รู้ก่อนพร้อมกว่า! รวม 8 เรื่องที่คนอยากเรียนต่อ “แคนาดา” ต้องจด (การศึกษา-ค่าครองชีพ-ทุนเรียนฟรี)

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ทุกคน มีใครรู้บ้างว่านอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ในทวีปอเมริกาเหนือก็ยังมีอีกหนึ่งประเทศใหญ่ที่โด่งดังด้านการศึกษาซึ่งก็คือ “แคนาดา” นั่นเอง บอกเลยว่าที่นี่มีวัฒนธรรมอันหลากหลายชวนให้คนย้ายมาอยู่อาศัย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามตระการตาจนใครๆ ก็อยากมาเยี่ยมเยือนสักครั้ง อีกทั้งยังติดอันดับประเทศที่ปลอดภัยและน่าอยู่ที่สุดในโลกอีกด้วย

วันนี้ พี่ปุณ เลยขออาสามัดรวม “8 เรื่องที่คนเรียนต่อแคนาดาควรรู้” มาให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบการเรียนการสอน ทุนการศึกษา ค่าใช้จ่าย และชีวิตนอกรั้วมหา’ลัย ใครที่กำลังเตรียมตัวหรือมีแพลนเรียนต่อก็รีบตามมาเก็บข้อมูลกันเลย!

เรียนต่อแคนาดาดียังไง?

“แคนาดา” เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากรัสเซีย ตั้งอยู่ติดกับสหรัฐอเมริกา และมีระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยนอกจากทางรัฐบาลแคนาดาจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ในประเทศได้เข้าเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงม.ปลาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แล้ว ก็ยังให้การต้อนรับและสนับสนุนชาวต่างชาติที่เข้ามาศึกษาต่อเป็นอย่างดี แถมมีทุนเรียนฟรีให้อีกเพียบ

ส่วนถ้าพูดถึงเรื่อง “ความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม” ก็ต้องบอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งในข้อดีที่ทำให้ชาวต่างชาติใช้ชีวิตอยู่อาศัยในประเทศนี้ได้อย่างสบายใจและแทบไม่ต้องกังวลว่าจะโดนเหยียดหรือโดนรังแก เพราะชาวแคนาเดียนเขามักจะให้เกียรติและเคารพในความเท่าเทียมอยู่เสมอ 

นอกจากนี้แคนาดาก็ยังมีอีกหนึ่งจุดเด่น เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ที่ทำให้ใครหลายคนอยากแวะเวียนเข้ามาเรียนต่อหรือท่องเที่ยวกัน นั่นก็คือ “สภาพภูมิประเทศ” ที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งทำให้ผู้คนที่นี่สามารถสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งได้ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการออกไปผจญภัยไต่เขา ปีนผา หรือจะเป็นการเล่นกีฬา สกี ขี่ม้า พายเรือ แถมยังได้นอนดูแสงเหนือ ชมธรรมชาติแบบชิลๆ ในช่วงเวลาสำคัญของปีอีกด้วย เริ่ดมากอยากหาโอกาสไปให้ได้สักครั้งแล้ววว!

.............................

“8 เรื่องน่ารู้สำหรับคนที่อยากเรียนต่อแคนาดา”

1. ระบบการศึกษาคุณภาพดีที่คนทั่วโลกมองหา

ด้วยความที่รัฐบาลแคนาดาให้ความสำคัญและใส่ใจเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานจนถึงระดับปริญญา อีกทั้งหลายๆ มหา’ลัยในแคนาดายังสร้างผลงานด้านวิชาการอย่างต่อเนื่องจน QS World University Rankings 2023 ต้องจัดอันดับให้เป็นมหา’ลัย Top100 ของโลก ไม่ว่าจะเป็น University of Toronto สถาบันชั้นนำด้านการวิจัยระดับแนวหน้า, McGill University สถาบันที่มากด้วยศิษย์เก่าเจ้าของรางวัลโนเบล, และ University of British Columbia สถาบันใหญ่ที่ออกแบบให้นักศึกษาเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ 

สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนของที่นี่ก็มีให้เลือกได้หลากหลาย ทั้งการศึกษารูปแบบมหาวิทยาลัย (Universities), วิทยาลัย (Colleges), และโรงเรียนฝึกอาชีพ (Technical and Applied Schools) ขึ้นอยู่กับว่าน้องๆ อยากจะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองในด้านไหน ส่วนวุฒิการศึกษาก็สามารถเลือกได้ตั้งแต่หลักสูตรประกาศนียบัตร, วุฒิปริญญาทั่วไป, และวุฒิอนุปริญญาหรือ Diploma นั่นเอง

2. คุณสมบัติผู้สมัครชาวต่างชาติ

ตามกฎของรัฐบาลแคนาดาแล้ว ผู้ที่จะได้รับวีซ่านักศึกษาเพื่อเดินทางมาเรียนต่อที่นี่จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนดังต่อไปนี้

• ได้รับจดหมายตอบรับเข้าเรียนจาก ‘Designated Learning Institution’ สถาบันที่หน่วยงานรัฐอนุมัติให้รับชาวต่างชาติเข้าศึกษา
• มีหลักฐานยืนยันว่าจะสามารถรับผิดชอบค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และค่าเครื่องบินในการเดินทางกลับประเทศหลังจบการศึกษาได้
• ไม่มีประวัติอาชญากรรมและไม่มีความเสี่ยงที่จะเป็นภัยต่อประเทศ
• สุขภาพแข็งแรงและผ่านการตรวจสอบร่างกายโดยแพทย์ (หากมีความจำเป็น)
• ให้การยืนยันว่าจะเดินทางกลับประเทศทันทีที่วีซ่าสิ้นสุดลง

3. ช่วงเวลาและขั้นตอนการสมัครเรียน

ต้องบอกก่อนเลยว่าพอเป็นการศึกษาระดับมหา’ลัยแล้ว แต่ละเมืองหรือเขตปกครองพิเศษของแคนาดาก็จะเข้ามาดูแลรับผิดชอบในพื้นที่ของตัวเองแทนรัฐบาลกลาง เพื่อให้การคุ้มครองด้านการศึกษากระจายตัวออกไปอย่างทั่วถึง ซึ่งถ้าน้องๆ คนไหนอยากเข้ามาเรียนรู้และหาประสบการณ์ในประเทศแห่งนี้ก็ต้องวางแผนการเรียนและศึกษาเงื่อนไขการรับสมัครกันมาให้ดี เพราะมหา’ลัยแต่ละแห่งก็จะมีขั้นตอนที่แตกต่างกันไปนั่นเองค่ะ

ซึ่งถ้าใครมีมหา’ลัยในใจอยู่แล้วก็สามารถสมัครผ่านเว็บไซต์โดยตรงได้เลย แต่ถ้าใครยังลังเล อยากเลือกมากกว่า 1 มหา’ลัย ทางรัฐบาลก็จะมีระบบกลางให้เราสมัครเรียนได้หลายแห่งในมณฑลเดียวกัน อย่างเช่น ศูนย์การสมัครมหา’ลัยออนตาริโอ เป็นต้น  ส่วนช่วงเวลาที่ควรเริ่มดำเนินเอกสารก็คือ 1 ปีก่อนเปิดภาคเรียน โดยคอร์สส่วนใหญ่จะเปิดเรียนในเดือนกันยายน ดังนั้นผู้สมัครจึงต้องเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมของปีก่อนหน้า อีกทั้งยังควรติดต่อทางมหา’ลัยเพื่อรีเช็กเกี่ยวกับข้อกำหนดในการสมัคร, ค่าเล่าเรียน, ประกันสุขภาพ, รวมไปถึงเรื่องการทดสอบภาษาด้วย

และเมื่อการสมัครเสร็จสมบูรณ์แล้วก็ถึงขั้นตอนของการลุ้นและการรอ ซึ่งถ้าใครผ่านการคัดเลือก ทางมหา’ลัยก็จะส่งจดหมายตอบรับเข้าเรียนมาให้ เพื่อใช้ในการสมัคร Study Permit ต่อไป แอบกระซิบว่าแต่ละมหา’ลัยจะใช้ระบบการพิจารณารับนักศึกษาที่แตกต่างกัน ดังนั้นน้องๆ ต้องอย่าลืมตรวจสอบข้อมูลและเผื่อเวลาส่งใบสมัครกันไว้ด้วยนะคะ

4. ขอวีซ่าเรียนต่อแคนาดาต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

• ใบจบการศึกษา (Graduation certificate)
• ใบรับรองผลการเรียน (Transcript)
• จดหมายแนะนำตัว (Personal Statement)
• ผลคะแนนสอบ IELTS
• ผลการตรวจสุขภาพ

5. ค่าเล่าเรียน

สำหรับค่าเล่าเรียนระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาในแคนาดาก็จะอยู่ที่ 15,000 - 35,000 CAD$ หรือประมาณ 412,000 - 962,000 บาท ขึ้นอยู่กับคณะและหลักสูตรที่เลือกเรียน โดยค่าเรียนของคณะศิลปกรรมศาสตร์และมนุษยศาสตร์จะถูกกว่าคณะที่ต้องใช้ห้องปฏิบัติการอย่างคณะแพทยศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์อยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับการเรียนในหลักสูตรภาษาอังกฤษของประเทศอื่นๆ แล้ว ค่าเรียนในแคนาดาก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เอื้อมถึงได้มากที่สุดเลยล่ะค่ะ

ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้จะยังไม่รวมค่าธรรมเนียมในการสมัครเรียนอีก 50 - 150 CAD$ หรือประมาณ 1,400 - 4,100 บาท, ค่าที่พัก, ค่าอาหาร, ค่าหนังสือ, และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน นั่นเอง

6. ค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน

ในส่วนของค่าครองชีพในแคนาดาก็ต้องบอกเลยว่าไม่แพงอย่างที่คิด โดยถ้าน้องๆ เลือกอาศัยอยู่ในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆ อย่าง Ottawa, Toronto, และ Vancouver ค่าครองชีพก็อาจจะสูงหน่อย แต่ถ้ามูฟไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่มีขนาดเล็กลงมาอย่าง Abbotsford, Moncton, และ Sherbrooke ค่าครองชีพก็จะถูกลงอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่าประหยัดไปได้เยอะเลย และสำหรับ ค่าใช้จ่ายหลักๆ ที่เด็กมหา’ลัยหลายๆ คนต้องเจอก็จะมีดังนี้

• ค่าที่พัก (ในเมือง): 765 - 3,000 CAD$ หรือประมาณ 21,000 - 82,000 บาทต่อเดือน
• ค่าที่พัก (นอกเมือง): 640 - 2,200 CAD$ หรือประมาณ 18,000 - 60,000 บาทต่อเดือน
• ค่าตั๋วเดินทางรายเดือน: 78 - 125 CAD$ หรือประมาณ 2,100 - 3,400 บาท
• ค่าอาหาร: 8 - 20 CAD$ หรือประมาณ 220 - 550 บาทต่อมื้อ

7. เรียนจบแล้วยื่นขอสัญชาติแคนาดาได้

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เด็กไทยหลายคนเลือกมาเรียนต่อที่นี่ก็เพราะว่านักศึกษาต่างชาติที่จบจากหลักสูตรอนุปริญญา, ป.ตรี, และป.โท (ระยะเวลาหลักสูตร 2 ปีขึ้นไป) จะได้รับ ‘Post-Graduation Work Permit (PGWP)’ หรือสิทธิในการขอวีซ่าเพื่อหาประสบการณ์และทำงานที่แคนาดานานถึง 3 ปี โดยระหว่างนี้หากเด็กจบใหม่คนไหนทำงานในรูปแบบ Full-time ครบ 1 ปีก็สามารถยื่นขอวีซ่าเพื่อเป็น Permanent Resident (PR) หรือพลเมืองของแคนาดาแบบถาวรได้ทันที

ซึ่งต้องบอกเลยว่านอกจากจะได้สิทธิอยู่อาศัยและทำงานในประเทศนี้แล้ว น้องๆ ก็ยังจะได้รับสวัสดิการรัฐเช่นเดียวกับชาวแคเนเดี้ยน แถมได้เบี้ยเลี้ยงตอนตกงาน มีลูก และเกษียณอีกด้วยนะคะ ปังมากกก อยากบอกต่อ!

8. ชาวต่างชาติรู้ดี แคนาดามีทุนเรียนฟรีเพียบ!

แน่นอนว่าประเทศที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนด้านการศึกษาขนาดนี้ก็ต้องมีทุนเรียนฟรีแจกให้ชาวต่างชาติอยู่แล้ววว! ซึ่งทุนที่ว่าก็มาจากทั้ง รัฐบาลแคนาดาและมหา’ลัยเอกชน โดยจะมีทั้งทุนค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน ทุนส่วนลด รวมไปถึงทุนที่ครอบคลุมค่าที่พัก, ค่าอาหาร, ค่าเอกสารประกอบการเรียน, ค่าเดินทาง, และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ใครกำลังมองหาเงินสนับสนุนเพื่อแบ่งเบาภาระทางบ้านก็สามารถเข้าไปดูลิสต์ทุนน่าสนใจกันต่อได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลย

ใครสนใจอยากไปเรียนต่อที่แคนาดาก็ให้ติดตามเว็บไซต์ Study in Canada เอาไว้เลย เพราะเว็บไซต์ที่จัดทำโดยหน่วยงานด้านการศึกษาของรัฐนี้ ได้รวบรวมรายละเอียดโปรแกรมและหลักสูตรต่างๆ ไว้มากมาย แถมยังมีข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปเรียนต่อสำหรับชาวต่างชาติอีกด้วย อยากเรียนมหา’ลัยไหน คณะอะไร ก็รีบเข้าไปเช็กคุณสมบัติกันได้เลย! ^^