Christmas is coming~ สวัสดีชาว Dek-D ทุกคนค่า พอเข้าสู่เดือนธันวาคมในทุกๆ ปี หลายสถานที่ก็มักจะหยิบ “เพลย์ลิสต์เพลงคริสต์มาส” มาเปิดเอาใจผู้คนที่หลงใหลและตั้งตารอให้เทศกาลแห่งความสุขนี้มาถึง ซึ่งเมื่อพูดถึงเพลงคริสต์มาสแล้ว เชื่อว่าหลายคนก็คงมีเพลงโปรดในใจที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ยังฟังได้ไม่มีเบื่อ
ในส่วนของเหล่าศิลปินเจ้าของเพลงเค้าก็รอเทศกาลนี้เหมือนกันค่ะ เพราะว่าเป็นเทศกาลรับรายได้จากลิขสิทธิ์เพลงคริสต์มาสที่ถูกสตรีมตามแพลตฟอร์มต่างๆ นั่นเอง ซึ่งบอกเลยว่ามูลค่าคือไม่ใช่น้อยๆ เลยล่ะ วันนี้ พี่ปุณ เลยอยากพาน้องๆ ไปส่องกันว่า “5 เพลงคริสต์มาสสุดฮิต” ของนักร้องดังในแต่ละยุคสมัย แต่ละเพลงฮิตกอบโกยรายได้ไปเท่าไหร่บ้าง ตามมากันเลย!
...................................
Haven Gillespie & John Frederic Coots -
Santa Claus is Coming to Town (1934)
เริ่มต้นกันด้วย ‘Santa Claus is Coming to Town’ เพลงดังจากปี 1934 ที่ได้ยินเมื่อไหร่เป็นต้องขยับตาม โดยเนื้อหาและความหมายของเพลงนี้มีที่มาจากความเชื่อเรื่องวันคริสต์มาสในวัยเด็กของ Haven Gillespie และ John Frederic Coots ที่ว่า “ถ้าใครเป็นเด็กดีซานตาคลอสจะเอาของขวัญมาให้ที่บ้าน แต่ถ้าใครดื้อไม่เชื่อฟังก็จะอดได้ของขวัญไป” ซึ่งเมื่อเรื่องราวเหล่านี้ถูกถ่ายทอดผ่านเนื้อเพลงด้วยคำศัพท์ที่เข้าใจได้ง่าย ทำให้เพลงนี้มักถูกนำมาใช้เพื่อสอนให้เด็กๆ เป็นเด็กดีนั่นเอง
ในส่วนของรายได้จากเพลงก็อยู่ที่ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1.7 พันล้านบาท นับเป็นตัวเลขที่สูงแต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะหลังจากมีการปล่อยเพลงได้เพียงไม่กี่เดือน Santa Claus is Coming to Town ก็ทำยอดขายไปกว่า 400,000 ชุด อีกทั้งยังมีศิลปินชื่อดังหลายคนนำเพลงนี้มาร้องใหม่ในเวอร์ชันของตัวเอง ซึ่งเวอร์ชันที่โด่งดังและคนทั่วโลกให้การตอบรับอย่างดีนั่นก็คือเวอร์ชันของ Mariah Carey, Justin Bieber, และ Bruce Springsteen
ศัพท์และสำนวนจากเพลง
- watch out (v.) = ระวัง
- pout (v.) = แสดงอาการโกรธ, ทำหน้าบึ้ง
- for goodness’ sake = คำอุทานเมื่อโกรธหรือต้องการขอความช่วยเหลือ
...................................
Irving Berlin - White Christmas (1940)
‘White Christmas’ เป็นเพลงดังที่ The Guinness Book of World Records ยกให้เป็นเพลงคริสต์มาสที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล รายได้โดยประมาณของเพลงนี้ก็อยู่ที่ 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 2.2 พันล้านบาท ซึ่งหลังจากที่เพลงนี้ถูกแต่งและขับร้องเป็นครั้งแรกโดย Bing Crosby และ Irving Berlin ในปี 1940 ก็มีศิลปินมากมายจากหลายยุคสมัยทั้ง Frank Sinatra, Elvis Presley, Michael Bolton, Gwen Stefani, และ Lady Gaga พากันสร้างผลงาน cover ออกมาไม่หยุดหย่อน
โดย Irving เองก็รู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จของบทเพลงนี้และยังบอกอีกว่า “White Christmas ไม่เพียงแต่เป็นเพลงที่ดีที่สุดที่เขาเคยแต่ง แต่ยังเป็นเพลงที่ดีที่สุดที่เคยมีคนแต่งขึ้นมาเลยอีกด้วย” ใครยังไม่เคยฟังก็ลองไปปลดล็อกสกินหูทองคำกันได้นะคะ!
ศัพท์จากเพลง
- glisten (v.) = ระยิบระยับ, เปล่งประกาย
- sleigh (n./v.) = รถลากเลื่อนบนหิมะ, เดินทางด้วยรถลากเลื่อนบนหิมะ
- dream of (v.) = ฝันถึง, พิจารณา
...................................
Mel Torme - The Christmas Song (1944)
นอกจากผู้คนจะอินกับเพลงเร็วสนุกสนานที่เปิดต้อนรับเทศกาลสำคัญในช่วงปลายปีแล้ว เพลงช้าที่มีท่วงทำนองและจังหวะที่ลึกซึ้งกินใจอย่าง ‘The Christmas Song’ ของ Mel Torme ก็เป็นอีกหนึ่งแนวเพลงที่ชวนให้ผู้คนหลงใหลและตื่นเต้นไปกับความสุขที่กำลังจะมาถึงในช่วงคริสต์มาสได้เช่นกัน
ถ้าใครเป็นแฟนคลับตัวยงก็อาจจะรู้ดีว่า Mel มีเพลงที่แต่งขึ้นเองมากถึง 250 เพลง แต่ The Christmas Song หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Chestnuts Roasting on an Open Fire เป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จและสร้างรายได้ให้กับเขามากที่สุด โดยทำรายได้รวมไปทั้งหมด 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท
ศัพท์จากเพลง
- aglow (adj.) = สว่าง, เปล่งปลั่ง, แจ่มใส
- choir (n./v.) = คณะประสานเสียง, ร้องประสานเสียง
- folks (n.) = กลุ่มชน, ชาวบ้าน
- tot (n.) = เด็กเล็ก, วัยเตาะแตะ
- roast (v.) = ปิ้ง, ย่าง
...................................
Wham! - Last Christmas (1984)
มาต่อกันกับเพลงป็อปยุค 80s ที่ฮิตตลอดกาลอย่าง ‘Last Christmas’ ของคู่หูชาวอังกฤษ George Michael และ Andrew Ridgeley ศิลปินจากวง Wham! ต้องบอกเลยว่ากว่าเพลงนี้จะติดหูและติดอยู่ในใจผู้คนทั่วโลกอย่างเช่นทุกวันนี้ พวกเขาต้องใช้เวลาปั้นกันอยู่นานหลายปี แต่ในที่สุดเพลงก็สร้างรายได้ให้พวกเขามากถึง 470,000 ปอนด์สเตอร์ลิงหรือประมาณ 21 ล้านบาทต่อปี และมียอดขายสูงถึง 1.78 ล้านชุดในปี 2016
และแม้ว่าท่วงทำนองจะดูสนุกสนานเหมาะกับการนำมาเปิดในช่วงคริสต์มาส แต่จริงๆ แล้วเพลงนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวังดังเนื้อเพลงท่อนที่ว่า ‘Last Christmas, I gave you my heart. But the very next day, you gave it away.’ ซึ่งมีความหมายว่า “ในวันคริสต์มาสปีที่แล้ว ฉันได้มอบหัวใจให้เธอไป แต่ในวันถัดมาเธอก็โยนมันทิ้งอย่างไม่ใยดี” เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่แอบเศร้าแต่ก็สร้างความสุขให้ใครหลายคนในเทศกาลนี้ได้เป็นอย่างดีเลย
ศัพท์และสำนวนจากเพลง
- tear apart (v.) = ฉีกออก, ดุด่าว่ากล่าว
- fool (n./v.) = คนโง่, ตัวตลก, หลอกลวง
- keep distance = รักษาระยะห่าง, ตีตัวออกห่าง
- catch someone’s eyes = เข้าตา, สะดุดตา
- soul of ice = จิตวิญญาณที่เย็นชา, เฉยชา
...................................
Mariah Carey - All I Want For Christmas (1994)
ใครชื่นชอบหนังคริสต์มาสอบอุ่นหัวใจต้องเคยได้ฟังเพลงนี้อย่างแน่นอน เพราะ ‘All I Want For Christmas’ เป็นเพลงดังในปี 1994 ที่หนังหลายต่อหลายเรื่องเลือกไปเป็นเพลงประกอบ อีกทั้งยังเป็นเพลงที่ตอบโจทย์เทศกาลคริสต์มาสในทุกประเทศ สังเกตได้จากเพลย์ลิสต์เพลงฮิตติดชาร์ตที่คนฟังมากที่สุดในช่วงวันหยุดส่งท้ายปีบนสองแอปสตรีมมิ่งเพลงชื่อดังอย่าง Spotify และ Pandora (หมด Halloween ปุ๊บ เพลงนี้เริ่มเลอ!)
และเมื่อส่องรายได้ที่ Mariah Carey ผู้เป็นนักร้องและ Walter Afanasieff นักประพันธ์คู่ใจได้รับตลอดหลายปีก็ต้องมีอึ้งกันไปชั่วขณะ เพราะใครจะเชื่อว่าเพลงที่ใช้เวลาแต่งเพียง 15 นาทีจะสร้างรายได้สุทธิรวมกว่า 45.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิงหรือประมาณ 2,000 ล้านบาท เลยล่ะค่ะ
ศัพท์และสำนวนจากเพลง
- underneath (adv./prep) = ภายใต้, ซ่อนอยู่ภายใต้
- fireplace (n.) = เตาผิงไฟ
- keep on (v.) = ทำต่อไป, ทำอย่างต่อเนื่อง
- make a wish come true = ทำให้ฝันเป็นจริง
เป็นยังไงกันบ้างคะ? กับ “5 เพลงคริสต์มาสของนักร้องดังในแต่ละยุคสมัย” ที่พี่นำมาฝากกันในวันนี้ บอกเลยว่าแต่ละเพลงก็คือทั้งเพราะและความหมายดีแบบสุดปัง จนสร้างรายได้มหาศาลให้กับทั้งนักร้องและนักประพันธ์ และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ผู้คนทั่วโลกก็ยังเปิดฟังเพลงเหล่านี้ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขท้ายปีอยู่เสมอ ใครชอบเพลงไหนก็ลองคอมเมนต์มาแชร์กันได้นะคะ! :D
2 ความคิดเห็น