Where's the best? เปิดโพล 10 อันดับประเทศน่าอยู่ที่สุดในโลก ประจำปี 2021

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ช่วงนี้หลายคนก็เริ่มทยอยเรียนจบกันไปเรื่อยๆ แล้ว เด็กจบใหม่ก็คงกำลังหาลู่ทางพร้อมเก็บข้อมูลเพื่อไปเรียนต่อ ไปทำงาน หรือใช้ชีวิตในต่างประเทศแล้วใช่ไหมคะ ในวันนี้พี่ปลื้มเลยจะพาทุกคนไปทัวร์ เอ๊ย! ไปอัปเดตข้อมูล ‘10 ประเทศน่าอยู่’ ประจำปี 2021 กันค่าาา >_< //ปรบมือออ

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่าโพลนี้ถูกจัดอันดับโดย U.S. News & World Report และได้รับการพัฒนาโดย BAV Group (หน่วยงานของบริษัทการสื่อสารการตลาดระดับโลก) VMLY & R และ The Wharton School of the University of Pennsylvania โดยเฉพาะศาสตราจารย์ David Reibstein ที่มาร่วมปรึกษาหารือกับทาง U.S. News & World Report ด้วยค่ะ

Photo Credit: www.usnews.com
Photo Credit: www.usnews.com

โดยแบบสำรวจชุดนี้จะทำการให้คะแนนตามลักษณะต่างๆ และยิบย่อยมากกก เช่น 

  • ความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ : สามารถปรับเปลี่ยนได้และทันสมัยก้าวหน้าตามสถานการณ์โลก, ผู้ประกอบการ-นวัตกรรมมีคุณภาพ, กำลังแรงงานที่มีทักษะ, ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี, การดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส, โครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างดี, โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดี และกรอบกฎหมายที่พัฒนาขึ้น
  • อิทธิพลทางวัฒนธรรม : มีวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อโลก, มีแบรนด์ทันสมัย-มีชื่อเสียงและอินเทรนด์
  • สังคมและคุณภาพชีวิต : มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ, ความเท่าเทียมกันของรายได้, มีเสถียรภาพทางการเมือง, ความปลอดภัยของระบบการศึกษา และระบบสาธารณสุข
Photo Credit: unsplash.com
Photo Credit: unsplash.com
  • วัตถุประสงค์เพื่อสังคม : ใส่ใจในสิทธิมนุษยชน, ใส่ใจสิ่งแวดล้อม, ความเท่าเทียมกันทางเพศ, เสรีภาพทางศาสนา, เคารพสิทธิในทรัพย์สิน, น่าเชื่อถือ, มีอำนาจทางการเมืองที่กระจายตัวได้ดี, ความเสมอภาคทางเชื้อชาติ, ใส่ใจในสิทธิสัตว์, มุ่งมั่นในเป้าหมายด้านสภาพอากาศ, มุ่งมั่นในด้านความยุติธรรมทางสังคม
  • Open for Business : มีต้นทุนการผลิตที่ถูก, สภาพแวดล้อมทางภาษีที่ดี, ไม่เป็นระบบราชการ, ไม่ทุจริต, การปฏิบัติของรัฐบาลที่โปร่งใส
Photo Credit: unsplash.com
Photo Credit: unsplash.com
  • อำนาจ : เป็นผู้นำที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ, มีการส่งออกที่ก้าวหน้า, มีอิทธิพลทางการเมือง-พันธมิตรระหว่างประเทศ และมีการทหารที่แข็งแกร่ง
  • เหมาะแก่ท่องเที่ยว : อากาศดี และบ้านเมืองสวยงาม
  • มรดกทางวัฒนธรรม : เข้าถึงวัฒนธรรมได้, มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน, มีอาหารอร่อย, สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและทางภูมิศาสตร์มากมาย

ด้านการให้คะแนนว่าโหดแล้ว แต่การเลือกผู้เข้าร่วมทำแบบสำรวจก็ไม่ต่างกันเลยค่ะ เพราะจะเริ่มให้กรอกข้อมูลต่างๆ เพื่อดูคุณสมบัติความพร้อม และถ้าหากคนๆ นั้นเหมาะกับการทำแบบสอบถามก็จะมีลิงก์ส่งไปยังแบบสำรวจออนไลน์ผ่าน Lightspeed GMI (บริษัทวิจัยตลาดและรวบรวมข้อมูลระดับโลก) ให้เริ่มประเมินกัน

เอาล่ะค่ะในเมื่อเข้าใจวิธีการแบบคร่าวๆ ไปแล้ว คราวนี้เรามาดูอันดับกันดีกว่าค่ะว่าจะมีประเทศอะไรหนอ รวมถึงคะแนนในด้านต่างๆ (คะแนนเต็ม 100 คะแนน) ว่าเขาจะได้เท่าไหร่กันบ้าง

__________

อันดับ 10  
เนเธอร์แลนด์ (Netherlands)

อันดับ 10 ประจำปีนี้นี้ตกเป็นของเนเธอร์แลนด์ค่ะ ประเทศแรกที่อนุญาตให้การแต่งงานระหว่างเพศเดียวนั้นถูกต้องตามกฎหมายค่ะ รวมถึงอนุญาติเรื่องสารเสพติด, การุณยฆาต, ค้าประเวณี และการทำแท้งเสรีให้ถูกกฎหมายแบบ 100%  

คะแนน

  • ด้านคุณภาพชีวิต: 88.3
  • ความปลอดภัย: 90.5
  • การศึกษา: 92.8
  • สาธารณสุข: 93.2
รีวิวประเทศเนเธอร์แลนด์

อันดับ 9 
สวีเดน (Sweden)

สวีเดนมีการใช้จ่ายเงินส่วนใหญ่เพื่อการบริการสาธารณะค่ะ เพราะฉะนั้นจึงมีอัตราภาษีลดลง มีโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายการขนส่งอย่างเท่าเทียมกัน รัฐดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย และในเรื่องขยะก็ล้ำเลิศเพราะขยะเกือบทั้งหมดของสวีเดนต้องนำมารีไซเคิล

คะแนน

  • ด้านคุณภาพชีวิต: 93.7
  • ความปลอดภัย: 93.3
  • การศึกษา: 100
  • สาธารณสุข: 100
7 เมืองน่าเรียนต่อในสวีเดน

อันดับ 8 
อังกฤษ (United Kingdom)

ประเทศอังกฤษ แห่งสหราชอาณาจักรมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจการเมืองวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมระหว่างประเทศอย่างมาก โดยมีลอนดอน (London) เป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศที่สำคัญ และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก

คะแนน

  • ด้านคุณภาพชีวิต: 69
  • ความปลอดภัย: 55.4
  • การศึกษา: 96
  • สาธารณสุข: 89.5
มหาลัยค่าเทอมไม่แพงในอังกฤษ

อันดับ 7
นิวซีแลนด์ (New Zealand)

นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาที่เป็นอิสระ โดยมีจาซินดา อาร์เดิร์น (Jacinda Ardern) ผู้นำหญิงที่อายุน้อยที่สุดสุดในโลกเป็นนายกรัฐมนตรี จาซินดาได้กลายเป็นที่รู้จักในโซเชียลมีเดียโดยคลิปไวรัลเรื่องการอ่านผลงาน 2 ปี ภายใน 2 นาที ซึ่งผลงานของเธอและคณะรัฐมนตรีนั้นเยอะมาก จนฟังแทบไม่ทันเลยล่ะค่ะ 5555 

คะแนน

  • ด้านคุณภาพชีวิต: 84
  • ความปลอดภัย: 95.9
  • การศึกษา: 84.3
  • สาธารณสุข: 80
5 เหตุผลที่ควรเรียนต่อนิวซีแลนด์

อันดับ 6
สหรัฐอเมริกา (United States)

แม้จะติดอันดับ 6 แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 รวมถึงเหตุการณ์น่าสลดใจหลายอย่าง เช่น จอร์จฟรอยด์ และ AsianHates ทำให้คะแนนของสหรัฐอเมริกาที่น้องๆ กำลังจะเห็นนั้นค่อนข้างต่ำจนน่าใจหายในบางช่อง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเด็นเหล่านั้นทำให้หลายประเทศมีการขับเคลื่อนมากยิ่งขึ้น นับว่าเป็นประเทศที่มีอิทธิพลจริงๆ ค่ะ

คะแนน

  • ด้านคุณภาพชีวิต: 46
  • ความปลอดภัย: 10.8
  • การศึกษา: 70.2
  • สาธารณสุข: 31.9
รวมทุนเรียนต่ออเมริกา

อันดับ 5
ออสเตรเลีย (Australia)

ออสเตรเลียถือเป็นประเทศที่ร่ำรวยทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลิตภัณฑ์รวมภายในประเทศและรายได้ต่อหัวค่อนข้างสูงเลยล่ะค่ะ โดยเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนโดยภาคบริการและการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก

คะแนน

  • ด้านคุณภาพชีวิต: 89.5
  • ความปลอดภัย: 91.3
  • การศึกษา: 91
  • สาธารณสุข: 83.5
8 มหา'ลัยในออสเตรเลีย

อันดับ 4
สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)

สวิตเซอร์แลนด์มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าสหพันธรัฐสวิต พี่ว่าน้องๆ คงไม่สงสัยที่เขาติดโพลประเทศน่าอยู่ เพราะบ้านเมืองและธรรมชาติของเขาสวยม๊ากก รวมถึงเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดของโลก และเป็นที่รู้จักกันดีมานานหลายศตวรรษในเรื่องความเป็นกลางค่ะ

คะแนน

  • ด้านคุณภาพชีวิต: 89.9
  • ความปลอดภัย: 100
  • การศึกษา: 98.3
  • สาธารณสุข: 95.5
5 ม.น่าเรียนในสวิตเซอร์แลนด์

อันดับ 3
เยอรมนี (Germany)

มาถึงอันดับสามซึ่งก็คือเยอรมนี ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในสหภาพยุโรป และแน่นอนว่ามีแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

คะแนน

  • ด้านคุณภาพชีวิต: 84.9
  • ความปลอดภัย: 71.3
  • การศึกษา: 97.5
  • สาธารณสุข: 98.1
เรียนฟรีที่เยอรมนี

อันดับ 2
ญี่ปุ่น (Japan)

แดนอาทิตย์อุทัยแถบเอเชียก็ไม่น้อยหน้าเลยค่ะ คว้าอันสองมาครองได้ เพราะถือเป็นประเทศที่มีความรู้และก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปตามเมือง เพราะได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมมายาวนาน รวมถึงยังคงอนุรักษ์วิถีโบราณเอาไว้ด้วย

  • คะแนน
  • ด้านคุณภาพชีวิต: 69.2
  • ความปลอดภัย: 72.2
  • การศึกษา: 92.9
  • สาธารณสุข: 87.4
ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น 2565

อันดับ 1
แคนาดา (Canada)

และสุดท้ายอันดับ 1 ของปีนี้ก็ได้แก่... แท่นแทนแท๊นนน แคนาดานั่นเองค่า! อย่างที่รู้กันว่าแคนาดาเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากรัสเซีย และประเทศนี้ก็มีชื่อเสียงในด้านของการต้อนรับผู้อพยพ (เดือนๆ นึงนี่มีผู้อพยพเข้าไปเกือบ 20,000-20,500 พันคนเลยล่ะค่ะ) แถมในเว็บไซต์ของประเทศเองก็มีหน้าเฉพาะสำหรับผู้อพยพใหม่ด้วยว่าต้องทำอะไร มี services อะไรให้บ้าง เรียกได้ว่า Welcome กันสุดๆ เลยค่ะ >_<

คะแนน

  • ด้านคุณภาพชีวิต: 100 (เต็มไปเลยค่ะ ปังไม่ไหว)
  • ความปลอดภัย: 96.7
  • การศึกษา: 97.8
  • สาธารณสุข: 95.9
รวมทุนเรียนต่อแคนาดา

__________

อันดับประเทศอื่นๆ จัดเรียงตามอันดับ 11-20

อันดับ 11 : ฝรั่งเศส (France)

อันดับ 12 : เดนมาร์ก (Denmark)

อันดับ 13 : นอร์เวย์ (Norway)

อันดับ 14 : สิงค์โปร (Singapore)

อันดับ 15 : เกาหลีใต้ (South Korea)

อันดับ 16 : อิตาลี (Italy)

อันดับ 17 : จีน (China)

อันดับ 18 : ฟินแลนด์ (Finland)

อันดับ 19 : สเปน (Spain)

อันดับ 20 : เบลเยียม (Belgium)

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 10 อันดับประเทศน่าอยู่ที่นำมาฝากในวันนี้ มีใครเดาอันดับถูกบ้างไหมเอ่ย ส่วนใครอยากไปเที่ยวหรือไปเรียนต่อที่ไหนก็อย่าลืมจดลิสต์เอาไว้นะคะว่ามีประเทศอะไรน่าสนใจบ้างถือเป็นการช่วยเรื่องตัดสินใจเนอะ

 สุดท้ายนี้ฝากน้องๆ ติดตามช่องทางของ Dek-D เอาไว้ด้วยนะคะ ช่วงกักตัวอยู่บ้านเหงาๆ จะได้มีอะไรอ่าน รวมถึงไม่พลาดเรื่องอัปเดตใหม่ตลอดทั้งปีค่ะ ^^

 

Sources:https://www.usnews.com/news/best-countries/overall-rankings?fbclid=IwAR3kkiBZOzo2Itscn9qTAwbjyBriZ_S18dVdx7danNqrkAWTB_I87s-kSH0 https://www.usnews.com/news/best-countries/articles/methodology 

 

พี่ปลื้ม
พี่ปลื้ม - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น