สวัสดีค่ะชาว Dek-D ไหนใครฟังเพลงล่าสุดของสาวๆ วง aespa แล้วบ้างเอ่ย? หลังจากเพลง Next Level ปังทะลุเพดานไปแล้ว คราวนี้เป็นคิวของเพลงใหม่อย่าง 'Savage' นั่นเอง ซึ่งในวันนี้ English Issues ก็จะพาทุกคนไปส่องคำศัพท์น่าสนใจจากเพลงนี้กัน บอกเลยว่าเท่สมเป็นวัยรุ่นควังยาเลยค่ะ!
แต่ก่อนอื่นขอพูดถึงความหมายโดยรวมของเพลง Savage สักหน่อย หลายๆ คนที่อยู่ในวังวนสตอรี่ของ aespa ก็คงจะรู้กันอยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่เพลงธรรมดา แต่มาพร้อมเนื้อเรื่องภาคต่อจาก Next Level
จากครั้งที่แล้วที่แม่งูดำ Black Mamba เข้ามาป่วนทำให้ร่าง ae ติดต่อสาวๆ Aespa ไม่ได้ ก็เลยส่ง ae ไปที่ KWANGYA (ควังยา) ซึ่งถ้าจะเดินทางไปยังควังยาก็ต้องผ่าน SINK HOLE ก่อน เพลงนี้เลยมาโชว์ความเกรี้ยวกราดเลยว่า เฮ้ย! ทำไมเอาแต่สร้างตัวปลอมของฉันขึ้นมาล่ะ Black Mamba นี่เตรียมตัวไว้เลยนะ ฉันเถื่อนนะขอบอกก่อน และจะมาขยี้ยูให้แหลกคึ!
ฟังดูแล้วเหมือนจะเบียว แต่ความจริงแล้วเนื้อเพลงแอบซ่อนประเด็นที่น่าสนใจเอาไว้ในเพลง ทั้งเรื่องเทคโนโลยี Deep Fake หรือการตัดต่อหน้าใส่ในคลิปคนอื่น และเรื่องแอบถ่ายโดยการซ่อนกล้อง '몰카 (โมลก้า)' ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้หญิงชาวเกาหลีจำนวนไม่น้อยต่างได้รับความเจ็บปวดและเคยออกมาประท้วงใหญ่เมื่อหลายปีก่อน (อ่านต่อ "ชีวิตฉันไม่ใช่หนังโป๊ของคุณ!" การต่อสู้ครั้งใหญ่ของหญิงเกาหลี ต่อประเด็นการถูกแอบถ่าย)
เอาล่ะหลังจากรู้ความหมายโดยรวมกันไปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เราไปดูคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากเพลงกันได้เลยค่า >_<
Oh my gosh!
โอ้มายก็อด
Don’t you know I’m a Savage?
เธอไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นคนป่าเถื่อนน่ะ
1.Savage (adj.) แปลว่า ป่าเถื่อน, ไม่มีอารยธรรม, ดุร้าย, หยาบคาย
- ถ้า Savage เป็นคำนาม (noun) แปลว่า คนป่า, คนไร้อารยธรรม
Example: What are you savages down here?
พวกคนป่าเถื่อนอย่างคุณมาทำอะไรที่นี่?
You’re still hiding and hallucinating
เธอยังถูกปิดกั้นและยังคงเป็นภาพลวงตา
2. Hallucinating มาจากคำว่า hallucinate (v.) แปลว่า ภาพหลอน, ภาพลวงตา
- คำนี้เป็นศัพท์เชิงแพทย์และจิตวิทยาค่ะ เป็นอาการประสาทหลอน เช่นการได้ยินเสียงแปลกๆ หรือเห็นภาพที่ไม่มีอยู่จริง
Example: Why would I hallucinate that?
ทำไมชั้นจะต้องเห็นภาพหลอนแบบนั้นด้วย?
Corner me in, fake on me
ทำให้จนตรอก หลอกลวงฉัน
Got everybody mock up to me
ให้ทุกคนเลียนแบบฉัน
3. Corner (n.) แปลว่า มุม, หัวเลี้ยว,หัวโค้ง
- แต่ Corner เมื่อใช้ในเพลงนี้จะแปลว่า ทำให้จนตรอก หรือ ยัดเยียดนั่นเองค่ะ
Example: Way over in the corner weeping all alone.
ร้องไห้อยู่ในมุมเพียงแค่คนเดียว
4. Mock up แปลว่า เลียนแบบ, จำลอง
- ศัพท์ตัวนี้สามารถใช้กับสินค้าก็ได้นะคะ เช่นเวลาเราไปซื้อกระเช้าให้ใครก็จะเห็นว่าของที่ใช้ได้จริงๆ จะแกะออกมาวางด้านหน้าส่วนกล่องที่ใช้ดันด้านหลังคือกล่องเปล่าทั้งหมด โดยกล่องเปล่าเหล่านั้นสามารถเรียกว่า mock up ได้ค่ะ
Example: I had tech mock up an aged-up version of the photo.
ฉันให้ช่างเทคนิคสร้างภาพจำลองนี้ขึ้นมา
Cool spectator are collapsed, ae
ผู้คนที่ดูเย็นชาต้องสลายไป ae
5. Spectator (n.) แปลว่า ผู้เข้าชม, ผู้สังเกตการณ์
Example: Are you just here as a spectator today, too?
วันนี้เธอก็มาเป็นผู้ชมเหมือนกันสินะ
- นอกจากนี้ Spectator ยังมี Synonym ที่สามารถใช้แทนได้ดังนี้ค่ะ
- Sightseer (n.) แปลว่า ผู้เที่ยวชม, ผู้ท่องเที่ยวดูสิ่งของหรือทิวทัศน์
- Monitor (n.) แปลว่า ผู้เฝ้าสังเกต, ผู้ดูแล, ผู้คุม
- Rubberneck (n.) แปลว่า คนที่มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น
- Watcher (n.) แปลว่า ผู้เฝ้ามอง
- Onlooker (n.) แปลว่า ผู้เห็นเหตุการณ์
Your hallucination are becoming
ภาพลวงตาของเธอกำลังกลายเป็น
The reason to construct you
เหตุผลที่สร้างเธอขึ้นมา
6. Construct (v.) แปลว่า สร้าง, ผูกเรื่อง, ก่อสร้าง
Example: Are we going to have to construct an our imaginary city?
พวกเราจะสร้างเมืองในความฝันของพวกเราเหรอ?
- ระวังการใช้เมื่อคำนี้เปลี่ยนบริบทนะคะ เพราะ construction (n.) สามารถแปลว่า การตีความ, การคิดค้น, โครงสร้าง ก็ได้เช่นกันค่ะ
I can see your words
ฉันรู้ทันเธอหมดทุกอย่างแล้วล่ะ
Your weakness Algorithm
จุดอ่อนของเธอ Algorithm
7. Algorithm (n.) อ่านว่า อัลกอริทึม แปลว่า ชุดของคำสั่งที่สร้างไว้ตามขั้นตอน
เป็นชื่อเรียกกระบวนการหรือขั้นตอนการทำงาน มักจะเอาไว้ใช้เรียกขั้นตอนในการเขียนโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์ค่ะ
Don’t bother be and bog off
อย่ามาสร้างปัญหาและไปให้พ้น
8. Bother (v.) แปลว่า ทำให้ยุ่งยาก, ทำให้เกิดปัญหา, การรบกวน
- Bother เมื่อเปลี่ยนคำนามจะแปลว่า ‘ตัวก่อปัญหา’ ได้ค่ะ
- Don’t bother นิยมใช้เวลามีคนมารบกวนจนเรารู้สึกรำคาญเราก็พูดออกไปได้เลยค่ะ เพราะจะแปลว่า อย่ามายุ่ง! อย่ามากวน! นั่นเอง
9. Bog off (sl.) แปลว่า ไปให้พ้น ใช้เวลาไล่ใครคนให้ไปไกลๆ ค่ะ
Example: Bog off and leave me alone! ไปให้พ้น ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว!
Everybody looks at me
ทุกคนต่างจ้องมองมาที่ฉัน
I’m used to it
แต่ฉันชินกับมันไปแล้วล่ะ
10. To be used to แปลว่า คุ้นเคย, เคยชิน
- to be used to หรือ get used to (doing something) มีความหมายเดียวกันค่ะ ว่าคุ้นเคยหรือเคยชิน
Example: I’m used to living here. ฉันคุ้นชินกับการอยู่ที่นี่แล้ว - ปัญหาของคำนี้คือบางคนมักสับสนกับ used to แบบธรรมดาค่ะ ซึ่งถ้าใช้ผิดความหมายเปลี่ยนไปคนละเรื่องเลย
- used to (do something) ใช้กับ การเคยทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในอดีตแต่ปัจจุบันไม่ทำแล้วค่ะ เช่น เมื่อก่อนเรากินข้าวมันไก่ทุกวันแต่ปัจจุบันไม่กินแล้ว อันนี้ใช้ได้ค่ะ
Let’s make surely after resurrection
มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากการฟื้นคืน
11. Resurrection (n.) แปลว่า การฟื้นคืนชีพ, กลับคืนสู่สภาพเดิม
- ในศาสนาคริสต์ Resurrection คือการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ในวันที่ 3 หลังจากการสิ้นพระชนม์ หรือการคืนชีพของทุกคนในวันสิ้นโลกค่ะ
Example: You mean resurrection of the dead?
การฟื้นคืนชีพของคนที่ตายไปแล้วน่ะหรอ?
เป็นยังไงกันบ้างคะกับคำศัพท์ของเพลงนี้ มีทั้งคำแปลกใหม่และคำที่อาจคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างเนอะ แต่พอมาเจอในบริบทของเพลงสาว aespa ก็เพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก สมกับมาจากโลกแห่งอนาคตจริงๆ ค่ะ // ใดๆ ก็ตาม ทฤษฎีความหมายเพลงด้านบนเป็นเพียงการตีความของพี่คนเดียวนะคะ ถ้า MY คนไหนผ่านมาอยากแปะทฤษฎีให้ความรู้เพิ่มเติมเพื่อวิเคราะห์กันสนุกๆ ก็เชิญแปะได้เลยนะคะ พี่รออ่านอยู่ตลอดเลย ^^
Reference:https://twitter.com/aespa_official
[ ชวนอ่านต่อ ]
1 ความคิดเห็น