐที่ตั้งอยู่ในเมืองลีดส์ เขตเวสต์ยอร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ ที่นี่มีประวัติความเป็นมาค่อนข้างนานเลยค่ะ เพราะก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1874 โดยตอนนั้นใช้ชื่อว่า Yorkshire College of Science ต่อมาได้รวมสถาบันเข้ากับ Leeds School of Medicine และเปลี่ยนชื่อเป็น Yorkshire College และท้ายที่สุดในปี 1904 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ก็ได้มอบสถานะให้เป็น University of Leeds กลายมาเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของสหราชอาณาจักรแบบในปัจจุบันนั่นเองค่ะ
 

       นอกจากจะเป็นสถาบันเก่าแก่แล้ว คุณภาพการศึกษาของที่นี่ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ในปี 2017-2018 University of Leeds ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับที่ 10 ของประเทศ โดยการจัดอันดับของ Times และ Sunday Times เท่านั้นยังไม่พอนะคะ เพราะ QS เค้าก็ยกให้ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับที่ 31 ของยุโรป และอันดับที่ 93 ของโลกอีกด้วย

 

Photo Credit: https://simple.wikipedia.org/
 

       สำหรับคนที่สนใจเรียนต่อที่ University of Leeds ที่นี่เค้าเปิดสอนในระดับปริญญาตรี-โท โดยมีทั้งหมด 7 คณะ ได้แก่
 

- Faculty of Arts,Humanities and Cultures
- Faculty of Biological Sciences
- Faculty of Business
- Faculty of Social Sciences
- Faculty of Engineering and Physical Sciences
- Faculty of Environment
- Faculty of Medicine and Health
       

       ในแต่ละคณะก็จะมีสาขาวิชาแยกย่อยลงไปอีกค่ะ ซึ่งการเรียนมหาวิทยาลัยที่อังกฤษจะต่างจากที่บ้านเราตรงที่ปริญญาตรีส่วนใหญ่จะเรียนแค่ 3 ปีเท่านั้น อาจจะมีบางสาขาที่เรียน 4-5 ปี ส่วนปริญญาโทจะเรียนกันแค่ปีเดียว แต่ก็อาจจะมีหลักสูตร 2 ปีด้วยเหมือนกัน สามารถเช็กสาขาวิชาที่ตัวเองสนใจเรียนที่เว็บไซต์: https://courses.leeds.ac.uk/by-subject ได้เลยนะคะ เค้าบอกอย่างละเอียดเลยว่าสาขานั้นต้องเรียนกี่ปี ค่าเทอมเท่าไหร่ แต่ละปีจะต้องเรียนอะไรบ้าง

 

Photo Credit: https://business.leeds.ac.uk/

 

ปริญญาตรี

       สำหรับนักศึกษาจากประเทศไทยที่ต้องการเรียนต่อปริญญาตรี ทางสถาบันระบุมาว่าจะต้องเรียน Foundation programme ก่อน ซึ่งเป็นโปรแกรมเตรียมความพร้อม 9 เดือน โดยจะรับนักเรียนที่เรียนจบอย่างน้อยชั้นม.6 และได้เกรด 3.00 ขึ้นไป รวมต้องมีผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษด้วยค่ะ ซึ่งระดับคะแนนจะแตกต่างกันไปตามสาขาวิชาที่เลือกเข้าเรียน สามารถเช็กได้ที่นี่เลย
 

       ส่วนการสมัครเข้าเรียนปริญญาตรีสามารถสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์: https://www.ucas.com/students โดยเบื้องต้นจะต้องมีผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอย่าง IELTS 6.0 ขึ้นไป (ไม่มีพาร์ตไหนต่ำกว่า 5.5) หรือ TOEFL 87 คะแนน (พาร์ต Listening ไม่ต่ำกว่า 20, Reading ไม่ต่ำกว่า 20, Speaking ไม่ต่ำกว่า 22 และ Writing ไม่ต่ำกว่า 21) หรือคะแนนอื่นๆ เทียบเท่า (เช็กได้ที่นี่)
 

       เช็กรายละเอียดการสมัครเรียนป.ตรีเพิ่มเติม: http://www.leeds.ac.uk/projectleeds/info/128005/applying/30/how_to_apply
 

Photo Credit: https://www.leeds.ac.uk/
 

       ในส่วนของป.โทสามารถสมัครออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์: https://application.leeds.ac.uk/login/?returnurl=%2f โดยจะต้องจบป.ตรีและมีผลสอบวัดระดับ IELTS อย่างน้อย 6.5 (พาร์ตอื่นๆ ไม่ต่ำกว่า 6.0) หรือ TOEFL 92 คะแนน (พาร์ต Listening ไม่ต่ำกว่า 21, Reading ไม่ต่ำกว่า 21, Speaking ไม่ต่ำกว่า 23 และ Writing ไม่ต่ำกว่า 22) หรือคะแนนอื่นๆ เทียบเท่า (เช็กได้ที่นี่) อาจจะมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีกแล้วแต่สาขาวิชาด้วยค่ะ
 

       เช็กรายละเอียดการสมัครเรียนป.โทเพิ่มเติม: http://www.leeds.ac.uk/projectleeds/info/101040/applying/86/how_to_apply_for_taught_courses

 

Photo Credit: http://www.leeds.ac.uk/
 

       น้องๆ คงเคยได้ยินกันมาแล้วว่าที่ยุโรปเนี่ยเค้ามีงานนิทรรศการหรืองานแสดงอะไรแบบนี้บ่อยมากๆ ซึ่งที่ University of Leeds เค้าก็มีแกลลอรี่จัดแสดงงานของตัวเองด้วยค่ะ ที่สำคัญคือมีงานแสดงทุกวัน บางวันก็หลายงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปะไปจนถึงงานอภิปรายในหัวข้อต่างๆ หรือจะเป็นดนตรีก็มีอีกเช่นกัน ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปเช็กได้ที่เว็บไซต์: http://www.leeds.ac.uk/events โลดเลยจ้า
 

ตัวอย่างปฏิทินงานนิทรรศการเดือนพฤศจิกายน
จะเห็นได้ว่ามีงานจัดทุกวันเลยค่ะ