เมื่อเด็กสายสังคมไปต่อ ป.โทข้ามสายที่ Henley Business School แห่งอังกฤษ (หลักสูตรครบเครื่อง มีทุนเยอะ!)

สวัสดีค่ะชาว Dek-D นอกจากคนไทยจะนิยมเรียนต่อ “อังกฤษ” เพราะคุณภาพการศึกษาและบรรยากาศแล้ว ยังมีความพิเศษตรงที่หลักสูตร ป.โท ส่วนใหญ่สามารถเรียนจบได้ใน 1 ปี อีกทั้งยังมีบางหลักสูตรที่ไม่จำกัดสาขา ป.ตรี จึงเหมาะกับคนที่อยากเรียนข้ามสายเพื่อต่อยอดความรู้เดิมหรือค้นหาตัวเองด้วย

แต่แน่นอนว่าภายใต้ระยะเวลาเรียนที่น้อย สิ่งที่แน่นไม่แพ้คุณภาพก็คือเนื้อหาและปริมาณการบ้านนั่นเองค่ะ! วันนี้เราจะพาไปอ่านรีวิวจาก ‘พี่มายด์’ บัณฑิตคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่ตัดสินใจไปเรียนต่อ ป.โท ข้ามสายใน โปรแกรม Masters in Management (International Business) ที่ Henley Business School ภายใต้ University of Reading และได้ทุนค่าเรียน 40% จากมหาวิทยาลัย

ตามมาดูความน่าสนใจของหลักสูตร และบรรยากาศของประเทศอังกฤษที่ชวนใจละลายกันเลย~ ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพสวยๆ จากเจ้าของทวิตเตอร์ @mercredimatin_ และเจ้าของช่องยูทูบ thikynn มา ณ ที้นี้ด้วยนะคะ :)

เรียนต่อทันทีหลังจบ ป.ตรี
เพราะอยากย้ายสาย

ส่วนใหญ่ ป.โทประเทศอื่นจะใช้เวลาเรียน 2 ปี แต่ที่อังกฤษจะเป็นหลักสูตร 1 ปีเกือบทั้งหมดเลยค่ะ ตอบโจทย์ที่เราอยากเรียนปีเดียวเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงาน สรุปคือไปเรียนตอนปี 2019 แล้วจบช่วงที่โควิดมาพอดีเลย รวมๆ คือใช้เวลาเรียนแค่กันยายนถึงมีนาคมอีกปีนึง (เทอม 1-2) พอเทอม 3 เหลือทำโปรเจกต์ล้วนๆ จะเที่ยวได้ก็ช่วงนี้แหละ

แนะนำการสมัครเรียนคร่าวๆ

สามารถศึกษาโครงสร้างหลักสูตร ค่าเรียน คุณสมบัติผู้สมัคร กำหนดการรับสมัคร และรายละเอียดทั้งหมดที่ University of Reading และสมัครออนไลน์ได้เลยค่ะ เขาจะให้กรอกข้อมูลและแนบเอกสารการสมัคร เช่น Transcript, Recommendation Letter และอื่นๆ 

• ไม่ได้จำกัดสาขาที่จบตอน ป.ตรี แต่กำหนดเกรด​ (GPA) ขั้นต่ำ 2.8
• ไม่ต้องมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนก็สมัครได้ ตอนนั้นเราให้อาจารย์กับพี่ที่ฝึกงานช่วยเขียนจดหมายแนะนำให้ค่ะ
• กำหนดคะแนนภาษา IELTS 7 ถ้าต่ำกว่านั้นอาจจะได้เรียนปรับพื้นฐานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เขาจะสอนเชิง Academic ที่จำเป็นต่อการเรียนป.โท เช่น การเขียนเรียงความกับวิทยานิพนธ์ ฯลฯ

นอกจากนี้เราต้องเขียนเรียงความสมัครเรียนมหาวิทยาลัย หรือ Statement of Purpose เล่าว่าทำไมเราถึงสมควรได้รับเลือกเข้าเรียน เล่าประสบการณ์ที่เกี่ยวกับสาขาเรียน เช่น เราเรียนจบป.ตรีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และมีลงวิชาโทเป็น International Political Economy เลยค้นพบว่าตัวเองสนุกกับการเรียนเศรษฐศาสตร์มากๆ และยังมีประสบการณ์ฝึกงานที่กรมการค้าระหว่างประเทศ ได้ไปทำงานที่เนเธอร์แลนด์ 2 เดือน ทั้งได้เปิดโลกและมีส่วนให้เราเลือกเรียนสาขา Masters in Management (International Business) // ทั้งหมดนี้สามารถนำไปเขียนลง SoP ได้หมดเลย

เรื่องไม่ลับแต่บางคนอาจยังไม่รู้
“ที่นี่มีทุนให้เด็กต่างชาติเยอะมาก”

ตอนแรกเราก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ 555 แต่มาเจอทีหลังว่าสามารถ apply ได้ก็เลยลองดู ทุนที่เราสมัครเขาจะให้เขียนเรียงความ 500 คำ จำนวน 2 เรียงความ และมีสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ของหลักสูตรนี้ 

สุดท้ายได้ทุนค่าเรียน 40% หรือราวๆ 370,000 บาท เซฟงบได้เยอะมากกก เขาจะไม่ได้โอนจ่ายหรือให้เราเป็นเช็ค แต่จะหักจากค่าเทอมให้อัตโนมัติ เราเองไม่แน่ใจว่าเขาพิจารณาจากอะไรบ้าง แล้วแต่ละคอร์สก็มูลค่าทุนไม่เท่ากันด้วย (เช็กข้อมูลทุน)

. . . . . .

เริ่มชีวิต Chapter ใหม่ที่อังกฤษ
กับบรรยากาศในเมืองเล็กที่มีทุกอย่างครบ!

Reading (เรด-ดิ้ง) เป็นเมืองที่เงียบสงบคล้ายๆ ปริมณฑลของลอนดอน ไม่ได้เต็มไปด้วยตึกสูง แต่มีครบตั้งแต่ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมทั้ง indoor & outdoor เยอะ ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะหรือมิวเซียม // เราไปเดินมิวเซียมบ่อยมากกก ทั้งเพลินทั้งฟรี ปกติแล้วสวัสดิการนักศึกษาจะเข้างานส่วนใหญ่ได้ฟรี ยกเว้นนิทรรศการที่อาจมีเก็บค่าเข้าบ้าง

ส่วนร้านอาหารไทยทั้งเยอะและหลากหลาย อร่อยมากด้วย ร้านอาหารไทยจะมีเยอะทั้งในเรดดิ้งและลอนดอน เป็นแบบฉบับบ้านเราเลย

ในขณะเดียวกันเราก็จะชอบไปเที่ยวที่ลอนดอน คนที่นั่นแต่งตัวกันดีสุดๆ หรือถ้าจะนั่งรถไฟออกนอกเมืองไปยังหน้าผา Seven Sisters Country Park ที่อยู่ระหว่าง Brighton และ Eastbourne ก็ไปง่ายมาก ถ้าเป็นลอนดอนช่วงฤดูหนาวจะมีจัด Winter Wonderland แต่ในเมืองเรดดิ้งก็มีจัดสวนย่อมๆ ให้เดินเล่นได้

นอกจากนี้เมืองเรดดิ้งยังเอื้อกับการเรียนสายธุรกิจ เนื่องจากเป็นเหมือน Tech Hub ขนาดใหญ่ที่รวมบริษัทไอทีกับสตาร์ทอัปหลายแห่ง รวมถึงมีองค์กรระดับโลก อย่าง Microsoft, Oracle, BIG4, Huawei ก็มีสำนักงานอยู่ที่เมืองเรดดิ้งด้วยค่ะ

“เรียนที่แคมปัส Award-winning Green Campus และได้ไปปฐมนิเทศที่แคมปัสริมแม่น้ำเทมป์”

เล่าก่อนว่า Henley จะมีแคมปัสที่ Whiteknights และ Greenlands (ริมแม่น้ำเทมป์) สาขาเราจะได้เรียนที่ Whitenights ทั้งพื้นที่เยอะและบรรยากาศดีมากกก มีป่าและทะเลสาบในตัวด้วย ห้องสมุดก็เยอะทั้งในตึกหลักของ Henley และ University of Reading ให้เรานัดติวหรือทำงานกลุ่มด้วยกันได้ 

และเนื่องจาก Henley เป็น Business School ที่แยกจากมหาวิทยาลัยหลัก ทำให้สาขาเรามีความเกี่ยวข้องกับแคมปัสกรีนแลนด์ที่เด็ก MBA เรียนกัน เช่น ได้ลงคอร์สเรียนของ MBA และมีปฐมนิเทศ (Orientation) ที่แคมปัสริมแม่น้ำเทมป์ด้วยยย~ นักเรียนทุกคนจะได้เจอและทุกความรู้จักกันครั้งแรกในงานนั้น มีทั้งกิจกรรม Ice Breaking ล่องเรือกินข้าวริมแม่น้ำ แล้วมีศิษย์เก่าวิดีโอคอลมาทักทายน้องๆ เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นสุดๆ เลยค่ะ

เรียนหลักสูตร Management ที่มีไมเนอร์เป็น International Business

ภาพรวมหลักสูตร Masters in Management (International Business) ของ Henley Business School จะเน้นเนื้อหาด้านการตลาด ใช้เวลาเรียน 1 ปี แบ่งออกเป็น 3 เทอม ซึ่งเราจะได้เรียนเนื้อหาแค่ช่วง 2 เทอมแรกเท่านั้น (ก็คือเดือนกันยายนถึงมีนาคมอีกปีนึง) พอเทอม 2 เป็นต้นไปจะได้ทำโปรเจกต์ใหญ่เดี่ยวและกลุ่ม เพราะสาขาเราจะให้ทำแทนวิทยาพนธ์ไปเลย 

**ช่วงหลังเทอม 2 จะหนักสุดเพราะเขาสั่งงานรวดเดียวหลังเรียนจบ จากนั้นชิลล์แล้วมาหนักอีกทีตอนสอบปลายภาค ซึ่งตอนสอบปลายภาคเราอยู่ไทยแล้วเพราะสถานการณ์โควิด แต่มหาวิทยาลัยค่อนข้างเข้าใจเด็ก เขาเตรียมการดีมากโดยการจัด timezone ให้เด็กในแต่ละประเทศทำข้อสอบได้โดยไม่ปวดหัว วิธีสอบก็คือส่งข้อสอบมาให้เราทำส่งกลับภายในเวลาที่กำหนดค่ะ

วิชาเรียนเข้มข้นและเปิดกว้าง
ลงเรียนข้ามสาขาได้ด้วย

สาขาเราจะเป็นฝั่งวิชาเอก Management และวิชาโท International Business แบ่งเป็นวิชาบังคับ 10 ตัว + วิชาเลือก 3 ตัวที่เราสามารถข้ามไปลงของสาขาอื่นได้ด้วย ตรงนี้คือตอบโจทย์เพราะเราสนใจหลายอย่าง จากตอนแรกที่ลังเลว่าเรียนโปรแกรมไหนดี กลายเป็นว่าเรามีโอกาสได้ลงวิชาที่อยากเรียนคละกันหมดเลย 

รูปแบบการเรียนจะมีทั้ง Discussion, Lecture, Assignment/Project การบ้านส่วนใหญ่จะเป็นเรียงความกับงานกลุ่ม มาแนวๆ ให้โจทย์มาวิเคราะห์หรือกำหนดเคสทางการตลาดมาให้ เรามีโอกาสได้จับกลุ่มกับเด็กโปรแกรมอื่นๆ แล้ว pitching กับอาจารย์ด้วย 

เด็กในคลาสจะมีทั้งคนที่มี/ไม่มีพื้นฐาน อาจารย์จะพยายามอธิบายช้าๆ แล้วเรายังมีเพื่อนช่วยอธิบายนอกรอบด้วยค่ะ วิชาฝั่ง International Business จะคล้ายๆ กัน เน้นศึกษาว่าบริษัทนึงต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ถ้าจะขยายฐานไปยังต่างประเทศต้องใช้เครื่องมืออะไรวิเคราะห์บ้าง แต่ละวิชาจะมีเรื่องคำนวณเรื่องกราฟเข้ามาเกี่ยวข้อง ท้าทายพอสมควรเลยค่ะ 

ได้ไปฟิลด์ทริปต่างเมืองและต่างประเทศ

หลักสูตรนี้จะให้เราฝึกประยุกต์สิ่งที่เรียนกับสถานการณ์จริงหลายๆ บริบทเลยค่ะ อย่างตอนเทอม 2 จะมีวิชาบังคับ International Applied Challenge ให้ไปฟิลด์ทริปเมืองอื่น อาจเป็นลอนดอน หรือมีครั้งนึงเราได้ไปทำโปรเจกต์กับมหาวิทยาลัยดังของรัสเซีย Moscow State Institute of International Relations (MGIMO) มีเลกเชอร์ประมาณ 2 คลาส และได้จับกลุ่มกับนักเรียนที่ MGIMO  สวมบทบาทเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจ (Business Consultant) ประยุกต์สิ่งที่เรียนมา โดยมีมหาวิทยาลัยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้

(จากที่คุยกับเพื่อนสาขาอื่น คนที่เรียน Masters in Management เพียวๆ จะได้ไปทำโปรเจกต์กับบริษัท SAP ของฝรั่งเศส ส่วนเพื่อนที่เรียน Masters in Entrepreneurship and Innovation ได้ไปโปแลนด์่ค่ะ)

พาร์ตนี้จะว่าด้วยเรื่อง Career
คอนเนกชัน และการช่วยเหลือต่างๆ

นอกจาก Henley จะเป็นพาร์ตเนอร์กับหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เดนมาร์ก แอฟริกาใต้ ฯลฯ เขายังมีระบบที่ซัพพอร์ตเรื่องการหางานแบบครบวงจรเลย เช่น

• Events & Career Smart คอร์สหรืออีเวนต์ที่ช่วยเทรนเรื่องการหางาน เช่น สอนทำ CV, Interview ฯลฯ
• Career Consultant Appointments ให้นัดหมายปรึกษา 1:1 ได้ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยไปปรึกษาเรื่องการทำ CV เขาให้คำแนะนำที่ดีมากกและช่วยให้จัดระเบียบความคิดได้ดีขึ้น
• Wednesday Drink กิจกรรมที่ Henley จัดขึ้นเพื่อให้นักศึกษาปัจจุบันกับศิษย์เก่าได้พบปะและทำความรู้จักกัน
• Clubs ช่วยเพิ่มโอกาสเรื่องงานได้ เช่น ชมรม Entrepreneurship จะมีอีเวนต์สำคัญที่สุดของปีคือการส่งตัวแทนไปแข่ง Pitching และมีเงินรางวัลให้
• อื่นๆ อ่่านเพิ่มเติมที่ https://www.henley.ac.uk/careers

ประสบการณ์ดีๆ จากการทำพาร์ตไทม์
(Student Ambassador)

เราเจองานนี้จากอีเมลที่มหาวิทยาลัยประชาสัมพันธ์เรื่องงาน ถ้าสมัครไปก็จะมีขั้นตอนการสัมภาษณ์ก่อนรับเข้าทำงานพาร์ตไทม์ ซึ่งเวลาทำงานจะยืดหยุ่นขึ้นอยู่กับบริหารเวลาของเราเลย ถ้าเราว่างตอนไหนก็จอง slot เวลาทำงาน และได้ค่าตอบแทนเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งก็คือชั่วโมงละ £8.91 หรือเกือบ  300 กว่าบาท (อัปเดตเรตค่าตอบแทนเมื่อ มี.ค.64) ถือเป็นค่าขนมระหว่างเรียนที่อังกฤษ ทั้งนี้ กฎหมายอังกฤษกำหนดให้ผู้ถือวีซ่านักเรียน Tier 4 ทำงานพาร์ตไทม์ได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ค่ะ

ลักษณะงานของเราคือการให้คำปรึกษากับคนไทยที่อยากมาเรียนต่อ Henley (ที่นี่มีคนไทยเยอะ) เช่น ถ้าใครสนใจโปรแกรมนี้แต่มีฝากคำถามไว้หรือส่งอีเมลมาขอคำปรึกษา เราก็อาจจะโทรไปช่วยอธิบายและแนะนำเรื่องทุน ส่วนงานอื่นๆ เช่น ถ่ายภาพที่ใช้ในสื่อ PR เป็นต้น ซึ่งงานนี้เป็นโอกาสที่ทำให้เจอเพื่อนต่างชาติเยอะเลยค่ะ เพราะจะได้เข้าไปทำงานในออฟฟิศที่มหาวิทยาลัย บางทีมีเปลี่ยนตึกหรือไม่ก็ติดต่อกันภายในค่ะ 

บทเรียนจากการเรียนข้ามสาย
ที่อยากส่งต่อถึงน้องๆ

การเรียนปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ช่วยสร้างกรอบความคิดและความเชื่อแบบนึง แต่ในโลกความจริงเราสามารถมองสถานการณ์นึงได้หลายมิติมาก ยกตัวอย่างเช่น เราไม่ควรใช้แว่นของสายสังคมมาเพื่อตัดสินว่าแนวทางนี้จะได้ผลหรือไม่ได้ผลในแง่ธุรกิจ เลยอยากแนะนำว่าการเรียนข้ามสายต้องเปิดใจเยอะๆ เข้ามาแบบหัวโล่งๆและพร้อมจะทำความเข้าใจสิ่งที่กำลังจะได้เรียนหลังจากนี้

สุดท้ายนี้เราอยากฝากช่อง YouTube ที่เริ่มทำจริงจังช่วงไปเรียนอังกฤษ มีอัปเดตคอนเทนต์เรื่องไลฟ์สไตล์ทั่วไปและการเรียน เช่น เทคนิคการเขียนเรียงความขอทุน และล่าสุดจะมีพาไปทัวร์เมืองเรดดิ้งและแคมปัสเรดดิ้งของมหาวิทยาลัยนี้ด้วย ถ้าใครกำลังหาข้อมูลลองแวะมาดูคลิปในช่องได้นะคะ ^^