สวัสดีชาว Dek-D ทุกคนค่ะ นอกจากศึกษาหลักสูตรกับมหาวิทยาลัยก่อนตัดสินใจเลือกเรียนแล้ว เชื่อว่ามีน้องๆ หลายคนหาข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งของเมืองและความเป็นอยู่ในประเทศ เพื่อเลือกบรรยากาศที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เรามากที่สุดด้วย วันนี้พี่พลอยกี้เลยรวบรวม 5 เมืองในทวีปเอเชียที่ติดอันดับ QS Best Student Cities ประจำปี 2023 มาฝากค่ะ จะมีเมืองที่เราอยากเรียนต่อติดโพลมั้ย? รีบตามมาดูกันเล้ยยย~
‘QS Best Student Cities’ คืออะไร?
เป็นโพลการจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนต่อของนักศึกษาต่างชาติ จัดทำโดย ‘Quacquarelli Symonds’ หรือ QS องค์กรใหญ่ของอังกฤษที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันอุดมศึกษาทั่วโลก
ก่อนอื่นมาดูเกณฑ์ชี้วัดที่ QS ใช้จัดอันดับในโพลนี้กันค่ะ
- อันดับมหาวิทยาลัย (University rankings): แต่ละเมืองมีมหา’ลัยที่ติดอันดับของ QS World University Rankings กี่แห่ง และมหา’ลัยเหล่านั้นทำผลงานได้ดีแค่ไหนในการจัดอันดับล่าสุด
- สัดส่วนนักศึกษา (Student mix): ดูจากสัดส่วนประชากรในเมืองที่เป็นนักศึกษา และแต่ละเมืองมีนักศึกษาต่างชาติลงทะเบียนเรียนเป็นจำนวนเท่าใด
- ความพึงพอใจ (Desirability): ความปลอดภัยในการใช้ชีวิตและระดับมลพิษในเมือง
- กิจกรรมของนายจ้าง (Employer activity): ประเมินจากการจ้างงานเยาวชนในเมือง และผู้ว่าจ้างคิดอย่างไรกับบัณฑิตที่เรียนจบจากมหา’ลัยในเมืองนั้นๆ
- ความสามารถในการจับจ่าย (Affordability): วัดเรื่องค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพของนักศึกษา
- ความเห็นของนักศึกษา (Student voice): นักศึกษาให้คะแนนความเป็นมิตร ความยั่งยืน ความหลากหลายและอื่นๆ ของเมืองดังกล่าวในระดับใด อีกทั้งยังดูสัดส่วนนักศึกษาที่อยู่อาศัยในเมืองนั้นๆ หลังจากเรียนจบ
Top 5 Best Student Cities in Asia
อันดับที่ 5: เกียวโต-โอซาก้า-โกเบ
มาเริ่มกันที่เมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษาต่างชาติอันดับที่ 5 กันก่อนค่ะ แรงก์นี้ประกอบด้วย 3 นครสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นได้แก่ เกียวโต (Kyoto) โอซาก้า (Osaka) และโกเบ (Kobe) หรือเรียกรวมๆ ว่า “เคฮันชิง” นั่นเองค่ะ
แม้ว่าอาจจะมีขนาดเล็กกว่ากรุงโตเกียว แต่ความดีงามของ 3 เมืองนี้คือ ค่าครองชีพอยู่ในระดับที่สามารถเอื้อมถึงได้ ไม่วุ่นวายเท่าในเมืองหลวง และมีสถานที่ท่องเที่ยวปังๆ และกิจกรรมให้ทำแบบจัดเต็ม ยิ่งใครเป็นสายประวัติศาสตร์รับรองถูกใจแน่ เพราะมีปราสาทและพิพิธภัณฑ์ให้เยี่ยมชมเยอะมากกก หรือใครอยากคลายเครียดจากการเรียนจะไปเที่ยวสวนสนุกหรือชมดนตรีสดก็ได้ เรียกว่าสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นทั้งแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว <3
Fact:
“เคฮันชิง” ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 53 ของโลก ด้านความสามารถในการจับจ่าย (affordability) อีกทั้งยังคว้าอันดับที่ 16 ด้านความพึงพอใจของนายจ้างที่มีต่อบัณฑิตในฐานะผู้สมัครงานอีกด้วย
บอกเลยว่าใน 3 นครที่โด่งดังของญี่ปุ่นนี้ มีถึง 9 มหาวิทยาลัยที่ติดอันดับใน QS World University Rankings ประจำปี 2023
ชื่อมหาวิทยาลัย | เมือง | อันดับโลก |
Kyoto University | เกียวโต | 36 |
Osaka University | โอซาก้า | 68 |
Kobe University | โกเบ | 363 |
Osaka City University | โอซาก้า | 601-650 |
Ritsumeikan University | เกียวโต | 701-750 |
Osaka Prefecture University | โอซาก้า | 751-800 |
Kyoto Institute of Technology | เกียวโต | 1001-1200 |
Doshisha University | เกียวโต | 1001-1200 |
Kindai University | โอซาก้า | 1201-1400 |
- Kyoto University หนึ่งในสถาบันชั้นนำของเอเชียที่มุ่งเน้นงานวิจัยและผลิตนักวิจัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก คว้าแชมป์มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 2 ของญี่ปุ่นและอันดับ 36 ของโลก
- Osaka University มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 6 ของญี่ปุ่น มีคณะเด่นอยู่ 4 คณะได้แก่ ทันตแพทยศาสตร์, วิศวกรรมเคมี, ฟิสิกส์และดาราศาสตร์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ติดอันดับ Top 4 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นและเป็นอันดับ 68 ของโลก
**ใครอยากไปเรียนต่อในประเทศญี่ปุ่นแบบฟรีๆ แนะนำให้ปักหมุดทุนรัฐบาลญี่ปุ่นกันไว้นะคะ โดยปกติจะเปิดรับสมัครช่วงกลางปีของทุกๆ ปี สามารถศึกษาระเบียบการรอบล่าสุดเพื่อเตรียมพร้อมสมัครทุนรอบถัดไปได้ ที่นี่
[ชวนอ่านต่อ]
อันดับที่ 4: สิงคโปร์
ขยับใกล้เข้ามาที่ประเทศเพื่อนบ้านสมาชิกอาเซียนอย่าง ‘สิงคโปร์’ (Singapore) กันค่ะ ปีนี้ที่นี่คว้าอันดับ 4 เมืองน่าเรียนในทวีปเอเชียสำหรับนักศึกษาต่างชาติ และยังติดอันดับ 13 ของโลกอีกด้วย!
สิงคโปร์มีสถานะเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเศรษฐกิจของอาเซียน หลายบริษัทระดับโลกมีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคตั้งอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Apple, Google, LinkedIn, Twitter Facebook, Walt Disney Company, Sea Limited (บริษัทแม่ของ Shopee, Garena ฯลฯ) และอีกเพียบ!
ประเทศนี้ยังโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีที่ทันสมัย โครงสร้างพื้นฐานดี และมีอัตราการก่ออาชญากรรมและอัตราการว่างงานต่ำ ในขณะเดียวกันสังคมก็มีหลากหลายทางวัฒนธรรมสูงมากๆ ค่ะ ผู้คนก็เคารพภูมิหลังของกันและกัน เห็นได้จากที่มีภาษาราชการมากถึง 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีนกลาง ภาษามาเลย์ และภาษาทมิฬ // ใครไปเรียนต่อสิงคโปร์รับรองว่าได้อัปสกิลรอบด้านแถมคอนเนกชันระดับ Global แน่นอน แต่! ความปังยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ เพราะกฎหมายสิงคโปร์อนุญาตให้นักศึกษาทำงานพาตร์ไทม์ได้สูงสุด 16 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ (ภายใต้เงื่อนไขและคุณสมบัติที่กำหนด)
แน่นอนว่าประเทศที่คุณภาพระบบการศึกษาดีติดอันดับโลกอย่างสิงคโปร์ ก็มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งติด Top 20 ของโพลนี้ค่ะ สำหรับ QS World University Rankings ประจำปี 2023 มี 2 แห่งได้แก่
- National University of Singapore (NUS) มหาวิทยาลัยชั้นนำดีกรีมหา’ลัยที่ดีที่สุดอันดับ 1 ของเอเชียและอันดับที่ 11 ของโลก
- Nanyang Technological University (NTU) มหาวิทยาลัยระดับท็อปด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี คว้าอันดับ 4 ของเอเชียและ 19 ของโลก
แม้จะเป็นประเทศหนึ่งที่ค่าครองชีพค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตเริ่ดๆ ที่เราจะได้รับแล้วเรียกว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม! และหากใครที่เล็งไปเรียนต่อที่นี่แต่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ขอบอกว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ พร้อมมอบทุนการศึกษาให้นักศึกษาต่างชาติ แถมมีทุนจากองค์กรต่างๆ ให้เรายื่นสมัครอีกด้วย
[ชวนอ่านต่อ]
- คัดมาให้แล้ว! 5 ทุนเรียนต่อ ‘สิงคโปร์’ ประเทศใกล้ไทย การศึกษาก้าวไกลระดับโลก
- สมัครเลย! ทุนเต็มจำนวน “GIC Scholarship 2022” เรียนต่อ ป.ตรี ไม่จำกัดสาขาที่สิงคโปร์
- ตีแผ่ชีวิตสุดสตรองของเด็กทุนสิงคโปร์! จาก ม.ปลาย (ASEAN Scholarship) สู่คณะบัญชีในรั้ว SMU (ทุนธนาคารกรุงเทพ)
- รู้จัก 5 วิทยาลัยอาชีวะ หรือโพลีเทคนิคใน ‘สิงคโปร์’ ที่วิชาการเลิศ-สร้างบุคลากรคุณภาพช่วยพัฒนาประเทศ!
อันดับที่ 3: ฮ่องกง
ในปีนี้ ‘ฮ่องกง’ (Hong Kong) คว้าอันดับ 12 เมืองนักศึกษาที่ดีที่สุดของโลก และติดอันดับ 7 จากตัวชี้วัดด้าน Employer Activity ที่บ่งบอกอัตราความต้องการจ้างงานบัณฑิตด้วยค่ะ
ฮ่องกงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจและการเงินระดับโลก และมีความอินเตอร์ในแบบฉบับที่ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัว ด้วยความที่มีภาษาราชการ 2 ภาษาคือจีนและอังกฤษ จึงมีมหา’ลัยที่เปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษด้วยค่ะ
ทั้งนี้ ค่าเช่าในห้องฮ่องกงจะค่อนข้างสูงเพราะมีพื้นที่จำกัด จากการคำนวณค่าใช้จ่ายในฮ่องกงของ NUMBEO ระบุว่าค่าเช่าอะพาร์ตเมนต์แบบ 1 ห้องนอนใจกลางเมืองมีราคาอยู่ที่ 17,269 HK$/เดือน หรือประมาณ 78,228 บาท/เดือน
แต่! อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ ถ้ากรณีอยู่หอพักในมหา’ลัยอาจเจอเรตที่ถูกกว่านี้เยอะ และค่าครองชีพด้านอื่นๆ ไม่ได้สูงจนเกินไป ส่วนส่วนค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาต่างชาติก็อยู่ในระดับกลางๆ และมีโอกาสได้ทุนการศึกษาจากรัฐบาลฮ่องกงหรือจากมหา’ลัยเพื่อช่วยเซฟงบอีกด้วย
ใครอยากเรียนต่อฮ่องกง ที่นี่มีมหาวิทยาลัยถึง 7 แห่งที่ติดโพล QS World University Rankings ปี 2023
- The University of Hong Kong (HKU) มหาวิทยาลัยด้านวิจัยที่เก่าแก่สุดในฮ่องกง คุณภาพครองอันดับ 5 ของเอเชีย และอันดับ 21 ของโลก
- Hong Kong University of Science and Technology (HKUST ) โดดเด่นด้านวิชาการและงานวิจัยหลายแขนง ครองอันดับ 11 ของเอเชียและอันดับ 40 ของโลก
[ชวนอ่านต่อ]
อันดับที่ 2: โตเกียว
รองแชมป์เมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษาต่างชาติในปีนี้ตกเป็นของ ‘โตเกียว’ (Tokyo) เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นค่ะ แม้จะเป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวต่างชาติอยากมาเรียนต่อ แต่จำนวนนักศึกษาในกรุงโตเกียวกลับมีสัดส่วนที่ต่ำมาก โดยอยู่ในอันดับที่ 70 ของตัวชี้วัดสัดส่วนนักศึกษา (Student mix)
แต่เมื่อมองที่ตัวชี้วัดด้านกิจกรรมของนายจ้าง (Employer activity) กลับครองแชมป์อันดับ 1 เนื่องจากมีบริษัทหลายแห่งมอบโอกาสในการทำงานและฝึกงานให้แก่นักศึกษาต่างชาติ
แม้ค่าครองชีพจะสูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศในทวีปเอเชีย แต่สิ่งที่แลกมาคือคุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยม บรรยากาศเมืองที่สะอาด ปลอดภัย เดินทางสะดวก และสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย และได้สัมผัสระบบการศึกษาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
**ถ้าใครเล็งประเทศนี้ไว้ ขอบอกว่าประเทศนี้มีทุนหลากหลายมากๆ ที่มอบโดยมหาวิทยาลัย องค์กรภายนอก หรืออย่างทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (Japanese Government (MEXT) Scholarship) ก็มีครอบคลุมทั้งระดับ ป.ตรี, โท หรือเอกเลยค่ะ
พูดถึงความเด็ดของเมืองโตเกียวกันต่อ~ เฉพาะในเมืองนี้มีมหา’ลัยติดชาร์ต QS World University Rankings ปี 2023 มากถึง 12 แห่งเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นคือ The University of Tokyo ซึ่งเป็นเบอร์ 1 ของประเทศ และอันดับ 23 ของโลก ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพมากมายหลายสาขา โดยมีศิษย์เก่าที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 6 คนด้วยกัน!
ชื่อมหาวิทยาลัย | อันดับโลก |
University of Tokyo | 23 |
Tokyo Institute of Technology | 56 |
Keio University | 197 |
Waseda University | 205 |
Tokyo Medical and Dental University (TMDU) | 392 |
Yokohama City University | 501-510 |
Hitotsubashi University | 531-540 |
Tokyo Metropolitan University | 701-750 |
Tokyo University of Agriculture and Technology | 701-750 |
[ชวนอ่านต่อ]
อันดับที่ 1: โซล
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘กรุงโซล’ (Seoul) เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ เป็นจุดหมายการเรียนต่อยอดฮิตแห่งหนึ่งของคนทั่วโลก และในปีนี้ก็ครองแชมป์อันดับ 1 เมืองสำหรับนักศึกษาที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย และยังคว้าอันดับที่ 2 ของโลกร่วมกับเมืองมิวนิค (Munich หรือ München) ประเทศเยอรมนีอีกด้วย
นอกจากโซลจะโดดเด่นในแง่ระบบขนส่งและเศรษฐกิจ (เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ) ยังมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหา ยังเป็นเมืองที่ตั้งของมหา’ลัยชั้นนำของประเทศ เช่น ในเครือ SKY ที่ประกอบด้วย Seoul National University, Korea University และ Yonsei University นอกจากนี้ยังมีอีกหลายแห่งที่โดดเด่นเช่น Sungkyunkwan University, Hanyang University เป็นต้น
แม้ว่าค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพค่อนข้างสูง แต่ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ บริษัทเอกชน รวมทั้งมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็มีทุนเรียนต่อสำหรับนักศึกษาต่างชาติด้วยค่ะ เช่น
- ทุนรัฐบาลเกาหลีหรือทุน GKS (Global Korea Scholarship) มอบเต็มจำนวน ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเกือบทุกอย่าง แถมไม่ต้องใช้คืน
- ทุน POSCO Asia Fellowship (เป็นทุนเต็มจำนวนและทุนให้เปล่าเหมือนกันค่ะ)
- ทุนเรียนดีจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มีตั้งแต่ยกเว้นค่าเล่าเรียนบางส่วนไปจนถึง 100% (เรียนฟรี) และบางแห่งยังมีเบี้ยเลี้ยงรายเดือนมอบให้ด้วย **ข่าวดีคือตอนนี้มีหลายมหาวิทยาลัยกำลังเปิดรับสมัครนะคะ ใครสนใจตามไปเช็กรายละเอียดที่ลิงก์ด้านล่างได้เลยค่า
[ชวนอ่านต่อ]
- ‘Korea University’ ม.ชั้นนำแห่งเกาหลีใต้ เปิดรับสมัคร ป.ตรี มีทุนเรียนฟรีเต็มจำนวน! (เทอม Spring 2023)
- ‘Korea University’ ม.ชั้นนำของเกาหลี เปิดรับสมัคร ป.โท/เอก มีทุนสูงสุดเต็มจำนวน! (Spring 2023)
- ‘Sungkyunkwan University’ ม.ชั้นนำในเกาหลีใต้ เปิดรับสมัคร ป.ตรี พร้อมทุนสูงสุดเต็มจำนวน! (Spring 2023)
- รวม Q&A ยอดฮิต ไขข้อข้องใจก่อนสมัคร ‘ทุนรัฐบาลเกาหลี’ ระดับปริญญาตรี (GKS-U)
กรุงเทพมหานคร
ปิดท้ายกันที่ ‘กรุงเทพมหานคร’ (Bangkok) เมืองหลวงของเรากันค่าา ในปีนี้ได้อันดับที่ 12 ของทวีปเอเชียและอันดับที่ 57 ของโลกมาครอง มหา’ลัยหลายแห่งมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และยังเปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ครอบคลุมทั้งคณะฝั่งวิทย์และศิลป์ด้วย
นอกจากนี้ค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนในเมืองก็ยังไม่สูง (***สำหรับชาวต่างชาติ) ในแต่ละปีจึงมีนักศึกษาจากทั่วโลกเดินทางมาเรียนในกรุงเทพฯ ไม่น้อยเลยค่ะ
ชื่อมหาวิทยาลัย | อันดับโลก |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | 224 |
มหาวิทยาลัยมหิดล | 256 |
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | 601-650 |
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | 651-700 |
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | 801-1000 |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น | 801-1000 |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี | 801-1000 |
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | 801-1000 |
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง | 1201-1400 |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี | 1201-1400 |
……………….
เป็นยังไงกับบ้างคะกับ Top 5 เมืองสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย แม้ค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนหลายแห่งจะไม่เบา แต่ก็มักจะมาพร้อมโอกาสขอทุนจากรัฐบาล องค์กรเอกชน หรือมหาวิทยาลัยนั้นๆ (ใครสนใจทุนมหาวิทยาลัย ตรวจสอบรายละเอียดในหัวข้อ Scholarships ที่เว็บไซต์หลักของแต่ละแห่งได้เลยนะคะ)
ใครอยากดูอันดับของเมืองอื่นเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดู ที่นี่ ได้เลย // สุดท้ายนี้พี่พลอยกี้ขอเอาใจช่วยให้น้องๆ ได้เรียนในสาขาและเมืองที่ตั้งใจไว้นะคะ แล้วเจอกันบทความหน้าค่า~
สำหรับใครที่มองหาโอกาสโกอินเตอร์ ตอนนี้มีหลายทุนกำลังเปิดรับสมัคร
ตามไปเช็กกันต่อได้เลยที่ "โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอก by Dek-D"
ติดตามทุนต่อนอกง่ายๆ กับ Dek-D
- Website: dek-d.com/studyabroad
- Twitter: @tornokandcourse
- IG: @tornokandcourse
- Facebook: Study Abroad เรียนต่อนอก by Dek-D
0 ความคิดเห็น