สวัสดีค่ะชาว Dek-D เราเชื่อว่าเด็กมหาวิทยาลัยจะต้องคุ้นเคยกับ "วิชาหมวดศึกษาทั่วไป" กันแน่ๆ เลยใช่มั้ยคะ เพราะเป็นวิชาบังคับที่นิสิต/นักศึกษาปี 1 ต้องเจอ จุดประสงค์คือพัฒนาให้เรามีความรอบรู้กว้างขวางนอกเหนือจากวิชาเฉพาะที่เราต้องเจออยู่แล้วในหลักสูตรของใครของมัน และช่วยฝึกทักษะ soft skills ทั้งการคิด วิเคราะห์ และทำงานเป็นทีม แม้จะเป็นแบบนั้นแต่หลายคนอาจยกให้เป็นคาบพักผ่อนสมองหรือนั่งทำการบ้าน เพราะประชากรในห้องเรียนทั้งเยอะ(รวมทุกคณะ)และอาจไม่ได้สอนแบบเร้าใจถูกจริตกับเรามากนัก
แต่วันนี้เราจะพาไปส่องชีวิต 'น้ำริน เรืองงาม' นิสิต มศว ที่ได้ทุนไปแลกเปลี่ยนที่ Juniata College ในอเมริกา เปิดโลกทั้งระบบเรียนและสภาพแวดล้อมสุดหรูสไตล์มหาวิทยาลัยเอกชนค่าเทอม 1.5 ล้าน แถมเจอวิชาหมวดศึกษาทั่วไปที่ไม่ใช่แค่คาบนั่งทำการบ้านแน่นอน มีทั้งออกฟิลด์รัวๆ ทั้งเข้มข้นและสมบุกสมบันสุดๆ ไปเลยค่ะ!
ได้ทุนไปแลกเปลี่ยน
ม.ในอเมริกาค่าเทอมหลักล้าน
ตอนนั้นเพิ่งเข้า มศว มาปีแรกเองค่ะ แต่พอเห็นโครงการมหาวิทยาลัยที่เป็นความร่วมมือกับ Juniata College ก็รู้สึกอยากเปิดโอกาสให้ตัวเองลองไปเห็นต่างประเทศว่าเป็นยังไง เหมาะกับเรามั้ย ข้อดีของทุนนี้คือนิสิต มศว ปี 1 ทุกคณะสมัครได้หมด สนับสนุนค่าเรียนและค่าเครื่องบิน แล้วเดินทางหลังจบปี 1 เทอมแรก ซึ่งถือว่าไวมากๆ เงื่อนไขก็มีแค่ว่าต้องเรียน มศว ให้จบหลักสูตรโดยไม่ลาออก //ก่อนไปเราได้ภาษาอังกฤษระดับสื่อสาร ยื่น TOEFL paper-based ประมาณ 500+ ค่ะ ตอนนั้นเรามีทักษะแค่ระดับสื่อสารได้
โครงการนี้จะส่งเราไปแลกเปลี่ยน 4 เดือนที่ Juniata College ที่เมือง Huntingdon รัฐ Pensylvania มีภูเขาล้อมรอบ ได้ฟีลธรรมชาติๆ ถึงขนาดมีกวางเดินเล่นในเมือง ด้วยความที่เป็น Private College (ม.เอกชน) และเน้นรับเด็กอินเตอร์เป็นหลัก ค่าเทอมเลยโหดหน่อย (รู้สึกโชคดีมากที่ได้ทุน) แต่ทุกหอทุกตึกดีมากจริงๆ สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ห้องน้ำสะอาด มีแม่บ้านคอยดูแล ยิมก็ดีเหมือนฟิตเนสแพงๆ สนามกีฬาอลังๆ สระว่ายน้ำปรับอุณหภูมิก็ยังมี
เรื่องน่ารักๆ ของมหาวิทยาลัยคือทุกปีจะมี Surprise Day ไม่มีใครรู้ว่าเค้าจะมาไม้ไหน แต่ปีที่เราเจอคือเค้ายกสวนสัตว์มาไว้ในมหาวิทยาลัยเลยค่ะ เราลงจากหอมาเจอทั้งอูฐ แพะ อัลปากา ฯลฯ ตอนนั้นเรายืนถ่ายกับอูฐลงไอจีสตอรี่นานจนมีคนถ่ายติดไปลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นด้วย!"
ปรับตัวครั้งใหญ่
กับวิธีเรียนที่ไม่คุ้นเคย
แต่ละคาบใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง แต่เวลาทำการบ้านปาไป 2 ชั่วโมงได้ เพราะที่นั่นเรียนแบบ self-study ต้องค้นคว้าหนักมากกกก บางทีอ่านเอกสารไป 7-8 ฉบับเพื่อทำรีพอร์ตแค่ 1 ฉบับก็มีนะคะ และข้อดีของ Private College คือมีกิจกรรมให้เน้นลงมือทำจริง และออกฟิลด์ทริปบ่อยค่ะ
สำหรับเราก็อาจจะต้องพยายามมากกว่าเพื่อนเพราะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่ก็รู้สึกอยากเรียนอยู่ดีเพราะทั้งเพื่อนทั้งอาจารย์เปิดกว้างมากๆ ค่ะ ไม่มีใครมาขัดว่าอันนี้ทำได้ทำไม่ได้ ถ้ามีไอเดียเราเสนอได้เลย โดยคะแนนจะขึ้นอยู่กับความตั้งใจ การมีส่วนร่วมในห้อง แล้วเราสามารถเขียนรีพอร์ตโดยอ้างอิงข้อมูลอย่างมีน้ำหนักและสมเหตุสมผลมั้ย ตีความได้ดีแค่ไหน ไม่ใช่ให้เกรดจากเรื่องเก่งหรือไม่เก่ง
ตัวอย่างวิชาเรียน
- U.S. History เราได้เรียนเรื่องผู้อพยพ (immigration) ว่ามีคนกลุ่มไหนเข้ามาในอเมริกาบ้าง เค้าให้จับฉลากแล้วไปแยกไปค้นคว้ามาคนละ 1 ประเทศ ระหว่างเรียนมีพาไปออกฟิลด์ทริปชุมชนหรือพิพิธภัณฑ์เพื่อศึกษาเรื่องที่เค้าเคยสอนในคลาส เช่น History of Italian Immigration Museum ในรัฐเพนซิลเวเนีย ดูเรื่องราวว่าเค้าอยู่และปรับตัวยังไงบ้าง แล้วปัจจุบันเป็นยังไง
เราได้ไปหมู่บ้านของชาวอามิช Amish Village ในรัฐเพนนิซิลเวีย คนกลุ่มนี้ยังคงทอผ้าแบบไม่มีไฟฟ้า เดินทางสัญจรด้วยรถไฟ ฯลฯ ซึ่งเค้าเลือกจะใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมด้วยเหตุผลทางศาสนาค่ะ (คล้ายๆ ชาวไทยภูเขา) ตอนนั้นเราเหมือนหลุดเข้าไปเดินในเมืองโบราณเลย ได้เดินตลาด กินอาหารท้องถิ่น ดูการประมูลม้า ให้ฟีลเหมือนเข้าไปอยู่ในเมืองโบราณเลยค่ะ
- Philosophy วิชาปรัชญาไม่มีฟิลด์ทริป แต่ได้อ่านหนังสือเยอะแทน 55555 เราต้องอ่านแล้วมาดิสคัสกับเพื่อนกับอาจารย์ สนุกตรงได้ฟังหลายมุมมอง ซึ่งอาจารย์ปรัชญาสนิทกับเด็กมากกกก บางทีถ้ามีคำถามน่าสนใจเค้าจะชวนคุยระหว่างทางเดินไปกินข้าวเลยค่ะ แบบ 'เอ้อ ผมสนใจเรื่องนี้หมือนกัน คุณคิดเห็นยังไงบ้าง ช่วยแชร์ให้ฟังหน่อย'
- Choral Union เรียนร้องเพลงประสานเสียงกับเพื่อนหลายคณะ คนในชุมชนก็มาลงเรียนด้วยได้เหมือนกัน พอตอนจบได้ขึ้นเวทีจัดแสดงจริง มีผู้ชมจริง ทำให้เราได้ลิงก์กับคนภายนอก
- Library หนึ่งในวิชาบังคับที่เด็กปี 1 ต้องเรียน เพราะมันสำคัญมาก สอนวิธีศึกษาค้นคว้าในห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลทำเปเปอร์ ทำให้เรารู้วิธีเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ความเจ๋งคือสอนโดยบรรณารักษ์ค่ะ การบ้านวิชานี้ก็อาจจะมีหนังสือมาให้กองนึง ให้เราไปอ่าน เขียนสรุป แล้วเขียน reference อ้างอิงให้ถูกหลัก //ห้องสมุดมหาวิทยาลัยชื่อ Beeghly Library ถึงจะเก่าแก่แต่จัดการเป็นระบบมาก หาอะไรก็หาเจอหมด
มาเรื่องชีวิตความเป็นอยู่กันบ้าง
ถ้าเป็นเรื่องอาหารการกิน บอกเลยกินเพลินมาก 55555 โรงอาหารของมหาวิทยาลัยหรูเลิศอลังการ แล้วประทับใจตรงที่เค้าพยายามจัดให้ตามความต้องการของนักเรียน ปกติเค้าทำอาหารหลายสัญชาติหลายประเภท เช่น พาสตา Raviolio ของอิตาลี, เกี๊ยวทอดของจีน, ซูชิของญี่ปุ่น ฯลฯ ขนาดเราเคยรีเควสต์อาหารรสจัด เค้าก็พยายามไปจัดอาหารไทยๆ มาให้ ถึงจะเป็นผัดกะเพราใส่ใบโหระพา เบอร์เกอร์น้ำซอสเผ็ดๆ หรือข้าวผัดที่ต่างจากบ้านเราก็เถอะ ยังไงเราก็ให้คะแนนความพยายาม ถึงไม่อร่อยแต่ทุกอย่างแต่มีให้เลือกเยอะไม่จำเจเลย
ส่วนในชุมชนจะไม่ได้มีร้านอาหารเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นร้านสะดวกซื้่อหรือฟาสต์ฟู้ด บางทีเราเลยไปหาซื้อวัตถุดิบจาก Asian Market มาทำอาหารไทยกินเอง หรือไม่ก็นัดเพื่อนมาใต้ตึก เตรียมทำต้มยำ กะเพราไข่ดาว น้ำตะไคร้ ฯลฯ พอเพื่อนลองแล้วเค้าชอบมากกกโดยเฉพาะข้าว ตักแล้วตักอีก ทำไปเยอะก็ยังไม่พอเลยค่ะ ภูมิใจมาก 5555 จริงๆ ต้องบอกว่าการไปอยู่กับเพื่อนที่มาจากหลายวัฒนธรรม ทำให้ชีวิตแลกเปลี่ยนเรามีสีสันขึ้นมากเลยค่ะ
แล้วที่รู้สึกคุ้มสุดๆ คืออยู่ที่นู่นเราเป็นเด็กกิจกรรม ออกกำลังกาย เล่นกีฬา เดินป่า แล้วโฮสต์เราคือบาทหลวง เราเลยได้ไปเห็นบรรยากาศในโบสถ์เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมของเค้า อีกอย่างคือมหาวิทยาลัยนี้เค้าพยายามทำตัวเองให้กลมกลืนกับเมือง หากิจกรรมที่คนในชุมชนสามารถมาเข้าร่วมได้ ถ้ามีโอกาสเราจะไปเข้าร่วมตลอด เพราะเรามาอยู่ในเมืองที่เงียบสงบ ไม่มีแสงสีเสียงเหมือนในเมือง ถ้าเกิดอยู่กับตัวเองตลอดจะน่าเบื่อมากๆ หาโอกาสไปทำอะไรใหม่ๆ ดีกว่า
นอกจากนี้เราได้เที่ยวนอกเมืองเยอะมากเพราะมันประหยัดกว่าเดินทางไทยเป็นหลายล้านเลยค่ะ เรามีไปทั้ง Philadelphia, Chicago และ New York เสียดายที่ระยะเวลาแลกเปลี่ยนสั้นเกินไป ยังอยากเที่ยวอีกหลายที่เลย ^^
รู้สึกตัวเองพัฒนาขึ้น
จนไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ
เราไปอเมริกาพร้อมทักษะภาษาแค่ระดับสื่อสาร แต่ระบบการเรียนทำให้เรากล้าพูดและมั่นใจขึ้นมากแบบเห็นได้ชัด อ่านเร็วขึ้น กล้าพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ก็ไม่ได้เขินหรือมัวแต่กลัวผิดเหมือนตอนแรก เหตุผลสำคัญเพราะเราได้ใช้จริงคนที่นี่เด็กอินเตอร์เยอะ ถึงคนสำเนียงไม่เป๊ะก็กล้าพูดโดยไม่มีใครมานั่ง bully หรือคอยจับผิดว่าเราสำเนียงไม่ดี
แล้วที่สำคัญเราไม่ได้แค่มาเรียน เที่ยว ลองร้านอาหารใหม่ๆ แต่ต่างประเทศทำให้เราได้เห็นอะไรกว้างขึ้น เราอาจเคยคิดว่าชีวิตทุกวันนี้มันดีแล้ว ฟุตบาธเมืองไทยก็ดูไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่การมาต่างประเทศทำให้เราเห็นว่าบ้านเรายังมีปัญหาอะไรอีกบ้างที่รอการแก้ไข
ช่องทางหลักของ Juniata College
https://www.facebook.com/juniata
https://www.facebook.com/JuniataAdmission/
https://www.youtube.com/user/JuniataCollege
2 ความคิดเห็น
น่ารักที่สุด
สุดยอดมากเลยค่ะ