สวัสดีค่ะชาว Dek-D ถ้าพูดถึง University of Cambridge แห่งอังกฤษ นอกจากคุณภาพจะครองอันดับ 3 ของโลก และเป็นเลิศด้านการวิจัยแล้ว สภาพแวดล้อมยังมีชีวิตชีวาและซัพพอร์ตนักศึกษาดีมากกก นับตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ชื่อดังในเมือง ห้องสมุดที่มีมากกว่าร้อยแห่ง สวนพฤกศาสตร์ รวมถึงสถาปัตยกรรมที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ตามแบบฉบับมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1209
และหลังจากที่เราได้ชวน "พี่มิ้นท์-พรปรียา" มาเล่าประสบการณ์ตั้งแต่ขอทุนรัฐบาลไทยจนเรียนจบ ป.โท สาขาอาชญาวิทยาใน Cambridge ก็ทำให้เรามีโอกาสได้รู้จักหนึ่งในคนไทยที่คว้าทุน Cambridge Trust ไปเรียนต่อปริญญาโทหลักสูตร MPhil (Master by Research) สาขา Biological Sciences, Psychology ที่นั่นด้วยค่ะ ในนี้จะแชร์ตั้งแต่โพรไฟล์ตอนสมัครเรียน ชีวิตเด็กป.โท ความท้าทายในการทำวิจัยช่วงโควิด สังคมในเคมบริดจ์ รวมถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับมุมมองและความช่วยเหลือด้านจิตวิทยาในไทย // เลื่อนลงมาเก็บข้อมูลกันเลย!
เปิดโพรไฟล์ & เล่าประสบการณ์ทำงาน
สวัสดีค่ะ พี่ชื่อ ‘พี่ดรีม’ เรียนจบคณะจิตวิทยาภาคอินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคนี้เป็น Joint Program ให้เรียนที่ไทย 2 ปี ออสเตรเลีย 1 ปีครึ่ง แล้วกลับมาเรียนต่อที่ไทยอีก 1 เทอมค่ะ หลังเรียนจบพี่มีโอกาสได้ทำงานด้านจิตวิทยา แล้วตัดสินใจเรียนต่ออังกฤษ มาด้วยทุน Cambridge Trust ของมูลนิธิเคมบริดจ์ไทย (Cambridge-Thai Foundation) ซึ่งมอบรางวัลทุนค่าเรียนให้บางส่วนนะคะ ^^
เว็บไซต์ทุน Cambridge Trustพี่ตัดสินใจมาเรียนจิตวิทยาเพราะมีสมาชิกในครอบครัวประสบปัญหานี้โดยตรง แต่เมื่อสัก 20 กว่าปีที่แล้ว คนยังขาดความเข้าใจและไม่ยอมรับคนกลุ่มนี้ อย่างเวลาพี่ทำงานแล้วให้เด็กลองทำ Assessment ถ้าหากผลออกมาว่าเด็กมีปัญหาทางสุขภาพจิตหรือปัญหาอื่นๆ ทางด้านพัฒนาการ ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะยังรับตรงนี้ไม่ได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการดูแลรักษาในขั้นต่อไป แต่ในขณะเดียวกันเราพบว่าที่ต่างประเทศศึกษาเรื่องนี้โดยที่บุคคลทั่วไปให้ความยอมรับมากกว่าที่ไทย และมีทรัพยากรด้านนี้พร้อมมากกว่า พี่เลยอยากออกไปลองศึกษาและเก็บประสบการณ์เพิ่ม แล้วนำความรู้มาปรับใช้ที่ไทยค่ะ
.........................
ข้อกำหนดเรื่องคะแนนภาษา
สำหรับผู้สมัครหลักสูตรนี้ที่ Cambridge
ถ้าใครมีประสบการณ์ด้านจิตวิทยามาก่อน พี่คิดว่าสามารถช่วยเรื่องการสมัครได้มากเลยนะคะ ส่วนตัวพี่เคยทำ Part-time เป็นติวเตอร์ส่วนตัวสอนวิชาภาษาอังกฤษ สถิติ และจิตวิทยา มีมีฝึกงานและทำงานพิเศษมาหลายที่ตั้งแต่เรียนปี 1 เพราะอยากค้นหาตัวเอง (คือปิดเทอมทีก็หาเลย) มีทั้งคลินิกกับโรงพยาบาลที่เขาต้องการนักศึกษาไปช่วยงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเด็กพิเศษ
และอีกส่วนที่ต้องให้ความสำคัญคือ Letter of Reference พี่แนะนำให้ขออาจารย์ที่ปรึกษา (Supervisor) กับผู้ว่าจ้างที่เราเคยทำงานด้านจิตวิทยาให้หรือทำในสาขาใกล้เคียง ถ้าหากว่ามี เพราะมหาวิทยาลัยที่ UK จะดูว่าเราบุคลิกประมาณไหน supervise ได้ง่ายรึเปล่า
ทั้งนี้ เนื่องจาก ม.เคมบริดจ์และหลักสูตร MPhil จะเน้นการทำวิจัยเป็นหลัก เราจึงควรนั่งหาข้อมูลเพื่อเลือกอาจารย์ที่ปรึกษา (Supervisor) ให้ตรงกับด้านที่เราสนใจ แล้วนำไปเขียนประกอบในเรียงความสมัครเรียน เวลาสัมภาษณ์เราก็จะอธิบายได้ว่า อาจารย์ท่านนี้ทำวิจัยด้านอะไร และสอดคล้องกับความสนใจและประสบการณ์ของเรายังไงบ้าง
ศึกษาข้อมูลหลักสูตรทั้งหมด (หลักสูตร, คุณสมบัติ, วิธีสมัคร, ค่าเรียน ฯลฯ)
https://www.postgraduate.study.cam.ac.uk/courses/directory/blpympbsc
Potential MPhil in Psychology Supervisors
https://www.psychol.cam.ac.uk/study/grads/prosp-stu-pg/mphil-sdp-sup
เริ่มชีวิต Chapter ใหม่ในรั้วเคมบริดจ์
ดีงามทั้งเมืองและมหาวิทยาลัย!
Cambridge เป็นเมืองที่น่าอยู่เมืองนึงเลยค่ะ ทั้งน่ารักและมีสถาปัตยกรรมสวยๆ มีความปลอดภัยสูง ไม่ค่อยมีโจร (แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังและวิจารณญาณอยู่นะคะ ^^) ผู้คนจะมีฐานะและการศึกษาดี ส่วนใหญ่คนจะสัญจรในเมืองโดยการขี่จักรยาน ไม่ต้องเสียเวลากับการนั่ง Uber หรือหาซื้อรถขับ แต่ถ้าอยากไปลอนดอนก็อยู่ไม่ไกลกัน เดินทางแค่ 1-1.5 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
ส่วนในมหาวิทยาลัยจะมีระบบการดูแลนักศึกษาที่เรียกว่า ‘Collegiate System' ลักษณะเดียวกับที่เราเห็นในหนัง Harry Potter ที่จะแยกเป็น 4 บ้าน ส่วนที่นี่มี 31 Colleges เป็นทั้งที่พัก มีทรัพยากรต่างๆ ให้ใช้ เช่น Gym, Theatre Space, Prayer Space, Sport Pitch ฯลฯ ขึ้นอยู่กับตัว college นั้นๆ มีที่ปรึกษาให้เราโทรหรืออีเมลไปได้ ถ้ามาเรียนระดับ Postgraduate (สูงกว่าปริญญาตรี) แบบที่พี่เรียนอยู่ จะเลือกลงชื่อไว้ได้ 2 บ้าน แต่ถ้าไม่ได้รับเลือกก็จะถูกแรนดอมไปบ้านอื่นๆ ค่ะ
พี่ได้มาอยู่บ้านที่ Downing College ชอบเหมือนกันนะ ค่อนข้างเป็นบ้านที่โซเชียลเลย อยู่ติดเมือง มีร้านอาหาร มินิไชนาทาวน์ สิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้ตัวบริเวณ college ค่อนข้างเยอะ ส่วนบ้านอื่นๆ ก็จะมีที่ดังๆ อย่าง Trinity College เก่าแก่และมีห้องสมุดสวยมากกก
อีกกิมมิกคือชุดครุยที่ให้ฟีลเหมือน Harry Potter อีกเหมือนกัน 555 ชุดนี้เราต้องซื้อมาใส่ตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึงตอนรับปริญญาเลยค่ะ เช่น ใส่ตอนถ่ายรูป หรือตอน Formal Dinner ซึ่งจะเป็นการรับประทานอาหารเป็น Course ในราคาที่ถูกกว่าไปกินข้างนอก แต่ละ College จะจัดช่วงเปิดเทอมให้เราสามารถจองเข้าไปกินได้
รีวิวหลักสูตร MPhil
เน้นวิจัยล้วนๆ ไม่มีคลาส
สำหรับหลักสูตรนี้ พี่เรียน MPhil เป็นหลักสูตร 1 ปี ที่เป็น full-time research ที่จะเน้นทำวิจัยลงลึกหัวข้อหัวข้อหนึ่ง ต้องเข้าแล็บทุกวันหรือไปเก็บ Data และพบ Supervisor ตัวต่อตัวค่ะ เริ่มต้นจากการศึกษางานวิจัยคนอื่น (Literature Review) ว่าเราอยากต่อยอดอะไร เขียนออกมาเป็น Proposal ให้อาจารย์ที่คณะดู จากนั้นเราต้องไปทำเรื่องขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ (Ethics) ก่อนเพื่อขอเก็บ Data มาวิเคราะห์ (Analyze) แล้วเขียนสรุปออกมาเป็นบทความ
**ข้อกำหนดหลักๆ คือไม่เกิน 20,000 คำ นับเฉพาะตัวเนื้อหานะคะ ตั้งแต่ Literature Review ถึง Conclusion แต่ไม่นับ Reference, Abstract, Title Page
อย่างที่เล่าว่าตอนสมัครเรียน แต่ละคนจะมีหัวข้อวิจัยที่อยากทำอยู่แล้ว ตอนแรกพี่ตั้งใจจะทำเรื่อง Cross-Cultural Research ทำเป็นวิจัยเชิงเปรียบเทียบไทยและอังกฤษ ดูว่าระบบการศึกษาของทั้ง 2 ประเทศต้องใช้ความสามารถในการเข้าใจความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นมากแค่ไหน (ที่เรียกในการวิจัยว่า Theory of Mind) เพราะการวิจัยด้านนี้ที่ไทยยังมีไม่มาก
แต่พอมีโควิด เราไม่สามารถบินไปมาเพื่อเก็บข้อมูลทั้ง 2 ประเทศได้ กลายเป็นว่าไม่สามารถทำหัวข้อที่สนใจตอนเริ่มสมัคร เลยต้องมานั่งคิดหัวข้อใหม่ โดยหัวข้อต้องอยู่ในสาขาวิชาที่อาจารย์สนใจและเป็นผู้เชี่ยวชาญพอที่จะให้คำแนะนำเราได้ด้วย ช่วงนั้นก็แอบรู้สึกเฟลไปหลายเดือนเลยค่ะ ต้องมานั่งอ่านวิจัย Literature Review ใหม่ นั่งประชุมและปรึกษากับอาจารย์หลายรอบ TT สุดท้ายก็ลงเอยที่หัวข้อใหม่ ศึกษาวิธีการพูดด้วยอารมณ์ด้านบวกของพ่อและแม่ต่อลูกที่ยังอายุน้อยอยู่ เพราะวิเคราะห์ว่าวิธีการพูดแบบนี้ช่วยให้ลูกเชื่อฟังพ่อแม่และทำให้ตอบสนองดีขึ้นหรือไม่
แนะนำ Career Path
งานสายจิตวิทยามีกี่แบบ?
หลักๆ จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม (Categories) คือ
- Industry เช่น HR, Consultant กำหนด requirements น้อยกว่า ดูบุคลิกและผลการเรียนว่า fit กับองค์กรมั้ย อาจจะมีทดสอบและเทรนงานเยอะกว่า โดยรวมจะไม่เคร่งเท่าอื่น มีความยืดหยุ่นความรู้หลายด้าน และค่าตอบแทนอาจสูงกว่า
- Clinical ไปช่วยนักจิตวิทยาทำงานด้านการบำบัด ทำงานภายใต้ระบบรัฐบาลหรือคลินิกเอกชน (Private Practice) มีทั้งที่โรงพยาบาลและคลินิก แต่เข้าค่อนข้างยากมากกก และโอกาสที่จะเข้าไปทำงานได้ในฐานะชาวต่างชาติค่อนข้างน้อย ถ้าอยากรีบหางานไม่แนะนำเพราะมี process ซับซ้อน
- Research ส่วนใหญ่ทำงานในมหาวิทยาลัย ถ้าจบป.ตรี-โทจะเป็นผู้ช่วยวิจัย (Assistant Researcher) ไม่ค่อยเป็นงานระยะยาว แต่จะมีงานลักษณะนี้ที่ต้องการคนเข้ามาช่วยทำงานวิจัยใหม่เรื่อยๆ
ส่วนตัวพี่ตั้งใจจะทำงานที่อังกฤษก่อนสัก 5-10 ปี เพื่อที่จะได้มีความเชี่ยวชาญเพื่อกลับมาตั้งศูนย์วิจัยหรือคลินิกที่ไทยได้
ถามความคิดเห็น
เกี่ยวกับมุมมองด้านจิตวิทยาในไทย?
พี่คิดว่าในไทยดีตรงที่มีศาสนาพุทธ เพราะมีแนวปฏิบัติเรื่องการปล่อยวาง แนวคิดนี้ต่างประเทศเองก็กำลังให้ความสนใจและพยายามนำมาปรับใช้ ตัวอย่างเช่นเดี๋ยวนี้แถบประเทศตะวันตกสนใจความคิดเรื่อง Mindfulness = การอยู่กับสิ่งที่เป็น ณ ปัจจุบัน โดยไม่จำเป็นต้องนั่งครุ่นคิดเรื่องอนาคตมากจนเกินไป
แต่สิ่งที่ไทยยังขาดคือเรื่องการยอมรับปัญหาสุขภาพจิต ยิ่งในยุคนี้บางคนมีความเครียดและวิตกกังวลสะสม แต่ไม่กล้าที่จะไปหานักจิตวิทยา กลัวว่าจะกลายเป็นตราบาป กลัวคนอื่นรู้แล้วดูไม่ดี ซึ่งอันที่จริงความคิดเหล่านี้เริ่มล้าหลังไปแล้ว โดยเฉพาะการที่คนรุ่นใหม่กำลังเริ่มให้ความสนใจทางด้านสุขภาพจิตมากขึ้น และสถานการณ์โควิดเองก็ทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นอยากจะแนะนำว่าใครที่มีปัญหาที่ทำให้คิดเยอะ ลองไปหานักจิตวิทยาเผื่ออาจจะช่วยได้นะคะ
อย่างไรก็ตาม พี่อยากฝากถึงน้องๆ ที่กำลังสนใจด้านจิตวิทยา ลอง explore ว่าจริงๆ แล้วเราชอบจิตวิทยาด้านไหน เพราะจะมีแตกแขนงไปอีกเยอะมาก อาจเป็นนักจิตวิทยาองค์กร นักจิตวิทยาด้านการศึกษา หรือที่ปรึกษาของคู่รักที่มีปัญหา ฯลฯ ลองหา internship สั้นๆ ช่วงซัมเมอร์เพื่อค้นหาตัวเองก็ดีเหมือนกัน ลองหลายๆ แบบเพื่อค้นหาตัวเองนะคะ ^^
1 ความคิดเห็น