ออสเตรเลีย-สิงคโปร์-ดูไบ: ชีวิตเด็กไทยใน 'SP Jain' โรงเรียนธุรกิจระดับโลก!

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D หลายคนคงจะมีความฝันอยากไปเรียนที่ต่างประเทศกันใช่ไหมคะ ถ้าได้ไปสักที่ก็ถือว่าเจ๋งมากแล้ว   แต่วันนี้พี่จะพาไปคุยกับ ‘เชียร์เชียร์’ นักเรียนไทยใน 'SP Jain School of Global Management' ที่ในหลักสูตรปริญญาตรี 4 ปีที่เธอเรียน จะได้ไปเรียนปีละประเทศ นั่นคือปี 1 ที่สิงคโปร์ / ปี 2 ที่ดูไบ / และหากไม่เจอโควิดซะก่อนจะได้ไปเรียนปีที่ 3 และ 4 ที่ออสเตรเลีย ซึ่งปกติก็จะได้ใบจบจากออสเตรเลีย + ฟรีวีซ่าทำงาน 2 ปีด้วย เพราะรัฐบาลออสฯ ต้องการแรงงานมีฝีมือเข้าประเทศ เลยทำข้อตกลงกับ SP Jain ไว้

แม้ว่าพิษโควิดจะทำให้ช่วงปี 3 ไม่เป็นไปตามแผนและต้องรอลุ้นสถานการณ์ แต่เธอก็เล่าทั้งชีวิตการเรียนและประสบการณ์ที่แปลกใหม่ จะน่าทึ่งแค่ไหนตามไปดูกันเลยค่า

......

จากเด็กที่ภาษาอังกฤษเป็นศูนย์

ตอนเด็กๆ ช่วงสักก่อน ม.5 เราอ่อนภาษาอังกฤษมาก แบบพูดได้แค่ Yes No OK แค่นั้น จนมาฮึดตอนที่อยากลองไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ตอนนั้นเราตัดทุกอย่างที่เป็นภาษาไทยออกให้หมด หันมาดูหนังฟังเพลงภาษาอังกฤษ เปลี่ยนภาษาในโทรศัพท์ ฯลฯ สุดท้ายก็ติดโครงการแลกเปลี่ยน AFS เลือกไปอเมริกา พอได้ใช้ภาษาทุกวันๆ ก็พัฒนาขึ้นมากโดยเฉพาะการพูดการฟัง หลังกลับมาก็เลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจของมหิดลอินเตอร์ เพราะอยากใช้ภาษาอังกฤษต่อไป

ตอนนั้นเริ่มเรียนที่มหิดลแล้ว ทีนี้เพื่อนก็มาชวนไปสมัครเรียนที่ SP Jain เพราะถ้าทำคะแนนได้ดีจะมีทุนค่าเทอมให้ แถมตอนรับปริญญาจะได้ใบจบจากออสเตรเลียด้วย เราว่ามันเป็นโอกาสดีที่จะได้ไปอยู่สภาพแวดล้อมที่คนใช้ภาษาอังกฤษทั้งในและนอกห้องเรียน

ตอนไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา
ตอนไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา

เตรียมตัวยังไง

ตอนเตรียมตัวรู้สึกไม่ยากขนาดนั้นเพราะว่ายื่นแค่เกรด คะแนน IELTS และสอบสัมภาษณ์ จะเครียดสุดก็ตรง IELTS เพราะถึงจะไปแลกเปลี่ยนแล้วสกิลพูดกับฟังดีขึ้นเยอะ แต่ก็แค่มั่นใจพาร์ต Speaking กับ Listening ส่วนเรื่องแกรมมาร์หรือการเขียนอะไรที่เป็นทางการๆ เราไม่เก่งเลย ก็เลยเน้นเตรียมส่วนนี้ไป 3-4 เดือนอ่ะ ทั้งอ่านเองกับลงเรียนเพิ่ม ส่วนการฝึกทำโจทย์เก่าเยอะๆ อันนี้คือช่วยได้มาก เพราะเราได้เห็นแนวทางข้อสอบ กับพอเข้าใจว่าเค้าต้องการคำตอบแบบไหน แล้วก็เขียนไปในทางนั้น สุดท้ายสอบได้พาร์ต Writing มา 6 ถือว่าพอใจระดับนึงเลย

พอยื่นเอกสารเสร็จเค้าก็นัดสัมภาษณ์ เป็นคำถามทั่วไป สบายๆ จากนั้นเค้าก็เสนอทุนให้ อย่างเราได้จ่ายค่าเทอมแค่ 25% ที่เหลือมหา’ลัยออกค่าเรียนให้หมด // เราไม่แน่ใจว่าเค้าตัดสินจากอะไร เพราะเพื่อนบางคนไม่ได้ทุนเลย ส่วนบางคนได้ลดน้อย

Tri States ต้องเรียนในสามประเทศ!

'SP Jain School of Global Management' เป็นมหาวิทยาลัยที่เรียกว่า ‘Tri States’ คือนักเรียนของที่นี่ในปี 1 จะเรียนที่สิงคโปร์ ปี 2 ไปเรียนที่ดูไบ ปี 3-4 เรียนที่ออสเตรเลีย และเมื่อเรียนจบจะได้วีซ่าทำงานในออสเตรเลียทันที 2 ปี รู้สึกว่ามันเจ๋งมาก ตรงนี้เลยเหมือนเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่เราตัดสินใจสมัครเรียนที่นี่เลยแหละ

ถึงแม้จะเป็นมหา’ลัยที่มีที่ตั้งถึงสามประเทศ แต่จริงๆ แล้ว SP Jain เป็นมหาวิทยาลัยจากอินเดีย มี Campus Base อยู่ที่อินเดีย แต่ที่นั่นวิชาเรียนจะไม่เยอะ แล้วก็การเรียนไม่ได้เข้มข้นเท่าออกมาเรียนข้างนอก นักเรียนอินเดียเองเลยเลือกจะมาแบบ Tri States มากว่า

ห้องเรียนที่ดูไบ
ห้องเรียนที่ดูไบ

ดังนั้นในรุ่นก็เลยมีคนอินเดียเยอะมากก ประมาณ 60% ของทั้งคลาสได้เลย รองๆ ลงมาก็จะเป็นเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มีเม็กซิโกหรือจากอเมริกาใต้บ้างประปราย คนไทยในรุ่นเรามีสองคนเอง ส่วนคนสิงคโปร์ไม่มีเลย เราจะไม่ได้คลุกคลีกับคนสิงคโปร์เลยถ้าไม่ได้ไปฝึกงาน

เรียนบริหารธุรกิจ 
ไม่ได้เรียนแค่เรื่องของธุรกิจ

แบ่งคลาสเล็ก
ไม่ต้องลงทะเบียนเรียนเอง

ภายในตึกเรียนที่ดูไบ
ภายในตึกเรียนที่ดูไบ

ในรุ่นมีประมาณ 200 คน แล้วเค้าก็จะแบ่งเป็นคลาสละประมาณ 30 คน คล้ายๆ ห้องตอนมัธยม ซึ่งเราจะเรียนกับเพื่อนเซ็ตเดียวกันไปตลอดเทอม พอขึ้นเทอมใหม่ถึงจะสุ่มคลาสใหม่ เป็นแบบนี้ทุกเทอมตลอด 4 ปีเลยค่ะ 

เรื่องที่น่าจะต่างจากมหา’ลัยอื่นคือเราไม่ต้องแย่งชิงเพื่อลงทะเบียนเรียน เพราะเขาจะลงให้เสร็จสรรพแล้วในแต่ละเทอม (เหมือนเด็กมัธยมไปอีกกก5555) วิชาส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการบริหารกับองค์กรธุรกิจ เช่น Principle Management, Business Oral Communication, Organisational Behaviour, Financial Accounting, Business Law ฯลฯ

แล้วมีวิชานึงที่รู้สึกแปลกดีจัง ดูไม่ค่อยเข้าพวก แต่พอเรียนแล้วกลับชอบสุด ชื่อว่า World Culture ตอนแรกงงว่าวัฒนธรรมกับบริหารธุรกิจเกี่ยวอะไรกัน แต่พอเรียนแล้วถึงเข้าใจว่าปกติเวลาทำธุรกิจจะเลี่ยงการพบปะพูดคุยไม่ได้ ต้องมีการเจรจาต่อรองเกิดขึ้น จะเป็นร่วมมือหรือหาผลประโยชน์ทางการค้าอะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะธุรกิจระดับสากลที่ต้องติดต่อกับคนหลากหลายเชื้อชาติ แล้วถ้าเกิดเราเผลอทำอะไรที่ขัดกับวัฒนธรรมของชาติเขา ก็อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งได้ วิชานี้จึงเกิดมาเพื่อป้องกันไม่ให้องค์กรหรือบริษัทเราเสียหายจากความไม่รู้วัฒนธรรมของคู่ค้านี่แหละ เป็นวิชาที่เจ๋งมาก

อาจารย์เก่งและเปิดกว้าง
(ถ้าเรียนไม่เข้าใจร้องเรียนได้)

อาจารย์ดีนะ เค้าเก่ง แต่บางทีก็มีคนที่เก่งเกินจนอธิบายให้เด็กเข้าใจไม่ได้ เหมือนเค้ารู้อยู่คนเดียว แต่ว่าข้อดีคือที่นี่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘Student Council’ คล้ายๆ หัวหน้านักเรียนแหละ ถ้าอาจารย์คนไหนสอนไม่รู้เรื่องหรือเรียนแล้วเราไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์ที่เค้าอยากสื่อ เราสามารถทำเรื่องส่งไปได้ มีครั้งนึงเราเห็นอาจารย์เข้าห้องมาแล้วพูดว่า “ฉันได้รับการร้องเรียนมาว่ายังทำได้ไม่ดี เดี๋ยวต่อไปจะพยายามทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมนะ”

แต่ก็มีอาจารย์ที่สอนรู้เรื่องแบบสอนละเอียดมากจนกว่าเราจะแตกฉานจริงๆ ถ้าคนในคลาสยังไม่เข้าใจทั้งหมดจะไม่ปล่อยผ่าน อาจจะต่างจากบางมหา’ลัยที่อาจารย์บรรยายแล้วจบ

นอกจากเรื่องเรียนเค้าก็ยังใส่ใจชีวิตนักศึกษา อย่างตอนโควิดแล้วเราจะต้องกลับไทย อาจารย์ถึงกับโทรไปถามโรงพยาบาลเรื่องผลตรวจเรา แล้วคอยตามเรื่องการกักตัวตอนเข้าประเทศให้หมดเลยค่ะ ประทับใจมากๆ TT

ฝึกงานบริษัท Start Up 
เงินเดือนมากกว่าจบป.ตรีในไทย

Marketing Event
Marketing Event

ช่วงปิดเทอมของที่นี่จะยาวนาน ปิดเทอมใหญ่คือปาไป 6 เดือนเลย เพื่อให้นักเรียนเอาเวลาช่วงนี้ไปฝึกงาน ส่วนเราก็ไปฝึกตอนปิดเทอมปี 1 ขึ้นปี 2 แต่ไม่ได้ฝึกกับบริษัทที่มหา’ลัยหาไว้ให้ เพราะส่วนใหญ่อันนั้นเป็นงานฟรี เราอยากได้เงิน 555 วิธีหางานของเราคือเข้า Google ง่ายๆ นี่เลย แล้วเลือกงานเน้นค่าตอบแทนดี ผลคือคุณพ่อไม่ต้องส่งเงินให้เราตลอดช่วงที่ฝึกงานเลย แอบภูมิใจเบาๆ :)

สุดท้ายเลยได้มาทำที่ Industry Platform (IP) เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับ Asian Internet of Thing (AIOT) เหมือนเป็นการรวมตัวของบริษัทด้านเทคโนโลยี แล้วจะมีจัดประชุมเพื่อดูแนวโน้มในอนาคตว่าควรจะใช้เทคโนโลยีไหนมาพัฒนาต่อไป ลูกค้าบริษัทรายใหญ่ๆ ก็มีทั้ง HP, Intel, True, Microsoft

เราทำตำแหน่ง Industry Analysis เงินเดือน 900 SGD (ประมาณ 20,000 บาท) หน้าที่หลักคือบอสจะกำหนด Topic ให้เรารีเสิร์ชข้อมูลโดยการอ่านข่าวแล้ววิเคราะห์ว่าตอนนั้นบริษัทแต่ละแห่งมีข่าวและนโยบายอะไร ทิศทางในอนาคตเป็นยังไงบ้าง แล้วบริษัทดำเนินการอะไรที่เชื่อมโยงกับ Topic ที่เราได้รับมอบหมาย พอหาได้แล้วก็ส่งรายงานให้บอสว่าบริษัทไหนน่าสนใจ จากนั้นบอสจะไปเชิญเขามาเข้าร่วมประชุม

เราฝึกงานประมาณ 5 เดือน ตั้งแต่ พฤษภาคม - กันยายน เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ได้เรียนรู้เยอะมากจากการลงมือทำจริง (จนไม่คิดว่าเด็กฝึกงานอย่างเราจะได้ทำ) แล้วพี่ในบริษัทก็ไม่ใช่โยนงานมาให้แล้วจบ เค้าตั้งใจสอนอย่างดี คอยบอกคอยประกบสอนเลยว่าต้องวิเคราะห์แบบนี้ เขียนรายงานแบบนี้ เวลาจะส่งอีเมลธุรกิจแบบทางการต้องใช้รูปแบบหรือภาษายังไงบ้าง 

แล้วเรายังมีโอกาสได้เข้าประชุมระดับสูงที่จะมีเฉพาะผู้บริหารระดับ C-Level อย่าง CEO, CIO, COO เท่านั้น เป็นโอกาสให้เราไปเห็นว่าเค้าประชุมไรกัน เคร่งเครียดขนาดไหน เหมือนได้เห็นภาพการลงสนามจริง

โดยทั่วไปคือเป็นออฟฟิศที่บรรยากาศดีสุดๆ เป็นกันเองและคอยช่วยเหลือกันตลอด ทำให้เราไม่เครียดหรือกดดันอะไรเลยทั้งที่จริงๆ พนักงานก็ทำงานกันแบบจริงจัง เพราะด้วยความที่เป็น Startup พนักงานเลยมีน้อยและหนึ่งคนรับผิดชอบหน้าที่หลายอย่าง // ศักยภาพของเขาสุดยอดมาก ตอนเราฝึกงานเมื่อ 2 ปีก่อนบริษัทยังอยู่ตึกเล็กๆ แต่ตอนนี้ย้ายไปอยู่ตึกใหญ่สูงระฟ้าได้แล้ว!

สิงคโปร์-ดูไบ 
ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างในสองเมือง

รีวิวสิงคโปร์

  • ด้วยความวัฒนธรรมใกล้เคียงกับไทยก็เลยไม่เจอ Culture Shock แต่เราจะมีปัญหาแค่การสื่อสาร เพราะคนสิงคโปร์จะพูดแบบ Singlish (ภาษาอังกฤษในเวอร์ชันคนสิงคโปร์) แล้วปกติเค้าเสียงดังอยู่แล้วจนบางทีเราตกใจ จริงๆ ไม่ได้โมโหแต่เป็นวิธีพูดของเค้า เราเลยแก้ปัญหาด้วยการไปกินข้าวร้านที่เจ้าของดูใจดี ไม่เสียงดังใส่เรา แล้วก็ไปกินร้านนั้นตลอด 5555
     
  • สิ่งที่ชอบในสิงคโปร์ คือการเดินทางสะดวกมากกก แต่รถไฟลอยฟ้ามีเฉพาะที่เกาะ Sentosa (แหล่งกาสิโน ห้างร้าน โรงแรมชื่อดัง) แต่รถบัสที่นั่นคือดีจนคิดว่าถ้ากลับไทยคงไม่นั่งรถบัสที่ไทยเลย คร่าวๆ คือที่สิงคโปร์จะมีรอบรถทั้งวันปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้ใช้ ถ้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วนจะมีรถทุก 15 นาที แต่ถ้าคนน้อยจะลดเหลือชั่วโมงละคัน ซึ่งแน่นอนคือมาตรงเวลาเป๊ะ เราเช็กได้เลยว่าจะมากี่โมง ไม่ต้องเสียเวลารอเป็นชั่วโมงๆ แล้วไม่ได้ขึ้น
     
  • อีกเรื่องที่ชอบมากคืออาหารอร่อย ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจีนฟิวชันกับอาหารมาเลย์ แต่นอกจากนั้นแล้วคือที่นั่นไม่มีร้านอาหารตามข้างทางเลย (เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้บ้านเมืองสะอาด) โดยรัฐบาลจะจัดร้านอาหารเป็นสัดส่วน มีเป็นศูนย์รวมอาหารที่เรียกว่า ‘Hawker’ มีตั้งแต่กินหรูแพงๆ หรือแบบธรรมดาที่ราคาถูกลดหลั่นลงมา บาง Hawker รัฐสร้างเป็นที่อยู่ของคนชราเพื่อช่วยส่งเสริมให้พวกเขามีงานทำด้วย
     
  • เรื่องค่าครองชีพที่สิงคโปร์ถือว่าแพงอยู่ ถ้าเป็นที่ไทยมื้อนึงแบบถูกๆ น่าจะตก 50-60 บาทใช่มั้ย แต่ที่นี่ถ้าตีเป็นเงินไทยคือ 150 บาท+++ หรือถ้าเป็นระดับ 150-200 บาทของไทย ที่สิงคโปร์จะ 200-300 บาท เราว่าที่ดูไบยังค่าครองชีพถูกกว่าด้วยซ้ำ

รีวิวดูไบ

  • อากาศตอนกลางวันร้อนมาก ส่วนกลางคืนก็หนาวมากเช่นกัน แต่ขอบอกว่าทรายน่ารำคาญกว่าความร้อนอีก บ้านเมืองเค้าสะอาดมากแต่พอก้มดูทีละเจอแต่ทราย แล้วยิ่งเราอยู่แถบชานเมือง เรียกว่าเดินออกจากหอปุ๊บเจอทะเลทราย ลักษณะทรายที่นู่นก็ไม่ใช่เม็ดใหญ่ๆ เหมือนชายหาดบ้านเรา แต่จะเป็นเหมือนผงแป้ง ลมพัดมาทีติดเสื้อผ้า ติดหน้า ติดผมไปหมด  
     
  • เรื่องอาหารก็เป็นความเด็ดของดูไบ อยู่สิงคโปร์เรากินอาหารจีนเป็นหลักใช่มั้ย แต่พอมาทีนี่เจออาหารอินเดียเป็นหลัก ได้กินเคบับแท้ๆ ด้วย อร่อยมาก! แล้วขอบอกก่อนว่าเราแทบจะหาเนื้อหมู่ไม่ได้เลยถึงแม้คนอิสลามในดูไบจะไม่มากก็ตาม ถ้าอยากทานจะต้องไปหาที่ China Cluster เท่านั้น
     
  • ส่วนการเดินทางที่นี่ไม่สะดวกเท่าสิงคโปร์ เพราะรถบัสมีแต่ถนนเส้นหลัก ถนนสายย่อยไม่มีรถวิ่ง แต่แท็กซี่จะราคาถูกกว่าสิงโปร์นะ ราคาเริ่มต้นพอๆ กับที่ไทย ค่าครองชีพโอเค แพงกว่าไทยนิดหน่อย สมมติอาหารมื้อธรรมดาจะตก 100 บาทเท่านั้น
ตึกเรียนที่ดูไบ
ตึกเรียนที่ดูไบ

เมื่อโควิดพรากทุกอย่างไป

ความเซ็งคือเราอยู่ดูไบยังไม่ทันจบปี 2 ดี แต่ต้องกลับมาไทยเพราะโควิด จริงๆ ตอนปิดเทอมเราจะได้ไปฝึกงาน แล้วปี 3 จะได้ไปเรียนที่ออสเตรเลีย สรุปคือแผนการพังทุกอย่าง ต้องกลับมาเรียนออนไลน์ที่ไทย จนตอนนี้อยู่ไทยมาปีกว่าแล้ว

อย่างที่บอกว่าเป็นหลักสูตรเรียนใน 3 ประเทศ ส่วน 2 ปีสุดท้ายจะไปเรียนที่ออสเตรเลีย พอเรียนจบจะได้ใบจบจากออสฯ + ฟรีวีซ่าทำงาน 2 ปี เพราะรัฐบาลเค้าต้องการแรงงานมีฝีมือเข้าไปทำงานในประเทศ เค้าเลยมาทำข้อตกลงกับทางมหาวิทยาลัย แต่โควิดก็ทำให้ทุกอย่างถูกระงับหมด! 

มหา’ลัยให้ทางออก ว่าจะเลือกไปเรียนต่อให้จบที่สิงคโปร์หรือดูไบ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ตั้งใจมาเรียน SP Jain เพราะโอกาสในการทำงานที่ออสเตรเลียกันทั้งนั้น เราเลยคิดว่าจะ take gap year หางาน part-time ทำเก็บประสบการณ์พร้อมรอดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ

ถึงคนที่อยากไปเรียนที่ SP Jain

ที่นี่เป็น Campus Base อินเดียค่ะ คนอินเดียเลยจะเยอะ เราอาจได้สัมผัสกับความเป็นอินเดียที่ในบางครั้งเราอาจชอบหรือไม่ชอบก็ได้ และถ้าใครอยากมาที่นี่จะต้องเป็นคนที่สามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกอย่าง เพราะเราต้องเจอกับคนที่หลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม อีกทั้งต้องโยกย้ายไปเรียนถึงสามที่ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นข้อดีนะคะ เพราะเราจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆเยอะเลย ในตอนนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องโควิด แต่ถ้าโรคระบาดผ่านพ้นไปแล้ว ใครที่อยากมาที่นี่ก็ขอให้สู้ๆ ค่ะ

เว็บไซต์มหาวิทยาลัย

..............

เป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งสุดๆ เลยใช่ไหมคะกับการสัมผัสชีวิตการเรียนหนึ่งมหาวิทยาลัยในสองประเทศ ทั้งยังได้พบเจอผู้คนและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ถึงแม้ตอนนี้จะพบเจออุปสรรค แต่ทางเราก็ขอเป็นกำลังใจให้เชียร์เชียร์ผ่านมันไปได้และเรียนจบอย่างสวยงามตามที่ตัวเองหวัง สำหรับน้องๆ คนไหนที่อยากเรียนที่นี่ ไปสัมผัสชีวิตการเรียนในสามประเทศนี้ก็เตรียมตัวให้ดี เมื่อโควิดหมดไป ก็ลุยกันเลยค่ะ!

ช่องทางหลักมหาวิทยาลัย

 

Facebook @spjainschoolofglobalmanagement

Twitter @SPJainGlobal  

YouTube spjainschoolofglobalmgmt 

IG @spjainglobal

LinkedIn spjainschoolofglobalmanagement
 

พี่ออมสิน
พี่ออมสิน - Columnist Mirror mirror on the wall who is the fairest of them all : ME

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

4 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
ไม่บอกเธอ 4 ก.ค. 64 19:59 น. 4

สิงคโปร์มีรถไฟฟ้าทั่วเกาะ ไม่เฉพาะ sentosa นี่นา แค่เป็น metro หรือง่ายๆคืออยู่ใต้ดิน ส่วน sentosa เป็นที่เดียวที่ลอยฟ้า

1
พี่ออมสิน Member 5 ก.ค. 64 09:57 น. 4-1
ขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดจากการตกหล่นในการสัมภาษณ์ค่ะ ตอนนี้แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด