รวบตึง 10 เรื่องไม่ลับฉบับ MIT ม.อันดับหนึ่งของโลกที่ไม่ได้มีดีแค่การศึกษา!

สวัสดีชาว Dek-D ทุกคนครับบ! ถ้าพูดถึงมหาวิทยาลัยดังระดับโลก แน่นอนว่า 'MIT' หรือ 'Massachusetts Institute of Technology' คงจะเป็นชื่อแรกที่หลายคนคิดถึงกันใช่มั้ยครับ โดย MIT ได้รับการขนานนามว่าเป็นสถาบันที่เข้ายากที่สุดในสหรัฐอเมริกา แถมยังได้รับการจัดอันดับจาก QS World University Rankings ให้เป็นอันดับที่ 1 ด้วย 100 คะแนนเต็ม และยังครองแชมป์เบอร์ 1 ติดต่อกันหลายปีอีกด้วย // เกินต้านจริงๆ ครับ! 

การที่ได้คะแนนเต็มทุกปีแบบนี้แปลว่าที่ MIT ไม่ได้มีดีแค่ทางด้านการศึกษาและงานวิจัยเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าคุณภาพชีวิตของนักเรียน สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก หรือการจัดการระบบของมหาวิทยาลัยก็ต้องดีมากๆ ตามไปด้วย วันนี้พี่น้ำพุเลยพาทุกคนไปลัดเลาะทำความรู้จัก MIT ให้มากขึ้นกับ 10 เรื่องปังๆ ของสถาบันแห่งนี้ จะมีเรื่องอะไรที่เรายังไม่รู้อีกบ้าง เลื่อนหน้าจอมาหาคำตอบกันต่อเลย~

ทำความรู้จัก MIT กันสักหน่อย! 

Credit:
Credit: MIT Website

MIT หรือ Massachusetts Institute of Technology เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาซูเชตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1861 มหาวิทยาลัยนี้โดดเด่นในด้านการศึกษาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการทำวิจัย เป็นสถานศึกษาชั้นนำที่เน้นการนำความรู้ที่ได้เรียนมาไปใช้ปฏิบัติจริงซึ่งสอดคล้องกับคำขวัญประจำมหาวิทยาลัยที่ว่า ‘Mind and Hand’ ที่หมายความว่า คนเราต้องใช้ทั้งสติปัญญาและการลงมือทำจึงจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้สำเร็จ นอกจากนี้ MIT ยังขึ้นชื่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมและชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีของนักเรียนและบุคลากรในมหาวิทยาลัยอีกด้วย

อุ่นเครื่องทำความรู้จักกันไปคร่าวๆ แล้ว เราไปกันต่อกับ 10 เรื่องไม่ลับฉบับ MIT ตามไปเปิดรั้วแบบอินไซต์เพื่อเข้าถึงความเป็นสถาบันหัวกะทิของโลกกันต่อดีกว่า เริ่มเลอที่ข้อแรก!

1. MIT เป็นมหาวิทยาลัยเปิดกว้าง โอบรับทุกความหลากหลาย

Credit:
Credit: MIT Website

MIT ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายจนเรียกได้ว่าแทบไม่มีเชื้อชาติหรือชนชาติใดเป็นกลุ่มใหญ่เลยครับ เพราะในแต่ละปีที่มีนักศึกษาหัวกะทิตบเท้าเข้าเรียนกว่า 4,500 คน โดยมาจากรัฐต่างๆ ของอเมริกาและอีกร้อยประเทศทั่วโลก ซึ่งในคลาสและทุกกิจกรรมล้วนขับเคลื่อนด้วยความหลากหลาย แต่ละคน Unique ทั้งแง่ประสบการณ์ การศึกษา รวมถึงพื้นหลังด้านสังคมวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ

ยิ่งไปกว่านั้น MIT ยังมีหน่วยงาน ‘LGBTQ+ Service’ ที่จัดตั้งขึ้นชื่อซัปพอร์ตนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมถึงให้ความสำคัญกับสร้างประโยชน์แก่สาธารณะ เช่น ต้อนรับบุคคลภายนอกที่ต้องการใช้สถานที่หรือทรัพยากรของมหาวิทยาลัย อย่างเช่น ห้องสมุดหรือพิพิธภัณฑ์ ฯลฯ และมีแชร์ Wi-Fi  ฟรีให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้แม้จะไม่ใช่เด็ก MIT ก็ตาม~

2. นักเรียนปีหนึ่งทุกคนต้องอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย

ภาพหอพัก Maseeh Hall:
ภาพหอพัก Maseeh Hall: MIT WEBSITE

ข้อนี้ก็อาจจะเหมือนกับหลายๆ มหาวิทยาลัยในไทยที่จะมีกฎให้นักศึกษาพักอยู่หอใน ซึ่งทาง MIT เค้าเชื่อว่า ‘ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านจากช่วงมัธยมปลายไปสู่มหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่สำคัญของชีวิต’ ดังนั้นเหล่า Freshmen จึงควรได้รับการดูแลเป็นอย่างดีภายใต้บุคลากรและกฎเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้แล้วการอาศัยอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัยยังเป็นประโยชน์ต่อตัวนักเรียนเองด้วย ทั้งได้อยู่ใกล้กับ​ห้องเรียน เข้าถึงแหล่งทรัพยากรและสถานที่ต่างๆ ในมหาวิทยาลัยได้ง่าย ทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกขึ้นนั่นเองครับ และที่สำคัญคือทำให้นักเรียนปีหนึ่งทุกคนได้คุ้นเคยกับตัวแคมปัส และยังเพิ่มโอกาสให้พวกเขาได้เข้าสังคมพบปะกับเพื่อนฝูง สร้างคอนเน็กชันกันอีกด้วย

3. เป็นเจ้าของรางวัลโนเบลกว่า 100 รางวัล

Credit:
Credit: MIT Website

รู้หรือไม่ว่า MIT ได้รับรางวัลโนเบลที่มาจากทั้งบุคลากรและศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยรวมแล้วกว่า 101 รางวัล! โดยส่วนใหญ่จะเป็นด้านฟิสิกส์และเคมี ถือว่าเป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพด้านการศึกษาที่ดีเยี่ยมและความเข้นข้นของงานวิจัย เรียกว่ายอดเยี่ยมสมมงการเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกจริงๆ ครับ 

4. MIT ประกาศผล Admission ในวัน ‘Pi Day’

Credit:
Credit:  Open Learning MIT

มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘วันพาย’ หรือ ‘วันการประมาณค่าพาย’ ไหมครับ? วันที่ 14 มีนาคมของทุกปีจะถือว่าเป็นวันฉลองค่าคงตัวทางคณิตศาสตร์ที่เรารู้จักกันว่าค่าพาย (π) เหตุผลคือพายมีค่าประมาณอยู่ที่ 3.14 ซึ่งตรงกับตัวเลขวันและเดือนดังกล่าวนั่นเอง

ที่ MIT เค้าจะมีธรรมเนียมประกาศผลการรับเข้ามหาวิทยาลัยในวันดังกล่าว และต้องประกาศในช่วง 06.38 p.m. เท่านั้น เนื่องจากเวลาดังกล่าวที่ดันไปตรงกับจำนวนค่าเทา (Tau) หรือก็คือ 2 เท่าของค่าพายนั่นเอง วันพายนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของนักเรียนใน MIT และก็เป็นวันที่ทำให้ใครต่อหลายคนสมหวังและเสียน้ำตา กลายเป็นกิมมิกเก๋ๆ ในการประกาศผลแอดมิชชัน สมกับการเป็นมหาวิทยาลัยตัวตึงของโลกในด้านคณิตศาสตร์จริงๆ ครับ!

Note: ในแต่ละคณะของมหาวิทยาลัยยังมีกิจกรรมน่ารักและน่ากิน เพราะไหนๆ คำว่า ‘Pi’ ก็เล่นเสียงกับคำว่า ‘Pie’ ได้ ในวันพายเค้าก็เลยจัดกิจกรรมอบขนมและแลกเปลี่ยนขนมพายให้กันและกันซะเลยครับ

 5. Study hard, Play harder 

ถ้าพูดถึงกิจกรรมมหาวิทยาลัย หลายคนอาจนึกถึงเรื่องกีฬาหรือชมรมต่างๆ ใช่มั้ยครับ แต่ของ MIT มีไฮไลต์ที่น่าสนใจและแบบสับแบบใหม่กว่านั้น ที่นี่เค้าเต็มที่กับ ‘การเล่น’ ไม่น้อยไปกว่า ‘การเรียน’ เพราะเค้าเปรียบสถาบันเป็นสนามเด็กเล่นที่เต็มไปด้วยโอกาสและความคิดสร้างสรรค์ เห็นได้จากกิจกรรมสนุกๆ และชมรมเก๋ๆ ยกตัวอย่างเช่น

ห้องทดลองช็อกโกแลต

ใครเป็นสายหวานบอกเลยฟินไม่ไหว! เพราะที่นี่มี  MIT Laboratory for Chocolate Science ซึ่งเป็นชมรมที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2003 เพื่อเป็นพื้นที่แบ่งปันความชอบของเหล่า Chocolate lover โดยเฉพาะ ซึ่งชมรมนี้เค้าไม่ได้ตั้งเพื่อเปิดวาร์ปความอร่อยแค่เพียงอย่างเดียวนะครับ  แต่ยังแชร์ความรู้เกี่ยวกับช็อกโกแลตในด้านต่างๆ ให้กับคนในคอมมูนิตีี้ของ MIT อีกด้วย โดยกิจกรรมก็มีให้ร่วมจอยมากมาย ตั้งแต่การจัดงานทดลองชิมช็อกโกแลตในรูปแบบต่างๆ การจัดบูทแจกช็อกโกแลตร้อน หรือแม้กระทั่งจัดเวิร์กชอปสอนเกี่ยวกับช็อกโกแลตแบบเป็นเรื่องเป็นราวก็มีนะ!

วันแห่งการเล่น

Credit:
Credit: studentlife.mit.edu

หรือที่ชาว MIT รู้จักกันในชื่อ Day of Play จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุกปีเพื่อให้ทุกคนได้มาปลดปล่อยความเครียดจากการเตรียมอ่านหนังสือสอบปลายภาค  ซึ่งเด็ก MIT จะพากันหยุดพักจากการเรียนและออกมาเล่นที่สนามหญ้าของมหาวิทยาลัยอย่างคึกคัก มีกิจกรรมและการละเล่นตระเตรียมไว้พร้อมให้นักศึกษาเล่นและปลดปล่อยอารมณ์เต็มที่! 

ยกตัวอย่างกิจกรรมในวัน Day of Play เช่น บันจีจัมป์ เจงก้า และเป่าฟองสบู่ ส่วนใครที่ไม่ใช่สายเล่นแบบออกแรง MIT เค้าก็มีสัตว์น่ารักๆ เช่นน้องหมา ลูกเจี๊ยบ ลูกแพะ หรือน้องหมูให้นักเรียนได้เข้ามาอุ้มเล่นกันด้วย เชื่อว่ากิจกรรมเหล่านี้น่าจะฮีลใจบรรดานักศึกษาได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ

6. วัฒนธรรมการเล่นอำผ่าน ‘การแฮก’ (Hack)

Credit:
Credit: hack.mit

อย่างที่เกริ่นไปด้านบนว่า MIT เค้าจริงจังกับการเล่นไม่แพ้การเรียน และถึงแม้สายตาของคนนอกจะมองว่าเนิร์ดแต่ก็มีมุมฮาๆ ไร้สาระเหมือนกันนะ ซึ่งที่นี่เค้าเรียกกันว่า ‘Prank Culture’ วัฒนธรรมการเล่นตลกสไตล์ MIT ที่มีเรื่องการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเอี่ยวด้วย นั่นก็คือการแฮกนั่นเองครับ  

ยกตัวอย่างการเล่นอำในปี 2012 ที่แฮกเกอร์จาก MIT ได้เปลี่ยนตึกสูงที่สุดในเมืองเคมบริดจ์อย่างตึก ‘Green Building’ ให้กลายเป็นหน้าจอสำหรับการเล่นเกม Tetris ขนาดยักษ์ ที่เจ๋งคือเราสามารถเล่นเกมนี้ได้จริงๆ ด้วย! และถึงแม้เป็นการอำแบบขำๆ แต่ก็ทำให้เป็นตำนานได้ เพราะว่าเค้ามีการเตรียมการวางแผนเป็นเวลากว่า 5 ปีเลยนะครับ (ลงทุนมากกก!)   แต่ยังไงก็ตามเราต้องเข้าใจว่าการเล่นแฮกนี้ควรเล่นอยู่ในขอบเขตและเน้นความสร้างสรรค์มากกว่า ที่สำคัญคือต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นด้วยครับ

7. เป็นสถานที่ที่ปรากฎอยู่ในจักรวาล Marvel

Credit:
Credit: marvel.fandom.com

อีกสิ่งหนึ่งที่ใครหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้คือใน Marvel Comics นั้นมีการพูดถึง MIT แบบโต้งๆ อยู่หลายครั้ง เรียกได้ว่าเขาเอาสถานที่จริงๆ ใน MIT มาเป็นหนึ่งในฉาก (Setting) สำคัญของตัวเองเลยก็ว่าได้ 

ยกตัวอย่างเช่น ‘โทนี สตาร์ก’ พ่อหนุ่มไอรอนแมนของเราเป็นศิษย์เก่าสาขาฟิสิกส์และวิศวกรรมไฟฟ้าที่ MIT แห่งนี้ด้วยนะ ซึ่งความพีคคือเค้าเข้าเรียนตอนอายุ 15 ปี! หรือแม้กระทั่งจอมวายร้ายในสไปเดอร์แมนอย่าง ‘ดอกเตอร์ออกโทปุส’ ก็จบการศึกษาในอันดับที่สูงมากๆ จากที่นี่ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้แล้วในภาพยนตร์ของจักรวาล Marvel หลายๆ เรื่องก็ยังมีการใช้โลเคชันของมหาวิทยาลัยในการถ่ายทำอีกด้วย เช่น ในภาพยนตร์ Black Panther: Wakanda Forever - Captain America: Civil War และ Spider Man: No Way Home รวมถึงมีหลายซีนที่ตัวละครพูดถึงมหาวิทยาลัย รู้แบบนี้คงจะเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยครับว่ามหาวิทยาลัยนี้ดีขนาดไหน ขนาดตัวละครเก่งๆ ในจักรวาล Marvel ยังให้การยอมรับ MIT เลยครับ!

ภาพจากภาพยนตร์ Black Panther: Wakanda Forever ที่มี MIT เป็นฉากหลัง
ภาพจากภาพยนตร์ Black Panther: Wakanda Forever ที่มี MIT เป็นฉากหลัง 

8. มาสคอตประจำมหาวิทยาลัยที่เป็นตัวบีเวอร์!

Credit:
Credit: MIT Website

ที่ไทยมีน้องหมีเนย ส่วนที่ MIT มีน้องบีเวอร์เป็นมาสคอตประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งเรียกกันว่า  ‘Tim The Beaver’ เจ้าบีเวอร์ในเสื้อยืดมหาวิทยาลัยสุดน่ารักที่อยู่คู่สถาบันมากว่า 100 ปี! ว่าแต่ทำไมต้อง “บีเวอร์” (Beaver) ล่ะ? เหตุผลคือนิสัยโดยธรรมชาติของน้องคือเป็นสัตว์ช่างสงสัย ความอุตสาหะสูง และยังเก่งเรื่องการสร้างที่อยู่อาศัยด้วย ซึ่งตรงกับคุณค่าที่ชาว MIT ยึดถือกัน และสอดคล้องกับคุณสมบัติที่ดีของผู้ทำงานในแวดวงวิศวกรรมศาสตร์ ด้านกลไกเครื่องกล และเทคโนโลยี

เจ้า Tim the Beaver ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมาสคอตประจำมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1914 เรียกว่ามีอายุร้อยกว่าปีแล้ว!

9. เรียนที่ MIT แล้วอาจได้รับแต่งตั้งเป็น “โจรสลัด”

Credit:
Credit: FB MIT Recreation

น้อยคนที่จะรู้ว่า MIT แห่งนี้มีการออก Pirate Certificate หรือใบประกาศนียบัตรการเป็นโจรสลัดให้กับนักเรียนด้วย และจัดมอบครั้งแรกในปี ค.ศ. 2011 (ประมาณสิบกว่าปีก่อนเอง) แต่กว่าจะเป็นโจรสลัดได้ไม่ง่ายเลย นักเรียนคนนั้นจะต้องเรียนคอร์สยิงธนู คอร์สฟันดาบ คอร์สยิงปืน และคอร์สกีฬาเรือใบให้ผ่านครบทั้ง 4 คอร์ส จึงจะสามารถส่งอีเมลไปขอใบประกาศโจรสลัดนี้ได้ จุดประสงค์คือเพื่อส่งเสริมด้านสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียน และภายใต้ความจริงจังนี้คือ MIT จัดเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่สามารถนำใบเซอร์​ไปใช้ประกอบอาชีพหรือทำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับโจรสลัดได้นะครับ

10. สอบเข้าไม่ได้ก็มีคอร์สเรียนฟรีแจกเพียบ

Credit:
Credit: MIT News

  ไม่ว่าใครก็เรียนกับ MIT ได้! ใครที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์การเรียนแบบกับนักเรียน MIT ต้องห้ามพลาด OpenCourseWare  แหล่งเรียนรู้ที่ทาง MIT ได้รวบรวมคอร์สเรียนออนไลน์ไว้ให้กับบุคคลภายนอกไว้กว่าหลายพันคอร์ส ให้ทุกคนเข้าเรียนฟรีจากทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกหรือลงทะเบียนเรียนด้วยซ้ำ ซึ่งแต่ละคอร์สเค้าได้บันทึกวิดีโอการเรียนการสอนในห้องเลกเชอร์ของ MIT ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศในคลาสจริงว่าเป็นยังไง และความปังคือแค่ละหลักสูตรนั้นมี materials เอกสารประกอบให้สามารถดาวน์โหลดแบบฟรีๆ รวมถึงมี references งานวิจัยที่เกี่ยวข้องให้เราไปศึกษาเพิ่มเติมได้อีกด้วย แสดงให้เห็นถึงความเปิดกว้างของ MIT  ที่พร้อมมอบโอกาสทางด้านการศึกษาให้กับทุกคนแบบเต็มที่มากๆ 

#แถม ทุนการศึกษาที่ MIT

สำหรับใครที่มีเป้าหมายอยากศึกษาต่อที่ MIT แต่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่นี่ก็มีทุนให้เปล่าแบบไม่ต้องใช้คืนซึ่งบางส่วนมาจากเงินบริจาคจากศิษย์เก่าหรือองค์กรภายนอกต่างๆ และจากกองทุนของมหาวิทยาลัยนั่นเองครับ 

ในแต่ละปีมีนักเรียน MIT ที่ได้ทุนจากมหาวิทยาลัยมากถึง 58% เขาจะพิจารณาให้ทุนโดยใช้เกณฑ์เดียวกันทั้งหมดทั้งกรณีเป็นต่างชาติหรือเด็กอเมริกัน วิธีการก็เพียงเข้าเว็บมหาวิทยาลัยไปกรอกข้อมูลลงใน CSS Profile (College Board’s College Scholarship Service) ก็ถือว่านักเรียนได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาทุนแล้วครับ

สำหรับใครที่อยากศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาของ MIT เพิ่มเติม สามารถเช็กรายละเอียดที่เว็บไซต์ https://sfs.mit.edu/undergraduate-students/types-of-aid/mit-scholarship/ ได้เลยครับ

เล่าเส้นทางสู่รั้ว MIT 
ชีวิตเด็ก ป.ตรีเอกฟิสิกส์ควบมนุษยศาสตร์ 

อ่านรีวิวเต็มๆ ได้ที่ https://www.dek-d.com/studyabroad/58166/ 

……

เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 10 ข้อน่ารู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกอย่าง MIT หรือ Massachusetts Institute of Technology แต่ละข้อน่าสนใจมากๆ เลยใช่มั้ยครับ เห็นได้ชัดเลยว่ามหาวิทยาลัยนี้ไม่ได้เน้นแค่เรื่องด้านการศึกษา แต่ให้ความสำคัญมากในเรื่องความเท่าเทียม คุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของนักศึกษา แนะนำให้ลองแวะเยี่ยมชมของเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาข้อมูลได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้ครับ

คลิกเพื่อเข้าชมเว็บไซต์ MIT 

 

Reference:https://web.mit.edu/campus-life/https://chocolate.mit.eduhttps://studentlife.mit.edu/news/mit-takes-break-day-playhttps://mitadmissions.orghttps://ocw.mit.eduhttps://ir.mit.edu/awards-honorshttp://hacks.mit.edu https://sfs.mit.edu/undergraduate-students/apply-for-aid/international/https://studentlife.mit.edu/cac/event-services-spaces/adventures-tim-beaverhttps://physicaleducationandwellness.mit.edu/about/pirate-certificate/

 

Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น