เพราะวัยรุ่นมีครั้งเดียว! อัปเดตชีวิต 'แครอล-Demo Project' กับการเรียน MBA สุดท้าทายที่อเมริกา

ถ้าให้ทายว่าคิดถึงใคร เดาว่าต้องคนนี้ใช่มั้ยคะ? >< 

เดี๋ยววันนี้เราจะพาไปอัปเดตชีวิตของ ‘แครอล-อริศรา โรเซ็นดาห์ล’ (IG: @caroline_caroline) สาวลูกครึ่งอดีตศิลปิน Demo Project สังกัดค่าย Kamikaze ช่วงนั้นแครอลยังเรียนที่ รร.สาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และหลังจากที่จบโปรเจกต์แล้วเธอก็ไปบินไปอเมริกาเรียนต่อสาขาชีววิทยาทางทะเล จากนั้นฉีกแนวไปเรียนสายบริหารธุรกิจ (MBA) ที่ Crummer Graduate School of Business เพราะชีวิตวัยรุ่นมีครั้งเดียว เธอเลยอยากลองให้โอกาสตัวเองไปลองอะใหม่ๆ เพื่อให้เจอสิ่งที่เหมาะกับเธอที่สุดนั่นเองค่ะ

วัยรุ่นครั้งเดียว
ขอลองค้นหาตัวเองให้เต็มที่ก่อน

"มันจะมีคำพูดนึงที่บอกว่า ‘Fail fast, succeed faster’ ตอนอยู่ไทยแครอลเลือกทางวิทย์มาตลอด  พอจบมายังอยากให้โอกาสตัวเองไปลองอะไรใหม่ๆ เลยเรียนต่อสาขาชีววิทยาทางทะเลที่ Rollins คลาสนึงมีแค่ 10-12 คนเอง ตอนนั้นได้ทำแล็บและฝึกคิดวิเคราะห์เยอะ จนอยากต่อ ป.โทบริหารธุรกิจ (MBA) ว่าจะเป็นยังไง นิสัยแครอลคือถ้าอยากทำ ถึงไม่เก่ง ทำไม่เป็น ก็จะลองชาเลนจ์ตัวเองดู ถึงได้รู้ว่า MBA เหมาะกับเรามากกก แล้วยังเปลี่ยนเราไปเยอะมากด้วยค่ะ"

การสมัครเรียน

• ยื่นผลสอบ TOEFL, IELTS
• ยื่นผลสอบ GRE (Graduate Record Examination) ที่ใช้สมัครเรียน ป.โท-เอก ที่มหาวิทยาลัยในอเมริกาและแคนาดา หรือไม่ก็ GMAT (Graduate Management Admission Test)
• Resume
• เขียน Statement of Purpose (SoP) ว่าทำไมอยากเรียนที่นี่ เราจะเพิ่ม dynamic ให้คลาส MBA ได้ยังไงบ้าง *เค้าไม่เน้นคะแนน แต่จะดูตอนสัมภาษณ์ว่าคาแรกเตอร์เราดูไปทางบริหารธุรกิจมั้ย เหมือนเพื่อนของแครอลคนนึงไปสมัครเรียน Theater Dance แบบข้ามสายไปมาก แล้วมหา’ลัยเขาเห็นความมุ่งมั่นจนรับเข้าเรียน ปรากฏว่าประสบความสำเร็จและได้งานที่ Wall Street จริงๆ เราว่ากรรมการตาถึงมาก

มหาวิทยาลัย MBA
ที่สวยสุดในอเมริกาใต้

ฟลอริดาเหมาะกับคนไทยมาก!

“Crummer Graduate School of Business ตั้งอยู่ที่ Florida เป็นมหาวิทยาลัย MBA ที่สวยสุดในอเมริกาใต้ ค่าเทอมตก 10,000 ดอลลาร์ต่อเทอม (ราว 300,000 บาทไทย / เรท 30.23) ถือว่าไม่แรงมากถ้าเทียบกับอเมริกาด้วยกันเอง ระยะเวลาเรียน 4 เทอมและเลือกได้ว่าจะเรียนซัมเมอร์มั้ย” (ศึกษาเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับค่าเรียน)

“พอมาถึงเราแทบไม่ต้องปรับตัวเลย เราว่า Florida เหมาะกับคนไทยมาก เรื่องอากาศคือฝนตกครึ่งปี ร้อนทั้งปี (แต่อาจไม่เท่าไทย) บางครั้งก็หนาวเซอร์ไพรซ์ขึ้นมา แต่แครอลมาเรียนห่างจากเมือง ไกลจากตึกและความแออัด ถ้ารถไม่ติด 20 ถึงนาทีก็ถึง ส่วนเรื่องนิสัยเค้าก็เหมือนคนไทยอีกนั่นแหละ 555 คนจะชอบยิ้มใส่กันเป็น Land of smile เพื่อนเคยถามเรานะว่าเมืองไทยเป็นยังไง แครอลก็บอกว่าที่นี่แหละ อเมริกาเวอร์ชันเอเชีย"

เรียนคลาสเล็ก & ไม่มีพื้นฐานก็ไม่เคว้ง

"แครอลชอบที่ได้เรียนคลาสเล็ก คลาสนึงมีไม่เกิน 35 คน บางคลาส 10-15 คนเอง ทำให้รู้จักเพื่อนทั่วถึง ซึ่งทีมเวิร์กคือเรื่องที่เค้าพยายามเน้น เราได้ฝึกทุกคลาส ได้ฟังความคิดของคนหลายมุม แล้วเพื่อนกลุ่มแครอลมาจากหลากหลาย อย่าง Finance, International Business บางคนไม่มีพื้นฐานธุรกิจเลยแต่ก็ทำงานด้วยกันได้ อย่างแครอลจะได้เรื่องวิทย์กับสถิติแทน ทำให้เวลาเจอตัวเลขทุกคนก็จะวิ่งมาหาเราค่ะ! 5555"

"ตอนเรียนไม่รู้สึกถึงการแข่งขันเลยนะ มีแต่ช่วยซัพพอร์ตกัน แต่ถ้าใครมีปัญหาไม่ช่วยเพื่อนทำงานก็จะมีที่ปรึกษามาคุยเพื่อปรับความเข้าใจเพื่อให้ทีมเข้มแข็งขึ้น การที่เค้าเน้นเรื่องนี้มันดีมาก เพราะชีวิตการทำงานจริงเราเลี่ยงการดีลกับคนไม่ได้เลย" 

อาจารย์ตั้งใจให้เราเดินไปพร้อมๆ กัน

“อาจารย์แต่ละคนเค้าจะมีกิจการเป็นของตัวเองหรือไม่ก็ทำงานตำแหน่งสูงๆ ในองค์กรใหญ่ ตอนสอนเลยมีประสบการณ์มาแชร์จนเรารู้สึกเหมือนนั่งคุยกับนักธุรกิจจริงๆ แล้วเรื่องที่ประทับใจคือเขาเข้าใจว่าทุกคนไม่เท่ากัน ถึงไม่มีประสบการณ์ก็ไม่มองข้าม สมมติเป็นวิชาสถิติ ส่วนใหญ่คนไม่ชินกับการใช้โปรแกรม MS  Excel เพื่อวิเคราะห์จากชุดข้อมูลตัวเลขเป็นหมื่นๆ แต่อาจารย์บอกว่า ไม่เป็นไร เราทำได้ ไม่ต้องกลัว ที่นี่อาจารย์เขาตั้งใจสอนให้เป็นและตามทันกันทุกคนค่ะ”

มีวิเคราะห์บุคลิกภาพให้เข้าใจตัวเอง

“ที่เจ๋งอีกอย่างคือพอจบปี 2 ทางสาขาจะมีทำรีพอร์ตวิเคราะห์บุคลิกภาพของเราออกมาเลยว่าโดดเด่นทางไหน ควรพัฒนาอะไร เราดูเป็นผู้นำแค่ไหน หรือไปทางผู้ไกล่เกลี่ยมากกว่า เค้าตั้งใจเทียบให้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ข้อมูลก็มาจากที่อาจารย์เอาฟอร์มมาให้เราทำหลังเลิกเรียนแต่ละคลาสนี่แหละ แล้วบางทีจะมีที่ปรึกษามาให้คำแนะนำด้วย”

ส่องวิชาเรียนสุดเปิดโลก

“ปี 1 เรียนวิชาบังคับก่อน ทั้ง Finance, Operation, Marketing, Statistics พอขึ้นปี 2 ถึงจะเป็นวิชาเลือก ซึ่งถ้าเราเลือกวิชาทางใดทางหนึ่งครบ 6 หน่วยกิตก็จะจบแบบ Specialization ในสายนั้นเลย แต่แครอลเน้นลงหลากหลาย ไม่ได้เจาะจงค่ะ”

วิชาที่ทำให้เราสวมรอยโคนัน

“แครอลชอบแนวสืบสวนสอบสวน พอรู้ว่า Crummer เปิดสอน Forensic Accoungting คือว้าวมากกก เพราะมันเป็นฟีลโคนันๆ ค่ะ เรียนการหาความผิดปกติในตัวเลขว่ากำลังมีใครกำลังทุจริตแบบเนียนๆ อยู่มั้ย? โดยอาจารย์จะให้ statement บริษัทที่เคยถูกฉ้อโกงมาให้เราดูว่าจะวิเคราะห์ได้กี่วิธี สอนดูการไหลของเงินในบัญชีธนาคารว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า วิชานี้ไม่ได้ใช้เลขลึกมาก มันแค่บวกลบคูณหาร แต่ต้องรู้ว่าจะเช็กยังไง (เรียกว่าจับผิดดีกว่า) ถ้าใครอยากทำงานลักษณะนี้อย่างน้อยต้องเรียน General Accounting + Forensic Accounting แล้วไปสอบ License ได้เลย”

วิชาที่ได้ทำงานร่วมกับ NASA

"วิชา Capstone เป็นวิชาบังคับหนึ่งเดียวตอนปี 2 ซึ่งพีคตรง NASA เข้ามาเป็นที่ปรึกษา โจทย์คือเราสามารถหยิบเทคโนโลยีบนโลกที่ยังไม่มีตลาดไหนรองรับแล้วนำมามาพัฒนาต่อเพื่อขายได้มั้ย มันก็คือ Product Development นั่นแหละ ตอนแครอลทำก็ได้ประยุกต์เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ เปลี่ยนมาใช้วัดเบาหวาน มะเร็งเต้านม มะเร็งในปอด ฯลฯ พยายามพัฒนาเพื่อมาใช้ในโรงพยาบาลและช่วยเหลือผู้สูงอายุ”

“ตอนเรียนในคลาสวิชานี้ก็ง่ายนะ แต่ยากตอนเอาไปประยุกต์กับสิ่งที่มีนอกคลาสนี่แหละ เหมือนกับ Crummer เขาจะเริ่มปล่อยมือเราแล้ว ให้ไปหาผู้ช่วยหรือนักลงทุนเอง ต้องรู้วิธีขายไอเดียให้คนยอมมาลงทุนด้วย ถือว่ากดดันเลยแหละ เราคุยกับนักวิทยาศาสตร์ที่คิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา จะยากแค่ไหนขึ้นอยู่กับคนในกลุ่มเลยค่ะ แบ่งงานกันตามความถนัด แครอลก็จะได้ทางชีวะ ส่วนอีกคน R&D ความเจ๋งคืออย่างน้อยๆ ในรุ่นนึงจะต้องมี 1 ทีมที่ผลิตภัณฑ์ถูกนำไปพัฒนาจริงด้วย!”

ท้าทายสุดก็เรื่องนี้!

“ด้วยความเป็นเด็กวิทย์ เคยทำแต่สรุปผลแล็บ รีพอร์ตทางการๆ ช่วงแรกเลยกลัวเรื่องการเขียนการสื่อสารมากกกก ไม่ถนัดภาษาการตลาดที่มันต้องมี creativity แต่ทางมหา’ลัยก็เข้าใจ เค้าเลยให้ไกด์ไลน์กับตัวอย่างการเขียนมาตลอดว่าเขียนยังไงให้ดูเป็นมืออาชีพ”

“จริงๆ แครอลว่าจบสายไหนมาก็เรียนไหว เพราะ Crummer มีบริการฟรีเวลาเราไม่เข้าใจเนื้อหา เช่น ถ้าแครอลเรียนไฟแนนซ์แล้วงงๆ ตามไม่ทัน ก็ติดต่อไปขอให้รุ่นพี่ที่เก่งด้านนี้มาช่วยสอนหน่อย หรือมีครั้งนึงเราไปคุยกับอาจารย์ว่าอยากเก่งสถิติกว่านี้ อาจารย์ก็ให้เราไปเป็นผู้ช่วยทำวิจัยด้วย ได้มาลองทำงานจริงแบบงงๆ เลยค่ะ"

ทัวร์ Rollins College กัน!

หางานในอเมริกามันไม่ง่าย

“ทาง Crummer กำหนดเงื่อนไขก่อนจบว่าต้องฝึกงานครบ 240 ชั่วโมงขึ้นไป ตอนหางานแครอลก็ทุ่มกับเรซูเม่และสัมภาษณ์เต็มที่ และได้ฝึกงานด้าน Marketing เราพยายามพิสูจน์ตัวเองทุกวันเพื่อให้เค้าประทับใจ ไปๆ มาๆ ก็ได้งานที่ Siemens Gamesa ชั่วโมงฝึกงานเลยยิ่งเกินทะลุไปไกลเลยค่ะ ล่าสุดเซ็นสัญญาต่ออีกปีแล้ว เราจะได้ทำงานที่นี่ต่อไปอีกอย่างน้อยๆ ก็ปีครึ่ง รายได้ช่วงปิดเทอมที่เราทำ full-time ได้มันมากพอจะดูแลตัวเองได้เลย แต่ถ้าเปิดเทอมจะถูกจำกัดชั่วโมง”

“ชีวิตช่วงนี้มันท้าทายเรื่องการจัดการเวลานี่แหละ จุดที่ทุกคนต้องเรียนไปฝึกงานไปก็ต้องคอยแบ่งเวลาให้ดีทั้งเรียน ทำการบ้าน ทำงาน พักผ่อน แครอลเคยแบบ Oh my godddd! มันล้นมากแบบจะทำทันมั้ย ตอนเพิ่งเริ่มก็กลัวไม่รอดแต่ตอนนี้ลงตัวแล้ว”

Before & After
ที่นี่เปลี่ยนอะไรเราไปบ้าง?

“ส่วนใหญ่ถ้าด้านการตลาดจะเรียนแค่พื้นฐานทั่วไปกับสถิติแหละ แต่มันเจ๋งมาก เปลี่ยนเราไปแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ ทั้งคิดอะไรรอบด้านขึ้น เปิดหูเปิดตาด้านธุรกิจ อยากทำทุกอย่างให้เป็นมืออาชีพที่สุด และพร้อมเข้าสู่โลกการทำงานจริง ตอนคุยกับพ่อแม่เค้ายังช็อกว่า เฮ้ย จากคนเรียนสายชีวะ แต่พอมาคุยเรื่องเรียนเรื่องทำงาน ทำให้นึกถึงพ่อแม่ตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ เลย 55555”

“ถ้าอยากมาเรียนอเมริกาแครอลสนับสนุน 100% เลยว่ามันคือประสบการณ์ที่คุ้ม แต่ถ้าอยากหางานอาจต้องใช้ความพยายามสูงกว่าคนอเมริกันหลายเท่า ต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเราเก่งจนโดดเด่นจริงๆ เพราะปกติการแข่งขันในประเทศเขาก็สูงอยู่แล้ว แถมยังมีเรื่องวีซ่าที่ซับซ้อน และบางงานยังถูกสงวนไว้สำหรับคนประเทศเขาเองด้วย ในอนาคตแครอลอยากทำงานที่ได้ใช้ความรู้ชีวะ +  บริหารธุรกิจ อาจจะเป็นแนวๆ การค้าในอุตสาหกรรมเภสัช แต่ก็รู้ว่าความเป็นไปได้ในอเมริกามีน้อยมาก"

แฟนคลับคิดถึงเรามาก
มีโอกาสเดินกลับเข้าวงการบันเทิงมั้ย?

“แครอลคงไม่ได้กลับสู่วงการบันเทิงแล้ว เห็นบางคนบอกว่าติดตามตั้งแต่เรียนสาธิตเกษตรฯ สมัย  Demo Project นานมากๆ เลย แครอลตามอ่านคอมเมนต์ตลอดนะคะ T_T ทั้งปลื้ม ดีใจ และตื้นตันมากๆ ขอบคุณที่ยังติดตาม และหวังว่าแครอลจะเป็นคนนึงที่สร้างแรงบันดาลใจใหน้องๆ เดินตามความฝัน สร้างอนาคตที่ตัวเองอยากสร้าง ขอให้สู้ๆ นะคะ ^^"