สวัสดีค่ะชาว Dek-D สำหรับวัยเรียนที่ตั้งเป้าหมายอยากเรียนต่อต่างประเทศ ลองมาจดทุนรัฐบาลฮังการี หรือ Stipendium Hungaricum Scholarship ลงลิสต์กันค่ะ ทุนนี้จะมอบให้แบบเต็มจำนวน ครอบคลุมทั้งหลักสูตร ป.ตรี-เอก โดยจะมีเว็บกลางให้เช็กหลักสูตร สมัครและอัปโหลดเอกสารได้ในที่เดียว
และวันนี้เราก็มีรีวิวให้ทุกคนลองอ่านเป็น reference ประกอบการเตรียมตัว หรืออยากเข้าใจกระบวนการสมัครเตรียมตัวไว้ปีหน้า วันนี้เราจะพาไปพูดคุยกับ ‘พี่ไม’ รวิชญ์ บุตรดี นักเรียนทุนระดับ ป.ตรี และ ‘พี่หนึ่ง’ กมลทิพย์ มหาวงษ์ นักเรียนทุนระดับ ป.โท ทั้งคู่เรียนต่อสายวิศวกรรมศาสตร์ที่ University of Debrecen (DEB) หรือ Debreceni Egyetem ซึ่งเป็น ม.อันดับ 2 ของประเทศฮังการี
// ในนี้จะเล่าตั้งแต่ขั้นตอนการสมัคร, แนะนำเรื่องการเขียน Motivation Letter, เล่าบรรยากาศสัมภาษณ์, ภาพรวมการเรียนหลักสูตร ป.ตรีและป.โท ที่พวกเขาเลือกเรียน รวมถึงชีวิตในเมือง Debrecen ด้วย!
. . . . . . . .
1
แนะนำตัว
พี่ไม (ป.ตรี) : ผมเรียนจบ ม.ปลายจาก ห้อง GIFTED วิทย์-คณิต โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้ทุนรัฐบาลฮังการีไปเรียนต่อปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ (Mechatronics Engineering) ที่ University of Debrecen ครับ สาขานี้เป็นเหมือนเป็นกึ่งกลางของวิศวะ เราจะได้เรียนทั้ง Coding, Hardware และ Electronic แล้วยังมีวิชานึงที่ผมสนใจมากเกี่ยวกับระบบไซเบอร์-กายภาพ นั่นก็คือ ‘Cyber-Physical Systems’ (CPS) ด้วย
Cyber-Physical System ซึ่งเป็นระบบทางวิศวกรรมที่บูรณาการ "โลกกายภาพ" (Physical World) หรือสิ่งต่างๆ ที่จับต้องได้ อย่างเช่นอุปกรณ์ เครื่องจักร วัสดุ สภาพแวดล้อม รวมถึงมนุษย์ เข้ากับ “โลกดิจิทัล/โลกไซเบอร์” (Cyber World) ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และข้อมูล จุดประสงค์เพื่อสื่อสารแลกเปลี่ยน คำนวณ วิเคราะห์ข้อมูล และช่วยบริหารจัดการส่วนต่างๆ (อ้างอิง: 14th NSTDA Annual Conference)
พี่หนึ่ง (ป.โท) : พี่เรียนจบ ป.ตรี คณะเทคโนโลยีทางทะเล ม.บูรพา และจบ ป.โทและเอก สาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ภาควิชาวิศวกรรมสุขาภิบาล คณะสาธารณสุขศาสตร์ จาก ม.มหิดล แต่พี่อยากเรียนต่อโทอีกใบที่ต่างประเทศค่ะ ก็เลยนั่งหาข้อมูลจนมาเจอกับสาขา Agricultural Environmental Management Engineering เป็นด้านที่น่าสนใจมาก เป็นแนวประยุกต์ๆ เหมือนที่พี่เรียนมาตลอด อีกอย่างคือถ้าเป็นด้านเกษตรของ University of Debrecen ก็ถือว่าโดดเด่นรองจากแพทย์และวิศวะเลยค่ะ
. . . . . . . .
2
แชร์โพรไฟล์/กิจกรรมที่ยื่น
พี่ไม (ป.ตรี) : สาขา Mechatronics Engineering ผมจะ require คะแนนภาษาอังกฤษเป็น TOEFL 513 หรือ IELTS 5.5 ครับ ผมยื่นเป็น IELTS 6 ส่วนเกรดเฉลี่ยรวมคือ 3.52 (5 เทอม) กิจกรรมหลักๆ ที่หยิบมาพรีเซนต์คือตอน ม.ปลายเคยทำชมรมหุ่นยนต์มาก่อนครับ
พี่หนึ่ง (ป.โท) : ส่วนสาขา Agricultural Environmental Management Engineering จะ require คะแนนภาษาอังกฤษเป็น TOEFl 547 หรือ IELTS 6.0 พี่ยื่น IELTS แบบผ่านเกณฑ์ที่เค้ากำหนดพอดี และเลือกนำเสนอผลงานวิจัยที่เคยได้รับการตีพิมพ์ระดับนานาชาติ
. . . . . . . .
3
เล่า Process การสมัคร
- รอบ 1 กรอกใบสมัครออนไลน์ ทยอยอัปโหลดเอกสารให้ครบ
- รอบ 2 สอบออนไลน์ (เค้าจะส่งลิงก์มาให้ทางอีเมล)
- รอบ 3 สัมภาษณ์
“แต่ละสาขาจะกำหนดวิธีการคัดเลือกเอง เช่น อาจจะมีทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์ หรือไม่ก็สัมภาษณ์อย่างเดียว แนะนำให้น้องๆ ที่สนใจสมัครทุนลองเข้าไปเช็กเกณฑ์ขั้นต่ำของหลักสูตรที่สนใจก่อน แล้วสอบภาษาอังกฤษเก็บไว้ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วคะแนนยังไม่ถึงจริงๆ ก็แนะนำให้ลองยื่นไปก่อน แล้วอย่าลืมสแกนใบแสดงผลการเรียน (Transcript) เก็บไว้ด้วย”
หน้าค้นหลักสูตรทั้งหมด (ปี 2022/23)
https://apply.stipendiumhungaricum.hu/courses/search/id/15678481-h1xx5t
ตรวจสอบข้อมูลมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วม
https://apply.stipendiumhungaricum.hu/institutions
คำแนะนำการเขียน Motivation Letter
พี่ไม (ป.ตรี) :
- ก่อนเขียนผมเข้าไปนั่งอ่านข้อมูลของภาควิชานี้และมหาวิทยาลัยแบบลงลึก ทำให้มั่นใจว่าที่นี่ใช่สำหรับเราจริงๆ แล้วจะได้นำข้อมูลมาประกอบการเขียนว่าทำไมถึงสนใจสาขานี้ เชื่อมโยงกับเป้าหมายตัวเองว่าการเรียนที่นี่จะช่วยปรับเปลี่ยนตัวเราได้ขนาดไหน แผนหลังเรียนจบคืออะไร เช่น ผมเล่าว่าจะทำวิจัยตั้งแต่ปี 2-3 ซึ่ง DEB มีแล็บด้านนี้โดยเฉพาะ หลังเรียนจบเราก็ตั้งใจจะเป็นนักวิจัยด้วยครับ
- ผมเตรียมทั้งหมดก่อนปิดรับสมัครแค่ 1 เดือน และมีประสบการณ์เขียน Statement of Purpose อยู่แล้ว เลยนำมาปรับให้เข้ากับที่นี่ และขอคำแนะนำจากคนรอบตัวให้ช่วยแนะนำว่าควรปรับตัวไหน ภาษาถูกมั้ย ดูจูงใจมากพอรึเปล่า ค่อยๆ แก้จนได้เวอร์ชันที่ดีที่สุดครับ
คำแนะนำ ถ้าน้องๆ ที่ยังพอเวลา แนะนำให้หากิจกรรมเกี่ยวกับคณะที่อยากเข้า ไม่ใช่แค่ว่าได้ประสบการณ์ไปเป็นโพรไฟล์ไปยื่นสมัครทุน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือเราจะได้เห็นภาพด้วยว่าจะได้เจอการเรียนแบบไหน และจะอยู่กับมันได้มั้ย เพราะถ้าเข้ามหาวิทยาลัยมาแล้วจะเรียนหนัก เนื้อหาทั้งเยอะและไปเร็วมากครับ (ถ้ามีแรงบันดาลใจก็จะเขียน Motivation Letter ได้ง่ายขึ้นด้วย)
พี่หนึ่ง (ป.โท) :
- ในเรียงความพี่เขียนสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับทักษะ คุณสมบัติ และจุดประสงค์ที่สมัครทุนกับสาขานี้ เพราะเค้าจะให้ส่ง Motivation Letter แบบรวมฉบับเดียวเลย ไม่ได้แยกเป็นฉบับของทุนกับฉบับของแต่ละสาขาที่ยื่น ตอนนั้นพี่สมัครได้ 3 สาขาแนวสิ่งแวดล้อมทั้งหมด เลยไม่มีปัญหาตอนเขียนค่ะ
- แนะนำว่าเราควรนำเสนอให้เห็นว่าเราคือผู้สมัครที่โดดเด่นจริงๆ แล้วเขียนเล่าว่าเราเรียนอะไรมาบ้าง ทำไมถึงสนใจวิชานั้นๆ (ให้เชื่อมโยงกับสาขาที่เราสมัคร) ถ้าเกิดเป็นน้องๆ ป.ตรีหรือ ม.ปลาย สามารถหยิบยกผลงานตอนเรียนมาเขียนประกอบได้นะคะ
รีวิวสอบ & สัมภาษณ์
(*อ้างอิงประสบการณ์ส่วนตัว)
พี่ไม (ป.ตรี) : ถ้าเป็นหลักสูตรที่ผมสมัคร หลังจากผ่านรอบเอกสารแล้วจะมีสอบออนไลน์วิชาพื้นฐาน คือฟิสิกส์กับเลขครับ เค้าจะส่งลิงก์มาให้ทางอีเมล พอผ่านแล้วได้มาสัมภาษณ์กับอาจารย์มหาวิทยาลัย หลักๆ เค้าถามถึงสิ่งที่เราเขียนใน Motivation Letter และให้ขยายความโจทย์ฟิสิกส์กับเลขที่เราทำส่งไป
พี่หนึ่ง (ป.โท) : พี่ยื่นไป 3 สาขา มีแค่สาขาเดียวที่ต้องสอบออนไลน์ (เป็นด้านธรณีฯ ถามเชิงลึกพอสมควร) แต่สาขาที่พี่เรียนไม่ต้องสอบ ผ่านรอบเอกสารก็ได้มาสัมภาษณ์กับอาจารย์คณะเลย เค้าให้โอกาสเราแนะนำตัวเอง เช่น ทำไมเลือกสาขานี้ เป้าหมายหลังเรียนจบคืออะไร สนใจวิชาไหนในสาขาบ้าง ฯลฯ อาจารย์พูดคุยแบบยิ้มแย้มดี ไม่รู้สึกดดัน
. . . . . . . .
4
ส่องการเรียนในรั้ว Debrecen
Mechatronics Engineering
พี่ไม (ป.ตรี) : อัปเดตตอนนี้ (ม.ค.65) ผมเพิ่งเรียนจบไป 1 เทอมครับ ในคลาสเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด บรรยากาศการเรียนแอคทีฟมากกก ผมประทับใจวิธีการสอนของบางวิชา เช่น Math จะแยกเป็น Lecture (อ่านเนื้อหา+อธิบาย) กับ Seminar (ทำโจทย์ เอาเนื้อหามาประยุกต์) อย่างละ 50% ช่วยให้เราโฟกัสได้ดีขึ้น นอกจากนี้เค้าจะสอนแบบเน้นคิดวิเคราะห์ อาจารย์ตั้งใจอธิบายมากเพื่อให้เด็กเข้าใจมากที่สุด
ตัวอย่างวิชาอื่นๆ ที่เรียนเทอมแรก
- Physics เอาเนื้อหาเดิมมาแล้วเสริมพวกแคลคูลัสลงไป ถ้าเทียบกันคือตอน ม.6 สอนให้ใช้สูตรเป็น แต่พอมาที่นี่เค้าให้พิสูจน์ว่าสูตรมาจากไหน
- Coding เป็นวิชาปฏิบัติ 100% มีให้ทำโปรเจกต์เล็กๆ ใน Arduino
- Basics of Mechatronics เรียนระบบควบคุมต่างๆ
- Hungarian เราจะได้เรียนภาษาฮังกาเรียนเยอะนิดนึง โดยเค้าจะเริ่มสอนสระ ตามด้วยตัวอักษร แล้วค่อยเป็นบทเรียนแยก เช่น บทแรกสอนเรื่องระบบขนส่ง บทสองอาจเป็นเสื้อผ้า ฯลฯ จากนั้นก็สอนไวยากรณ์ครับ ส่วนตัวคิดว่ายากแต่ไม่ถึงกับเอาตัวรอดไม่ได้ หลังจากเรียนเทอมนึงก็สามารถสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ครับ
พี่ไม (ป.ตรี) : การวัดผลคือทั้งหมดจะมี 5 เกรด แบ่งเป็น 1-5 โดยที่เกรด 1 จะเท่ากับติด F ของระบบไทยครับ ผมว่าเป็นการเรียนที่ค่อนข้างกดดันเหมือนกัน เพราะวิชาส่วนใหญ่จะตัด A ที่ 90 // ผมว่าการจะสอบให้ผ่านมันง่าย แต่ถ้าจะได้ A ต้องแม่นมากจริงๆ แทบจะผิดไม่ได้เลยครับ
และในบางวิชา เช่น Math ที่ผมเรียนจะมีสอบ Midterm กับ Final ถ้าสอบตกหรือไม่พอใจคะแนน สามารถขอสอบซ่อมได้ มีโอกาสแก้ตัว แต่บางวิชาตกแล้วตกเลย หรือบางวิชาจะมีกำหนดว่าถ้าสอบซ่อม แต่เพดานคะแนนจะลดลง เช่น คะแนนผ่านแค่ 3 (เทียบเท่าเกรด C) หรือบางวิชาจะมีสอบสองชั้น เช่น สอบมิดเทอมกับไฟนอลเสร็จ ก็จะได้ลายเซ็นอาจารย์มาสอบอีกทีนึง แล้วเอาคะแนนมารวมกัน
. . . . . . . .
Agricultural Environmental Management Engineering
พี่หนึ่ง (ป.โท) : พี่จะมาสายวิทย์สิ่งแวดล้อม ช่วงเทอมแรกๆ จะเน้นทั้งเรื่องเกษตร การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ หลังจากนั้นจะเป็นประยุกต์ เรียนเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยโปรแกรมที่ใช้จะมีพวก The Remote Sensing (RS) และ Geographic Information Systems (GIS) ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมโดรน แล้วนำภาพถ่ายมา merch กับแผนที่ เป็นต้น
ส่องวิชาเรียนในหลักสูตรพี่หนึ่ง (ป.โท) : ถ้าเกิดเรียนสาขาแนวสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ทุกวิชาจะมีพาออกฟิลด์อยู่แล้ว แล้วแต่ว่าจะมากหรือน้อย อย่างเช่นพี่เคยไปฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ดูสถานที่เพาะปลูก แปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร แล้วยังได้ไปดูงานที่สถาบันวิจัยที่เป็นเครือข่ายของเค้าด้วย พี่รู้สึกว่าคนที่ทำการเกษตรที่นั่นคือคนรุ่นใหม่ และมีแนวคิดการพัฒนาแบบ Smart Farmer
. . . . . . . .
5
สังคม & กิจกรรม
ฉบับเด็ก University of Debrecen
พี่ไม (ป.ตรี) : เริ่มมาวันแรกจะมี Freshman Sports Day จัดงานกลางสนามฟุตบอลประจำถิ่นเลย ใหญ่มากๆ เป็นงานรับน้องที่ให้มาเล่นกีฬาด้วยกัน แต่ถ้าพูดถึงกิจกรรมส่วนใหญ่ มหาวิทยาลัยจะชอบจัดวันพุธ ในขณะที่ผมมีเรียนวันพฤหัส 8 โมงเช้าเลิก 2 ทุ่ม ทำให้บางคนเลือกที่จะไม่เข้าเรียนหรือเข้าช้าหน่อยเพราะตื่นไม่ทัน 555
พี่หนึ่ง (ป.โท) : ถ้าเกิดมาเรียนที่นี่ เค้าจะมีกลุ่ม Facebook แจ้งเตือนกิจกรรมให้ตลอดว่าวันนี้มีอะไรที่ไหน เช่น บอร์ดเกม เต้นรำ นัดเดินตามสวน ปีนเขา ฯลฯ ที่พิเศษคือจะมีชมรมนึงที่นัดรวมนักเรียนทุกทุนไปเที่ยวตามเมืองในฮังการี ถ้าจองทันก็ฟรีทุกอย่าง อาจจะพกอาหารไปกินระหว่างทางก็ได้
พี่ไม (ป.ตรี) : นอกจากนี้คือถึงงานจะเยอะแค่ไหนแต่เรื่องปาร์ตี้คือพร้อมมาก! ทุกคนที่นี่ปาร์ตี้กันเก่งมากกก แต่ถ้าเกิดจัดทริปเที่ยวเค้ามักจะชวนกันไปเมืองข้างๆ มากกว่าครับ
. . . . . . . .
6
รีวิวเมืองและมหาวิทยาลัย Debrecen
บรรยากาศ
"เดเบรเซน (Debrecen) เป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่เงียบสงบ แต่ละแคมปัสจะกระจายไปทั่วเมือง เราสามารถนั่งรถไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของแคมปัสอื่นๆ ได้ด้วย อย่างเช่นห้องสมุดของ Computer Science จะสวยและโมเดิร์น
แต่ถ้าใครอยากเจอสีสันในเมือง สามารถนั่งรถไฟไปเมืองบูดาเปสต์ (Budapest) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการีได้ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง"
ภาษา
"คนเมือง Debrecen มักจะพูดภาษาฮังกาเรียน แต่โดยทั่วไปจะ nice มาก ถึงโต้ตอบภาษาอังกฤษกับเราไม่ได้ก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ช่วยเหลือหรือสื่อสารกับเราได้ บางคนเปิด Google Map มาช่วยกันแปลเลยก็มี แต่คือพนักงานร้านอาหารหรือในธนาคารเค้าจะเข้มงวดหน่อย (ถ้าใครจะทำธุรกรรมแนะนำให้ทำสาขาในมหา’ลัย เพราะข้างนอกจะมีทั้งคนที่พูดภาษาอังกฤษได้และไม่ได้)"
ค่าครองชีพ
"เงินรายเดือนที่ทุนให้จะเพียงพอกับการใช้ชีวิตมั้ยก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ วิธีประหยัดคืออยู่หอใน ทำอาหารเอง เดินทางด้วยจักรยาน (มีขายมือสองเยอะ แต่ช่วงหน้าหนาวจะปั่นจักรยานลำบากหน่อย) หรือซื้อตั่วรายเดือนสำหรับนั่งรถสาธารณะ
สำคัญมาก! เวลาจะใช้บริการรถสาธารณะจะต้องถือทั้งบัตรนักศึกษาและตั๋วคู่กัน ไม่งั้นจะมีค่าปรับด้วย แต่ช่วงแรกๆ อาจยังไม่เป็นบัตร แต่จะได้ใบชั่วคราวสีเหลืองขนาดเท่า A4 มาแทน เราก็ต้องพกเหมือนกัน"
การหาหมอ
"ถ้ามีบัตรนักศึกษาจะมีสวัสดิการที่ฟรีค่ารักษา จ่ายแค่ค่ายา เช่น ถ้าป่วยขึ้นมาหมอจะเขียนใบสั่งยาให้ เราแค่นำไปรับที่ร้านขายยาแล้วจ่ายเงิน (ร้านขายยาคณะแพทย์ถูกสุด) **เราต้องเก็บประวัติการรักษาติดตัวตลอดด้วยนะ"
มาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด
"รัฐบาลฮังการีมีรีแอคชันไวมาก เราต้องคอยฟังประกาศวันต่อวันเลย ถ้าเกิดประกาศล็อกดาวน์จะห้องเข้าเขตมหาวิทยาลัย หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษรุนแรง แต่ไม่ได้ตัดขาดเรื่องซื้อของ เค้าจะกำหนดช่วงเวลาให้แต่ละช่วงอายุออกมาซื้อของได้ เช่น ช่วง 8.00-10.00 น. สำหรับคนอายุ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น ปรึกษากับหมอบ้านได้ทางโทรศัพท์เท่านั้น "
. . . . . . . .
และทั้งหมดนี้ก็คือรีวิวฉบับนักเรียนทุนรัฐบาลฮังการีที่ได้ไปสัมผัสการเรียนและการใช้ชีวิตมาแล้วระยะนึง นับว่าน่าสนใจทีเดียวสำหรับคนที่อยากเรียนต่อประเทศในยุโรปที่ค่าครองชีพไม่แรงเกินไป แถมยังมีทุนรัฐบาลฮังการีที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายทุกด้านด้วย (นอกจากค่าเรียนเค้าจะมอบเป็นเงินสนับสนุน ถ้ามีส่วนต่างจะต้องเติมเอง ถ้าใครสนใจสามารถอ่านรายละเอียดทุนได้ที่ไว้เป็นไกด์เตรียมตัวล่วงหน้าได้เลย!)
สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณทางเพจ Hungary Education ศึกษาต่อประเทศฮังการี ที่ช่วยแนะนำนักเรียนทุนให้เราได้เข้าไปพูดคุยเพื่อสรุปข้อมูลมาบอกต่อ #ทีมฮังการี ถ้าใครสนใจ University of Debrecen สามารถเข้าไปกดติดตามกันได้นะคะ :)
0 ความคิดเห็น