'พี่พอร์ช' เล่าเส้นทางเรียนต่อ U.S.A. สุดปัง เรียน 4 ปีจบทั้งไฮสคูล อนุปริญญา และ ป.ตรี Johns Hopkins University, Carey Business School

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ใครอยากเรียนต่อในประเทศมหาอำนาจของโลก อย่าง “สหรัฐอเมริกา” ที่เพียงขยับตัวเล็กน้อยก็เหมือนคลื่นที่สะเทือนเป็นวงกว้าง วันนี้เรามีเรื่องราวของเด็กนอกในฉบับนักธุรกิจ ถ้าเทียบกับการลงทุน เขาคือคนที่เลือกวิธีที่ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย แล้วได้ผลตอบแทนกลับมาแบบเกินคุ้มในแบบที่เจ้าตัวก็คาดไม่ถึงเลยค่ะ!

และผู้ที่มาแชร์ประสบการณ์เด็กนอกกับเราในวันนี้ก็คือ “พี่พอร์ช-ภควัฒก์ มณีแจ่มใส” Head of IT Strategy & Operations ของบริษัทข้ามชาติ KBTG Vietnam พูดง่ายๆ ก็คือบริษัท IT ที่ขยายไปเปิดสำนักงานใหม่ท่ี่เวียดนามนั่นเอง มาดูกันว่าเขาเจอการเรียนประมาณไหน? ปรับตัวยังไงบ้าง?  ใช้วิธีไหนรับมือกับความท้าทายเมื่อตัดสินใจเปิดบริษัทข้ามชาติ บุกตลาดเวียดนาม และดึงดูด Tech Talents ในเวียดนามให้มาร่วมงานกัน? ปิดท้ายด้วยคำแนะนำถึงน้องวัยเรียนที่อยากเติบโตและโกอินเตอร์ในสายงาน Business & Technology ด้วยนะคะ บอกเลยว่าผู้อ่านจะได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าสุดๆ กับบทสัมภาษณ์นี้ พร้อมแล้ว Let's explore U.S.A. กันเลยค่ะ~

United States Capitol, Washington D.C., USA
United States Capitol, Washington D.C., USA
Photo by Caleb Perez on Unsplash

. . . . . . . . .

แนะนำตัวสั้นๆ
ก่อนเข้าสู่เส้นทางเรียน

"สวัสดีครับ ผมชื่อ "พอร์ช-ภควัฒก์ มณีแจ่มใส” เรียนจบ High School จาก Edmonds College ที่รัฐวอชิงตัน (Washington) และโอนเข้าเรียนต่อระดับ ป.ตรี สาขา Global Business Administration ของ Johns Hopkins University, Carey Business School ในรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. (Washington D.C.) ใช้เวลาเรียนรวมๆ ประมาณ 3.5 ปี พอจบมาผมเริ่มงานแรกที่บริษัท Deloitte ก่อนจะมาเปิดสำนักงานใหญ่ KASIKORN Business - Technology Group (KBTG) ที่เวียดนาม ทำตำแหน่ง Head of IT Strategy & Operations ดูแลเรื่องโครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบการจัดการเป็นหลักครับ"

. . . . . . . . .

คาดหวังอะไร
ก่อนตัดสินใจเรียนต่ออเมริกา?

"ก่อนหน้านั้นผมเรียนประถมและมัธยมที่สิงคโปร์ทั้งหมด 6 ปี เป็นประสบการณ์ดีมากๆ และทำให้เติบโตแบบก้าวกระโดด จนมาถึงจุดนึงที่รู้สึกว่าตัวเองอยากออกไปเจอสังคมข้างนอกที่หลากหลายขึ้น ก็เลยนึกถึง “อเมริกา” ซึ่งสุดท้ายแล้วเราไม่ผิดหวังเลย การไปอยู่สังคมที่ไม่ใช่ comfort zone ค่อยๆ ทำให้เราดูแลตัวเองได้ หล่อหลอมแนวคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) เปิดหูเปิดตาในเมืองที่เป็นศูนย์กลางการเมืองและเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันเราได้เปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ และนำไปสู่ทักษะที่คนยุคนี้ขาดไม่ได้ นั่นคือ Adaptability ความสามารถในการปรับตัว คุณจะไปอยู่ไหนคุณปรับตัวได้หมด"

เรียนประถมและมัธยมต้นที่สิงคโปร์
เรียนประถมและมัธยมต้นที่สิงคโปร์

"แต่จะเลือกเรียนที่ไหนก็ต้องมาดูที่ระดับรัฐครับ ปกติการเรียนที่จบ ป.ตรี ที่อเมริกามี 2 ทางเลือกคือ เรียนมหาวิทยาลัยโดยตรง 4 ปี แต่ผมเพิ่งรู้จากเอเจนซีตอนนั้นว่า “รัฐวอชิงตัน” (Washington) มีระบบ High School Completion และ 2+2 University Transfer Program ที่ช่วยให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายลงได้ เพราะผู้เรียนจะใช้เวลา 2 ปีแรกในวิทยาลัย (College) ก่อนจะโอนหน่วยกิตไปเข้าเรียน 2 ปีหลังในมหาวิทยาลัย (University) เพื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี แถมยังมีโอกาสสมัครทุนส่วนลดค่าเรียน ป.ตรีอีกด้วย"

**ตอนเรียน ป.ตรี ผมได้ทุน The Dean's Scholarship ประมาณ 20,000 เหรียญ ลดค่าเทอมไปได้ประมาณ 40% เลยครับ เหลือจ่ายเอง 60% 

เล่าตามลำดับคร่าวๆ คือ
 

1. เข้าเรียน Community College ได้รับทั้งวุฒิอนุปริญญา (2-year Associate’s Degree) ซึ่งเทียบเท่ากับการเรียนป.ตรีในมหาวิทยาลัย 1-2 ปีและรับวุฒิม.ปลาย (High School) ระหว่างการเรียนปีแรก

Note: โดยทั่วไปแล้วการศึกษาใน 2 ปีแรกในอเมริกาทั้งใน Community College และ University มีความคล้ายคลึงกันคือไม่ว่าจะเรียนเอกไหน ก็ต้องลงเรียนพื้นฐานให้ครบ 90 หน่วยกิตจากวิชาหมวดต่างๆ

 

  • วิชาพื้นฐาน General Education เช่น English หรือ Math
  • มนุษยศาสตร์ Humanities เช่น Arts, Communication, Music หรือ Languages
  • สังคมศาสตร์ Social Science เช่น Business, History, Economics, Psychology หรือ Politics
  • วิทยาศาสตร์ Natural Science เช่น Biology, Chemistry หรือ Physics
  • วิชาพื้นฐานของเอกวิชาที่เลือก Pre-major courses เช่น ถ้าหากเรียน Business ต้องลงเรียน Accounting and Business Law เป็นต้น

2. ช่วงที่เรียนใน Community College นักเรียนจะได้วางแผนร่วมกับอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าวิชาที่ลงเรียนเหมาะสม ตรงความต้องการ และทำให้ผ่านคุณสมบัติที่จะเทียบโอนหน่วยกิตเข้ามหาวิทยาลัยระดับ ป.ตรีได้

  • นักเรียนอยาก Transfer เข้าสายไหน มหาวิทยาลัยอะไรบ้าง
  • แต่ละเทอมควรลงเรียนตัวไหน สมมติเกรดวิชานี้เทอมก่อนไม่ดี ควรเสริมเรื่องไหนเพิ่ม
  • เมื่อถึงช่วงเปิดรับสมัครของ Transfer Student ทางวิทยาลัยจะคอยอัปเดตข่าวว่ามหาวิทยาลัยไหนเปิดรับสมัครแล้ว และแนะแนวขั้นตอน เช่น ต้องเข้าไปกรอกใบสมัคร เตรียมเอกสาร เขียน Essay สมัครเรียน ฯลฯ

3. สมัคร Transfer เข้ามหาวิทยาลัย และรอการตอบรับ 2-3 เดือนขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย

4. เรียนต่อเนื่องอีก 2 ปี และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (Bachelor’s Degree)

"ตอนนั้นผมเรียนที่ Edmonds College ในเมือง Lynnwood รัฐวอชิงตัน จากประสบการณ์ส่วนตัวผมว่าข้อดีของ Edmonds คือระบบ International Services ที่พร้อมช่วยเหลือชาวต่างชาติมากๆ ครับ เขาจะมีผู้เชี่ยวชาญให้เราเข้าไปปรึกษาได้ตลอดเวลาและไม่จำกัด ตั้งแต่การปรับตัว การใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมใหม่ การเทียบโอนเข้ามหา'ลัย ฯลฯ พอผมรู้ว่ามีระบบนี้ก็เข้าไปปรึกษา Advisors บ่อยมากๆ"

"สำหรับคนที่มาเรียน Edmonds เพราะตั้งใจจะเทียบโอนเข้ามหาวิทยาลัย ควรมีคะแนน IELTS 6.5-7.0 ขึ้นไป (การสมัครเข้าเรียนที่ Edmonds จะต้องใช้ IELTS ขั้นต่ำ 5.0 และคะแนนแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า 4.5 ทั้งนี้ แนะนำให้มีคะแนน IELTS 6.0 โดยคะแนนแต่ละด้านไม่ต่ำกว่า 5.5 ครับ) แต่ถ้าไม่เก่งภาษาผมไม่อยากมองให้เป็นอุปสรรค เพราะแทบทุก Community College ในอเมริกา รวมถึง Edmonds College จะมีให้ทดสอบภาษาอังกฤษก่อน ถ้าคะแนนถึงก็ข้ามไปเรียน College Level ได้เลย แต่ถ้ายังไม่ถึงก็จะได้เข้าคลาสที่เหมาะกับตัวเอง จากนั้นเรียนไต่ระดับเรื่อยๆ จนผ่าน College Level ได้"

สถิติการเข้าศึกษาต่อของนักเรียนที่ Edmonds College
สถิติการเข้าศึกษาต่อของนักเรียนที่ Edmonds College
เจาะลึก Community College2+2 University Transfer Program

. . . . . . . . .

ส่องเนื้อหาเรียนรูปแบบ 2+2 University Transfer
ช่วงก่อนและหลังเข้า Johns Hopkins

เริ่มจาก 2 ปีแรกที่ Edmonds College
เลือกเรียนสาย Business 

"ผมว่าหลักสูตรเขาออกแบบให้ 2 ปีแรกเป็น Foundational Years เช่น แคลคูลัส (Calculus), บัญชี (Accounting), เศรษฐศาสตร์ (Economics), การสื่อสาร (Communication) เราเรียนในคลาสเล็กๆ สังคมไม่ใหญ่ ไม่ได้รู้สึกกระโดดจากตอนเรียนสิงคโปร์จนตั้งตัวไม่ทัน แต่ถ้าถามว่าต้องปรับตัวมั้ย มีแน่นอน การเปลี่ยนประเทศไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว อย่างวันแรกเปิดมาถึงเจอ Academic Shock เจอวิชาแคลคูลัสที่ใช้ระบบคำศัพท์แบบอเมริกัน ต่างจากที่เคยเรียนแบบอังกฤษ เวลาอาจารย์สอนหรือเขียนสัญลักษณ์บนกระดานก็ไม่เหมือนกัน"

"บางวิชาก็เจอวิธีสอนที่เซอร์ไพรส์มาก อย่างเช่น Biological Anthropology (=มานุษยวิทยากายภาพ) เรียนเกี่ยวกับวิวัฒนาการมนุษย์ การพิสูจน์หลักฐาน โครงกระดูกต่างๆ ฯลฯ อาจารย์พาเราเข้าป่าไปติดตั้งกล้องไว้ตามจุดต่างๆ ปล่อยทิ้งไว้ 3 เดือนแล้วกลับมาดู เพื่อศึกษารูปแบบการใช้ชีวิตของสัตว์ป่า วิชานั้นทำให้เราเข้าใจระบบนิเวศวิทยา กฎธรรมชาติต่างๆ มากขึ้น ซึ่งถ้าถามว่ามันเกี่ยวกับธุรกิจยังไง ปัจจุบันองค์กรทั่วโลกรวมถึง KBank และ KBTG ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทางสภาพแวดล้อม (Ecosystem Sustainability) เวลาจะทำอะไร เราต้องคำนึงถึงผลกระทบและดูว่าจะเข้าไปช่วยฟื้นฟูอะไรด้วยวิธีไหนได้บ้าง" 

"ข้อดีของการไปเรียนใน Community College ของรัฐ คือเรามีโอกาสไปสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและการปกครองของประเทศ เช่น ตอนนั้นผมเป็นสภานักเรียน ได้เป็นตัวแทนไปสภาคองเกรส (United States Congress) อาคารรัฐสภาที่วอชิงตัน ดี.ซี. (Washington D.C.) และอีกหลายโอกาสมากที่เข้ามา และหลังจบ Edmonds ไป Johns Hopkins ผมก็เลือกตั้งเป็นประธานนักเรียน และเป็นตัวแทนเยาวชนไปสหภาพ United Nations Youth Assembly มีเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมอีกหลายงาน เหมือนกับจุดเริ่มต้นจาก College เก็บประสบการณ์เพื่อต่อยอดไปสู่ระดับ Global ตอนเรียนมหาวิทยาลัย"

"ก่อนถึงช่วง Transfer ผมแนะนำให้ทำกิจกรรมนักเรียนเยอะๆ เป็นอะไรได้เป็นเลย เพราะปัจจุบันสิ่งที่มหาวิทยาลัยชั้นนำมองหาจะไม่ใช่แค่เกรด 4.00 หรือคะแนน SAT แต่เขาจะสนใจด้วยว่าผู้สมัครคนนี้เคยสร้างประโยชน์หรือขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในสังคมบ้าง"

ตัดภาพมาที่การเรียน 2 ปีหลัง
Johns Hopkins University, Carey Business School

"เราจะต้องแม่นพื้นฐานแบบที่รู้โดยไม่ต้องไปทวนซ้ำ เพราะหลังจากเรา Transfer เข้าไปเรียน ป.ตรีต่อที่ Johns Hopkins University, Carey Business School มันคือการประยุกต์ใช้อย่างแท้จริงแล้วนะ อาจารย์จะบอกเสมอว่าให้ใช้เวลาอย่างน้อย 2 เท่าจากที่เรียนในคลาส คลาสนึง 3 ชั่วโมง ก็ต้องใช้เวลานอกคลาส 6 ชั่วโมงเพื่อทำการบ้าน การอ่านล่วงหน้า ค้นคว้า และทำโปรเจ็กต์ทีมร่วมกัน แล้วที่น่าสนใจคือก่อนจบ Johns Hopkins จะมี Capstone Project ที่เราได้ยกระดับจากนักเรียนในคลาส ไปเป็นที่ปรึกษาให้ธุรกิจที่มีอยู่จริงและกำลังประสบปัญหา วิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นและเสนอแนวทางแก้ไขให้กับธุรกิจนั้นครับ"  

"แน่นอนว่าวิธีสอนกับอาจารย์ที่ผมเรียนด้วยไม่ธรรมดาเลย แต่ละคนเป็นถึง Business Leader หรือเคยร่วมงานกับองค์กรระดับโลกมาแล้ว เช่น วิชาเจรจาต่อรอง (Negotiation) วิชานี้สนุกมากกกครับ อาจารย์ทำงานที่ NASA (The National Aeronautics and Space Administration) เขาจะบอกเสมอว่า Everything is Negotiable. และข้อตกลงที่ดีไม่ควรมีฝ่ายไหนแพ้/ชนะ แต่ต้องพอใจทั้งคู่และร่วมมือกันต่อได้ในระยะยาว ทุกกรณีศึกษาที่เรียนเคยเกิดขึ้นจริงกับผู้นำธุรกิจแต่ละอุตสาหกรรมในแต่ละยุคสมัย เพียงแต่จะไม่เปิดเผยชื่อครับ เช่น กำหนดสถานการณ์ Theme Park ที่มีแผนขยายเปิดเพิ่มที่ฝรั่งเศส แล้วสมมติให้เราเป็นเจ้าของ Theme Park และต้องเจรจากับคนฝั่งรัฐบาลฝรั่งเศส และฝั่งรัฐบาลระดับท้องถิ่น"

"หรืออย่างวิชา Global Strategic Management เราได้ทำเกี่ยวกับกรณีศึกษาว่าเวลาบริษัทข้ามชาติ หรือ Multinational Corporation (MNC) ต้องการจะขยายธุรกิจ หรือเปลี่ยน Production Size เพื่อลดค่าใช้จ่าย ต้องทำยังไงบ้าง ฯลฯ เรียกว่าเกี่ยวกับงานปัจจุบันเต็มๆ เพราะเราขยายไปเปิด KBTG ที่ประเทศเวียดนาม"

"การเรียนไม่ได้อยู่แค่ในตึกหรือในแคมปัส

แต่ในรัฐและประเทศก็คือสถานที่ที่ควรออกสำรวจ

เพราะทุกวันคือการลงทุน ทำยังไงให้ได้ผลตอบแทนกลับมาคุ้มที่สุด"

"เวลาอเมริกาทำอะไรก็ส่งผลกระทบไปทั่วโลก อย่างน้อยแต่ละประเทศต้องออกข่าว ทุกคนเฝ้าจับตามองเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นลงดอกเบี้ย การได้มาเรียนในรัฐ Washington D.C. ที่เป็นฐานอำนาจด้านเศรษฐกิจและการเมืองแบบนี้ เราได้เข้าใจบทบาทหน้าที่หลายๆ อย่างขององค์กรใหญ่ สหประชาชาติ รัฐบาลกลาง หน่วยงานต่างๆ มีโอกาสได้ไป visit ทำเนียบขาว สภาคองเกรส พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน ธนาคารโลก และอีกหลายแห่ง"

"หรือเวลาที่ผู้นำระดับโลกเดินทางมาที่ Washington D.C. เรามีโอกาสได้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์นั้นด้วย เช่น ในสมัยอดีตประธานาธิบดี Barack Obama ปีสุดท้ายมีพิธีเปิด National African-American Museum ที่รัฐนี้ ผมเห็นข่าวตอนเช้า แล้วก็รีบอาบน้ำปั่นจักรยานไปที่นั่นเลย สรุปคือเจอทั้ง Obama และ George W. Bush // เป็นประสบการณ์ที่ผมไม่น่าจะหาได้จากที่ไหนอีกแล้วครับ!"

World Bank
World Bank
Photo by Markus Krisetya on Unsplash
เข้าสู่เว็บไซต์ Carey Business School

. . . . . . . . .

ปรับใช้สิ่งที่เรียนอย่างไร
กับงานใหญ่ที่ KBTG Vietnam

อะไรคือเป้าหมายของเรา และขององค์กร?

"สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับพฤติกรรมผู้บริโภค (Technology Adoption) ผมเลยอยากเป็นตัวกลางที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยากจะบูรณาการเทคโนโลยีเข้าไปในวัฏจักรชีวิตของแต่ละคนมากที่สุด หลังจบผมเลยเริ่มงานที่ Deloitte สร้างระบบให้ธนาคารทำงานง่ายขึ้น ลดขั้นตอน และเพิ่มประสิทธิภาพ จากนั้นผมย้ายมาที่ KBTG ซึ่งเป็นบริษัท IT ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้กับธนาคาร รวมแล้ว 400+ แอปพลิเคชันสำคัญๆ เช่น KPLUS ซึ่งมีผู้ใช้งานเกิน 21 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของธุรกรรมการเงิน (Digital Financial Transaction) ที่เกิดขึ้นในประเทศ ดังนั้นจะมีหน่วยงานภายใต้กำกับดูแลของรัฐ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากมายที่เราต้องให้ความสำคัญ"

"และตอนนี้ KBank กำลังขยายข้ามทวีป จับมือกับพันธมิตรในตลาดต่างๆ ไปเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว จีน ฯลฯ ผมอยากเป็นคนที่เดินไปพร้อมกับธุรกิจเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้คนในทวีป สามารถเข้าถึง Financial Ecosystem ได้ง่ายขึ้น มีบัญชีธนาคารมากขึ้น และหวังว่าจะลดค่าใช้จ่ายลงด้วย ส่วนเหตุผลที่เลือกเวียดนามเพราะเห็นจุดแข็งหลายๆ อย่างประกอบกัน เช่น วัฒนธรรมใกล้เคียงกับไทย ตั้งอยู่ในเขตเวลา (Time Zone) เดียวกัน และเป็น IT Talent Base มีบัณฑิตจบใหม่สาย STEM และ Computer Science ทั้งเยอะและมีศักยภาพสูง ความท้าทายเราจะเริ่มตั้งแต่การมองหาที่ตั้งออฟฟิศ ควรอยู่ตรงไหนถึงจะดึงดูดให้คนกลุ่มนั้นอยากทำงานกับเรา โดยที่ KBTG ยังเป็นเหมือนน้องใหม่ในตลาดประเทศเขา"

"ในชีวิตการทำงานผมได้ผสมผสานทักษะและประสบการณ์ และมารับมือกับสถานการณ์ที่เจอในแต่ละวัน ถ้าเป็นฝั่ง Soft Skills เราได้ฝึกเรื่องการทำงานเป็นทีม การทำงานร่วมกับผู้อื่น ภาวะผู้นำต่างๆ ได้รู้จักผู้นำแต่ละแบบว่าเป็นยังไงและเหมาะกับใช้ในสถานการณ์ไหน ณ เวลาไหนตอนเจอหน้างานหรือถ้าเป็น Hard Skills หลักๆ มีเรื่องการเงินและการบัญชี เช่น Profit & Loss (P&L) ของบริษัทจะเป็นอย่างไร Cash Flow พอมั้ย อยู่ได้อีกกี่เดือน การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ทั้งในมุมมองของการเงิน (Finance), เศรษฐกิจ (Economics), จริยธรรม (Ethics) และธรรมาภิบาล (Governance) เราจะบริหารอย่างไรให้องค์กรมีความโปร่งใส (Transparency) และเป็นไปตามข้อกำหนด ในขณะที่เราเป็นบริษัทสายเทคโนโลยี เราต้องคำนึงเรื่องความยืดหยุ่น สร้างบรรยากาศให้องค์กรได้คิดค้นไอเดียนวัตกรรมใหม่ๆ โดยไม่หลุดกรอบจากแนวปฏิบัติของประเทศและระดับนานาชาติ"

"และสกิลเฉพาะทางที่ขาดไม่ได้แน่นอนคือ Tech Skills หรือ Coding Skills ในหลักสูตร Johns Hopkins ที่ผมเรียนจะสอนเรื่องการบริหารโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Infrastructure), มิดเดิลแวร์ (Middleware), ซอฟต์แวร์ (Software) ต่างๆ ซึ่งโดยปกติเทคโนโลยีจะเปลี่ยนทุกๆ 4-5 ปี อาจช้าหรือเร็วกว่านั้น โดยเฉพาะโลกหลังเกิด COVID-19 เปลี่ยนเร็วมาก เช่น Web 3.0, Generative AI, AR, VR"

"เทคโนโลยีเป็นดาบสองคมที่มีข้อดีและข้อเสีย ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรม ที่จะต้องนำสิ่งใหม่ๆ มาเพิ่มในผลิตภัณฑ์ของธนาคาร หรือ Ecosystem ของธนาคาร สิ่งสำคัญคือการมี Know-how รู้ความเก่งของเทคโนโลยี จะหยิบมาใช้ด้วยวิธีไหนให้เกิดประโยชน์สูงสุด คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย"

"ส่วนตัวถ้าผมเป็น Hiring Manager สิ่งที่จะมองหามากกว่าคือ Growth Mindset เขาพร้อมปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือเปล่า ส่วนสกิลเขียนโค้ดต่างๆ เหล่านี้มาฝึกทีหลังได้ อย่างที่บอกครับ มันเปลี่ยนตลอดอยู่แล้ว"

. . . . . . . . .

ฝากถึงผู้อ่านวัยเรียน
"ไม่อยากให้มองข้ามอะไร
ถ้าสนใจเรียนต่อต่างประเทศ?"

1. ค้นหาตัวเองและสร้างโพรไฟล์

"เริ่มจากดูว่าตัวเองอยากไปสายไหน ถ้า Technology ก็ดูว่าเทคโนโลยีหรือภาษา Coding อะไรกำลังเป็นเทรนด์ เราต้องไม่หยุดเรียนรู้ และหาโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์แบบองค์รวม​ (Holistic) ให้มากที่สุด เพราะอย่างที่บอกครับว่ามหาวิทยาลัยจะไม่ได้สนใจแค่เรื่องวิชาการ ถ้าน้องๆ ที่ฟังอยู่กำลังเรียน ป.6 หรือ ม.1 ไม่ได้เร็วไปที่เริ่มสร้างโพรไฟล์ ทำกิจกรรม บิ๊วพอร์ตให้มีเรื่องกิจกรรมและแสดงภาวะความเป็นผู้นำ จะเป็นแต้มต่อในการสมัครเรียนมหาวิทยาลัยระดับโลกได้"

2. ตัดสินใจร่วมกับครอบครัวและผู้เชี่ยวชาญ

ไปเรียนต่างประเทศดีมั้ย? ไปไหนดี? ผมว่ามันคือการตัดสินใจร่วมกันในครอบครัว (Family Decision) นั่งคุยกับพ่อแม่ว่าเราอยากทำงานประมาณไหน จากนั้นเราอาจจะเริ่มจากหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ควบคู่กับมองหา First-hand experience ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ (Advisor) ทีมงานจากเอเจนซีที่มีประสบการณ์ตรง และปรึกษารุ่นพี่ศิษย์เก่าหรือคนในแวดวงอุตสาหกรรมนั้นๆ เพื่อตกผลึกว่าประวัติและ Portfolio ของเรา เหมาะกับการยื่นเข้ามหาวิทยาลัยไหนที่สุด"

3. วางแผนสร้างประสบการณ์ให้คุ้มค่าที่สุด

"การเรียนต่อต่างประเทศคือการลงทุนครั้งใหญ่ ทั้งเงินทุน เวลา และโอกาสที่จะอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว ผมอยากให้รุ่นน้องหาข้อมูล วางแผนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด หลักสูตรนั้นตอบโจทย์เราไหม มีเครื่องมือหรือทรัพยากรอะไรที่เราเข้าถึงได้บ้าง เช่น ช่วงหลังผมจบออกมา ทาง Edmonds College เริ่มโฟกัสไปทางด้าน Healthcare, Robotics, Science, Technology, Engineering, and Math (STEM) ผมเองรู้สึกว่าถ้าเพิ่งมาสมัครตอนนี้ อาจเปลี่ยนใจเรียนไปทาง STEM ก็ได้ เพราะเขาทั้งสร้างตึกใหม่และเตรียมสภาพแวดล้อมที่พร้อมมาก เตรียมไว้รอซัปพอร์ตเราเต็มที่เลยครับ"

"ปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนบ่อยและเปลี่ยนไว และใครๆ ก็ต่างเสริมทักษะการปรับตัว (Adaptability) ให้แกร่ง ไม่ว่าจะในแง่การทำงาน วัฒนธรรมองค์กร และสภาพแวดล้อมทีม องค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ Growth Mindset ครับ ผมจะบอกทีมงานเสมอให้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า How I can be a better version of myself today than I was yesterday? เราต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทุกวัน เรื่องเล็กน้อยหรือไม่เกี่ยวกับงานก็ได้ พอมันสะสมเป็นรายเดือน รายปี เราจะเก่งขึ้นและปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และจากที่ผมสัมผัสมาด้วยตัวเอง ประสบการณ์เรียนต่างประเทศทำให้เราได้ฝึกตัวเองตลอดเวลา เพื่อให้อยู่ในสังคมนั้นได้ และเรียนรู้สิ่งต่างๆ จนหล่อหลอมเป็นตัวเราในทุกวันนี้ครับ"

โอกาสดีบอกต่อ!

ใครอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียน Edmonds College หรือ Community College อื่นๆ เพื่อ Transfer เข้าสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำ สามารถ Add LINE  http://go.korpungun.com/lineoa เพื่อติดต่อสอบถาม และไม่พลาดโปรโมชันที่คุ้มกว่าเมื่อสมัครเรียนกับทาง "ก้อปันกัน" (Korpungun) นะคะ // บอกเลยว่ารีวิวแน่นสุดๆ พร้อมแชร์ข้อมูลแบบเจาะลึกส่งตรงจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่เรียนจริงจบจริง และบริการฟรีทุกขั้นตอนเพื่อให้การเรียนต่อต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายขึ้น~

**สำหรับผู้ที่สมัครเรียนต่อ Edmonds College กับ KPG ฟรีค่าธรรมเนียมการสมัคร 50 USD และสามารถขอทำแบบทดสอบภาษาของวิทยาลัยเพื่อใช้แทนผลสอบ IELTS ได้ฟรี!

 

คลิกเพื่อ Add LINEเข้าสู่เว็บไซต์ KPG Overseas

ข้อมูลอ้างอิง

https://korpungun.com/usa-community-college/https://korpungun.com/about-washingtonhttps://korpungun.com/partnership/edmonds-college https://www.edmonds.eduhttps://www.facebook.com/EdmondsCollegehttps://carey.jhu.edu 
ข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวประชาสัมพันธ์ - Columnist ข่าวประชาสัมพันธ์ภายในเว็บไซต์ Dek-D.com

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น