ย้อนรอยคดีดัง ‘Frog Boys’ การตายของเด็กเกาหลี 5 คน ที่ผ่านมา 30 ปีก็ยังคงเป็นปริศนา!

ช่วงกลางปีที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายคนน่าจะได้ติดตามข่าวการตายอย่างปริศนาของน้องชมพู่ ซึ่งถือว่าเป็นอีกคดีที่ได้รับความสนใจอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่ทราบว่าคนร้ายคือใครกันแน่ แล้วน้องๆ รู้มั้ยครับว่าที่ประเทศเกาหลีใต้ก็เคยมีคดีทำนองนี้เหมือนกัน ซึ่งคดีนี้รู้จักกันในชื่อ ‘เด็กชายกบ’ (개구리소년, Frog Boys) หรือปริศนาฆาตกรรมเด็กชาย 5 คนที่ไปจับกบบนภูเขา ซึ่งเหตุการณ์นี้แม้จะผ่านมา 30 ปีแล้ว แต่ก็เป็นอีกหนึ่งคดีที่หดหู่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีเลยก็ว่าได้ และยังคงถูกหยิบมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง เกิดอะไรขึ้นกับเด็กๆ ทั้ง 5 คน และใครกันแน่ที่คือคนร้าย?  
 

"ขอให้ไม่มีใครในโลกต้องเจอกับเหตุการณ์ที่เจ็บปวดแบบที่พวกเค้าต้องเจอ"  

โฮยอน, ยองกยู, ชานอิน, จงซิก และ ช็อลวอน
โฮยอน, ยองกยู, ชานอิน, จงซิก และ ช็อลวอน 

เมืองแทกู ประเทศเกาหลีใต้, ปี 1991

คิมจงซิก (10 ปี), คิมยองกยู (12 ปี), อูช็อลวอน (14 ปี), โชโฮยอน (13 ปี) และพัคชานอิน (11ปี) เด็กชายทั้ง 5 คนที่ถึงแม้จะมีวัยต่างปีกัน แต่ด้วยความที่บ้านของพวกเขาอยู่ใกล้กัน จึงทำให้สนิทสนมกันมาก และเมื่อวันหยุดมาถึงก็มักออกไปเล่นกันสนุกๆ ตามประสาเด็ก และเช่นเดียวกันกับทุกครั้ง ในวันที่ 26 มีนาคม 1991 ซึ่งเป็นวันหยุดที่ตรงกับวันเลือกตั้งครั้งสำคัญของเมือง พวกเค้าก็ได้ชวนกันไปจับกบและวิ่งเล่นบนภูเขาวารยอง (와룡산) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ แต่ใครจะรู้ว่านี้คือการจากไปที่จะไม่ได้กลับมาอีก…

มีการแจกใบปลิวเพื่อตามหา Frog Boys ทั่วประเทศเกาหลีกว่า 8 ล้านใบรูปจากหนังสือพิมพ์ The Hankyoreh
มีการแจกใบปลิวเพื่อตามหา Frog Boys ทั่วประเทศเกาหลีกว่า 8 ล้านใบรูปจากหนังสือพิมพ์ The Hankyoreh

เด็กชายทั้ง 5 คนหายไป และครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นเด็กๆ ก็คือปากทางขึ้นภูเขาวารยอง และถึงแม้ว่าจะพยายามตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ การหายตัวไปของเด็กๆ นั้นเรียกว่าเป็นวาระแห่งชาติเลยก็ว่าได้ ขนาด ‘โนแทอุน’ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ในยุคนั้น ได้สั่งระดมพลเจ้าหน้าที่และทหารกว่า  3 แสนคนเพื่อตามหาทั่วราชอาณาจักร พร้อมแจกป้ายใบปลิวกว่า 8 ล้านแผ่น และยังรวมไปถึงการแปะประกาศตามผลิตภัณฑ์หรือสินค้าต่างๆ เพื่อช่วยกันตามหาเด็กชายทั้ง 5 คนอีกด้วย ซึ่งตลอดการหาก็ได้มีการแจ้งเบาะแสมากกว่า 500 ครั้ง แต่นั่นก็รวมไปถึงสายปั่นสถานการณ์ และบางคนก็สร้างเรื่องว่าจับเด็กไปเพื่อเรียกค่าไถ่อีกด้วย แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนคือเรื่องจริงเลย  

เจ้าหน้าที่ได้ทุบบริเวณห้องน้ำบ้านของจงซิก เพราะพ่อของเค้าถูกกล่าวหาว่าได้ฝังเด็กๆ บริเวณนี้
เจ้าหน้าที่ได้ทุบบริเวณห้องน้ำบ้านของจงซิก เพราะพ่อของเค้าถูกกล่าวหาว่าได้ฝังเด็กๆ บริเวณนี้
Photo Credit: CNA Insider

‘คิมชอลกยู’ พ่อของคิมจงซิกซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้าย ในตอนแรกเค้าได้ถูกนักอาชญวิทยาสรุปความว่าเป็นคนร้าย เพียงเพราะว่าเด็กๆ ได้มาเล่นที่บ้านของเค้าก่อนที่จะหายไป และอาจจะถูกฝังอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของบ้าน แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และเหล่าพ่อแม่ของเด็กๆ ก็ไม่เชื่อด้วยว่าเค้าเป็นคนลงมือทำ เพราะตอนที่เกิดเหตุชอลกยูและผู้ปกครองของเด็กๆ คนอื่นนั้นได้ออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน และหากจะก่อเหตุขึ้นจริงๆ ก็มีเวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้น จึงเป็นไปได้ยากที่จะก่อการใหญ่ขนาดนี้ แต่เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการทุบบริเวณห้องน้ำบ้านเค้า เพื่อขุดหาร่างของเด็กๆ แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ พร้อมกับบทสรุปว่าเค้าไม่ได้เป็นคนร้าย 

“ผมใช้ชีวิตอย่างมีความหวังที่จะได้เจอลูกอีกครั้ง”

Photo Credit: CNA Insider
Photo Credit: CNA Insider

คำว่า ‘ความหวัง’ เหมือนเป็นสิ่งที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจ เพราะพวกเค้าต่างคิดว่าลูกนั้นยังมีชีวิตอยู่ และพ่อแม่พ่อแม่ของเด็กบางคนยอมลาออกจากงานเพื่อตามหาลูกของตัวเอง (แม้ว่าครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยและมีหนี้สินอีกมากมาย) และบางคนก็เครียดจนดื่มหนักจนไม่สามารถไปทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างที่เคย  รวมถึงพ่อของจงซิกที่เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้าย ในภายหลังเค้าได้ค่อยๆ ล้มป่วยลง และเสียชีวิตด้วยโรคเครียดในเวลาต่อมา… 
 

26 กันยายน 2002  
11 ปีผ่านไป สุดท้ายก็ได้เจอ  

พบศพของเด็ก 5 คนบริเวณใต้ต้นโอ๊ก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเค้ามากนัก
พบศพของเด็ก 5 คนบริเวณใต้ต้นโอ๊ก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเค้ามากนัก
Photo Credit: CNA Insider

       เพราะว่าตามหามากเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอ จึงทำให้ยุติการค้นหาเด็กชายทั้ง 5 คนไปพักใหญ่ แต่เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบ 11 ปี จู่ๆ ก็ได้รับเบาะแสจากชาวบ้าน 2 คน(ไม่ระบุว่าเป็นใคร) ที่ได้ขึ้นไปเก็บลูกโอ๊กบนภูเขาวารยอง แจ้งกับตำรวจว่า พบเสื้อผ้า รองเท้า และโครงกระดูกมนุษย์อยู่บริเวณต้นโอ๊ก และเมื่อได้เข้าไปตรวจสอบแล้วก็พบว่าทั้งหมดนั้นเป็นเด็กทั้ง 5 คนที่หายไปจริงๆ ทั้งเสื้อผ้าที่ใส่ ทั้งเหล็กดัดฟัน ทุกอย่างนั้นตรงกันหมด  

"ทุกอย่างมันมืดลงไปหมด ผมไม่อยากยอมรับว่านี่คือความจริง 
แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว และผมได้เสียลูกไปแล้ว"

 เมื่อพบกับศพของเด็กๆ ทั้ง 5 คนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การหาสาเหตุของการตาย ซึ่งยังคงเป็นปริศนาและสร้างความน่าสงสัยอย่างมาก เพราะว่าบริเวณพบศพนั้นอยู่ห่างจากบ้านแค่เพียง 3.5 กิโลเมตร อีกทั้งยังห่างจากถนนที่ผู้คนใช้สัญจรไม่ถึง 100 เมตรด้วยซ้ำ และศพก็ถูกฝังอยู่ไม่ลึกมาก แถมบริเวณนี้ก็เป็นพื้นที่ที่เคยออกตามหามาก่อน แต่ทำไมตอนนั้นกลับไม่เจออะไรเลย? 

Photo Credit: หนังสือพิมพ์ The Hankyoreh
Photo Credit: หนังสือพิมพ์ The Hankyoreh

สภาพศพที่เจอก็เพิ่มความคลางแคลงใจมากขึ้นไปอีก เพราะว่าเด็กๆ อยู่ในสภาพที่กอดกันเสียชีวิต ซึ่งในตอนแรกเจ้าหน้าที่ได้ตั้งสมมติฐานว่า เพราะว่าช่วงนั้นเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว เด็กๆ จึงน่าจะกอดกันและหนาวตาย แต่นั่นก็ดูไม่ได้เมคเซ้นส์สักเท่าไหร่ เพราะอากาศในวันนั้นมีอุณหภูมิ 5 องศา (ซึ่งเป็นระดับปกติสำหรับที่เกาหลี) และถ้าเด็กๆ หนาวจริงทำไมถึงไม่พากันกลับบ้าน? และสภาพศพที่เจอก็คือ เด็กๆ ไม่ได้ใส่อะไรเลย และเสื้อผ้าของพวกเค้าบางคนก็ถูกมัดเป็นปม  นอกจากนี้ยังพบกระสุน 3 นัดที่เสื้อผ้าของด.ช.ยองกยูอีกด้วย และนั่นอาจสรุปเบื้องต้นได้ว่านี่คือการฆาตกรรมซะมากกว่า และใครกันล่ะที่เป็นคนทำ คนร้ายมีกี่คน? และเค้าทำไปเพื่ออะไร?  

ทางการทหารออกแถลงข่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ 
ทางการทหารออกแถลงข่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ 
Photo Credit: CNA Insider

มีการตั้งอีกข้อสงสัยว่า การเสียชีวิตของเด็กทั้ง 5 คนนั้นอาจเกี่ยวข้องกับทหารก็เป็นได้ (คนเกาหลีส่วนใหญ่เชื่อสมมติฐานนี้กัน) เพราะว่าบริเวณที่พบศพนั้นอยู่ใกล้กับหน่วยฝึกยิงของทหารแค่เพียง 100-200 เมตร แต่หลักฐานก็ยังไม่เพียงพอที่จะสรุปความได้ เพราะอย่างที่บอกไปว่าเหตุการณ์ในวันนั้นตรงกับวันหยุดเลือกตั้ง จึงทำให้เหล่าทหารกลับบ้านกันหมดและไม่ได้มีการฝึกยิงเกิดขึ้น นอกจากจะเป็นทหารสัญญาบัตรที่สามารถเข้าออกกรมและทำการฝึกซ้อมด้วยตัวเองได้ในวันหยุด แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือของทหารนายไหน และทางกรมทหารเองก็ได้ออกมาปฏิเสธและยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเด็กๆ ทั้ง 5 คน // มีการรายงานเพิ่มตัวด้วยว่า ทางทหารไม่ได้ให้การตรวจสอบแบบเต็มรูปแบบด้วยครับ 

Photo Credit: CNA Insider
Photo Credit: CNA Insider

    อย่างไรก็ตาม นักนิติวิทยาศาสตร์ ได้ตรวจกระดูกและพบว่า บริเวณกระโหลกของเด็กชายนั้นมีรูคล้ายกับถูกปืนยิงจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีรอยคล้ายกับถูกของมีคมเช่นกัน และดูจากแผลแล้ว คนทำน่าจะมีแค่คนเดียว  (แค่คิดภาพตามก็รู้สึกหดหู่แล้วครับ TT) แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุการตายได้อย่างแน่ชัด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า การทำงานที่ไม่เป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้เข้ารักษาพื้นที่ในตอนแรก อีกทั้งยังมีการเก็บกระดูกศพที่ไม่ถูกหลักนิติวิทยาศาสตร์ (เก็บกระดูกใส่ถุงกระสอบแทน) และนั่นก็เพิ่มความยุ่งยากในการตรวจสอบมากขึ้นไปอีก ซึ่งทางทีมตำรวจเองก็ถูกฟ้องในประเด็นนี้ด้วยครับ 

Photo Credit: CNA Insider
Photo Credit: CNA Insider

และในท้ายที่สุดแล้วคดีนี้ก็ได้หมดอายุความไปเมื่อปี 2006 และจนถึงตอนนี้เหตุการณ์ก็ได้ล่วงเลยมาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ และการตายของของเด็กชายจับกบทั้ง 5 คนก็ยังคงเป็นปริศนาและเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่หลายคนยังไม่ลืม แต่นั่นก็ไม่อาจเทียบเท่ากับความเจ็บปวดของพ่อแม่ของเด็กๆ เลยครับ ซึ่งล่าสุดทาง CNA Insider ได้เข้าไปทำสกู๊ปและสัมภาษณ์บรรดาผู้ปกครองของเด็กๆ ทั้ง 5 คน พวกเค้ายังคงรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และยังคงเฝ้ารอความจริงเปิดเผยว่าใครคือคนฆ่าลูกของพวกเค้า    

อูจองอู พ่อของอูช็อลวอน
อูจองอู พ่อของอูช็อลวอน

"ถึงลูกชายสุดที่รักที่พวกเราคิดถึงที่สุด ช็อลวอน โฮยอน ยองกยู ชานอิน และจงซิก พวกเราคิดถึงพวกเธอมากๆ … มันมีประโยคที่เรามักพูดกันว่า เวลาที่พ่อแม่ของคุณตาย คุณจะฝังพวกเค้าลงพื้นดิน แต่เวลาที่ลูกของคุณตาย คุณจะฝังเค้าไว้ในหัวใจ... ฉันคิดว่าฉันจะสามารถลืมพวกเธอ หลังจากที่เธอได้กลายเป็นผุยผงไปแล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ฉันกลับยิ่งคิดถึงเธอมากขึ้นทุกที"

คดีนี้ถือว่าเป็นอีกคดีที่ร้ายแรงและชวนหดหู่มากที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีเลยครับ และก็ได้ถูกหยิบยกมาทำภาพยนตร์ถึง 2 ครั้ง ได้แก่ ‘Come Back, Frog Boys’ หรือ 돌아오라 개구리 소년 (1992) และ Children หรือ 아이들 (2011) ถ้าอยากรู้ว่าเวอร์ชันภาพยนตร์เค้านำเรื่องราวมาถ่ายทอดอย่างไร และมีแง่มุมไหนที่น่าสนใจบ้าง น้องๆ ลองตามไปหาดูกันได้นะครับ

ภาพยนตร์เรื่อง Come Back, Frog Boys (1992) และ Children (2011)
ภาพยนตร์เรื่อง Come Back, Frog Boys (1992) และ Children (2011)


 

Source
https://www.channelnewsasia.com/news/cnainsider/intrigue-scandal-heartbreak-case-south-korea-missing-frog-boys-12351086
https://www.channelnewsasia.com/news/video-on-demand/in-search-of-frog-boys?cid=fbins  
http://www.hani.co.kr/arti/society/society_general/837692.html 

 

 

 

 

 

พี่วุฒิ
พี่วุฒิ - Columnist มนุษย์ 4 มิติผู้หลงใหลในเพลงเกาหลี ชาเนสที และหมูกระทะ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

HiKiNEETs Member 1 พ.ย. 63 01:07 น. 1

จำได้ไปดูคนที่ทำสารคดีเชิงสืบ..ว่าด้วยเหตุและผล ไม่เอามโนสบคบคิด...ว่าด้วยหลักฐาน... เขาทำทั้งรุป พื้นที่ บลาๆๆ เอาข้อมูลที่มีทั้งหมดมาดู.. ทั้ง ตร และทหาร พยายามจบให้ไวไว.. การทำงาน ตร ... และทหารที่พูดคุยกับพ่อแม่เด้ก มันแปลกๆ... และมีพวกพยายามหากินเพื่อจะได้ดังอีกเพียบ... ... หลังดูจบ ......เขาสรุปความน่าจะเป็น หลักๆแค่ 2-3 ทาง ( แถวๆนั้นมีเขาซ้อมยิงปืนครับ... ) แถมทหารเขาไม่ให้หลักฐานด้วยว่าวันนั้นใครเป็นคนซ้อมยิงปืน........ พอเจอศพ แรกๆเดาว่า ..ว่าน่าจะโดนลูกหลงตอนซ้อม.... แต่ว่า...มันมีคำถามตามมาอีกสองสามข้อ...


จำได้ว่าบ้านเรามีคนทำ ยูทูปไว้อยู่ดีมากๆครับ....ลองๆหาดูเล่นๆ สนุกได้ความรู้... ปล.มีหมอกับใครนี้ละ ฟาโรมั้งจำไม่ได้.... นอกนั้งส่วนตัว ไปดูๆ ส่วนใหญ่ มโนสบคบคิด เล่าเกินจริงแต่งเรื่องเพื่อยอด....

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด