อันยองค่าน้องๆ ชาว Dek-D ทุนคน ^ ^ มีใครได้ดูซีรีส์เกาหลีแนวซิตคอมเรื่อง ‘So Not Worth It’ กันแล้วบ้างง? บอกเลยว่าตลก มันส์ ฮา เบาสมอง แถม ‘มินนี่’ สาวไทยจากวง (G)I-DLE และ ‘ยองแจ’ GOT7 ยังมาร่วมแสดงอีกด้วย! เด็กนอกหลายๆ คนคงสามารถ relate กับเรื่องนี้กันได้ไม่มากก็น้อยแน่ๆ เพราะซีรีส์นี้จะพาเราไปสัมผัสกับประสบการณ์วุ่นๆ ของกลุ่มนักศึกษาต่างชาติในหอพักนานาชาติของมหา’ลัยแห่งหนึ่ง แต่เรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในเกาหลีเท่านั้นนะคะ แต่ไม่ว่าน้องๆ ไปเรียนที่ไหนในโลกก็อาจจะได้เจอ!
วันนี้พี่เมนี่เลยอยากมาเล่าถึง 7 ประสบการณ์ พร้อมบทเรียนชีวิตที่เราจะได้รับจากการไปเรียนมหา’ลัยในต่างประเทศกันค่ะ
***SPOILER ALERT***
1. ความแตกต่างทางวัฒนธรรม
ขอเปิดด้วยปัญหาที่หลายคนประสบตอนไปเรียนต่างประเทศ นั่นก็คือความแตกต่างทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะในโซนเอเชียที่เจอบ่อยๆ ก็คงจะเป็นเรื่อง Seniority (ความอาวุโส) ที่ทำให้นักศึกษาจากประเทศฝั่งตะวันตกรู้สึกอึดอัดหรือไม่คุ้นชินได้ เหมือนตอนที่ ‘คาร์สัน’ บอกให้ ‘แซม’ รับบทโดย ยองแจ GOT7 เป็นคนไปรับอาหารที่สั่งเพราะเป็นมักเน่ของกลุ่ม (มักเน่ = น้องเล็กสุด) ในทางกลับกันถ้าคนที่มาจากวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับอายุ ไปอยู่ในสังคมที่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ก็คงรู้สึกแปลกที่ต้องเรียกคนที่แก่กว่าด้วยชื่อเฉยๆ
ความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมต่างๆ รอบตัว ทำให้เกิด Culture Shock (ความรู้สึกสับสนต่อวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคย) ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่นักศึกษาต่างชาติจะต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ภาษา หรือธรรมเนียมปฏิบัติก็ตาม เพราะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี่แหละ น้องๆ จึงต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับสังคมรอบข้าง และสุดท้ายเมื่อเราเกิดความคุ้นชินและเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เมื่อนั้นเราก็จะสามารถสนุกไปกับประสบการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้ค่ะ
2. การปรับตัวเข้ากับสังคมประเทศนั้นๆ
เมื่อพูดถึงเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรม สิ่งที่ตามมาคือ ‘ปัญหาการปรับตัว’ ที่นักศึกษาต่างชาติทุกคนต้องเจอกันหมด และต่างคนต่างใช้เวลาปรับตัวไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่นในซีรีส์ที่ ‘เจมี่’ ตกใจเสียงไซเรนเพราะคิดว่าเกิดสงครามกับเกาหลีเหนือ แต่ในขณะเดียวกันนักศึกษาเกาหลีและคนต่างชาติที่อยู่มานานกลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
หรืออย่างประสบการณ์พี่เมนี่เอง ตอนไปเรียนญี่ปุ่นก็ไม่ชินกับความเป็นระเบียบและกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดสุดๆ แต่สักพักก็ปรับตัวได้เพราะเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนแล้ว แถมยังเรียนรู้ข้อดีด้วยว่ากฎที่ยุ่งยากนี่แหละจะช่วยให้คนใช้ชีวิตร่วมกันได้ง่ายขึ้น และแม้แต่เรื่องภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว พายุ สึนามิ ฯลฯ ที่คนเตรียมไปเรียนต่อญี่ปุ่นพากันกังวล พอไปถึงจะพบว่าคนที่นั่นเจอบ่อยจนไม่ตื่นเต้นอะไรแล้วนั่นเองค่ะ
สรุปแล้วประสบการณ์ใหม่ที่ดูน่าตกใจ เดี๋ยวก็จะกลายเป็นความคุ้นชินของเราในสักวันเหมือนกับคนที่อยู่มานานแล้ว ดังนั้นก่อนออกเดินทาง ควรศึกษาเรื่องราวของประเทศนั้นให้ดีทั้งแง่สภาพแวดล้อม อากาศ ค่านิยม วัฒนธรรม ฯลฯ แล้วเมื่อไปถึงควรเปิดใจเข้าหาวัฒนธรรมที่แตกต่าง การออกจาก Comfort Zone ไปลองทำอะไรใหม่ๆ จะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมของผู้คน เมื่อนั้นเราจะเติบโตขึ้นและค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ได้ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินหรือปิดรับเพียงเพราะสิ่งนี้ต่างวัฒนธรรมที่เราคุ้นเคยนะคะ
3. ชีวิตในหอกับเคสที่เจอแน่ (และอาจทำให้ปวดหัว)
เวลาไปเรียนมหา’ลัยต่างประเทศส่วนมากจะต้องไปอยู่หอพัก บางทีเลยต้องแชร์พื้นที่ร่วมกับคนอื่นๆ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว ตู้เย็น ฯลฯ แน่นอนว่าความร้อยพ่อพันแม่ก็ทำให้เกิดปัญหาที่ควบคุมไม่ได้อยู่บ่อยๆ
เคสที่ 1 ต้องแชร์ห้องกับคนแปลกหน้า ทำให้ไม่มีพื้นที่ส่วนตัว
เคสที่ 2 อาบน้ำแล้วไม่ยอมหยิบผมของตัวเองออก ทำให้ท่อตัน! พาให้ปวดหัวกันไปทั้งหอ ตั้งแต่นักศึกษายันแม่บ้านประจำหอ
เคสที่ 3 ของหาย T_T บางครั้งเราเก็บอาหารหรือของใช้ไว้ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้บางคนหยิบของคนอื่นไปผิด เลยต้องแก้ปัญหานี้โดยการเขียนชื่อตัวเองติดไว้กับของทุกอย่างที่มี
เคสที่ 4 บางคนทำอาหารแล้ววางกระทะหรือจานช้อนส้อมทิ้งไว้ในซิงค์โดยไม่ล้าง ทำให้ครัวสกปรก!
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เรื่องเหล่านี้อาจทำให้รู้สึกลำบากใจกันไปบ้าง แต่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่น เพราะต้องคิดไว้เสมอว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว ต้องคอยรับผิดชอบความสะอาดของส่วนรวม พูดง่ายๆ ก็คือจะทำตัวเห็นแก่ตัวไม่ได้นั่นเองค่ะ ในเคสที่พี่ยกมาข้างต้นเป็นแค่เศษเสี้ยวที่เราจะอาจได้เจอเท่านั้น ถ้าน้องๆ โชคดีก็อาจจะได้รูมเมตที่เข้ากันได้ดี แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าในอนาคตเราจะเจอกับคนหรือสังคมรูปแบบไหน เราก็ต้องพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ Figthing!
4. รักในมหา’ลัย พาหัวใจว้าวุ่น
ความรักเป็นอีกเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นได้เมื่อเราไปเรียนต่อต่างประเทศ เพราะยิ่งได้เรียนคลาสเดียวกัน คณะเดียวกัน ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้ไปแฮงเอาต์ด้วยกันแล้ว ก็อาจทำให้ความรักเติบโตขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว ถ้าได้เจอความรักดีๆ ก็โชคดีไป แต่น้องๆ ก็ต้องระวังตัวด้วยนะคะ เพราะชีวิตจริงอาจไม่ได้สวยงามเหมือนในหนังหรือซีรีส์ เมื่อเราอยู่ในสังคมที่ไม่คุ้นเคย บางครั้งการกระทำบางอย่าง อาจนำไปสู่อันตรายหรือเหตุการณ์ที่เราไม่ได้ตั้งใจให้เกิด หรือความรักของเราอาจไม่ได้สมหวังเหมือนภาพที่ฝันไว้ บางคนอาจต้องเจอโมเมนต์แอบชอบ รักข้างเดียว หรือโดนนอกใจกันบ้าง
ยังไงก็แล้วแต่อย่าให้ความเศร้าตรงนั้นมาทำลายประสบการณ์อื่นๆ ที่เราจะได้เจอ รวมถึงเรื่องการเรียนซึ่งเป็นหัวใจหลักที่เราควรให้ความสำคัญ ดังนั้น ถ้ามีเรื่องทำให้เสียใจก็รีบ Move on ให้ไว และให้คิดว่าเรื่องเหล่านี้ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่งก็ได้ค่ะ
5. ปัญหาบาลานซ์ชีวิตการเรียนและการเล่น
ถึงไปเรียนเพื่อหาความรู้ แต่ความสนุกก็เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะเราต้องใช้ชีวิตให้เต็มที่กันด้วย และไฮไลต์สำคัญก็คือการปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดนั่นแหละค่ะ แต่ก็ต้องระวังเรื่องการบริหารจัดการเวลาแต่ละด้านให้ดี หลายคนต้องเจอโมเมนต์หนีเคอร์ฟิวหอหรือปาร์ตี้ดึกจนต้องไปหาที่นอนกันให้วุ่น สุดท้ายพี่เลยอยากฝากว่า ปาร์ตี้ได้ แต่อย่าให้เสียการเรียนที่เป็นเป้าหมายหลักของเรานะคะน้องๆ!
6. ประสบการณ์จำไม่รู้ลืม (โดนหลอกไปทำพิธีทางศาสนา)
ไปเรียนต่างประเทศทั้งที เรื่องพีคๆ ไม่มีขาด พูดได้ว่าคงเป็นประสบการณ์แบบ Once in a lifetime เลยแหละ เพราะนักต้มตุ๋นมีอยู่ทั่วทุกประเทศ ถ้าไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมก็อาจถูกต้มจนเปื่อยกันได้ง่ายๆ!
อย่างเช่นการเผยแพร่ศาสนาในเกาหลี ที่แม้แต่นักท่องเที่ยวธรรมดาบางคนยังมีเจอ คนกลุ่มนี้จะเดินมาคุยกับเราและพยายามชวนให้ไปร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับวัฒนธรรมเกาหลี เพื่อหลอกเอาเงินบริจาคหรือเงินค่าทำพิธีนั่นเองค่ะ เหมือนที่เราได้เห็นในซีรีส์ตอน ‘ฮันส์’ นักศึกษาป.โทจากสวีเดน โดนหลอกไปทำพิธีทางศาสนา (ทั้งๆ ที่อยู่เกาหลีมานานแล้วนะ 55555) แต่แน่นอนว่าคนบ้ากฎเกณฑ์และวัฒนธรรมเกาหลีแบบเขา ต้องสร้างเรื่องวุ่นๆ ให้นักต้มตุ๋นอย่างแน่นอน เรื่องราวจะเป็นยังไงอย่าลืมไปติดตามดูกันต่อได้ทาง Netflix นะคะ
เชื่อว่าในประเทศอื่นๆ ก็คงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ้างเหมือนกัน แค่อาจจะเป็นคนละลัทธิ ดังนั้นเวลาน้องๆ จะไปที่ไหน ทำอะไร หรือมีคนชวนไปร่วมกิจกรรมน่าสงสัย ก็อย่าลืมระวังตัวกันด้วยนะคะ ถ้าไม่แน่ใจควรปรึกษากับคนที่ไว้ใจได้และอยู่ประเทศนั้นมานานแล้วดีกว่า
อ่านต่อ: ลัทธิเผยแพร่ศาสนาในเกาหลี
7. มิตรภาพและความแตกต่างทางวัฒนธรรม
จะเพื่อนเรียน เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว ก็ควรมีไว้กอดคอกันไปทุกสถานการณ์ เรียกได้ว่าบางคนคงผ่านมาไม่ได้ถ้าขาดคนที่คอยไกด์หรือช่วยเหลือจนก้าวผ่านปัญหาทุกรูปแบบมาได้ หรือแม้แต่เพื่อนต่างชาติด้วยกันที่มองตากันก็รู้ใจ เพราะเจอความรู้สึกและอุปสรรคคล้ายๆ กันมานั่นเองค่ะ
แต่บางครั้งเพราะความแตกต่างทางวัฒนธรรมนี่แหละ อาจนำไปสู่รอยร้าวหรือทะเลาะกันแบบไม่จบสิ้นได้ เหมือนที่ตัวละครในซีรีส์สร้างเรื่องทะเลาะกันได้ไม่เว้นแต่ละอีพี 55555 แต่สุดท้ายแล้วเราก็ได้เห็นถึงมิตรภาพใหม่ๆ จากคนจากทั่วโลก ที่แม้จะแตกต่างแต่ดันลงตัวได้เฉยเลย!
เรื่องการหาเพื่อนหรือความสนิทใจอาจไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะคนจากซีกโลกอื่นที่มีภาษาและวัฒนธรรมต่างสุดขั้ว บางครั้งการทลายกำแพงก็ต้องอาศัยเวลาและการก้าวผ่านเหตุการณ์ไปด้วยกัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคืออย่าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องนะคะน้องๆ ออกไปพบปะผู้คนเพื่อเมกเฟรนด์กับคนใหม่ๆ บ้าง เราอาจเจอคนที่เข้ากันได้ดีสุดๆ จากที่ที่ไม่คาดคิดมาก่อน สุดท้ายแล้วถึงไม่เจอคนที่สนิทใจจริงๆ แต่อย่างน้อยก็ได้ทำเต็มที่แล้ว จะได้ไม่ต้องนั่งเสียใจทีหลังค่ะ
…..
ถึงแม้เรื่อง ‘So Not Worth It’ จะทำให้เห็นถึงปัญหาที่มีโอกาสเกิดจากการอยู่ร่วมกับคนอื่น และถ่ายทอดออกมาผ่านซีรีส์ซิตคอม แต่คนที่เจอเรื่องเหล่านี้ในชีวิตจริงคงเครียดและรู้สึกไร้ทางออกแน่ๆ พี่เลยอยากแนะนำให้น้องๆ ลองค่อยๆ เปิดใจและคิดหลายๆ มุม ถ้าสุดท้ายแล้วหาทางออกไม่ได้ด้วยตัวเอง การปรึกษาคนรอบข้างก็เป็นอีกทางออกที่ดีค่ะ
0 ความคิดเห็น