พูดจาภาษาดอกไม้! เปิดสตอรี่ 15 สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ "ต้นไม้ & ดอกไม้" หยิบมาใช้ได้แบบเก๋ๆ


 
         สวัสดีค่ะ ชาว Dek-D เชื่อว่าหลายคนคงมีสำนวนประจำตัวที่ใช้ในบทสนทนากันอยู่แล้ว และในทุกวัฒนธรรม ทุกชาติทุกภาษาก็ย่อมมีสำนวนที่ใช้เปรียบเปรยสิ่งต่างๆ แตกต่างกันไปตามวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม อย่าง “ดอกกุหลาบ” ที่นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์แทนความรักแล้ว เมื่ออยู่ในสำนวนภาษาอังกฤษก็สื่อความหมายได้อีกเยอะเลยค่ะ
 
        วันนี้เราจะพาไปดูว่าในภาษาอังกฤษมีสำนวนเกี่ยวกับต้นไม้และดอกไม้อะไรที่น่าสนใจบ้าง? จะมีสำนวนไหนคล้ายของไทยบ้างมั้ย? ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันค่ะ
 
1.Barking up the wrong tree 
 

Cr.    https://unsplash.com
 
Barking up the wrong tree = to be wrong about the reason for something or the way to achieve something 
 
สำนวน Barking up the wrong tree หมายถึงการตั้งใจทำอะไรบางอย่างแต่มุ่งทำผิดจุด หรือให้ความสำคัญผิดเรื่องก็เลยไปไม่ถึงความสำเร็จที่ตั้งใจไว้ซักที ที่มาของสำนวนนี้มาจากการที่สุนัขล่าเหยื่อเข้าใจผิดคิดว่าเหยื่อที่เจอไปหลบบนต้นไม้ แต่จริงๆ คือเหยื่อกลับหนีไปซ่อนตัวที่อื่น งานนี้ต้องบอกว่าเสียเวลา “เห่าผิดต้น” อยู่นานเลยค่ะ
 
ตัวอย่างประโยค 
 
She thinks it'll solve the problem, but I think she's barking up the wrong tree.
เธอคิดว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ฉันว่าเธอยังแก้ไม่ถูกจุดนะ
 
2.Can't see the forest for its trees 
 
Can’t see the forest for the trees = to be unable to get a general understanding of a situation because you are too worried about the details
 
สำนวน Can’t see the forest for the trees หมายถึง การไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวม เพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับรายละเอียดยิบย่อยมากเกินไป เปรียบได้กับการมองไม่เห็นผืนป่ากว้างไกลสุดสายตา เพราะมัวแต่จดจ้องอยู่กับต้นไม้เพียงต้นเดียว 
 
ตัวอย่างประโยค 
 
The politician's opponents claimed that she couldn't see the forest for the trees, because she spent so much time trying to solve minor problems.
นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามอ้างว่า เธอแก้ปัญหาใหญ่ๆ ไม่ได้ เพราะมัวเสียเวลาไปกับการแก้ปัญหาเรื่องเล็กๆ ที่มีอยู่มากมาย
 
3. Comes up smelling of roses 
 
Comes up smelling of roses = to be in a better or stronger situation than before, after experiencing a difficult situation
 
Comes up smelling of roses สำนวนนี้แค่เห็นคำว่า roses ก็คงเดาว่าเกี่ยวกับดอกกุหลาบแน่นอน แต่ที่มาของสำนวนนี้มาจากนวนิยายอเมริกันที่บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไปคลุกกองขยะมา แต่เนื้อตัวของเขากลับสะอาดสะอ้าน แถมยังไม่เหม็นอีกด้วย (เป็นไปได้ไงคะเนี่ย 555) สำนวนนี้เลยนำมาใช้กล่าวถึงการรอดพ้นจากเหตุการณ์ร้ายๆ และพลิกฟื้นกลับมาสู่สถานะที่ดีกว่าเดิมได้
 
ตัวอย่างประโยค 
 
I think our industry will come out of this smelling of roses.
ผมคิดว่าธุรกิจของเราจะสามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
 
4. Flowery speech
 
Flowery speech = full of lovely words but may well lack substance
 
Flowery speech เมื่อใช้ตามความหมายตรงตัวจะหมายถึง การใช้ถ้อยคำหรือสำนวนโวหารเพื่อสร้างความไพเราะทางภาษา แต่หากเป็นสำนวนจะมีความหมายโดยนัยสื่อถึง คนที่ใช้คำพูดสวยหรูดูดี แต่หาเนื้อหาสาระไม่ได้ ฟังดูก็คล้ายสำนวนไทยที่ว่า “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” เลยค่ะ
 
ตัวอย่างประโยค 
 
He spoke for perhaps ten minutes but it’s a very flowery speech.
เขาพูดมาประมาณ 10 นาทีได้แล้ว แต่ฟังดูมีแต่น้ำไม่มีเนื้อเอาซะเลย
 
5. Hit the hay
 
Hit the hay/sack = to go to bed in order to sleep
 
Hit the hay มีที่มาที่ไปมาจากวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนที่มักนอนบนถุงกระสอบที่ยัดฟางเอาไว้ เมื่อถึงเวลาเข้านอนก็จะตีถุงกระสอบนั้น เพื่อให้ที่นอนของพวกเขานุ่มขึ้นจะได้หลับสบาย ดังนั้น สำนวนนี้เลยหมายถึง ไปนอนหรือเข้านอนค่ะ
 
ตัวอย่างประโยค 
 
I have a busy day tomorrow, so I think I'll hit the hay.
พรุ่งนี้เป็นวันที่ฉันยุ่งมากๆ ก็เลยคิดว่าจะเข้านอนแล้วล่ะ
 
6. Knock on wood
 
Knock on wood (touch wood) = said in order to avoid bad luck, either when you mention good luck that you have had in the past or when you mention hopes you have for the future
 
สำนวน Knock on wood แปลตรงตัวได้ว่า เคาะไม้ ส่วนทำไมต้องเคาะไม้ด้วยก็น่าจะเป็นเพราะคนสมัยก่อนเชื่อว่า ตามต้นไม้จะมีเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ คนก็เลยเอามือแตะหรือเคาะตามต้นไม้เพื่อขอให้ท่านคุ้มครองเรา พอมาใช้เป็นสำนวนจึงหมายถึง การพูดเพื่อปัดเป่าโชคร้าย รวมถึงให้สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นอยู่แล้วเป็นอย่างนี้ต่อไป หรือจะใช้อวยชัยให้เกิดเรื่องดีๆ ในอนาคตก็ได้ค่ะ 
 
ตัวอย่างประโยค 
 
She's never even been to the doctor's, touch wood.
เธอไม่เคยต้องไปหาหมอเลยสักครั้ง ขอให้โชคดีอย่างนี้ตลอดไปนะ
 
7. Last straw
 
Last straw = the last in a series of unpleasant events that finally makes you feel that you cannot continue to accept a bad situation
 
สำนวน Last straw ใช้เปรียบเปรยถึงการอดทนกับเรื่องแย่ๆ มาตลอด จนสุดท้ายทนต่อไปไม่ไหว เลยต้องแตกหักกันไปข้างหนึ่ง ฟังดูเข้าทำนองฟางเส้นสุดท้าย ซึ่งเป็นสำนวนที่เราได้ยินกันบ่อยๆ อันที่จริง สำนวนนี้มีที่มาจากสุภาษิตอาหรับว่า the straw that breaks the camel's back เนื่องจากแต่ก่อนเจ้าของอูฐชอบให้อูฐแบกของหนักมากถึงมากที่สุด พอของหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เลยถึงจุดที่ทำให้การวางฟางอีกแค่เส้นเดียวบนหลังอูฐนั้นทำให้มันหลังหักได้
 
ตัวอย่างประโยค 
 
Losing my job was bad enough, but being evicted was the last straw.
ลำพังแค่ตกงานก็แย่พออยู่แล้ว แต่ฟางเส้นสุดท้ายก็คือการถูกไล่ออกจากบ้านเช่า 
 
8. Late bloomer
 
Late bloomer = someone who becomes successful, attractive, etc., at a later time in life than other people
 
สำนวน Late bloomer มีความหมายตรงตัวหมายถึง ดอกไม้ที่ผลิบานหลังดอกอื่น แต่พอออกดอกกลับบานสะพรั่งสวยงามไม่แพ้กัน เมื่อนำมาใช้เป็นสำนวนจึงเป็นการเปรียบดอกไม้ที่จะบานเมื่อถึงเวลากับคนที่ประสบความสำเร็จหลังคนอื่นๆ แบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ  
 
ตัวอย่างประโยค 
 
She was a late bloomer as a writer.
เธอใช้เวลามากกว่าคนอื่นๆ กว่าจะประสบความสำเร็จในฐานะนักเขียน 
 
9. Needle in a haystack
 
Needle in a haystack = something that is impossible or extremely difficult to find, especially because the area you have to search is too large
 
สำนวน Needle in a haystack หมายถึง การค้นหาของบางอย่างที่ยากเกินกว่าจะหาเจอ โดยเฉพาะการหาของเล็กๆ ในพื้นที่แสนกว้างใหญ่ ประหนึ่งหาเข็มในกองฟาง ซึ่งก็คล้ายกันกับสำนวนไทยที่ว่า งมเข็มในมหาสมุทร (หายากพอกันเลย TT)
 
ตัวอย่างประโยค 
 
Finding the piece of paper I need in this huge pile of documents is like looking for/trying to find a needle in a haystack.
การหาเอกสารสักแผ่นที่ต้องการในเอกสารกองโตพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยล่ะ
 
10. Nip (something) in the bud
 
Nip something in the bud = to stop something before it has an opportunity to become established
 
สำนวน Nip something in the bud หมายถึง การรีบยุติสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสียตั้งแต่แรก เทียบได้กับสำนวนไทยที่ว่าตัดไฟแต่ต้นลม สำนวนนี้เริ่มใช้ตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 16 โดยมาจากการตัดยอดดอกไม้ก่อนที่มันจะบาน เพื่อเป็นการเร่งให้ต้นไม้โตเร็วขึ้น
 
ตัวอย่างประโยค 
 
If this problem isn’t nipped in the bud, it will soon get totally out of hand.
ถ้าเราไม่ตัดไฟแต่ต้นลม ปัญหานี้จะควบคุมไม่ได้
 
11. No bed of roses
 
No bed of roses = something is not always good or easy, something is not as pleasant as it seems
 
สำนวน No bed of roses นี้ หมายถึงการต้องผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยความลำบากยากเย็น นอกจากนี้อาจใช้ในทำนองที่ว่า สิ่งที่วาดฝันไว้อย่างสวยหรูไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดก็ได้ค่ะ
 
ตัวอย่างประโยค 
 
Jane has observed that marriage is not a bed of roses.
เจนออกความเห็นว่า การใช้ชีวิตคู่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
 
12. Out of the woods
 
Out of the woods = to no longer be in danger or difficulty
 
Out of the woods หลายคนคงเดาออกว่าสำนวนนี้ต้องเกี่ยวกับป่าแน่นอน ซึ่งที่มาก็คาดว่ามาจากเวลาที่คนพลัดหลงเข้าไปในป่าลึกก็ย่อมต้องเกิดความกลัว ดังนั้น การหาทางออกมาจากป่าได้จึงเหมือนกับการรอดพ้นจากอันตรายนั่นเอง สำนวนนี้ก็เลยหมายถึง ผ่านจุดอันตราย หรือผ่านพ้นความยากลำบากมาได้ซะที 
 
ตัวอย่างประโยค 
 
The project has been given funding for another year, but it's not out of the woods yet.
โครงการได้รับเงินทุนต่ออีกปีหนึ่ง แต่ยังไม่พ้นจุดวิกฤตที่อันตราย
 
13.Pushing up the daisies 
 
Pushing up the daisies = to be dead
 
สำนวน Pushing up the daisies ความหมายแบบตรงๆ แปลว่า “ตาย” แต่บางครั้งก็อาจเลี่ยงใช้เป็นคำสุภาพ จะได้ไม่ชวนให้จินตนาการถึงภาพที่ไม่น่าดู คาดว่ามีที่มาจากดอกเดซี่ที่มักขึ้นบริเวณหลุมฝังศพ นอกจากนี้ ยังใช้ในภาษาพูดแบบไม่เป็นทางการหรือพูดติดตลกในทำนองที่ว่า ตายอย่างสงบศพจะได้กลายเป็นปุ๋ยช่วยให้ต้นเดซี่ได้เติบโตขึ้นมา
 
ตัวอย่างประโยค 
 
I'll be pushing up the daisies long before the price of property goes down in our city.
กว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจะปรับตัวลดลง ฉันคงตายอย่างสงบจนศพกลายเป็นปุ๋ยไปนานแล้ว 
 
14. Seed money
 
Seed money = money that is given to someone to help them start a new business or project
 
สำนวน Seed money เป็นการนำคำว่า seed ที่แปลว่า เมล็ดพันธุ์มาเปรียบเปรยกับการจัดหาแหล่งเงินทุนมาใช้ลงทุนในช่วงริเริ่มก่อร่างสร้างธุรกิจ หรือโครงการต่างๆ 
 
ตัวอย่างประโยค 
 
As without seed money, it will be challenging to turn an idea into a reality.
หากไม่มีเงินทุนตั้งต้น คงเป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะเปลี่ยนความฝันในการทำธุรกิจให้กลายเป็นความจริงได้
 
15.Shrinking violet
 
Shrinking violet = a person who is very shy or modest and does not like to attract attention
 
Shrinking violet หมายถึง คนที่ขี้อายมากๆ และไม่ชอบเป็นจุดสนใจ หลายคนอาจงงว่าดอกไวโอเล็ตไปเกี่ยวอะไรกับความเขิน แต่ที่มาของสำนวนนี้มาจากลักษณะของดอกไวโอเล็ตที่แลดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก แต่พอเวลาออกดอกกลับชอบไปซ่อนตัวอยู่หลังใบ สำนวนนี้จึงเปรียบคนที่มีบุคลิกขี้อายกับดอกไวโอเล็ตที่ไม่ค่อยยอมออกมาอวดโฉมความงาม >_<
 
ตัวอย่างประโยค 
 
He's no shrinking violet when it comes to competition.
ถ้าพูดถึงเรื่องการแข่งขันแล้ว เขาไม่ใช่คนขี้อายเลย
 
         เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าสำนวนที่หยิบมาฝากกันในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับน้องๆ ไม่แน่ว่าอาจจะพูดภาษาดอกไม้กันทั้งวันก็เป็นได้ 555 แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ ^^
 
Sources:
พี่ไก่กุ๊ก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น