สวัสดีค่ะชาว Dek-D ทุกคนน~ เวลาที่เราชมผลงานศิลปะก็จะรู้สึกว่ามันสวยจังเลย ศิลปินเค้าสร้างสรรค์ออกมาได้ยังไงกันใช่ไหมคะ แต่รู้หรือเปล่าว่าอาจมีคนบางกลุ่มที่อินกับงานศิลปะมากไปจนถึงขั้นมีอาการซึมเศร้าได้เลยนะคะ
ว่าแล้วพี่บีมบันก็จะพาน้องๆ ไปรู้จักกับ ‘Stendhal Syndrome’ โรคตื่นศิลปะ ที่มีต้นตอมาจากผลงานที่สวยเกินไป (มีงี้ด้วย!) จะมีอาการแบบไหน มีกรณีศึกษาไหนน่าสนใจบ้าง ตามมาอ่านกันเลยค่าา~
• • • • • • • • • •
‘Stendhal Syndrome' คือกลุ่มอาการผิดปกติทางจิตเวชที่พบได้ยากมาก อาจเกิดจากการที่สภาพแวดล้อมและประสบการณ์ของคนๆ นั้นเชื่อมโยงกับงานศิลปะ หรือใช้อารมณ์ในการเสพงานอาร์ตมากเกินไป ทำให้เมื่อได้ชมผลงานที่สวยงามมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาด ประติมากรรม ก็จะเกิดความรู้สึกตื้นตันใจ ตามมาด้วยอาการใจสั่นและตื่นตระหนกอย่างรุนแรงค่ะ
• • • • • • • • • •
ที่มาของโรคนี้มาจากไหนนะ?
ย้อนกลับไปในปี 1817 นักเขียนชาวฝรั่งเศส ‘Marie-Henri Beyle’ ที่ใช้นามปากกา ‘Stendhal’ ได้บรรยายอาการหลังจากไปเยี่ยมชมมหาวิหารซันตาโกรเช (Basilica Of Santa Croce) เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นที่ฝังศพของบุคคลสำคัญมากมาย อย่าง กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei), ไมเคิล แองเจโล (Michelangelo) และอื่นๆ อีกทั้งยังประดับตกแต่งด้วยงานจิตรกรรมฝาผนังที่โด่งดังอีกด้วย
Stendhal กล่าวว่าเขารู้สึกตื้นตันใจมากๆ ที่ได้เห็นแต่ก็กลับรู้สึกวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน
เขารู้สึกหลงใหลในงานศิลปะและดีใจที่ได้ใกล้ชิดกับบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อออกมาจากมหาวิหารซันตาโกรเช จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะและขาก็เริ่มสั่น ทั้งบอกอีกว่าไม่ได้พูดให้รู้สึกว่ามันโรแมนติก แต่เขามีอาการแบบนั้นจริงๆ!
เริ่มแรกนั้นยังไม่มีใครเชื่อว่าอาการนี้มีจริง จนกระทั่งในปี 1979 จิตแพทย์ชาวอิตาลี Dr.Graziella Magherini เขาสังเกตว่ามีนักท่องเที่ยวมากกว่า 100 คนเข้ารับการรักษาอาการแปลกประหลาดนี้หลังจากไปเยี่ยมชมงานศิลปะในเมืองฟลอเรนซ์ เขาจึงตั้งชื่ออาการนี้ว่า Stendhal Syndrome
• • • • • • • • • •
ทำไมต้องเป็นเมืองฟลอเรนซ์?
Dr.Magherini ได้ตั้งข้อสันนิษฐานอาจเป็นเพราะว่าฟลอเรนซ์เป็นเมืองที่รวบรวมผลงานศิลปะในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) หลังจากการต่อสู้กับศาสนจักรในสมัยยุคกลาง ทำให้งานศิลปะในยุคนี้มีความสวยงาม เป็นที่รู้จักทั่วโลก และยังแอบแฝงรายละเอียดที่แสดงถึงพลังด้านมืดของคน (Dark side) ที่อาจไปกระตุ้นความอ่อนไหวของผู้ป่วยได้ค่ะ
• • • • • • • • • •
พามาดูกรณีศึกษากันต่อ!
ชมเพลินจนเดินหลง
เริ่มกันที่ผู้กำกับชาวอิตาลี Dario Argento เล่าว่าตอนเด็กๆ เคยมีอาการ Stendhal เหมือนกัน เกิดขึ้นตอนที่ครอบครัวพาไปเที่ยวที่วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) ตัวเขาในวัยเด็กนั้นเดินขึ้นบันได เพลิดเพลินกับความงามของวิหารไปเรื่อยๆ จนเหมือนหลุดเข้าไปในภวังค์ และทำให้พลัดหลงกับพ่อแม่เกือบชั่วโมง! เขาจึงนำเหตุการณ์นี้มาเป็นแรงบันดาลใจสร้างภาพยนตร์ชื่อว่า ‘The Stendhal Syndrome’ ในปี 1996 นั่นเองค่าา~
เหมือนได้เจอเพื่อนเก่า
ตามด้วยเหตุการณ์ในปี 2009 ศิลปินวัย 72 คนหนึ่งได้ไปเยี่ยมชม ‘Ponte Vecchio’ ซึ่งเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองฟลอเรนซ์ เขาพูดออกมาหลังจากได้เห็นสะพานนั้นว่า “เหมือนเห็นเพื่อนเก่า” พร้อมเกิดอาการขวัญเสียและตื่นตระหนกจนทำให้แทบนอนไม่หลับ เพราะรู้สึกเหมือนถูกใครรบกวนที่ห้องพักโรงแรมตลอดเวลา กว่าจะกลับมาปกติได้ก็ใช้เวลา 3 สัปดาห์เลยทีเดียว!
ซีรีส์เกาหลีก็มีเหมือนกันนะ!
สำหรับน้องๆ สายซีรีส์เกาหลีน่าจะเคยได้ยินชื่อโรคนี้มาบ้างจาก ‘Her Private Life’(2019) ซึ่งบท ‘ไรอัน โกลด์’ พระเอกของเรื่องรับบทโดย คิม แจอุค ก็ประสบกับโรค Stendhal Syndrome เช่นกัน เพราะเมื่อได้เห็นภาพวาดของศิลปินชื่อ ‘อีโซล’ เขาก็มีอาการตื่นกลัว เห็นภาพหลอน จนไปถึงไม่สามารถวาดรูปได้ไปอีกหลายปีเลยค่ะ //ซีรีส์สนุกมากก ลองไปดูกันได้นะคะ><
• • • • • • • • • •
ผู้ป่วยจะมีอาการอะไรบ้าง?
- ใจสั่น
- เจ็บหน้าอก
- เหงื่อออก
- วิตกกังวล
- วิงเวียนศีรษะ
- ตื่นตระหนก
- อ่อนเพลียอย่างรุนแรง
- ซึมเศร้า
- ประสาทหลอน
นอกจากลิสต์ด้านบน ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นพยายามที่จะทำลายงานศิลปะชิ้นนั้นเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นด้วยนะคะ ㅠㅠ
• • • • • • • • • •
ปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิด Stendhal Syndrome
- อาจเกิดจากความเครียดและอาการเจ็ตแล็ก (Jet Lag) จากการเดินทางข้ามเขตเวลา เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว
- คนที่อ่อนไหวง่ายหรือมีโรคจิตเภท เพราะงานศิลปะอาจไปกระตุ้นจิตใต้สำนึกหรือความทรงจำของพวกเขา ทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวนจนควบคุมตัวเองไม่ได้นั่นเองค่ะ
- อาจเกิดจากการตกใจ ตัวอย่างเช่น ปกติเราจะเห็นภาพวาดที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง ‘โมนาลิซา’ บนโลกออนไลน์ แล้วพอไปเห็นของจริงเข้าก็ทำให้ตื้นตันใจและอินมากจนเกิดอาการ Stendhal Syndrome ขึ้นมาได้เหมือนกัน
• • • • • • • • • •
ทำยังไงถึงจะหาย?
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโดยเฉพาะ เพราะเป็นอาการที่พบได้น้อยมากๆ จิตแพทย์ที่กล่าวถึงไปข้างต้นให้คำแนะนำว่า 'พยายามทำให้จิตใจให้สบาย' ถ้ามีอาการที่ไม่รุนแรงอย่างปวดหัวหรือเหงื่อออก แค่นั่งพักให้รู้สึกดีขึ้นก็พอแล้วค่ะ // แต่ทางที่ดีลองปรึกษากับจิตแพทย์เพื่อหาแนวทางในการรักษาไม่ให้อาการรุนแรงจะดีกว่านะคะ
• • • • • • • • • •
เป็นยังไงกันบ้างคะ ดูผิวเผินแล้วโรคนี้อาจไม่รุนแรง แต่ก็น่ากลัวกว่าที่คิดนะเนี่ยย หากใครเคยมีอาการแบบนี้อย่าปล่อยใจให้ดื่มด่ำจนไม่ดีกับตัวเองนะคะ ยิ่งช่วงนี้แอบเห็นว่ามีนิทรรศการศิลปะสวยๆ เยอะมากเลย น้องๆ คนไหนไปมาแล้วก็เอามาเล่าสู่กันฟังได้น้า ^^ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้าค่า บ๊ายบายย~
2 ความคิดเห็น