Hello! สวัสดีครับชาว Dek-D ทุกคน มีใครเล็งการไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียกันอยู่บ้าง? ต้องบอกว่าเป็นประเทศที่ฮอตฮิตสุดๆ สำหรับคนไทยที่อยากไปเรียนหรือไปทำงานที่ต่างแดน เพราะนอกจากออสเตรเลียจะขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพชีวิตและโอบรับความหลากหลายแล้ว ที่นี่ยังเหมาะสำหรับคนที่ตั้งใจแพลนไปอยู่แบบยาวๆ หรือต่อยอดการขอ PR ในอนาคตอีกด้วย และหนึ่งในสายอาชีพที่มาแรงสุดๆ ที่ชาวต่างชาติหลายคนมักเลือกเรียนที่ออสฯก็คือ ‘การเรียนทำอาหาร’ (Cookery) นั่นเอง
สำหรับคนไหนที่สนใจงานครัว อยากไปควงตะหลิวเรียนทำอาหารคาว หรือร่อนแป้งเรียนทำเบเกอรี วันนี้ พี่น้ำพุ ได้รวบรวม 3 สถาบันชั้นนำที่สอนทำอาหารในออสเตรเลีย พร้อมกับหลักสูตรที่น่าสนใจของแต่ละที่มาฝากกัน จะมีสถาบันไหนและมีหลักสูตรอะไรน่าเรียนกันบ้าง เราไปดูพร้อมกันเลยครับ~
ทำไมต้องเรียนทำอาหารที่ออสเตรเลีย?
- ส่วนใหญ่ไม่ต้องมีประสบการณ์มาก่อนก็สามารถเรียนได้
- ราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการเรียนในสายอื่นๆ
- Visa นักเรียนในออสเตรเลีย (subclass 500) อนุญาตให้สามารถทำงานพาร์ตไทม์ระหว่างเรียนได้ (ปัจจุบันปี 2024 กฎหมายจำกัดจำนวนชั่วโมงการทำงานของนักเรียนต่างชาติไว้ที่ 48 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์)
- สามารถอยู่ทำงานต่อหลังเรียนเสร็จด้วย ‘วีซ่าหลังเรียนจบ’ (Graduated Visa)
- หากได้งานทำแล้วอาจได้รับ Sponsor Visa จากที่ทำงาน ให้สามารถอยู่ต่อที่ออสเตรเลียได้เรื่อยๆ จนหมดสัญญาจ้างงาน แถมยังสามารถสะสมชั่วโมงการทำงานเพื่อขอเป็นผู้พำนักถาวร (PR) ของที่นั่นได้อีกด้วย!
- เชฟเป็นสายอาชีพที่เป็นที่ต้องการสูง โอกาสในการทำงานเพียบ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทักษะและความสามารถของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ)
- เงินเดือนค่อนข้างสูง ประมาณ AU$70,000 (≈ 1,719,000 บาท) ต่อปี และยังเพิ่มสูงขึ้นได้อีกตามประสบการณ์
Note: อ้างอิงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 67
1 AUD = 24.50 บาท
ข้อควรรู้ก่อนการเรียนเชฟที่ออสเตรเลีย
ต้องบอกก่อนว่าการเรียนเชฟในออสเตรเลียแบ่งออกเป็นหลักๆ อยู่ 3 สาย ได้แก่
- Commercial Cookery (การทำครัวเชิงพาณิชย์) หรือ เชฟที่ทำงานในครัวทั่วไป มีหลายตำแหน่ง
- Pastry Chef หรือ เชฟขนมหวาน
- Baker หรือ เชฟทำขนมปัง
แต่กว่าจะเป็นเชฟในออสเตรเลียได้ เราต้องมีใบ Certificate ที่จะเป็นเครื่องมือการันตีทักษะความรู้และความเป็นมืออาชีพในการทำอาหารของเราเสียก่อน โดยแต่ละสายจะมีข้อกำหนดขั้นต่ำที่แตกต่างกันออกไปในการประกอบอาชีพ ดังนี้
- เชฟ (Chef) ต้องมีใบ Certificate III และ IV หรือ Diploma ในสาย Commercial Cookery (SIT30813)
- เชฟขนมหวาน (Pastry chef) ต้องมีใบ Certificate III และ IV หรือ Diploma ในสาย Patisserie (SIT31016)
- เชฟทำขนมปัง (Baker) ต้องมีใบ Certificate III ในสาย Retail Baking (Bread) (FDF30610)
Note: สำหรับคนที่อยากขอวีซ่าหลังเรียนจบและต่อยอดไปสู่การเป็น PR ต้องเรียนหลักสูตรเหล่านี้ให้ครบ 2 ปี เป็นอย่างต่ำ
.............
1. LE CORDON BLEU
พิกัด: Sydney
แน่นอนว่าถ้าพูดถึงสถาบันทำอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก หลายคนก็ต้องนึกถึงโรงเรียนเชฟที่มีจุดกำเนิดอยู่ที่ฝรั่งเศสอย่าง ‘เลอร์ กอร์ดอง เบลอ’ กันแน่ๆ เพราะการเรียนการสอนที่นี่เข้มข้นและจริงจังมาก อาจารย์ที่มาสอนส่วนใหญ่มีชื่อเสียงและประสบการณ์อย่างโชกโชนในวงการทำอาหาร อีกทั้งทางสถาบันยังมี Facilities ในครัวที่ครบครันและทันสมัยให้นักเรียนทุกคนได้ลองฝึกใช้กันอีก และขึ้นชื่อว่า Le Cordon Bleu ก็เป็นเครื่องการันตีถึงคอนเนกชันในวงการทำอาหารแบบแน่นๆ ทำให้คนที่จบไปส่วนใหญ่ได้กลายเป็นเชฟชื่อดังหรือไม่ก็ได้ทำงานเจ๋งๆ ในวงการอาหารกันทั้งนั้นครับ
ปัจจุบันโรงเรียนนี้เปิดสอนอยู่หลายสาขาทั่วออสเตรเลีย เช่น Adelaide, Sydney, และ Melbourne และขยายไปประเทศอื่นๆ อีกทั่วโลก (มีมาเปิดสาขาที่ไทยในชื่อ ‘เลอ กอร์ดอง เบอร์ ดุสิต’ ด้วยนะ)
ที่นี่มีทั้งหลักสูตรระยะสั้นและระยะยาว จะเลือกเรียนเป็นสายอาชีพ (Vocational) อนุปริญญา (Diploma) หรือปริญญา (Degree) ก็ได้ แถมหลักสูตรก็ครอบคลุมศาสตร์ในการทำอาหารหลากหลายสาขาอีก ดังนี้
- Cuisine (การทำอาหาร)
- Pastry & Confectionery (ขนมอบ & ขนมหวาน)
- Hospitality Management & Gastronomy (การบริหารจัดการธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรม & วิทยาการทำอาหาร)
- Gourmet & Short Courses (ศิลปะในการทำอาหาร & คอร์สระยะสั้นต่างๆ)
หลักสูตร Diplôme de Cuisine
ใครอยากได้ Diploma หรือวุฒิอนุปริญญาไว้ต่อยอดในสายงาน ห้ามพลาดหลักสูตรนี้เลยครับ เพราะเค้าได้มัดรวมองค์ความรู้และเทคนิคการทำอาหารสไตล์ฝรั่งเศสสุดหรูมาไว้ในคอร์สนี้แบบม้วนเดียวจบ! โดยจะได้เรียนรู้ทักษะการทำอาหารคาวเบื้องต้น ตั้งแต่การจับมีด เตรียมวัตถุดิบ ใช้อุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆ ไปจนถึงการจัดจาน นอกจากนี้เรายังจะได้เรียนรู้สูตรและลองทำอาหารฝรั่งเศสที่มีความหลากหลายตั้งแต่ซุป อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และขนมหวานแบบง่ายๆ แถมยังได้ฝึกนำเสนอจานอาหารตนเองรังสรรค์ออกมาให้มีสไตล์และน่าสนใจอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นคอร์สที่ปูพื้นฐานกันแบบแน่นๆ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากทำงานด้านอาหารสุดๆ
- ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งคอร์ส: AU$39,476 (≈ 969,429 บาท)
- ระยะเวลาในการเรียน: 15 เดือน (รวมฝึกงานในร้านอาหารอีก 6 เดือนแล้ว)
- ผลสอบวัดระดับภาษาที่ใช้ในการสมัคร: IELTS 6.0
- ใบประกาศนียบัตรที่ได้รับหลักเรียนจบ: Certificate III in Commercial Cookery
*หากเรียนจบแล้วสามารถต่อด้วยคอร์ส Certificat de Chef de Partie Cuisine อีก 1 ปี เพื่อเอาใบประกาศนียบัตร Certificate IV in Kitchen Management หลังจากนั้นจะสามารถขอ Graduated Visa เพื่ออยู่ทำงานต่อได้!*
.............
2. TAFE New South Wales
พิกัด: Sydney
อีกหนึ่งโรงเรียนสอนทำอาหารในซิดนีย์ที่มาแรงไม่แพ้กัน เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันชั้นนำในกลุ่มอาชีวศึกษา หรือที่เรียกกันว่า TAFE (Technical and Further Education) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในออสเตรเลียและทั่วโลก พูดง่ายๆ คือถ้าจบจากที่นี่ไปก็เหมือนเป็นประตูพาไปสู่โอกาสในการทำงานดีๆ ที่มากขึ้นนั่นเองครับ
จุดเด่นของสถาบันนี้คือการเน้นที่ภาคปฏิบัติเป็นหลัก เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้งานและประสบการณ์ในครัวของจริง (แอบกระซิบว่า ‘เชฟเอียน พงษ์ธวัช’ ก็เรียนจบมาจากที่นี่ด้วยนะ!) ที่สำคัญในหลักสูตร Food and Hospitality เค้าไม่ได้เปิดสอนแค่คอร์สเกี่ยวกับการทำอาหารเท่านั้น แต่ยังมีคอร์สที่เกี่ยวกับการบริการและการจัดการธุรกิจในสายงานด้านอาหารด้วยครับ ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเองสุดๆ
คอร์สทั้งหมดในหลักสูตร Food and Hospitality สามารถแยกออกมาเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้
- Baking and Patisserie (การอบ & การทำขนม)
- Cooking (การทำอาหาร)
- Food Processing (การแปรรูปอาหาร)
- Food Science and Technology (วิทยาศาสตร์อาหารและเทคโนโลยี)
- Holiday Parks and Resorts (ฮอลิเดย์พาร์กและรีสอร์ต)
- Hospitality (การบริการ)
- Hospitality Management (การบริหารจัดการธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรม)
- Kitchen and Catering Operations (การดูแลจัดการห้องครัวและงานจัดเลี้ยง)
- Winemaking (การทำไวน์)
หลักสูตร Certificate III in Patisserie
ขอเอาใจคนรักขนมหวานด้วยหลักสูตรเด่นของที่นี่กันบ้าง~ เพราะคอร์สนี้จะสอนเกี่ยวกับการทำเค้กและขนมหวานต่างๆ ทำให้เรานำความรู้ตรงนี้ไปต่อยอดในการเป็นเชฟขนมหวาน (Pâtissier) ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเราสามารถเลือกเจาะจงความเฉพาะทางของการทำขนมที่เราสนใจได้ ยกตัวอย่างเช่น การทำขนมปัง ขนมญี่ปุ่น ขนมเอเชีย และขนมเบเกอรีประเภทอื่นๆ
แต่ความปังยังไม่หยุดเท่านั้นเพราะนอกจากความรู้ในการทำขนมแล้ว ที่นี่ยังเน้นสอนสกิลต่างๆ ที่จำเป็นในการทำงานครัว เช่น การรักษาความสะอาด การเป็นผู้นำในครัว หรือการทำงานร่วมกันเป็นทีมอีกด้วย เป็นการฝึกทั้งให้ Hard skills และ Soft skills ให้นักเรียนทุกคนได้คุ้นชินกับสถานการณ์ในห้องครัวของจริงที่อาจจะมีความกดดันสูงนั่นเอง โดยเค้าการันตีว่าจบไปสามารถนำความรู้ไปต่อยอดเปิดร้านขนมของตัวเองหรือจะทำงานในโรงแรม 5 ดาวก็ยังได้!
- ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งคอร์ส: AU$15,480-16,100 (≈ 395,000 บาท)
- ระยะเวลาในการเรียน: 6 เดือน
- ผลสอบวัดระดับภาษาที่ใช้ในการสมัคร: IELTS 6.0
- ใบประกาศนียบัตรที่ได้รับหลักเรียนจบ: Certificate III in Patisserie
*หากเรียนจบแล้วสามารถต่อด้วยคอร์ส Certificate IV In Patisserie อีก 1 ปี เพื่อเอาใบประกาศนียบัตร ที่จะอนุญาตให้เราสามารถทำงานในสาย Pastry Chef และขอ Graduated Visa เพื่ออยู่ทำงานต่อได้!*
.............
3. William Angliss Institute
พิกัด: Melbourne
ปิดท้ายด้วยสถาบัน William Angliss Institute ที่เมลเบิร์น ถือเป็นอีกหนึ่งในโรงเรียนสอนทำอาหารที่เก่าแก่และเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในประเทศออสเตรเลีย ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1940 และได้ผลิตเชฟมากฝีมือในวงการอาหารมาแล้วนับไม่ถ้วน
จุดเด่นของการเรียนเชฟที่นี่คือมีการเรียนการสอนที่รวดเร็ว กระชับ และกระฉับกระเฉง (หลักสูตรส่วนใหญ่สามารถเรียนจบได้ภายใน 1 ปี) ทั้งนี้ก็เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนเข้าสู่เส้นทางอาชีพการทำอาหารให้ไวที่สุดนั่นเอง โดยมีทั้งหลักสูตรใบประกาศนียบัตร (Certificate) ไปจนถึงระดับปริญญาตรีกันเลยทีเดียว
หลักสูตรที่เปิดสอนมีดังนี้
- Patisserie (การทำขนมหวาน)
- Commercial Cookery (การทำครัวเชิงพาณิชย์)
- Baking (การทำขนมปัง)
- Food Science and Technology (วิทยาศาสตร์อาหารและเทคโนโลยี)
- Meat Processing (การแปรรูปเนื้อสัตว์)
- Culinary Management (การบริหารจัดการครัว)
- Food Studies (การศึกษาเกี่ยวกับอาหาร)
หลักสูตร Certificate III In Baking
หลักสูตรทำเบเกอรีสุดปังที่เราจะได้เรียนพื้นฐานอบขนมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการอบเค้ก คุกกี้ หรือขนมหวานอีกสารพัดสูตร โดยภาพรวมแล้วจะเน้นไปที่การทำขนมปัง หรือขนมที่ทำมาจากแป้งเป็นหลัก
วิชาที่เปิดสอนมีตั้งแต่การทำแป้งขนมปัง การใช้ยีสต์ การทำขนมปังแบบคาว การทำขนมปังโฮลวีต และอื่นๆ อีกมากมายที่คนรักขนมปังต้องชอบ จุดเด่นของคอร์สคือแต่ละคลาสมีขนาดเล็กกะทัดรัด มีนักเรียนไม่มากนัก ทำให้เราได้ดูการสอนทำขนมปังจากครูเชฟอย่างใกล้ชิด แถมอาจยังได้รับการประกบสอนแบบตัวต่อตัวอีกด้วย โดยหลังเรียนจบจะได้รับใบประกาศนียบัตรไปเสริมความปังให้โพรไฟล์ตัวเองครับ
- ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งคอร์ส: AU$20,400 (≈ 500,900 บาท)
- ระยะเวลาในการเรียน: 1 ปี
- ผลสอบวัดระดับภาษาที่ใช้ในการสมัคร: IELTS 6.0
- ใบประกาศนียบัตรที่ได้รับหลักเรียนจบ: CERTIFICATE III IN BAKING
*หากเรียนจบแล้วสามารถต่อด้วยคอร์ส Certificate IV In Patisserie อีก 1 ปี เพื่อเอาใบประกาศนียบัตร ที่จะอนุญาตเราก็สามารถทำงานในสาย Pastry Chef และขอ Graduated Visa เพื่ออยู่ทำงานต่อต่อได้*
หลักสูตร Diploma Of Food Science And Technology
ขอแถมคอร์สอนุปริญญาสำหรับสาย Food-Sci อีกสักใบ โดยหลักสูตรนี้จะผสมผสานความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ากับการทำอาหาร ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งศาสตร์ที่มีความสำคัญไม่แพ้กับงานเชฟในวงการเลย
โดยเราจะได้นำความรู้วิทย์ๆ และเทคโนโลยีอาหารเข้ามาใช้การรังสรรค์อาหารให้แต่ละจานออกมาอร่อย ปลอดภัย มีความสร้างสรรค์และดีต่อสุขภาพกว่าเดิม การเรียนการสอนก็จะมีทั้งการเลกเชอร์ และการเข้าแล็บเพื่อทำการทดลองและลงพื้นที่ทัศนศึกษาจริง โดยอาจารย์ที่สอนในหลักสูตรนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมการผลิตอาหารกันทั้งนั้น เรียกได้ว่าครอบคลุมและเจาะลึกวงการอุตสาหกรรมอาหารกันแบบเน้นๆ เลยครับ
- ค่าเล่าเรียนตลอดทั้งคอร์ส: AU$17,600 (≈432,200 บาท)
- ระยะเวลาในการเรียน: 1 ปี
- ผลสอบวัดระดับภาษาที่ใช้ในการสมัคร: IELTS 6.0
- ใบประกาศนียบัตรที่ได้รับหลักเรียนจบ: Diploma Of Food Science And Technology
.....................
เส้นทางการอยู่ทำงานต่อด้วย ‘วีซ่าหลังเรียนจบ’
เกริ่นไปก่อนหน้าแล้วว่าหลังจากเรียนหลักสูตรเชฟจนจบ 2 ปีและได้ใบ Certificate แล้ว เราสามารถขอออกวีซ่าเพื่ออยู่ต่อชั่วคราว (Subclass 485 Visa) ได้ การถือวีซ่านี้ทำให้เราสามารถอยู่ทำงานต่อที่ออสเตรเลียได้อีก 18 เดือน โดยมีค่าใช้จ่ายในการออกวีซ่าอยู่ที่ AU$ 1,945.00 (≈47,800 บาท) เมื่อได้วีซ่าแล้วควรใช้เวลาเกือบ 2 ปีนี้ในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานให้มากที่สุด // อาจหา Sponsor ที่จะสนับสนุนเราในการออกวีซ่าทำงานไปพลางๆ ด้วยก็ได้
เงื่อนไขในการสมัครวีซ่าหลังเรียนจบ (Subclass 485 Visa) มีดังนี้
- ต้องอายุไม่เกิน 35 ปี
- ผ่านการเรียนในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสายอาชีพที่ออสเตรเลียมาอย่างน้อย 2 ปี
- มีผลสอบ IELTS Overall 6.0 ด้วย
- ผ่านการทำ Provisional Skill Assessment ผ่าน Trade Recognition Australia (TRA)
หลังจากได้วีซ่านี้แล้วจะเข้าร่วม Job Ready Program (โครงการประเมินทักษะการจ้างงาน) ของ TRA ที่จะช่วยประเมินและเตรียมความพร้อมเราให้มีคุณสมบัติเหมาะสมในการทำงานและอยู่ในออสเตรเลียต่อไป
เมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานจนชั่วโมงครบ ก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นตอนการสมัครเป็น PR ต่อไป ซึ่งก็ทำได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขอสปอนเซอร์จากนายจ้างในที่ทำงานในการออกวีซ่าให้ หรือใช้แต้มคะแนนของเราเองเพื่อการสมัคร Skilled Visa ต่างๆ ขอบอกว่าเรื่องแต้มนี้สำคัญมาก เพราะยิ่งแต้มสูงโอกาสในการสมัครก็จะสูงตามไปด้วย ซึ่งแต้มนั้นคิดคำนวณจากปัจจัยที่หลากหลาย เช่น คะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ วุฒิการศึกษาที่เราเรียนจบมาที่ออสเตรเลีย อายุ และอื่นๆ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Job Ready Programข้อมูลเพิิ่มเติมเกี่ยวกับ PR Australia.............
เป็นยังไงกันบ้างครับกับแต่ละสถาบันที่ยกมา เป็นตัวตึงด้านเชฟกันทั้งนั้นเลย ในตอนนี้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากไปเรียนและย้ายไปอยู่ต่อหลังเรียนจบ แถมตอนนี้อาชีพเชฟก็กำลังเป็นที่ต้องการมากๆ ในตลาดงานอีกด้วย ถ้าหากใครอยากเรียนคอร์สหรือสถาบันไหนก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลทั้งเรื่องการสมัครเรียนและเรื่องรายละเอียดวีซ่านักเรียนอย่างถี่ถ้วนด้วยนะครับ (เพราะบางทีอาจจะมีอัปเดตแบบปีต่อปีและมีความซับซ้อนในบางจุด) ส่วนคนที่สนใจ 3 สถาบันสอนทำอาหารที่พี่มาเปิดวาร์ป ก็สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตัวเองในแต่ละเว็บไซต์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ~
Le Cordon BleuTAFE NSWWilliam Angliss Institute
0 ความคิดเห็น