สวัสดีค่าา ชาว Dek D ทุกคน ช่วงนี้กระแสนิยายวายกำลังมาแรงแซงทางโค้งเลยค่ะ เวลาไปร้านหนังสือก็จะเจอนิยายวายติดอันดับ best seller ตลอด วันนี้ พี่แพรวแพรว เลยถือโอกาสรวบรวมนิยายวายภาษาอังกฤษที่มีเนื้อหาสนุกๆ ฟินๆ โดนใจวัยรุ่นเอามาให้น้องๆ ได้ลองฝึกพัฒนาสกิลการอ่านกัน
การฝึกภาษาที่สำคัญ คือ การพยายามเสพสื่อภาษาอังกฤษให้มากๆ เพื่อให้เราคุ้นชินกับมัน ยิ่งเราเป็นคนชอบอ่านนิยายวายด้วยแล้ว ถ้าได้ฝึกภาษาจากสิ่งที่เราชอบจะยิ่งแฮปปี้มากขึ้นไปอีก ถ้าน้องๆ พร้อมแล้วไปดูกันดีกว่าว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง!
1.Heartstopper
- แนว: Romantic , Coming of Age
- ระดับภาษา : Beginner
มาเริ่มที่เรื่องแรกกับ ‘Heartstopper’ การ์ตูนภาษาอังกฤษที่ว่าด้วยเรื่องราวของสองตัวละครวัยรุ่นอย่าง 'ชาร์ลี' และ 'นิค' ทั้งคู่บังเอิญมารู้จักและเป็นเพื่อนกัน แล้วที่น่าสนใจคือชาร์ลีที่เป็นเกย์ ได้ตกหลุมรักนิคที่เป็นสเตรท (Straight) ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะสมหวังหรือไม่ ตามมาเอาใจช่วยในเรื่องกันค่ะ!
สำหรับนี้เรื่องได้สอดแทรกประเด็น LGBTQ+ ที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น การ come out การถูกเลือกปฏิบัติ การให้อภัยจากการโดนเหยียด เป็นอีกเล่มที่เหมาะมากๆ กับคนที่อยากเริ่มต้นฝึกภาษาอังกฤษ เพราะเป็นบทสนทนาในชีวิตประจำวันทั่วไป อ่านง่าย ศัพท์ไม่ยาก ได้เรียนรู้คำสแลงวัยรุ่นเพิ่มขึ้นด้วย หรือถ้าใครอยากดูเป็นเวอร์ชันซีรีส์ ขอบอกว่าเรื่องนี้กำลังถูกเตรียมนำไปทำเป็นซีรีส์ Netflix แล้วด้วย ปังไปอีก!
“You can't tell whether people are gay by what they look like.
And gay or straight aren't the only two options.”
“แค่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่สามารถบอกได้หรอกว่าผู้คนเป็นเกย์หรือไม่
และไม่ว่าจะเกย์หรือสเตรทก็ไม่ใช่แค่สองทางเลือกเท่านั้น”
-Heartstopper
2.Aristotle and Dante Discover
the Secrets of the Universe
- แนว: Coming of Age
- ระดับภาษา: Beginner
มาต่อกันที่นิยายที่ชื่อเรื่องยาวมากก อย่าง 'Aristotle and Dante Discover the Secrets of the Universe' บอกเลยว่าเรื่องนี้การันตีความสนุกด้วยคะแนนรีวิวสูงมากในเว็บไซต์ 'Goodreads' และคว้ารางวัลมากมายจาก 'A Printz Honor Book', 'Stonewall Book Award' เป็นต้น เรียกว่าที่ไหนมีรางวัล ที่นั่นต้องมีชื่อนี้อยู่ด้วย!
โดยเรื่องนี้เล่าถึง 'Aristotle' เด็กหนุ่มที่ไม่กล้าเข้าสังคม เขาทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวและเกลียดตัวเองไปในคราวเดียวกัน จนวันหนึ่งได้มาพบกับ 'Dante' ชายหนุ่มขั้วตรงข้ามที่สระว่ายน้ำ ที่อาสาสอนว่ายน้ำให้ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ที่เริ่มนับหนึ่งจากการเป็นเพื่อน ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นโดยผ่านช่วงเวลาการเติบโต ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรค จนได้ค้นพบความลับของจักรวาลนี้ด้วยกัน ใครที่ชอบแนว Coming of Age ต้องไม่พลาดเรื่องนี้เลยค่ะ ดีงามมากกก
นอกจากความสนุกแล้ว ในเรื่องนี้ก็มีทั้งสาระและมุมให้ขบคิดตามไม่น้อย ทั้งเรื่องการค้นหาตัวตน หรือประเด็นปัญหาชีวิตที่หลายคนอาจเจอในทุกๆ วัน เรียกว่าอ่านแล้วอิน และได้ฉุกคิดย้อนกลับมองมาที่ตัวเราเองอีกด้วย สำหรับภาษาในเรื่องนี้จะค่อนข้างตรงไปมาตรงมา ไม่ซับซ้อน อ่านง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้นฝึกภาษาอังกฤษเลยค่ะ //แอบกระซิบว่าบางมหาวิทยาลัยก็หยิบวรรณกรรมเรื่องนี้มาสอนในวิชาการแปลด้วยนะ
“I wondered what that was like, to hold someone’s hand. I bet you could sometimes find all of the mysteries of the universe in someone’s hand.”
“ฉันสงสัยว่าการจับมือใครสักคนมันจะเป็นอย่างไร แต่ฉันพนันได้เลยว่าบางครั้งคุณอาจพบความลึกลับทั้งหมดของจักรวาลในมือของใครบางคนก็เป็นได้”
-Aristotle and Dante Discover
the Secrets of the Universe
3. 2gether English Version
- แนว: Romantic
- ระดับภาษา Beginner
ถ้าพูดถึงนิยายวายไทยที่มาแรงแซงทางโค้ง หนึ่งในนั้นต้องมี 'เพราะเราคู่กัน' แน่นอนค่ะ ถือเป็นงานเขียนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากเพราะถูกนำไปทำซีรีส์จนโด่งดังไปทั่วเอเชีย และมีการตีพิมพ์หลายภาษา ซึ่งภาษาอังกฤษก็คือหนึ่งในนั้น มีเรื่องย่อคือ เด็กหนุ่ม ‘ไทน์’ ใฝ่ฝันว่าจะได้เจอรักแท้ในมหาวิทยาลัย แต่เขากลับต้องมาเจอ ‘กรีน’ เกย์สาวที่มาหลงรักและไม่ยอมตัดใจแม้ตนจะปฏิเสธไปแล้วก็ตาม จนวันนึงโชคชะตาก็พาไปไทน์ไปเจอกับ ‘สารวัตร’ หนุ่มมือกีตาร์สุดฮอต จึงขอร้องให้สารวัตรมาช่วยเป็นแฟนปลอมๆ ให้หน่อย นำไปสู่เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น แต่ไม่รู้เหมือนกันนะว่าแฟนปลอมๆ ที่ว่า จะได้เลื่อนขั้นเป็นแฟนจริงๆ มั้ย? ต้องลองไปลุ้นต่อในเรื่องค่ะ~
เมื่อเห็นนิยายไทยในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ ก็นับว่าเหมาะกับการฝึกภาษาไปอีกแบบนะคะ เพราะเหตุการณ์ในเรื่องเกิดที่มหาวิทยาลัยในไทย ซึ่งบริบทที่คุ้นเคยอาจมีส่วนช่วยให้เข้าใจเรื่องได้มากกว่าฉากหลังที่เป็นต่างประเทศ ที่สำคัญคือภาษาในเรื่องก็เหมาะกับผู้เริ่มฝึกภาษาอังกฤษ เพราะศัพท์ไม่ยาก (ต้นฉบับก็ใช้ภาษาวัยรุ่นทั่วไปนี่แหละ) แต่ถ้างงตอนไหนก็เปิดเวอร์ชันไทยมาเทียบคู่กันได้ เป็นอีกวิธีฝึกที่น่าสนใจเช่นกันค่ะ
“But love is not easy to prove like in dramas.
Sometimes you need to take it slow and let time tell you.”
“แต่ความรักไม่ใช่เรื่องที่จะพิสูจน์กันได้ง่ายๆ เหมือนในละคร
บางครั้งคุณก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปแล้วเดี๋ยวกาลเวลาจะบอกคุณเอง”
-2gether
4. Simon vs. the Homo Sapiens Agenda
- แนว Romantic, Coming Of Age
- ระดับภาษา Beginner-Intermediate
หลายๆ คนน่าจะรู้จักหนังชื่อดังอย่างเรื่อง ‘Love, Simon’ ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง Simon vs. the Homo Sapiens Agenda' นั่นเองค่ะ โดยเนื้อเรื่องเริ่มต้นที่ ‘ไซมอน สเปียร์’ เด็กหนุ่มวัย 16 ปีที่เป็นเกย์และได้ตกหลุมรักบลู (นามแฝง) เด็กหนุ่มปริศนาที่คุยกับเขาผ่านอีเมล และทั้งคู่รู้สึกเข้ากันได้จึงดำเนินความสัมพันธ์ลับๆ ผ่านการส่งอีเมลมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมีคนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้ขึ้น จนเกิดเป็นเรื่องยุ่งๆ ขึ้นพร้อมกับการตามหาว่าบลูคือใครกันแน่!
สำหรับเนื้อเรื่องในนิยายไม่ต่างจากในหนังมาก แต่มีจุดเด่นตรงที่ในนิยายสามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของไซมอนได้ลึกซึ้งมากกว่า ใครที่ดูหนังแล้วอยากเข้าใจตัวละครให้มากขึ้น แนะนำว่าต้องลองอ่านนิยายดูค่ะ
ส่วนระดับภาษาในเรื่องจะไม่ยากมาก อ่านง่าย เป็นภาษาที่วัยรุ่นใช้คุยกัน อาจมีคำสแลงเพิ่มมาบ้าง ที่สำคัญคือมีการส่งอีเมลระหว่างกันในเรื่องค่อนข้างเยอะ ใครที่สนใจอยากศึกษาการส่งอีเมลก็ต้องห้ามพลาดเรื่องนี้ค่ะ
“Sometimes it seems like everyone knows who I am except me.”
“บางครั้งดูเหมือนว่าทุกคนรู้ว่าฉันเป็นใคร ยกเว้นตัวฉันเอง”
-Simon vs. the Homo Sapiens Agenda
5.Red, White & Royal Blue
- แนว โรแมนติก
- ระดับภาษา Beginner-Intermediate
เรื่องนี้พล็อตเริ่ดหรูอลังการสุดๆ ค่ะ เพราะตัวละครหลักคือ ‘อเล็กซ์’ ลูกชายประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ ‘เฮนรี่’ เจ้าชายคนที่สองของราชวงศ์อังกฤษ ที่แรกเริ่มสองคนนี้เกลียดกันมาก จนมาถึงในวันงานแต่งงานของพี่ชายของเฮนรี่ อเล็กซ์ก็ไปสร้างเรื่องเข้าจนกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งสองคนก็เลยต้องถูกส่งมาใช้เวลาร่วมกันเพื่อหยุดยั้งความร้าวฉานทางการทูต ใครชื่นชอบพล็อตจากเกลียดเปลี่ยนเป็นรัก เรื่องนี้มีฟินกลั้นยิ้มกันไม่อยู่แน่นอน ตอบโจทย์เวอร์!
นอกจากนี้ใครที่ชอบแนวการเมืองต้องห้ามพลาดเลยค่ะ เพราะนวนิยายเรื่องนี้ไม่ได้โฟกัสไปที่ความรักอย่างเดียว แต่ยังเล่นประเด็นการเมือง และยังกล่าวถึง ทำเนียบขาว การฑูต ความมั่นคงระหว่างประเทศ เรียกว่าเกร็ดความรู้สอดแทรกไปอีก
สำหรับภาษาในเรื่องนี้ก็จะไม่ได้ยากมาก มีคำศัพท์การเมืองและศัพท์ราชวงศ์ที่น่าสนใจหลายคำ ในเรื่องมีทั้งบทบรรยายสลับการเขียนอีเมล ซึ่งก็มีอีเมลหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีสอดแทรก Poem บทกลอนน่ารักๆ ไว้ในเรื่องด้วย เหมาะสำหรับใครที่สนใจอยากลองศึกษาการเขียนอีเมลและบทกลอนแบบที่ไม่ยากมาก เรื่องนี้ก็ตอบโจทย์มากเลยค่ะ
“Sometimes you just jump and hope it's not a cliff.”
“บางครั้งคุณก็แค่กระโดดออกไปและหวังว่ามันจะไม่ใช่หน้าผา”
-Red, White & Royal Blue
6. The Gentleman’s Guide to Vice and Virtue
- แนว: ผจญภัย
- ระดบภาษา: Intermediate
เรื่องต่อมาก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมีข่าวว่าเขากำลังจะนำต้นฉบับไปสร้างเป็นหนังของ HBO ด้วยค่ะ เรื่องนี้จะมาแนวพีเรียด พาย้อนไปสมัยสังคมยุคกลาง โดยกล่าวถึงการผจญภัยในคริสต์ศตวรรษที่ 17-18 ของ ‘เฮนรี มอนตี’ ขุนนางหนุ่มจอมแสบและ เสเพล กับ ‘เพอร์ซี’ เพื่อนชายคนสนิทที่เขาแอบชอบ แต่ยังก้าวข้ามเส้นกั้นระหว่างมิตรภาพกับความรักไปไม่ได้เสียที และมี ‘เฟลิซีตี’ ผู้เป็นน้องสาวด้วยอีกคน ทั้ง 3 คนต้องออกเดินทางไปทั่วยุโรปเพื่อให้มอนตีได้ดัดนิสัยของตัวเอง แต่ดันมีเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาต้องเข้าไปข้องแวะกับเรื่องราวบางอย่างจนเกิดการผจญภัยสุดตื่นเต้นขึ้น!
เรื่องนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในหนังสือยอดเยี่ยมประจำปี 2017 โดย Amazon, Publisher's Weekly, New York Pumlic Library การันตีจากเว็บชื่อดังขนาดนี้ความสนุกจัดเต็มแน่นอน ส่วนใครอยากดูไว้ฝึกภาษาเรื่องนี้จะมาระดับกลาง แอดวานซ์ขึ้นมาจากเรื่องก่อนหน้านี้ เพราะฉากหลังเป็นยุคเก่าและมีบรรยายถึงสถานที่ต่างๆ เยอะค่ะ
*Discliamer: เหมาะสำหรับผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีบางฉากที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม เช่น การเหยียดเพศ เพราะเป็นบริบทในสังคมยุคเก่า
“It is remarkable how much courage it takes to kiss someone, even when you are almost certain that person would very much like to be kissed by you.”
“มันเป็นเรื่องน่าทึ่งที่ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการจูบใครสักคน
แม้ว่าคุณเกือบจะแน่ใจแล้วว่าคนๆ นั้นอยากจะจูบคุณมากก็ตาม”
-The Gentleman’s Guide to Vice and Virtue
7. Call Me by Your Name
- แนว Romance
- ระดับภาษา Intermediate-Hard
มาถึงเรื่องสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลย นั่นคือ เรื่อง 'Call Me by Your Name' ที่ได้นำไปดัดแปลงเป็นหนังของ Netflix ในชื่อเรื่องเดิม และดีงามจนโด่งดังไปทั่วโลกเลยค่ะ เรื่องย่อเริ่มจาก ‘เอลิโอ’ เด็กชายวัย 17 ที่ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อยในคฤหาสน์กับครอบครัว แต่แล้วโลกทั้งใบของเขาก็เปลี่ยนไป หลังจากที่นักศึกษาหนุ่ม ‘โอลิเวอร์’ ได้เดินทางมาช่วยงานวิจัยของพ่อเขา พร้อมกับพาเอลิโอไปค้นพบความรักที่แท้จริงด้วย!
สิ่งที่ทำให้หนังสือแตกต่างจากหนัง คือในหนังสือจะเน้นไปที่ความคิดของเอลิโอ และทำให้เราได้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละครชัดกว่าในหนังมากๆ
ภาษาในเรื่องนี้จะอยู่ในระดับกลางถึงยาก มีการแฝงอุปมาอุปไมยและการใช้สัญลักษณ์ที่ต้องอาศัยการตีความอย่างลึกซึ้ง และมีการพรรณนาถึงสถานที่เยอะ ทำให้เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับกลาง ถ้าใครอยากรู้ว่าในวรรณกรรมต้นฉบับจะแตกต่างจากในหนังยังไง อย่าลืมตามไปหาคำตอบกันนะคะ
Nature has cunning ways of finding our weakest spot.
ธรรมชาติมีวิธีที่ชาญฉลาดในการหาจุดอ่อนที่สุดของเรา
- Call Me by Your Name
จบกันไปแล้วกับ 7 นิยายวายภาษาอังกฤษที่พี่นำมาฝากในวันนี้ แต่ละเรื่องพล็อตสนุกและยังมีสาระความรู้สอดแทรกเข้าไปด้วย และการฝึกภาษาที่ดีก็ต้องเริ่มจากสิ่งใกล้ตัว ซึ่งการอ่านวรรณกรรมหรือนิยายวายก็เป็นอีกตัวเลือกที่จะช่วยให้เราค่อยๆ อัปเกรดภาษาให้กับเราแบบไม่รู้ตัว แต่ใดๆ คือเราก็ต้องใช้และฝึกฝนบ่อยๆ ด้วย ภาษาจะได้พัฒนาค่ะ น้องๆ อย่าเพิ่งท้อกันนะคะ แล้วไว้เจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ ^^
0 ความคิดเห็น