พาไปรู้จักประเทศ ‘มอลตา’ เกาะสวรรค์แห่งยุโรป อีกทางเลือกสำหรับ Work & Study! (ค่าครองชีพถูก)

Hey~  เชื่อว่าน้องๆ ชาว Dek-D หลายคนที่อยากไปเปิดประสบการณ์ลองทำงานในต่างประเทศ คงรู้จักโครงการ Work and Travel อยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่น่าเสียดายที่โครงการนี้มีข้อจำกัด เพราะรับเฉพาะคนที่มี ‘สถานะนักศึกษา’ อายุ 18-27 ปีเท่านั้น 

และสำหรับใครที่เรียนจบแล้ว อย่าเพิ่งหมดหวังไปค่ะ! เพราะยังมีประตูถัดมาเปิดรออยู่ นั่นก็คือโครงการ “Work and Study” นั่นเองค่าาา ซึ่งโปรแกรมนี้ก็แปลตามชื่อเลยค่ะ เปิดโอกาสให้เรียนไปด้วย และทำงานไปด้วย เรียกว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคนไม่มีสถานะนักเรียนนักศึกษาแล้วแต่ยังอยากไปค้นฟ้าคว้าดาวอยู่ต่างประเทศนั่นเองค่ะ!

ในวันนี้พี่ปลื้มเลยจะพาไปเที่ยว เอ้ย! พาทุกคนไปรู้จักกับ ‘ประเทศมอลตา (Malta)’ หนึ่งในประเทศแดนสวรรค์ จุดหมายปลายทางที่ชาวต่างชาตินิยมไป Work and Study ถ้าใครกำลังแพลนไปทำงานและอัปสกิลภาษาที่ต่างประเทศ บอกเลยว่าห้ามพลาด ว่าแล้วก็ตามมาจดข้อมูลกันได้เล้ยย ~ 

   • • • • • • • • •  •

รู้จักมอลตากันก่อนสักนิด

เมือง Valletta, Malta
เมือง Valletta, Malta 

เริ่มเลย! บางคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อประเทศมอลตามาก่อน และอาจคิดว่าเป็นแค่เมืองๆ หนึ่ง แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่นะคะ ‘สาธารณรัฐมอลตา’ เป็นประเทศ ‘เกาะ’ เล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) และมีเมืองหลวงชื่อวัลเลตต้า (Valletta) ตั้งอยู่ในทางใต้และห่างจากประเทศอิตาลีนิดเดียวค่ะ (ใช้เครื่องบินประมาณ 30 นาทีเอง)

แม้ว่าจะประเทศหมู่เกาะเล็กๆ แต่นับว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์สูงมากค่ะ เพราะหมู่เกาะนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน รวมถึงบทบาทสำคัญด้านการต่อสู้เพื่อสืบทอดอำนาจการครอบครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยนะ

หมู่บ้านป๊อบอาย (Popeye Village)
หมู่บ้านป๊อบอาย (Popeye Village)

น้องๆ รู้มั้ยว่ามอลตานั้นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความหลากหลายในสังคมมากๆ เพราะถูกหล่อหลอมโดยการปกครองของต่างชาติจากมหาอำนาจต่างๆ มาหลายศตวรรษ ทั้งชาวฟินีเซียน (Phoenicians) ชาวโรมัน (Romans) กรีก (Greeks) อาหรับ (Arabs) นอร์มัน (Normans) ซิซิลี (Sicilians) สวาเบียน (Swabians) อารากอน (Aragonese) ฮอสปิทาลเลอร์ (Hospitallers) ฝรั่งเศส และอังกฤษค่ะ

และถึงแม้ว่าภาษาหลักของประเทศคือ ‘ภาษามอลทีส’ (Maltese) แต่เนื่องจากเคยอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรมาก่อน ดังนั้นคนทั่วไปในมอลตาจึงใช้ ‘ภาษาอังกฤษ’ สื่อสารในชีวิตประจำวัน (แต่ก็มีคำยืมบางคำที่มาจากภาษาอิตาลี และภาษาซิซิลีอยู่นะ) สำหรับใครที่กังวลว่าจะคุยไม่รู้เรื่องและอยากมาเรียนภาษาที่นี่ ก็คือหายห่วงไปได้เลยค่า ><

NOTE: 

  • ประเทศมอลตาได้รับการประกาศเป็นสาธารณรัฐเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1974
  • เป็นที่ยอมรับในสหภาพยุโรป (EU) ในปี ค.ศ. 2004
  • ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1980
  • ได้รับการโหวตให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมในยุโรป (The European Capital of Culture 2018) ในปี 2018 ซึ่งถือเป็นรางวัลดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั่วโลก

พาเลาะ 3 เกาะหลักของประเทศ! 

ประเทศมอลตา ประกอบไปด้วย 3 เกาะหลักๆ คือ เกาะมอลตา (Malta Island) เกาะโกโซ (Gozo Island) และ เกาะโคมิโน (Comino Island) ซึ่งถ้านับรวมพื้นที่ทั้งหมดก็ถือว่าเล็กมาก (เล็กกว่าสิงคโปร์) ดังนั้นที่นี่จึงถูกจัดอยู่ในประเทศเล็กที่สุดลำดับ 5 ของยุโรปนั่นเองค่ะ 

ถ้าใครจะไปเรียนหรือทำงานที่นี่ก็คือคุ้มแน่นอน เพราะน้องๆ สามารถไปเที่ยวได้ทั่วประเทศภายในไม่กี่วันได้เลยล่ะ และยังเพลิดเพลินไปกับสถานที่สวยๆ ทะเลใสๆ ถูกอกถูกใจแน่นอน! // แอบกระซิบว่าบางสถาบันสอนภาษาอาจเพิ่มโปรแกรมเที่ยว รวมถึงมีกิจกรรมกลางแจ้งให้เราได้ทำด้วยค่ะ ปังมากกกก

   • • • • • • • • •  •

ค่าครองชีพไม่แรง ระบบขนส่งก็เริ่ด!

แน่นอนว่าการไปเรียนที่ต่างประเทศ อาจมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ (ในหลักสูตรเดียว) ต้องบอกว่ามอลตานั้นมีค่าใช้จ่ายไม่แพงเลยค่ะ และค่าครองชีพก็ไม่แรงเท่ากับอังกฤษ หรือออสเตรเลียด้วย   

ประเทศ

ค่าครองชีพ

*ไม่รวมค่าเช่าต่างๆ*

ค่าเรียน 6 เดือน

อังกฤษประมาณ 38,273 บาทประมาณ  216,000 บาท
ออสเตรเลียประมาณ 36,813 บาทประมาณ 160,000 บาท
มอลตาประมาณ 27,690.33 บาทประมาณ 102,000 บาท
Note:   ค่าเรียนและค่าครองชีพขึ้นอยู่กับค่าเงินในช่วงนั้น, เทียบอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 17 พ.ย. 64

ส่วนระบบขนส่งสาธารณะในมอลตานั้นก็ปังไม่แพ้กัน เพราะครอบคลุมทั่วพื้นที่สำคัญและทันสมัยมาก ทั้งเดินทางง่าย สะดวกและใช้เวลาไม่มาก น้องๆ สามารถเปิดแอปพลิเคชันเพื่อวางแผนการเดินทางในแต่ละวันได้เลย ยังไม่จบค่ะ อีกความดีงามคือ ค่าตั๋วรถก็ถูกมาก อย่างรถบัสเต็มวันราคาอยู่ที่ 1.75 ยูโรต่อใบ (ประมาณ 65.75 บาท) และตั๋วรถบัสเหมาจ่ายรายเดือน ราคาอยู่ที่ 24 ยูโร (ประมาณ 901.72 บาท) เท่านั้นเอง!

Photo Credit: Unsplash
Photo Credit: Unsplash

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเริ่มเปิดใจให้มอลตากันแล้วใช่มั้ยคะ >< สำหรับใครที่อยากไปเรียนภาษา ก็มาดูวิธีเตรียมพร้อมกันต่อเลยจ้า  

ใครต้องใช้วีซ่าบ้าง?

  • ผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองของสหภาพยุโรปอาจต้องมีวีซ่าก่อนเข้าประเทศมอลตา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสัญชาติ
  • ปัจจุบันเนื่องจากสถานการณ์โควิด:  ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในประเทศสีแดงเข้ม หากต้องการเข้าประเทศมอลตาต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน (ค่าใช้จ่ายประมาณวันละ 3,900 บาท)
  • บุคคลบางสัญชาติสามารถเข้าประเทศได้เป็นเวลา 90 วันโดยไม่ต้องมีวีซ่า ในขณะที่บางสัญชาติต้องมีวีซ่าก่อนเดินทางมาถึงมอลตาจึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ (รายชื่อประเทศที่ต้องใช้วีซ่าก่อนเดินทางมาถึงมอลตา: https://identitymalta.com/who-requires-a-visa/ ) // ในกรณีของนักเรียนไทยจะต้องใช้วีซ่าด้วยค่ะ
  • ผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองในสหภาพยุโรปจำเป็นต้องมีตั๋วไปกลับหรือแสดงยอดเงินในบัญชี เพื่อเป็นการการันตีว่าจะมีเงินเพียงพอเพื่อใช้ชีวิตที่นี่ (อยู่ 6 เดือนต้องแสดงยอดเงินประมาณ 200,000 - 300,000 บาท)

หลังจากยื่นเอกสารผ่านเรียบร้อยแล้ว วีซ่าที่เราจะได้รับมาคือ “วีซ่าเชงเก้น” (Schengen Visa) ซึ่งสามารถใช้เดินทางไปเที่ยวประเทศในเครือได้อีก 26 ประเทศเลยค่ะ

ออสเตรียเบลเยียมสาธารณรัฐเช็กเดนมาร์ก  
เอสโตเนียฟินแลนด์ฝรั่งเศสเยอรมัน
กรีซฮังการีไอซ์แลนด์อิตาลี
ลัตเวียลิกเตนสไตน์ลิทัวเนียลักเซมเบิร์ก
มอลตาเนเธอแลนด์นอร์เวย์โปแลนด์
โปรตุเกสสาธารณรัฐสโลวักสโลวีเนียสเปน
สวีเดนสวิตเซอร์แลนด์ 
Photo Credit: Unsplash
Photo Credit: Unsplash 

การทำงานและการเรียนภาษาอังกฤษในมอลตา

  • นักเรียนที่เป็นพลเมืองของประเทศอื่นสามารถทำงานได้สูงสุด 20 ชั่วโมง/ต่อสัปดาห์
  • นักเรียนจะต้องอยู่ในมอลตาอย่างน้อย 3 เดือนก่อนที่จะยื่นขอวีซ่าทำงานและเรียน โดยสามารถทำงานได้ หลังจากอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันที่ 90 เป็นต้นไป
  • นักเรียนต้องหาที่ทำงานด้วยตนเอง ค่าแรงโดยเฉลี่ย: ประมาณ 13.75 ยูโร/ชั่วโมง (ประมาณ 500 บาทต่อชั่วโมง)
  • สามารถทำงานได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมง/สัปดาห์และต้องรักษาการเข้าชั้นเรียนเป็นประจำ (อย่างน้อย 80%) จะมีการถูกตรวจสอบทุกวันด้วยนะ
  • ต้องแสดงหลักฐานข้อตกลงกับเจ้าของที่พัก และตรวจสอบให้แน่ใจว่าที่พักนี้ได้รับอนุญาตจากสำนักงานการท่องเที่ยวมอลตา

** ทั้งนี้ทั้งนั้นขั้นตอนและกฎการเรียนต่างๆ ขึ้นอยู่กับเอเจนซีและโรงเรียนที่เราทำการติดต่อด้วยค่ะ รวมถึงมาตรการของประเทศในช่วงโควิดด้วย**

อีกเหตุผลที่หลายคนสนใจมาเรียนภาษาที่ประเทศเล็กๆ แห่งนี้ เป็นเพราะว่าประชาชนชาวมอลตาขึ้นชื่อเรื่องความอบอุ่น ให้การต้อนรับดี มีความเอื้ออาทรต่อคนชาวต่างชาติ  และมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตออกแนวบริติช  และมอลตายังติดอันดับว่าเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงติดอันดับโลก และมีอากาศดีที่สุดในโซนยุโรปอีกด้วย ถ้าใครสนใจหาสถานที่เรียนและทำงานไปด้วย และต้องการข้ามไปฝั่งยุโรปในงบประหยัด ก็ขอฝากมอลตา เกาะเล็กๆ แห่งนี้ไว้เป็นทางเลือกด้วยนะคะ^^

 

References:https://www.britannica.com/place/Malta https://belsmalta.com/work-and-study-english-in-malta/ https://internationalliving.com/countries/malta/cost-of-living-in-malta/ https://www.google.com/url?q=https://www.axa-schengen.com/en/countries-schengen-area?gclid%3DCj0KCQiA4b2MBhD2ARIsAIrcB-S0l8uFMXa-KFWLOdFScBIyIs039ejTAAQUWhGLA2GAF1sJupVJxw0aAm6AEALw_wcB%26gclsrc%3Daw.ds&sa=D&source=docs&ust=1637087713860000&usg=AOvVaw2p_YW_tAYKCbcBoXEevIhs Photo:https://unsplash.com/photos/t9IQmyDrwdchttps://unsplash.com/photos/UOG_UXw4lWwhttps://unsplash.com/photos/UGBq0v_tsqA https://www.newstatesman.com/uncategorized/2018/02/malta-island-secrets-and-lies https://www.thaiembassy.com/schengen-visa 
พี่ปลื้ม
พี่ปลื้ม - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด