"Acting is my life" เมื่อความทุ่มเทกลายเป็นพิษ เผยชีวิตนักแสดงที่อินจนออกจากบทไม่ได้

สวัสดีค่ะชาว Dek-D  เชื่อว่าเวลาทุกคนดูซีรีส์หรือภาพยนตร์เรื่องใดก็ตามแล้วรู้สึกชอบมากๆ นอกจากพล็อตเรื่องที่ถูกใจแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า 'การแสดงที่สมบทบาท' คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญ เราจะเห็นว่านักแสดงหลายคนทุ่มเททั้งปรับรูปลักษณ์ภายนอก ฝึกฝนอากัปกริยาอันเป็นลักษณะเฉพาะ หรือแม้กระทั่งทำความเข้าใจตัวตนและปัจจัยรอบข้างของตัวละครนั้นๆ เพื่อให้แสดงออกมาสมจริงที่สุด เหมือนหนังบางเรื่องที่นักแสดงอินจนเข้าเส้นเลือด คล้ายจะไม่ใช่ตัวเขาเองแต่สวมทับด้วยตัวตนใหม่ที่ตัวเองรับบทไปแล้ว และติดเป็นภาพจำของคนดูในที่สุด ซึ่งวิธีการลักษณะนี้เรียกว่า 'Method Acting' นั่นเองค่ะ

 การที่นักแสดงทุ่มเทกับงานขนาดนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีใช่มั้ยคะ? แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าหลังจากการถ่ายทำสิ้นสุดลง มีนักแสดงมากมายที่ไม่สามารถถอดบทบาทออกจากชีวิตจริงได้ นำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตหรืออาจถึงขั้นพาไปสู่จุดจบที่น่าเศร้าในท้ายที่สุด! 

 ในบทความของ Insider ได้บอกเล่าเหตุผลที่ทำไมบ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นข่าวดารานักแสดงออกมาเปิดเผยว่ากำลังรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิต ทั้งที่เมื่อมองภาพผ่านหน้าจอคนเหล่านั้นกลับมีรอยยิ้มสดใสให้แฟนๆ เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้กำลังทุกข์ ศิลปินหลายคนถึงกับต้องพักงานเพื่อรักษาเลยก็มีค่ะ นั่นเป็นเพราะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับศิลปะไม่ว่าจะแขนงใดก็ตามที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ สิ่งที่มาควบคู่กันคือการมีอารมณ์อ่อนไหว ทุกๆ อย่างขึ้นอยู่กับความรู้สึกพาไป เหมือนที่นักจิตวิทยาซาราห์ ดาวีส์ (Sarah Davies) ก็เคยได้กล่าวไว้ว่า

“สำหรับอาชีพนักแสดงและอาชีพเกี่ยวกับการแสดงอื่นๆ บทบาทที่พวกเขาเล่นได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนโดยเฉพาะกับบทที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างยาวนาน ดังนั้นเมื่อสิ้นสุดการถ่ายทำพวกเขาจึงรู้สึกเหมือนสูญเสียส่วนหนึ่งของตนเองไป”

นอกจากนี้ซาราห์ยังเสริมอีกว่า เมื่อนักแสดงซึมซับบทบาทไปถึงจุดหนึ่งอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครอาจทำให้พวกเขาคิดว่าทุกอย่างคือความจริง บวกกับความมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดบทบาทนั้นออกมาให้ดีที่สุดทำให้นักแสดงต้องจดจ่ออยู่กับการเป็นตัวละครกระทั่งหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวหรืออาจรู้สึกว่าตัวตนเดิมเปลี่ยนไปเป็นคนอื่น

“นักแสดงอาจถูกทิ้งไว้กับความรู้สึกที่เหมือนสูญเสียคนสำคัญเมื่อการถ่ายทำสิ้นสุดลง”

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่ามีนักแสดงทั้งฝั่งฮอลลีวูดและเอเชียหลายเคสที่ประสบปัญหาการออกจากบทบาทที่แสดงไม่ได้จนส่งผลถึงสุขภาพจิต แต่ใครจะรู้บ้างว่ากว่าผลงานจะสู่สายตาคนดู พวกเค้าต้องแลกกับอะไรมาบ้าง อย่างเช่น 4 นักแสดงดังเหล่านี้...

1. ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) กับบทบาทโจ๊กเกอร์เวอร์ชั่นหลอนที่สุด!

รูป  ฮีธ  เลดเจอร์  รับบท  โจ๊กเกอร์
รูป  ฮีธ  เลดเจอร์  รับบท  โจ๊กเกอร์
Photo  credit:  www.hindustantimes.com

สำหรับแฟนจักรวาลภาพยนตร์ DC ทุกคนต้องรู้จักบทบาท ‘โจ๊กเกอร์ (Joker)’ ศัตรูคู่แค้นของ แบทแมนอย่างแน่นอน บทบาทนี้ก็มีการเปลี่ยนนักแสดงแทบจะทุกภาค เพราะการจะเข้าถึงตัวละครที่เต็มไปด้วยความดำมืดและเจ็บปวดอย่างโจ๊กเกอร์นั้น นักแสดงต้องซึมซับรับเอาความรู้สึกของโจ๊กเกอร์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งจนนักแสดงติดอยู่ในวังวนของตัวละครไม่สามารถหาทางออกได้ อย่างในกรณีของนักแสดงชื่อดัง ‘ฮีธ เลดเจอร์’ ผู้รับบทโจ๊กเกอร์ในภาพยนตร์เรื่อง Batman - the Dark Knight (2008) กว่าจะมาเป็นตัวร้ายที่เขย่าขวัญคนดูได้ ฮีธต้องขังตัวเองเอาไว้ในบ้านเป็นเดือนเพื่อศึกษาบทบาท ซึมซับความรู้สึกของตัวละคร รวมทั้งฝึกท่าทางและเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์จนทำให้เขาเกิดอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic insomnia)

กระทั่งเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เพียงไม่กี่เดือน มีการรายงานข่าวว่าฮีธเสียชีวิตจากการใช้ยานอนหลับเกินขนาด เหตุเพราะรักษาโรคนอนไม่หลับที่เกิดจากการสวมบทบาทเป็นโจ๊กเกอร์ เรื่องนี้ถือเป็นข่าวช็อกวงการฮอลลีวูดมากเลยค่ะ และทำให้หลายคนสนใจกับบทบาทของเขา ส่วนหนังก็สร้างรายได้ถล่มทลายราวสามหมื่นล้านบาท! อีกทั้งฮีธยังได้รับรางวัล Academy Award for Best Supporting Actor เป็นการการันตีว่าเขาถ่ายทอดบทบาทโจ๊กเกอร์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีวันได้รับรู้อีกแล้ว

2. คิต แฮริงตัน (Kit Harington) บุรุษผู้มีนามว่า ‘จอน สโนว์’

รูป  คิต  แฮริงตัน รับบท จอน  สโนว์
รูป  คิต  แฮริงตัน รับบท จอน  สโนว์
Photo  credit:  ซีรี่ส์   Games  of Thrones

เมื่อพูดถึงซีรีส์ฟอร์มยักษ์แห่งทศวรรษอย่าง Games of Thrones คงไม่มีใครไม่รู้จักบทบาทของ ‘จอน สโนว์ (Jon Snow)’ ที่มักเป็นวีรบรุษในทุกสถานการณ์อยู่เสมอ โดยผู้ที่มารับบทนี้ถึง 8 ปี ก็คือ ‘คิต แฮริงตัน’ นั่นเองค่ะ! แม้ว่าบทบาทชายหนุ่มผู้มีชาติกำเนิดลึกลับนั้น จะเป็นที่รักของผู้ชมและถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่การใช้ชีวิตเป็นจอน สโนว์ถึง 8 ปีก็ทำให้คิตต้องเผชิญกับความรู้สึกที่ไม่สามารถดึงตัวละครออกจากชีวิตจริงได้ เรียกได้ว่าเขาอินกับบทบาทนี้จนคิดว่าตัวเองกลายเป็นจอน สโนว์จริงๆ เลยล่ะค่ะ จนทำให้เขาเกิดความเครียดอย่างมากและหันไปพึ่งพาสุราจนกลายเป็นเสพติดและต้องทำการบำบัดรักษาอย่างจริงจัง มุมมองของคิตที่มีต่อบทบาทนี้ช่างลึกซึ้งและแสดงออกถึงการเป็นนักแสดงที่ทุ่มเทของเขา หากแต่การรับเอาตัวละครนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งเปรียบเหมือนดาบสองคมที่บางครั้งก็สร้างบาดแผลเอาไว้ในของนักแสดงโดยไม่รู้ตัว

“ตอนพวกเขาบอกว่า ‘ถ่ายจบแล้ว!’ ความรู้สึกผมก็พังไปเลย ผมรู้สึกโดนโจมตีด้วยการต้องบอกลาบทบาทและความรู้สึกเศร้าที่จะไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว ”...คิต แฮริงตัน


 3. เมื่อ ‘อีดงอุค’ จมดิ่งไปกับบทบาทจนกลายเป็นซึมเศร้า

เมื่อไม่นานมานี้ในโลกทวิตเตอร์ก็มีการถกเถียงเรื่องความยากลำบากในวงการนักแสดงของเกาหลีเกิดขึ้น และชาวเน็ตก็ได้ยกตัวอย่างนักแสดงระดับท็อปหลายคนที่เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน หนึ่งในนั้นก็คือ อีดงอุค ขวัญใจแฟนซีรีส์เกาหลีผู้โด่งดังจากซีรีส์ My Girl (2005) และ Guardian: The Lonely and Great God หรือที่แฟนซีรีส์ไทยรู้จักกันในชื่อ Goblin ที่มีสองนักแสดงแถวหน้าทั้งดงอุคและกงยูรับบทนำนั่นเองค่ะ เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักแสดงที่ฝีมือดีชนิดหาตัวจับยากในเกาหลี และท่ามกลางการแข่งขันแสนดุเดือดในอุตสาหกรรมบันเทิง อีดงอุคสามารถตีบทแตกกระจุยแทบไม่มีคำวิจารณ์ด้านลบเลยล่ะค่ะ แต่ใครบ้างจะรู้ว่ากว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ ต้องใช้ความพยายามไม่ย่อท้อตั้งแต่ตอนเขาเป็นเพียงแค่นักแสดงตัวประกอบเล็กๆ ดงอุคต้องยืมเสื้อผ้าตามร้านซักรีดเพื่อมาใส่เข้าฉากเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น 

รูป  อีดงอุค รับบท  กริม  รีปเปอร์
รูป  อีดงอุค รับบท  กริม  รีปเปอร์
Photo  credit:  ซีรีส์  Guardian: The Lonely and Great God 

การรับบท ‘กริม รีปเปอร์’ ยมทูตที่ในอดีตเคยเป็นถึงพระราชาวังยอ (หรือที่คนไทยเรียกว่าลุงยม) และมีอดีตอันเจ็บปวดนั้น ดงอุคก็ต่อสู้เพื่อให้ได้บทนี้มาครองถึงขนาดเข้าพบนักเขียนเจ้าของเรื่องด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงทุ่มสุดตัวที่จะเล่นบทนี้ ทั้งซึมซับวิธีคิดของตัวละครรวมทั้งความรู้สึกทุกๆ ด้านราวกับเป็นคนเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าผลงานเรื่องก็อบลินโด่งดังไปทั่วเอเชียแต่ในขณะเดียวกันดงอุคก็เผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตที่ค่อนข้างรุนแรงเมื่อเสร็จสิ้นการถ่ายทำ

เมื่อปี 2017 อีดงอุคก็ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร High Cut ว่าเขามีภาวะซึมเศร้าหลังจากรับบท กริม รีปเปอร์ เนื่องจากการเข้าถึงบทบาทแนวแฟนตาซีนั้นต้องใช้จินตนาการสูง ต้องรับเอาทุกอย่างของตัวละครมาเป็นของตัวเองอีกทั้งตัวละครนี้ก็มีปูหลังอันเจ็บปวดและมีฉากที่กระทบกระเทือนจิตใจ นั่นทำให้เขาแยกความจริงกับบทบาทไม่ออกและไม่สามารถดึงตัวเองออกจากบทนี้ได้

“ผมรู้สึกเหมือนว่าผมแสดงเป็นคาแรกเตอร์นั้นจริงๆ และกำลังฝังกลบตัวตนของตัวเองลงไปครับ พูดแบบสัตย์จริงเลยนะ...มีคนเสนอบทแฟนตาซีให้ผมอ่านเยอะมาก แต่หลังจากที่ไตร่ตรองดูผมก็ต้องวางบทลง ครั้งหน้าผมอยากเล่นบทที่เกี่ยวข้องกับโลกความจริงมากกว่าครับ” ...อีดงอุค

ไม่เพียงเท่านี้การใช้วิธีซึมซับตัวละครให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของดงอุคยังส่งผลให้เขาประสบปัญหาด้านสุขภาพจิตอีกหลายครั้ง อย่างเช่นตอนปิดกล้องซีรี่ส์เรื่อง ‘Life’ ทางช่อง ‘JTBC’  ดงอุคก็รู้สึกไม่อยากออกจากบ้านเป็นเวลาหลายเดือน สาเหตุหนึ่งเพราะบทบาทที่ได้รับและนิสัยชอบประเมินตัวเองอย่างเข้มงวดของเขา ซึ่งดงอุคได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร W Korea ว่า

“ตอนผมผ่านจุดที่อารมณ์ดิ่งที่สุดมา ผมไม่ออกจากบ้านเลยเป็นเวลา 2 – 3 เดือน มันเกิดขึ้นตอนหลังจบซีรีส์เรื่อง ‘Life' ของช่อง JTBC ครับ ผมรู้สึกกลัวการออกจากบ้าน รู้สึกเหมือนผู้คนจะพุ่งเป้ามาที่ผม และก็รู้สึกเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างผม ตอนนั้นอารมณ์ดิ่งมาก ผมไม่อยากเจอกับใครเลยอยู่แต่ในบ้านหรือไม่ก็ออกกำลังกายครับ”

Photo  credit:  ซีรีส์เรื่อง  Life
Photo  credit:  ซีรีส์เรื่อง  Life

ผลกระทบจากการอินบทเกินไปของเขายังไม่หมดนะคะ เพราะเมื่อเขาได้รับบทเป็นหมอฟันโรคจิตผู้เขย่าขวัญคนดูในซีรี่ส์เรื่อง ‘Strangers from Hell’ ดงอุครับเอาตัวตนของคาแรกเตอร์เข้าไปเต็มๆ ถึงขนาดที่เวลาส่องกระจกเหมือนไม่เห็นตัวเอง แม้แต่เพื่อนๆ ก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ของเขาด้วย! โดยเขาได้กล่าวตอนสัมภาษณ์ว่า

“เมื่อซีรีส์จบลง ผมคิดว่าผมโอเคครับ แต่มีบางครั้งที่ผมไปดื่มกับเพื่อนๆ หรือคนรู้จัก พอผมมองหน้าพวกเขา เพื่อนๆ ก็จะถามว่า ‘ทำไมนายมองฉันแบบนั้น?’ ครับ วันนึงผมส่องกระจกและเห็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองอยู่ในนั้น ผมมีความรู้สึกแปลกๆ และไม่คุ้นเคยกับตัวเองขึ้นมาแทน  ดังนั้นผมจึงคิดว่า ‘อา...ผมไม่โอเคเลย’ น่ะครับ”

Photo  credit:  ซีรีส์เรื่อง Strangers  from  Hell
Photo  credit:  ซีรีส์เรื่อง Strangers  from  Hell

แต่ดงอุคก็สามารถก้าวผ่านความยากลำบากเหล่านั้นมาได้ เพราะมีเพื่อนรุ่นพี่สุดซี้อย่าง ‘กงยู’ พระเอกที่แสนดีทั้งในจอและนอกจอค่ะ โดยดงอุคได้เล่าถึงมิตรภาพที่สวยงามระหว่างเขาและกงยูในรายการ ‘Because I Want to Talk’ ซึ่งเป็นรายการทอล์กโชว์ของเขาเอง แน่นอนว่าแขกรับเชิญใน Episode 1 ก็คือกงยูนั่นเอง ดงอุคกล่าวว่าในตอนนั้นเขาประสบปัญหาเรื่องจิตใจและไม่ออกจากบ้านประมาณหนึ่งเดือนครึ่งแล้ว แต่ก็เป็นกงยูที่สังเกตเห็นความผิดปกติและชวนเขาออกไปข้างนอก พอได้เห็นมิตรภาพดีๆ แบบนี้แล้วก็อดที่จะปลื้มใจไม่ได้ใช่มั้ยล่ะคะ การมีคนรอบข้างคอยใส่ใจก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เยียวคนที่กำลังประสบปัญหาเรื่องสุขภาพจิตได้ดีทีเดียวค่ะ

4. ผู้หญิงในกระจกคนนั้นไม่ใช่ ‘ใบเฟิร์น’ แต่เป็น ‘นิรา’

รูป  ใบเฟิร์น พิมพชนก  รับบท  นิรา
รูป  ใบเฟิร์น พิมพชนก  รับบท  นิรา
Photo  credit:  ละครใบไม้ที่ปลิดปลิว

ปิดท้ายด้วยนักแสดงจากบ้านเรากันบ้างค่ะ ซึ่งคนที่ยกมานำเสนอวันนี้คือ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ดาราสาวสวยเจ้าบทบาทนั่นเอง เธอมีแฟนคลับต่างประเทศมากมายโดยเฉพาะฟิลิปปินส์และจีน เป็นเพราะการแสดงที่โดดเด่นของเธอทั้งจอเงินและจอแก้ว ไม่ว่าจะเป็น สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก, Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน, หลงไฟ และใบไม้ที่ปลิดปลิว ซึ่งเธอรับบทเป็นสาวประเภทสองที่ชื่อว่า “นิรา” ตัวละครนี้ถือเป็นการท้าทายฝีมือการแสดงของใบเฟิร์นอย่างมากเพราะต้องรับบทเป็นคนที่มีอดีตแสนเจ็บปวดและเดินบนเส้นทางแห่งความคับแค้นขับเคลื่อนการกระทำด้วยความแค้น อีกทั้งยังต้องถ่ายทอดความยากลำบากของผู้หญิงข้ามเพศอีกด้วย แน่นอนว่าเธอได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้ชมอย่างล้นหลาม 

แต่เพราะการทุ่มเทสุดตัวของเธอในครั้งนี้ส่งผลให้ใบเฟิร์นไม่สามารถดึงตัวเองออกจากบทละครได้ จนเธอต้องเข้าพบจิตแพทย์ค่ะ ใบเฟิร์นได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า

 Q: อะไรที่ทำให้เราไปพบจิตแพทย์ในตอนนั้น?

A: “เฟิร์นไปพบมาแล้วได้คำตอบประมาณว่า สมมติเราอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งมากเป็นพิเศษ อย่างเช่น ความหดหู่ เสียใจ คนเรามันมีพาร์ตนั้นอยู่ในตัวอยู่แล้ว เราก็แค่ต้องดึงตัวเองกลับมา เรากลับมาบาลานซ์ทุกอย่างในชีวิตให้โอเค”

Q: “ต้องกินยาไหม?”

A: “ไม่เคยกินยาเลยค่ะ แค่ทำความเข้าใจ”

Q: “ใช้เวลานานไหม?”

A: “ตอนนั้นเราก็รู้สึกตอนไปถ่ายว่าทำไมเสียใจจัง แต่ความจริงแล้วเพิ่งรู้ว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก ถ้าเราเอาตัวไปอยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งมากเกินไปก็ดึงตัวเองกลับมา”

หลังจากที่ทำความเข้าใจกับปัญหาที่เจอได้แล้ว สาวใบเฟิร์นก็แฮปปี้กับชีวิตและตั้งใจทำงานของเธอต่ออย่างเต็มที่ค่ะ ถือเป็นกรณีที่รู้เท่าทันความคิดตัวเองแล้วก็รีบแก้ไข จึงไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันมากนัก เรื่องนี้ทำให้แฟนๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศต่างพากันดีใจที่นักแสดงคนโปรดกลับมาสดใสเหมือนเดิม สำหรับแฟนคลับแล้วคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของศิลปินที่ชื่นชอบใช่มั้ยล่ะคะ

     

    อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าไม่ว่าอาชีพไหนต่างก็ต้องเจอกับแรงกดดันและความเครียดด้วยกันทั้งนั้น แต่สำหรับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับศิลปะแล้ว อารมณ์ความรู้สึกจะมีผลต่อความคิดมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่านัก เพราะงั้นเราจึงเห็นข่าวดารานักแสดงอินกับบทบาทมากจนดึงตัวเองออกมาไม่ได้กันอยู่บ่อยๆ นั่นบ่งบอกว่าพวกเขาทุ่มเทให้กับเส้นทางนี้มากแค่ไหน นอกจากนี้พวกเขายังต้องอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ในจุดที่ทุกคนจับตามอง จึงเป็นการเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นอีก 

ส่วนพวกเราในฐานะผู้ชมก็ควรที่จะสนับสนุนผลงานของศิลปินไม่ว่าจะเป็นนักแสดง นักเขียน หรือนักวาดด้วยการให้กำลังใจหรืออุดหนุนผลงานอย่างถูกลิขสิทธิ์เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนให้ผู้คนสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาอีกในอนาคตค่ะ สำหรับเรื่องราวในครั้งหน้าจะเป็นอะไร พี่มายมิ้นท์ฝากติดตามเว็บไซต์และช่องทางอื่นๆ ของ Dek-D ด้วยนะคะ

Source:https://www.insider.com/mental-health-of-actors-suffers-when-long-series-ends-rehab-2019-8https://www.hindustantimes.com/hollywood/the-real-story-of-heath-ledger-s-physically-and-mentally-draining-descent-into-the-mind-of-the-joker/story-CyCwBI7t6x619PdhcCWr5K.htmlhttps://www.koreaboo.com/news/lee-dong-wook-confesses-depressed-end-goblin/https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_2828396http://www.popcornfor2.com/content/-news-115037https://www.youtube.com/watch?v=q1R9mPVqKZMhttps://people.com/movies/maggie-gyllenhaal-remembers-heath-ledger-the-dark-knight/https://www.youtube.com/watch?v=S94ukM8C17Ahttps://www.soompi.com/article/946841wpp/lee-dong-wook-almost-not-cast-goblinhttps://www.soompi.com/article/1187469wpp/lee-dong-wook-talks-character-upcoming-drama-life

 

พี่มายมิ้นท์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด