เทียบกันให้ชัด! รู้จัก 5 การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ใช้ยื่นมหา’ลัยได้ทั่วโลก

พี่เชื่อว่าการเรียนต่อนอกคงเป็นความฝันของน้องๆ ชาว Dek-D หลายคน แต่ความฝันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าหากเราขาดสกิลขั้นพื้นฐานโดยเฉพาะเรื่องของ ‘ภาษาอังกฤษ’ ซึ่งสำคัญมากๆ ในการเรียนต่อไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลก  ดังนั้น ในการสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยหรือยื่นขอทุน ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะใช้ ‘คะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ’ เพื่อเป็นสิ่งการันตีความรู้ว่าเราจะสามารถเรียนต่อต่างประเทศได้หรือไม่ 

แต่การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษก็มีตั้งหลายรูปแบบและหลายเจ้า น้องๆ อาจตั้งคำถามว่า แล้วแบบนี้จะตัดสินใจสอบอะไรดีล่ะเนี่ย? ว่าแล้วพี่พันตาจะพาน้องๆ ไปรู้จักกับ ‘5 การสอบภาษาอังกฤษ’ ที่ได้รับการยอมรับและสามารถใช้ยื่นเรียนต่อได้ทั่วโลก จะมีอะไรบ้างตามมาอ่านกันต่อเลยค่า (ช่วยตัดสินใจได้แน่นอนนน~!)

Note: 1 USD = 36.30 THB / อัปเดต 1 ส.ค. 65

……………….

1. IELTS 

มาเริ่มต้นกันที่ข้อสอบที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง ‘IELTS (International English Language Testing System)’  ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอันเก่าแก่และได้มาตรฐานสากล (สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก) ก่อตั้งในปี 1989 ปัจจุบันจัดสอบและดูแลโดย British Council, IDP: IELTS Australia และ Cambridge Assessment English

ด้วยความที่เป็นข้อสอบระดับสากล มหาวิทยาลัยทั่วโลกจึงนิยมใช้คะแนน IELTS ในการคัดเลือกนักศึกษา ยิ่งถ้าใครอยากเรียนต่อในเครือสหราชอาณาจักร แนะนำให้สอบเก็บไว้เลยค่ะ เพราะใช้ยื่นได้ทุกที่เลย!  

  • ค่าสอบ - 7,100 - 7,710 บาท (สำหรับ IELTS เชิงวิชาการที่ใช้เรียนต่อ)
  • เนื้อหาข้อสอบ - สอบฟัง พูด อ่าน เขียน
  • เวลาในการทำข้อสอบ - 2 ชั่วโมง 40 นาที (ไม่มีพัก) แต่ต้องสอบข้อสอบพูดแยกต่างหาก หลังจากสอบฟัง อ่าน และเขียนเสร็จแล้ว (สอบภายใน 1 สัปดาห์ หรือภายในวันเดียวกัน)
  • ระดับคะแนน - แบ่งออกเป็น 9 ระดับ ตั้งแต่ 0-9
  • อายุผลสอบ - 2 ปี
  • ระยะเวลาในการรอผล - สอบในกระดาษ 13 วัน สอบบนคอมพิวเตอร์ 3-5 วัน
  • สถาบันที่ยอมรับ - ได้รับการยอมรับจากมากกว่า 11,000 สถาบันทั่วโลก รวมไปถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย  แคนาดา ยุโรป ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา (หลักสูตรคณะอินเตอร์ในไทยก็ใช้ IELTS เหมือนกันค่ะ)
รายละเอียดเพิ่มเติม 

2. TOEFL 

 

มาต่อกันที่อีกการสอบที่คนไทยคุ้นหูดีไม่แพ้ IELTS นั่นก็คือ ‘TOEFL (Test Of English as a Foreign Language)’ ซึ่งนิยมยื่นเรียนต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะเป็นการสอบที่ยึดตามมาตรฐานของภาษาอังกฤษอเมริกัน (American English) เป็นหลัก 

TOEFL ถูกจัดสอบโดย Educational Testing Service (ETS) ตั้งแต่ปี 1964 เลยค่ะ ถือว่าเป็นอีกการสอบที่เก่าแก่และเป็นมาตรฐานสากลเช่นกัน ปัจจุบันการสอบ TOEFL มีทั้งแบบทำในกระดาษ (pBT) และทำผ่านอินเทอร์เน็ต (iBT) แต่ที่ได้รับการยอมรับมักจะเป็นแบบคอมพิวเตอร์มากกว่าค่ะ ดังนั้นข้อมูลด้านล่างนี้จะเป็นข้อมูลของ TOEFL แบบ iBT นะคะ

  • ค่าสอบ - 215 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,800 บาท)
  • เนื้อหาข้อสอบ - สอบฟัง พูด อ่าน เขียน
  • เวลาในการทำข้อสอบ - ประมาณ 3 ชั่วโมง (มีพัก 10 นาที)
  • ระดับคะแนน - คะแนนเต็ม 120 คะแนน แต่ละพาร์ตคะแนนเต็ม 30 คะแนน
  • อายุผลสอบ - 2 ปี
  • ระยะเวลาในการรอผล - 11-13 วัน
  • สถาบันที่ยอมรับ - ได้รับการยอมรับจากมากกว่า 11,500 สถาบันทั่วโลก รวมไปถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี และแคนาดา (คณะอินเตอร์ประเทศโซนเอเชียก็ใช้เหมือนกันค่ะ)
รายละเอียดเพิ่มเติม 

3. PTE Academic 

เชื่อว่าน้องๆ ที่เป็นทีมต่อนอกคงผ่านหูผ่านตากับ ‘PTE Academic (Pearson Language Tests Academic)’ กันมาบ้าง ซึ่งเป็นการสอบโดยบริษัท Pearson ที่มีมาตรฐานสากลเช่นกัน แต่ข้อดีสุดๆ ก็คือเป็นการสอบที่รู้ผลเร็วมากๆ (ว่ากันว่าเร็วสุดภายใน 48 ชั่วโมงเท่านั้น!) เรียกว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะกับใครที่ต้องรีบใช้คะแนนแบบด่วนๆ เลยค่ะ  

นอกจากนี้ทางบริษัท Pearson ยังเคลมว่าสภาพแวดล้อมในการสอบ PTE Academic นั้นเป็นมิตรกว่า IELTS อีกด้วย! แถมยังเตรียมตัวง่ายกว่า ไม่เครียด และปราศจากอคติของผู้ตรวจข้อสอบ (Examiner) เพราะว่าใช้คอมพิวเตอร์ในการตรวจทั้งหมดนั่นเองค่ะ // แต่พี่ขอแนะนำให้น้องๆ ลองอ่านรีวิวประกอบการตัดสินใจ + เช็กกับทางมหาวิทยาลัยที่เราจะสมัครว่ารับ PTE หรือไม่ 

  • ค่าสอบ - 200 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,760 บาท)
  • เนื้อหาข้อสอบ - ฟัง พูด อ่าน เขียน
  • เวลาในการทำข้อสอบ - 2 ชั่วโมง 15 นาที
  • ระดับคะแนน - คะแนนเต็ม 90 คะแนน
  • อายุผลสอบ - 2 ปี
  • ระยะเวลาในการรอผล - ประมาณ 2 วัน
  • สถาบันที่ยอมรับ - ได้รับการยอมรับจากมากกว่า 3,000 สถาบันในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และอื่นๆ
รายละเอียดเพิ่มเติม 

4. Cambridge English Qualifications

Cambridge English Qualifications เป็นการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่อิงจากระบบ CEFR โดยตรง (อยากรู้ว่า CEFR คืออะไร คลิกอ่านที่นี่เลย)  จัดสอบโดยมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ (University of Cambridge) แค่ชื่อมหาวิทยาลัยก็เรียกว่าการันตีคุณภาพสากลและเป็นที่ยอมรับจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก  (แต่สำหรับประเทศไทยอาจจะยังไม่แพร่หลายมากนัก) 

โดยส่วนใหญ่แล้วมหาวิทยาลัยจะกำหนดคะแนนขั้นต่ำในระดับ C1 ขึ้นไป (หรือเรียกว่า C1 Advanced) ทั้งนี้การสอบนี้ไม่มีเกณฑ์วัดคะแนนค่ะ แต่จะเลือกสอบเป็นระดับและบอกว่าผ่านหรือไม่ผ่าน

  • ค่าสอบ - ขึ้นอยู่กับระดับภาษาอังกฤษและศูนย์สอบ
  • เนื้อหาข้อสอบ - สอบฟัง พูด อ่าน เขียน
  • เวลาในการทำข้อสอบ - ขึ้นอยู่กับระดับภาษาอังกฤษ
  • ระดับคะแนน - ใช้ระบบผ่าน/ไม่ผ่าน
  • อายุผลสอบ - ไม่มีวันหมดอายุ (แต่ทาง Cambridge แนะนำว่า หากสถาบันไหนพิจารณาผล IETLS ก็ไม่ควรยื่นคะแนน Cambridge English ที่อายุเกิน 2 ปี)
  • ระยะเวลาในการรอผล - ประมาณ 2 สัปดาห์
  • สถาบันที่ยอมรับ - ได้รับการยอมรับจากมากกว่า 25,000 สถาบันทั่วโลก
รายละเอียดเพิ่มเติม 

5. Duolingo English Test

สำหรับตัวเลือกทิ้งท้ายในวันนี้ คือการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษน้องใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Duolingo English Test’ ที่เพิ่งเปิดตัวไปในปี 2016 นี้เองค่ะ แน่นอนผู้จัดสอบไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นบริษัท Duolingo เจ้าเดียวกับแอปฝึกภาษาฟรีชื่อดังนั่นเอง!

ถึงจะเป็นน้องใหม่ ใช้เวลาสอบน้อยกว่า และราคาย่อมเยา แต่ Duolingo English Test กลับมีคุณภาพและได้รับการยอมรับในหลายๆ สถาบัน รวมไปถึงม.ชั้นนำของโลกอย่าง Harvard, Yale หรือ MIT เลยค่ะ ถือว่าเป็นการสอบภาษาอังกฤษออนไลน์ที่กำลังมาแรงและน่าสนใจมากๆ

  • ค่าสอบ - 49 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,770 บาท) สำหรับการสอบทั่วไป, 200 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,760 บาท) สำหรับการสอบรับใบประกาศนียบัตร
  • เนื้อหาข้อสอบ - สอบฟัง พูด อ่าน เขียน
  • เวลาในการทำข้อสอบ - ประมาณ 1 ชั่วโมง
  • ระดับคะแนน - คะแนนเต็ม 160 คะแนน
  • อายุผลสอบ - 2 ปี
  • ระยะเวลาในการรอผล - ภายใน 2 วัน
  • สถาบันที่ยอมรับ - ได้รับการยอมรับกว่า 1,400 สถาบันทั่วโลก
รายละเอียดเพิ่มเติม 

…………

เห็นไหมคะว่ามีตัวเลือกในการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษมากกว่าที่หลายๆ คนคิด ยิ่งเรารู้จักไว้ก่อน ก็จะช่วยประกอบการตัดสินใจของน้องๆ ได้ดีมาก ทั้งนี้อย่าลืม! เช็กให้แน่ใจก่อนว่าผลสอบของเรายื่นมหาวิทยาลัยหรือหลักสูตรที่อยากสมัครได้หรือไม่ ยังไงพี่ก็ขอให้ทุกคนโชคดีค่า~

*****************

Sources:https://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts https://www.ets.org/toefl https://www.pearsonpte.com/ https://www.cambridgeenglish.org/exams-and-tests/qualifications https://englishtest.duolingo.com/ https://www.topuniversities.com/student-info/admissions-advice/duolingo-english-test-us-college-admissions-all-you-need-know 
พี่พันตา
พี่พันตา - Columnist คนที่ไม่ได้มีพันตาแต่อยากทะลุมิติไปพันล้านพหุจักรวาล

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด