สวัสดีค่ะชาว Dek-D ใครที่วางแผนเรียนต่อมหาวิทยาลัยใน “เยอรมนี” แล้วอยากหารายได้ระหว่างเรียนไปด้วย นอกจากช่องทางยอดฮิตอย่างการทำ Part-time สายบริการ หรือฝึกงาน (Internship) ก็ยังมี “Working Student” ซึ่งเป็นรูปแบบการทำงานระหว่างเรียนที่ถูกกฎหมาย ค่าตอบแทนดี และเหมาะสุดๆ สำหรับคนที่ตั้งใจสร้างประวัติที่โดดเด่นเพื่อเตรียมหางานทำที่เยอรมนีหลังเรียนจบ
วันนี้เรามีรีวิวประสบการณ์เป็น Working Student บริษัทชื่อดัง ส่งตรงจากนักเรียนไทยในเยอรมนี จะน่าสนใจขนาดไหน? ต่างอะไรกับงานพาร์ตไทม์หรือฝึกงาน? มีอะไรต้องระวังบ้าง? ตามมาเก็บข้อมูลกันเลยค่ะ
Note: เจ้าของเรื่องนี้เรียนจบปริญญาตรี International Business and Economics (IBE) จาก Otto von Guericke University Magdeburg (OVGU) และ ป.โท Technical University of Munich (TU München) อ่านรีวิวการเรียนที่นี่
เรียนด้านธุรกิจในเยอรมนี
พร้อมทำงานในบริษัทชื่อดัง
“สวัสดีค่ะ ชื่อ ‘อาย-ยมลพรพัศ’ เรียนจบ ม.ปลายจากโรงเรียนที่ไทย แล้วไปเรียนต่อสาย Business ทั้งระดับ ป.ตรีที่ Otto von Guericke University Magdeburg (OVGU) และ ป.โทที่ Technical University of Munich ประเทศเยอรมนี”
“ตอนนี้เราทำงานเป็น Working Student ในสำนักงานใหญ่ (Headquarter) ของบริษัทประกันแห่งหนึ่งที่กรุงมิวนิก ทำมาได้ประมาณ 4 เดือนแล้วค่ะ ในนั้นจะมีแยกฝ่ายทำงานเป็น Finance, Service, Technology ฯลฯ เราเองทำฝ่าย Consulting ช่วยซัพพอร์ตทั้งทีม Recruiting และ Digital Transformation มีทั้งช่วยจัดตารางงานต่างๆ และทำงานแนววิเคราะห์จริงจัง // เป็นบริษัทอินเตอร์ และตำแหน่งนี้ไม่จำเป็นต้องสื่อสารภาษาเยอรมัน”
“ในสัปดาห์นึงเราทำงาน 16 ชั่วโมง แต่ระหว่างนี้มีเรียนจันทร์-ศุกร์ทุกวันเลยค่ะ ดังนั้นเรื่องการเมเนจถือว่ายากและท้าทายมากในช่วงแรกๆ วิธีของเราคือพยายามทำให้ตัวเองมีเวลาว่างสัปดาห์ละ 2 วัน พักจริงจังวันนึง ส่วนอีกวันเผื่อไว้อ่านหนังสือให้จบหรือทำการบ้านที่ค้างไว้ และทุกวันอาทิตย์จะนั่งวางแผนสิ่งที่ต้องทำในสัปดาห์ต่อไป”
. . . . . . .
Working Student
ต่างกับรูปแบบอื่นยังไงบ้าง?
“ปกตินักศึกษาไทยและต่างชาติจะมีการทำ Part-time ร้านอาหาร งานบริการ หรือตามร้านค้าต่างๆ ที่เยอรมนีเรียกว่า Mini-job ชั่วโมงจะน้อยแต่ได้เพียงค่าแรงขั้นต่ำ (ชั่วโมงละ 9-10 EUR) แต่ข้อเสียคือจะไม่ใช่ Professional Experience อาจไม่เหมาะกับการมาใช้ยื่นประกอบการสมัครงาน (ยกเว้นสายงานที่ต้องการประสบการณ์งานบริการมาก่อน)”
“แต่จะมีอีกรูปแบบที่คนต่างชาติบางคนอาจยังไม่รู้ เรียกว่า Working Student เราจะมีบทบาทเหมือนพนักงานบริษัท เข้าทีมจริง แต่ชั่วโมงน้อยกว่าคนอื่น และต้องรับผิดชอบเนื้องานที่เป็นโปรเจกต์ต่อเนื่อง ระยะเวลาอาจจะ 6 เดือนถึง 1 ปีแล้วแต่ในสัญญา สำหรับค่าตอบแทนจะอยู่ราวๆ 14-15 EUR ต่อชั่วโมง และทำงาน 16-20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งกฎหมายของเยอรมนีคือถ้ามีรายได้เกิน 450 EUR ต่อเดือนจะต้องเสียภาษีด้วย”
“สรุปคือการเป็น Working Student ชั่วโมงทำงานจะเยอะกว่า Part-time/Mini-job และค่าตอบแทนก็สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ เพราะต้องใช้ทักษะเฉพาะทางที่เรียนมา และหากเทียบกับการฝึกงาน (Internship) จะต่างตรงที่ฝึกงานเป็น Full-time ต่างจาก Working Student ที่เป็น Part-time เรียนพร้อมทำงานไปด้วยนั่นเองค่ะ”
. . . . . . .
หางานได้ที่ไหน?
- ในเว็บไซต์พวก LinkedIn, Indeed, Glassdoor ฯลฯ จะมีประกาศรับสมัคร Working Student ตลอด หรือตามเว็บไซต์ของบริษัทเขาก็จะมีระบุไว้ (ส่วนตัวไปเจองานนี้ที่ LinkedIn)
- เรามองว่าบริษัทมีตำแหน่งเปิดรับพอสมควร เพราะเค้าก็ได้ประโยชน์จากการรับนักศึกษาเข้ามาทำงานด้วย
ถ้าใครไม่ได้ภาษาเยอรมันเลย แนะนำว่าในเมืองใหญ่จะมีงานที่ require แค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว (มากกว่าในเมืองเล็ก) แต่เราคิดว่าถ้าได้ภาษาเยอรมันยังไงก็มีโอกาสมากกว่าอยู่แล้ว เพราะมีผลเรื่องวัฒนธรรมการทำงานด้วย หรืออย่างบางแห่งเช่นบริษัทอินเตอร์ที่เราทำ เขาไม่ได้ระบุใน Job Description และไม่มีถามถึงสกิลภาษาเยอรมันตอนสัมภาษณ์เลยด้วยซ้ำ ทั้งนี้ทั้งนั้นคือแล้วแต่สายงานด้วยนะคะ
. . . . . . .
คำแนะนำ & สิ่งที่ควรระวัง
- กฎหมายที่เยอรมนีเข้มงวดมากก็จริง แต่อยากเตือนให้ระวังสแกมเมอร์ที่แอบอ้างว่าเป็น HR บริษัทมาส่งข้อความหรืออีเมลมาเชิญชวนเราไปทำงาน ถ้าเกิดเราหลงเชื่อแล้วส่งข้อมูลไปส่วนตัวจะอันตรายมาก ไม่รู้เลยว่าเค้าจะเอาไปทำอะไร
- ไม่ว่าจะเป็นเอกสารอะไรก็ควรอ่านให้รัดกุมก่อนเซ็น รวมถึง "สัญญาการจ้างงาน" (Contract) ควรอ่านให้ละเอียด โดยทั่วไปจะเป็นภาษาเยอรมัน แต่จะเป็นภาษาอังกฤษกรณีที่เป็นบริษัทอินเตอร์จริงๆ
- ไม่สนับสนุนให้ทำงานมากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงที่ต้องเรียนหรือมีเลกเชอร์ เพราะเค้าต้องการให้เป็น Working Student จริงๆ แล้วเค้าจะคอยสอดส่องตลอดด้วยนะคะ ถ้าถูกตรวจพบว่าเราโฟกัสการทำงานแล้ว fade การเรียน อาจมีปัญหาเรื่องวีซ่า และทำให้เสียเครดิต (อย่างเวลาต่อวีซ่าเราต้องเอาเกรดไปยื่นด้วยว่าตอนนี้มีหน่วยกิตเท่าไหร่แล้ว สมมติอยู่ 2 ปีแต่มีหน่วยกิตวิชาเดียวก็ดูน่าสงสัย)
. . . . . . .
Working Student
ทำไมถึงเวิร์ก?
- ได้เพิ่มประสบการณ์ทำงาน (Professional Experience) เป็นประโยชน์หลังเรียนจบ เพราะที่เยอรมนีจะซีเรียสกับประสบการณ์ ไม่แคร์เรื่องเกรด เน้นดูว่าเราเคยเรียนและทำอะไรมาบ้าง แล้วจะ transfer สกิลที่มีได้มั้ย
- ค้นพบตัวเอง ได้ลองเรียนรู้อะไรใหม่ๆ
- ได้คอนเนกชัน ทั้งเพื่อนร่วมทีมและหัวหน้างาน หลายบริษัทก็มีสร้างเครือข่ายให้ Internship กับ Working Student มีโอกาสได้เจอเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทั้งสนุกและได้แลกเปลี่ยนกันด้วย
- ได้เงิน!! 5555
. . . . . . .
#รีวิวเยอรมนี
- ตอนเรียน ป.โทกับทำงานเป็น Working Student เราได้พักอยู่ที่เมือง Munich ทั้งสวย สะอาด มีความปลอดภัยสูง และมีความหลากหลายพอๆกับ Berlin อย่างเวลาเดินที่สถานีรถไฟจะได้ยินภาษาอังกฤษปะปนกับภาษาอื่นนอกจากเยอรมันตลอดเวลา
- ส่วนตัวคิดว่าในมิวนิกหางานง่าย และแม้จะค่าครองชีพสูง แต่ก็รายได้ก็สัมพันธ์กับค่าครองชีพอยู่ดี อย่างเราทำ Working Student ก็อยู่ได้สบายๆ
- การจัดการวัคซีนที่เยอรมนีดีมาก คนต่างชาติแบบเราก็ได้ฉีดพร้อมพลเมืองประเทศเค้า ไม่ได้ถูกแบ่งไปรอบหลังๆ ทุกคนได้สิทธิ์เท่ากัน ฉีดฟรี (เราฉีด Moderna ไปเมื่อกลางปี 2564) มีจุดบริการฉีดวัคซีนรอบเมือง สมมติเดินห้างแล้วอยากฉีดก็ walk-in เข้าไปฉีดได้เลย ตามมหาวิทยาลัยก็มีรถฉีดวัคซีนมาจอดให้บริการด้วย
- เยอรมนีเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทุกคนมีอิสรภาพ (Freedom) และเคารพกัน แต่ไม่ใช่อิสระแล้วจะทำอะไรเกินขอบเขต เพราะกฎหมายที่เยอรมนีก็แรงมาก ถ้าจะทำอะไรควรศึกษาข้อมูลให้มั่นใจว่าไม่ผิดกฎหมาย
- รถสาธารณะดีมาก ไม่ใช่แค่ในเมืองใหญ่ แต่ตามซอกหลืบเมืองเล็กยังมีรถไฟรถบัส รถรางเข้าถึงได้
. . . . . . .
ช่วงปรับตัวยากเสมอ!
มีอะไรบ้างที่ควรเตรียมรับมือ?
- ตอนมาเหยียบเยอรมนีครั้งแรก เราจะเจอความวุ่นวายด่านแรกคือการหาที่อยู่เพื่อลงหลักปักฐาน ซึ่งหายากมากกก ไม่ว่าจะเมืองเล็กหรือใหญ่ (demand มากกว่า supply มากๆ) แต่เราต้องหาให้ได้ แล้วไปลงทะเบียนบ้าน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ขาดหลักฐานชิ้นนี้ไม่ได้
- ต้องทำใบอนุญาตพำนัก (Resident Permit) ซึ่งต้องใช้ทะเบียนบ้าน ถ้าใครได้วีซ่า 3 เดือนแต่หาบ้านไม่ทัน ก็คือทำอะไรต่อไม่ได้เลยจริงๆ
- การเปิดบัญชีธนาคาร (Bank Account) ซึ่งต้องใช้ทะเบียนบ้านและใบอนุญาตพำนัก เพราะเราต้องมีหลักฐานแสดงการมีที่อยู่เป็นสัดส่วน
- ทุกคนที่เยอรมนีต้องมีประกันสุขภาพ ซึ่งต้องใช้ทั้งทะเบียนบ้านและบัญชีธนาคาร
เราคิดว่าทุกคนต้องเจอและปวดหัวกับมันมาแล้ว กว่าจะลงตัวน่าจะสักปีครึ่งขึ้นไป (พร้อมกับเรียนภาษาไปด้วย) อย่างไรก็ตามเรายังพอเตรียมการบางอย่างก่อน เช่น กรณีที่พัก ถ้านักศึกษาอาจขออยู่พักมหาวิทยาลัยได้ แต่ถ้าเกิดในมิวนิก หอก็อาจต้องรอคิวไป 2-3 เทอม หรือไม่ก็ต้องตามหาที่พักที่เจ้าของปล่อยเช่าเอง
และการจะเข้าพักได้ไม่ต่างจากการไปประกวดหรือสมัครงานเลย เราต้องไปดูบ้าน ยื่นเอกสาร สัมภาษณ์ ฯลฯ แล้วจะขอดูรายได้เราด้วย ซึ่งเราต้องพยายามจนชนะใจเค้า ยิ่งถ้าพูดภาษาเยอรมันไม่ได้จะยิ่งยาก เพราะถ้าเค้ามีทางเลือกก็อยากเลือกคนที่สื่อสารกันได้ง่ายมากกว่าค่ะ
. . . . . . .
เรียกว่าเป็นช่องทางหารายได้ระหว่างเรียนที่ข้อดีเยอะ และได้อัปโพรไฟล์เน้นๆ สร้างความโดดเด่นในประวัติของตัวเองสำหรับหางานในประเทศของเค้าได้ด้วยค่ะ ถ้าใครกำลังอ่านบทความนี้แล้วมีประสบการณ์เป็น Working Student อยากชวนมาแชร์ให้ฟังหน่อยนะคะ :)
อ่านต่อ: Part การเรียน ป.ตรี-โท
0 ความคิดเห็น