บันทึกลูกแม่โดมสู่กรุงโรมแห่ง 'อิตาลี' ได้ทุนไปเรียนฟรีที่ ม.อันดับ 2 ของประเทศ (Sapienza Università di Roma)

Ciao! ชาว Dek-D วันนี้เราจะพาไปทัวร์ประเทศในดินแดนยุโรปตอนใต้อย่าง “อิตาลี” กันค่ะ นอกจากประวัติศาสตร์และศิลปะจะเชิญชวนให้เช็กอินในฐานะนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีคนอีกมากที่อยากมาสัมผัสมุมการใช้ชีวิตในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัย  ซึ่งในทุกปีจะมีทุนจากกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ (Ministry of Foreign Affairs and International Cooperation; MAECI) หรือ “ทุนรัฐบาลอิตาลี” ทุนเต็มจำนวนสำหรับผู้ที่จะศึกษาต่อ ป.โท, ป.เอก, อบรมด้านศิลปะ ดนตรี และการเต้น, ศึกษาวิจัย หรืออบรมด้านภาษาและวัฒนธรรมอิตาเลียน

คนที่ไปเจอประสบการณ์แบบไหนกันบ้าง? มีมุมไหนประทับใจ และมุมไหนที่อยากให้เตรียมรับมือ​? วันนี้เรามีรีวิวจากหนึ่งในเด็กทุนอย่าง “พี่แป้ง” รุ่นพี่ศิษย์เก่าคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และนักเรียนทุนรัฐบาลอิตาลีด้วยค่ะ อัปเดตตอนที่ Dek-D สัมภาษณ์ พี่แป้งกำลังเรียน ป.โท ปี 2 คณะ Giurisprudenza สาขา European Union’s Law and Economics ที่ Sapienza University of Rome (ภาษาอิตาเลียน: Sapienza Università di Roma) นะคะ พร้อมแล้วไปเก็บข้อมูลกันเลยย!

. . . . . . . .

ลูกแม่โดม 
บินลัดฟ้าสู่กรุงโรม

สวัสดีค่า ชื่อ 'พี่แป้ง' นะคะ เรียนจบ ป.ตรี จากคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ได้ทุนรัฐบาลอิตาลีไปเรียน ป.โท ตอนนี้ใกล้จบแล้วค่ะ~

แป้งเริ่มสนใจกฎหมายระหว่างประเทศ (International Law) ตั้งแต่ตอนเรียน ป.ตรี บวกกับส่วนตัวมองว่าศิลปะและประวัติศาสตร์ของอิตาลีก็น่าสนใจเหมือนกันค่ะ ที่สำคัญคือเราได้ทุนรัฐบาลอิตาลี ซึ่งมอบแบบเต็มจำนวน เลยถือโอกาสนี้มาเรียนและเที่ยวไปในตัว (เราชอบเที่ยวต่างประเทศมากๆ มาเรียน 1 ปี เที่ยวยุโรปไปแล้ว 13 ประเทศ​ ถ้าอยู่ที่นี่จะเดินทางง่าย มีวีซ่าเชงเก้น และประหยัดกว่าบินจากไทยหลายเท่า)

พอปักประเทศแล้วเราก็มาหาหลักสูตรที่ใกล้เคียงความสนใจที่สุด และลงตัวที่ European Union’s Law and Economics ภายใต้คณะ Giurisprudenza (กฎหมาย/Law) ที่ Sapienza Università di Roma **อันดับ 2 ของประเทศ Top134 ของโลก อ้างอิงจาก QS World Rankings 2024 และยังเก่าแก่อันดับ 2 รองจากแค่ Università di Bologna มีหลายคณะดังๆ เช่น แพทย์ สถาปัตย์ กฎหมาย วิศวะ ฯลฯ

. . . . . . . .

กว่าจะได้เป็นนักเรียนทุน

เริ่มจากมีเจ้าหน้าที่สถานทูตอิตาลีแนะนำให้รู้จักทุนนี้ค่ะ แป้งขอเล่าวิธีสมัครโดยแบ่งเป็น 2 ส่วน เพราะเราจะต้องดำเนินการสมัครแยกกัน นั่นคือ สมัครเรียนให้ติดก่อน -> นำใบตอบรับเข้าเรียนไปสมัครทุน

สมัครมหาวิทยาลัย

1. เข้าเว็บมหาวิทยาลัยที่สนใจเพื่อเช็กระเบียบการ หลักสูตรที่เปิดรับสมัคร เงื่อนไข คุณสมบัติ วันหมดเขต ฯลฯ
2. ยื่นเอกสารประกอบการสมัคร เช่น ใบเกรด (Transcript), ใบรับรองการเรียนจบ ป.ตรี, Motivation Letter, Letter of Recommendation, คะแนนภาษาระดับ B2 ฯลฯ คำแนะนำการเขียน Motivation Letter – ศึกษาข้อมูลมหาวิทยาลัยเยอะๆ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการเขียน แนะนำให้เล่าประสบการณ์ทำงาน เหตุผลที่อยากมาเรียนต่อสาขา & มหาวิทยาลัยนี้ ความสอดคล้องกับ background และเป้าหมาย การนำความรู้ไปใช้ต่อในอนาคต
3. ดำเนินการตามขั้นตอนการคัดเลือกของหลักสูตรนั้นๆ
4. เมื่อติดมหาวิทยาลัยแล้ว จะต้องเข้าไปยืนยันที่เว็บ https://www.universitaly.it ด้วย

**แป้งสมัครไป 3 มหาวิทยาลัย แนะนำให้เผื่อเวลาสักครึ่งปี อาจสมัครสักช่วง ม.ค.-ก.พ. เพราะแต่ละปีมหาวิทยาลัยจะมีนักศึกษาเข้าใหม่เยอะมาก อาจทำให้การออกเอกสาร summary of pre-enrollment ล่าช้า ซึ่งหลังจากได้ทุน เราต้องนำเอกสารตัวนี้ไปยื่นขอวีซ่า และใช้ยื่นให้แผนกการศึกษาและวัฒนธรรมของสถานทูตอิตาลีด้วย (สมมติได้รับเอกสารไม่ทันอาจมีปัญหาได้ค่ะ)

กรณีนักเรียนทุนรัฐบาลอิตาลี ถ้าเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐ จะเสียค่าเทอมเพียง 30 EUR/ปี (เงื่อนไขอยู่ที่แต่ละมหาวิทยาลัย) แต่ถ้ามหาลัยเอกชน จะได้เฉพาะเงินเดือน ประมาณ 900 EUR และจ่ายค่าเทอมเองค่ะ

สมัครทุนรัฐบาลอิตาลี

1. เมื่อได้ใบตอบรับเข้าเรียน (Admission Offer) จากมหาวิทยาลัยแล้ว ให้เข้าไปกรอกใบสมัครบนเว็บ https://studyinitaly.esteri.it เพื่อสมัครทุนรัฐบาลอิตาลี **กรณีนักเรียนไทย สถานทูตอิตาลีประจำประเทศไทยจะเป็นผู้พิจารณา
2. อัปโหลดเอกสารที่กำหนด เช่น
   • Admission Offer
   • คะแนนสอบวัดระดับภาษา (ถ้าสมัครหลักสูตรภาษาอังกฤษ ใช้คะแนน IELTS ระดับ B2 ขึ้นไป หรือถ้าสมัครหลักสูตรภาษาอิตาเลียน ก็ใช้คะแนนวัดระดับภาษาอิตาเลียน B2 ขึ้นไปเช่นกันค่ะ)
   • ใบผลการเรียน (Transcript)
   • ใบรับรองการจบ ป.ตรี
   • จดหมายแนะนำ 2 ฉบับ
   • Motivation Letter ประมาณ 1,000 คำ
   • EUROPASS CV
3. ผ่านเข้ารอบเอกสาร -> เข้าสู่รอบสัมภาษณ์
4. สัมภาษณ์ผ่าน เตรียมจองตั๋วแล้วแพ็กกระเป๋าได้เลยยย~

. . . . . . . . 

ช่วงเวลาแห่งการรอคอย
และด่านวัดใจช่วงปรับตัว

แนะนำให้เตรียมภาษาอิตาเลียนมาเพื่อให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น อย่างน้อยสั่งอาหารและติดต่อราชการได้ เพราะคนที่โรมแทบไม่พูดภาษาอังกฤษเลย ซึ่งจะรวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยค่ะ 

ในช่วงเริ่มต้น ทางมหาวิทยาลัยจะมีคอร์สออนไลน์ภาษาอิตาเลียน A1 ให้ 1 คอร์ส ถ้าจะเรียนคอร์สต่อๆไป ต้องไปลงเรียนกับทางสถาบันภาษาของรัฐบาล ซึ่งต้องใช้ใบอนุญาตการมีถิ่นที่อยู่ (Resident Permit Card) เพื่อยื่นสมัครเรียนได้ *เราทำเรื่องทันทีตั้งแต่มาถึงอิตาลี แต่ใช้เวลานานพอสมควร ทำให้เริ่มเรียนภาษาได้จริงจังตอนปี 2

. . . . . . . .

เรียนกฎหมายและเศรษฐกิจ EU
ท่องจำเยอะ คะแนนสอบ 100% เกือบทุกวิชา

เดี๋ยวแป้งจะขอรีวิวกว้างๆ เกี่ยวกับการเรียนสาขา European Union’s Law and Economics นะคะ **เป็นภาคอินเตอร์ เรียนภาษาอังกฤษล้วน

ด้วยความที่สหภาพยุโรป (European Union; EU) มีสมาชิกประเทศเยอะ จึงต้องมีกฎหมายที่บังคับใช้ร่วมกันเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยที่กฎหมายประเทศนั้นห้ามขัดต่อกฎหมาย EU ตอนเรียนก็จะเป็นทฤษฎีตามด้วยกรณีศึกษา (Case Studies) ท่องจำเยอะ แต่ไม่ใช่การจำมาตราค่ะ อย่างในวิชา “European Italian Public Law” เราจะได้เรียนรัฐธรรมนูญ ระบบการปกครอง และการบริหารราชการของอิตาลี เปรียบเทียบกับระบบกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศอื่นๆใน EU ค่ะ

ส่วนใหญ่คะแนนจะมาจากการสอบ 100% เกือบทุกวิชา และมักเป็นสอบปากเปล่า นานๆจะมีวิชาที่มีคะแนนการมีส่วนร่วม การนำเสนองาน แล้วมีคะแนนสอบแค่ 20-30% ช่วงก่อนสอบทุกคนจะซีเรียสมากกก อ่านกันตาแตก ห้องสมุดเต็มตลอด แต่สำหรับเราคิดว่า ถ้าเทียบกับกฎหมายที่เรียน ป.ตรี อันนั้นจะเข้มข้นกว่ามาก เหมือนเราพอมีภูมิคุ้มกันมาก่อนแล้ว 555

ด้านล่างนี้จะเป็นตัวอย่างวิชาในสาขา EU’s Law and Economics ปีการศึกษา 2023/2024 (ล่าสุด) บนเว็บไซต์ทางการของ Sapienza Università di Roma ค่ะ

• Business Law
• European and Italian Public Law
• Economics of European Integration
• Hermeneutics and European law
• History of International Relations and European Institutions
• Law and Economics (I-II)
• European Political Economy

. . . . . . . . 

สังคมความหลากหลายสูง

Rome เป็นเมืองที่มีหลากหลายวัฒนธรรม และมีประชากรเป็นจำนวนมาก ทั้งคนท้องถิ่น นักเรียนต่างชาติ ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ เตรียมใจว่าเราอาจเจอปัญหาเรื่องความแออัด ความวุ่นวาย หรือความไม่สะอาดต่างๆ 

จากประสบการณ์เราเจอทั้งคนที่ใจดีมากก น่ารัก น่ากลัว ท่าทางไม่น่าไว้ใจ หรืออาจมาแบบ 2in1 ก็มี เช่นมีครั้งนึงแป้งกับเพื่อนนั่งรถไฟกลับจาก Pisa ไป Florence แล้วในขบวนมีคนมาเป็นแก๊งใหญ่ๆ โหวกเหวกโวยวายเต็มรถ อารมณ์เหมือนเด็กยกพวกตีกัน แป้งกับเพื่อนมองหน้ากันเลิ่กลั่กว่าจะโดนลูกหลงไหมนะะ เอายังไงดี ปลายทางก็ยังอีกไกล จู่ๆ มีชายชาวอิตาเลียนอีกคนนึง น่าจะรู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีเหมือนกัน  เลยเดินเข้ามาชวนแป้งกับเพื่อนลงสถานีต่อไป แล้วเขาจะขับรถไปส่งที่ Siena 

ตอนนั้นก็มีลังเลเพราะไม่รู้จักเขามาก่อน แต่คิดว่าอยู่บนรถไฟต่อจะอันตรายกว่า เลยติดใจรับความช่วยเหลือนั้น สุดท้ายเขาก็ขับมาส่งถึงที่อย่างปลอดภัยค่ะ นี่เป็นเหตุการณ์นึงที่ระทึกแต่ประทับใจความใจดีของคนอิตาเลียนสุดๆ!

และในชีวิตประจำวันทั่วไปก็มีเหตุการณ์เล็กๆ อย่างเช่นตอนแป้งไปซื้อของที่ Siena เตรียมทำอาหาร แต่เป็นของแค่ 1 ขีด ราคา 3 ยูโร แต่ลุงคนขายบอกไม่ต้องจ่าย ให้ฟรีเลย! เราตกใจมาก เขาจะขาดทุนไหมเนี่ยย ถ้าตีเป็นเงินไทยก็ 100 กว่าบาทเหมือนกันนะะะะ

. . . . . . . . 

รีวิวชีวิตที่อิตาลีใน 4 ข้อ
สรุปมุมประทับใจ vs. มุมที่ควรเตรียมรับมือ

1. ระบบขนส่งสาธารณะดีและราคาถูก ปกติค่าเดินทางเที่ยวละ 1.5 EUR แต่เราสามารถซื้อบัตรรายเดือน 35 EUR (~1,000 บาท) ใช้ขึ้นรถบัส, metro, tram ขึ้นได้ทั้งเดือนแบบไม่จำกัดครั้ง ไม่รวมรถไฟความเร็วสูง 
    
2. แต่ถ้าจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่นี่มีสายครอบคลุมทั่วประเทศตั้งแต่เหนือจรดใต้ และใต้ขึ้นเหนือ สมมติเดินทางไปเมืองมิลาน (Milano) ที่ห่างออกไป 700 กิโลเมตร โดยใช้เวลาแค่ 2-3 ชั่วโมงเองค่ะ
    
3. สามารถใช้บัตรนักศึกษาเป็นส่วนลดในโรงอาหารหรือค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ได้ และถ้าใครเป็นสายชอบเสพงานศิลปะดนตรีต่างๆ จะมีบัตร MIC card จ่ายปีละ 5 ยูโร (~182 บาท) เข้ามิวเซียมฟรีทุกแห่งแบบไม่มีจำกัด
    
4. กรุงโรมค่าครองชีพไม่เบา ต้องบริหารเงินจากทุนให้ดี ค่าที่พักค่อนข้างสูง ส่วนค่าอาหารข้างนอกขั้นต่ำปตกมื้อนึงประมาณ 5-7 EUR แต่ในโซนนักศึกษาจะมีอาหารเซ็ตละ 4 EUR ได้พิซซ่า 1 ถาดใหญ่ น้ำอัดลม ขนมทานเล่น ถ้าทำอาหารเองจะช่วยประหยัดได้เยอะ
    
5. สังคมที่โรมมีความหลากหลายสูง เราจะได้เพื่อนใหม่จากหลากหลายชาติ แต่ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวรู้ คนยุโรปรู้ ทุกคนรู้ ก็คือกรุงโรมมี Pickpockets (=โจรล้วงกระเป๋า) เยอะมาก โดยเฉพาะสถานีใหญ่ๆ สถานที่ฮิตๆ ยิ่งอันตราย บางครั้งมิจฉาชีพอาจเนียนตีสนิทกับนักท่องเที่ยวแล้วเนียนฉกเงินไป **ต้องมีสติ และแนะนำว่าอย่าเดินคนเดียวตอนกลางคืนนะคะ

. . . . . . . . 

ชวนอ่านบทสัมภาษณ์บน Dek-D
#รีวิวอิตาลี จากหลากหลายเมือง

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

You’re Invited!
อยากปรึกษา 1:1 กับพี่แป้งตัวจริง
พบกันที่ไบเทคบางนา 27 เม.ย. 2024

รอบนี้พิเศษมากก!! Dek-D’s Study Abroad Fair ได้รับเกียรติจากรุ่นพี่นักเรียนทุนและจบนอกจากประเทศยอดนิยมตอบรับคำเชิญมาประจำบูธใหญ่ของพวกเรา เพื่อให้น้องๆ และผู้ปกครองในงานสามารถ Walk-in ปรึกษาได้ตัวต่อตัว ไม่ว่าจะเป็น รุ่นพี่ทุน Erasmus+ (ยุโรปและอเมริกา), Fulbright (อเมริกา), Chevening (สหราชอาณาจักร), DAAD (เยอรมนี), Franco-Thai (ฝรั่งเศส), ทุนรัฐบาลอิตาลี, จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ทุนรัฐบาลไทย (ก.พ./UiS) รวมถึงรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยในสกอตแลนด์และออสเตรเลีย 

"พี่แป้ง" จะสแตนด์บายที่บูธปรึกษากับน้องๆ แบบ 1:1 ในวันที่ 27 เมษายน 2024 และห้ามพลาดไฮไลต์อีกมากมายในงานนี้ค่ะ!