สวัสดีค่ะชาว Dek-D ทุกคน มีคนไหนวางแผนไปเรียนต่อที่ประเทศ “สหราชอาณาจักร” กันอยู่บ้าง? สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลอยู่ เชื่อว่าบางทีก็อาจเจอชื่อมหาวิทยาลัยที่ดูอ่านยาก บางทีเรียกผิดจนทำให้เสียเซลฟ์กันเลยทีเดียว และเพื่อออกเสียงให้เป๊ะไม่มีโป๊ะ วันนี้พี่พลอยกี้เลยขออาสาพาทุกคนไปเปิดวาร์ป 10 มหาวิทยาลัยใน UK ที่หลายคนมักเจอปัญหาเรื่องการอ่านชื่อกัน จะมียูไหนบ้าง เลื่อนไปดูกันเลยค่ะ // ปล. มีชี้เป้าทุนเรียนต่อด้วยนะ!
Note: ทุนการศึกษาในบทความนี้ เป็นของปีการศึกษา 2024/2025 ซึ่งอาจมีมูลค่าทุนหรือรายละเอียดเปลี่ยนแปลงในการศึกษาต่อๆ ไป แนะนำให้น้องๆ เข้าไปเช็กข้อมูลในเว็บไซต์ของแต่ละมหาวิทยาลัยนะคะ
…………………………
1. The University of Edinburgh
(เอ-ดิน-บะ-ระ / เอ-ดิน-เบอ-ระ)
เริ่มต้นกันที่สถานศึกษาคุณภาพระดับโลกอย่าง “มหาวิทยาลัยเอดินบะระ” (The University of Edinburgh) กันค่ะ~ ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของสกอตแลนด์ ก่อตั้งเมื่อปี 1583 ปัจจุบันเปิดสอนตั้งแต่ ป.ตรี จนถึง ป.เอก ใน 3 สาขาวิชาหลักๆ ได้แก่
- ศิลปกรรมศาสตร์, มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ (College of Arts, Humanities and Social Sciences)
- แพทยศาสตร์และสัตวแพทยศาสตร์ (College of Medicine and Veterinary Medicine)
- วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ (College of Science and Engineering)
ถ้าพูดถึงคุณภาพการเรียนการสอนแน่นอนว่าโดดเด่นมากกก เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 5 ของ UK และอันดับ 27 ของโลก (อ้างอิง QS WUR 2025) นอกจากนี้ยังอยู่ในเครือ Russell Group หรือกลุ่มสถานศึกษาระดับท็อปของอังกฤษที่มุ่งเน้นด้านการทำวิจัยอีกด้วย
การันตีคุณภาพด้วยการมีศิษย์เก่าเป็นบุคคลสำคัญระดับโลกอยู่หลายท่าน เช่น Charles Darwin ผู้คิดคนทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (Natural Selection), Sir Arthur Conan Doyle นักเขียนนวนิยายสืบสวนเรื่องดังอย่าง ‘เชอร์ล็อก โฮล์มส์’, Alexander Graham Bell ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์เครื่องแรกของโลก เป็นต้น
หากน้องๆ คนไหนสนใจเรียนต่อที่ ม.เอดินบะระแห่งนี้ เค้าก็มีทุนการศึกษาให้ยื่นสมัครหลายประเภท ส่วนใหญ่เป็นส่วนลดค่าเล่าเรียน มูลค่าแตกต่างกันไปตามคณะ ใครอยากได้ทุนเอาไว้เซฟงบในการเรียนต่อก็เข้าไปศึกษาข้อมูลในลิงก์ด้านล่างได้เลยค่ะ
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยข้อมูลทุนการศึกษาGood to Know! เอดินบะระ (Edinburgh) เป็นเมืองหลวงของประเทศสกอตแลนด์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ที่นี่จึงมีสถาปัตยกรรมคลาสสิกกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ จน UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลก ‘Old and New Towns of Edinburgh’ ส่วนใครที่เป็นชาว Potterhead แล้วอยากตามรอยวรรณกรรม Harry Potter รับรองไม่ผิดหวังแน่ เพราะนอกจากจะได้ไปเยี่ยมชมสถานที่เขียนหนังสือเล่มแรกแล้ว ยังได้สัมผัสบรรยากาศสวยๆ เหมือนหลุดไปอยู่ในโลกเวทมนตร์เลยค่ะ!
2. Aberystwyth University
(แอ-เบอ-ริสต์-วิธ)
มีใครอ่านชื่อมหาวิทยาลัยนี้ถูกบ้างคะ? แม้ชื่อจะออกเสียงยาก แต่เชื่อว่าไม่เกินความสามารถของคนที่อยากเรียนต่อที่นี่อย่างแน่นอน~
“Aberystwyth University” ก่อตั้งในปี 1872 นอกจากจะเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวลส์แล้ว ยังเปิดสอนสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relation) เป็นที่แรกของโลกอีกด้วย! ด้านคุณภาพวิชาการก็ไม่เป็นรองใคร เพราะได้คว้ารางวัล “Welsh University of the Year” มาครอง และติด Top 40 มหาวิทยาลัยที่ดีที่ของ UK จากการจัดอันดับของ The Times and The Sunday Times Good University Guide 2024
มหา’ลัยนี้ตอบโจทย์กับทั้งสายวิชาการและสายกิจกรรมก็ว่าได้ เพราะไม่เพียงขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของงานวิจัย แต่ยังมีกิจกรรม adventure ให้ทำนอกห้องเรียนเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเดินป่า ปีนเขา ปั่นจักรยาน เล่นกระดานโต้คลื่น ฯลฯ
อีกทั้งมีโครงการทุนสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติในรูปแบบของทุนส่วนลดค่าเล่าเรียน (Entrance Examinations & Merits) และทุนส่วนลดค่าที่พัก (International Accommodation Award) นอกจากนี้ยังมีทุนเฉพาะคณะด้วยค่ะ
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยข้อมูลทุนการศึกษา3. Bangor University
(แบง-เกอร์)
มาต่อกันอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลส์อย่าง “Bangor University” กันค่ะ ที่นี่ก่อตั้งเมื่อปี 1884 ที่เมืองแบงเกอร์ ซึ่งอยู่ทางชายฝั่งตอนเหนือของเวลส์ ต้องบอกว่า location ดีสุดๆ ทั้งใกล้ชิดธรรมชาติ มีกิจกรรมกลางแจ้งให้ทำ การเดินทางไปยังไปเมืองต่างๆ ยังสะดวกสบายอีกด้วย เพราะใช้เวลานั่งรถไฟไปลิเวอร์พูลเพียง 1.5 ชม. หรือใครอยากสัมผัสชีวิตแบบ ก็ใช้เวลาเดินทางแค่ 3 ชม. ก็ถึงลอนดอนแล้ว!
สำหรับเรื่องรางวัลการันตีคุณภาพการศึกษา ม.แบงเกอร์ติด Top 10 มหาวิทยาลัยที่นักศึกษาพึงพอใจมากที่สุด รวมถึงได้อันดับ 4 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเวลส์ด้วยค่ะ (จัดอันดับโดย University League Tables 2024) อีกทั้งได้รับรางวัลระดับ Gold ด้านคุณภาพการสอนเป็นเลิศจาก TEF โดยมีสาขาเด่นๆ เช่น Ocean Science, Accounting & Finance, Sport Science, Electronic Engineering เป็นต้น
ใครที่เล็งเรียนต่อที่นี่ ทางมหาวิทยาลัยก็มีทุนการศึกษาครอบคลุมทั้งระดับ ป.ตรี จนถึง ป.เอกเลยทีเดียว ตัวอย่างทุนน่าสนใจ เช่น Vice-Chancellor’s Scholarship มอบส่วนลดค่าเล่าเรียนให้ถึง 10,000 ปอนด์ ซึ่งข่าวดีคือใครที่สนใจเรียนหลักสูตร Postgraduate Taught ยังสามารถสมัครทุนนี้ได้ถึงวันที่ 9 ธ.ค. 67 ค่ะ! // เช็กข้อมูลทุนนี้เพิ่มเติมที่นี่
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยข้อมูลทุนการศึกษา4. University of Exeter
(เอ็กซ์-ซิ-เทอร์)
ถ้าพูดถึงหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่คนไทยนิยมไปเรียนต่อกัน ก็คงหนีไม่พ้นยูระดับท็อปจาก Russell Group อย่าง “University of Exeter” ซึ่งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ (South West England) ก่อตั้งในปี 1851 ปัจจุบันมี 3 วิทยาเขตคือ Streatham Campus (วิทยาเขตหลัก) และ St Luke’s Campus ที่เมืองเอ็กซิเตอร์ และ Penryn Campus ที่คอร์นวอลล์ (Cornwall)
บอกเลยว่าคุณภาพการเรียนการสอนของ ม.เอ็กซิเตอร์นั้นปังมากๆ ติด Top 15 มหาวิทยาลัยชั้นนำของ UK (จาก University League Tables 2025) และครองอันดับ 169 ของโลก (จาก QS WUR 2025) อีกทั้งหลายสาขายังติดระดับโลกด้วย เช่น Mineral and Mining Engineering (อันดับ 14), Classics and Ancient History (อันดับ 34), Environmental Sciences (อันดับ 39) เป็นต้น
นอกจากนี้ทางมหา’ลัยยังให้ความสำคัญเรื่องเป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืน (Sustainability) ขององค์การสหประชาชาติ (UN) โดยผลจัดอันดับของ THE Impact Ranking 2024 ม.เอ็กซิเตอร์อยู่ใน Top 10 ของมหา’ลัยที่ดำเนินการเรื่องนี้ และครองอันดับ 1 ของโลกด้านตัวชี้วัดเรื่องน้ำสะอาดและสุขาภิบาล (Clean Water and Sanitation) // เรียกได้ว่าคุณภาพวิชาการก็เริ่ด แถมยังยืนหนึ่งเรื่องการรักษ์โลกอีกด้วย~
ข่าวดีคือ ม.เอ็กซิเตอร์มีโครงการทุน ‘Global Excellence Scholarships’ ให้กับนักศึกษาต่างชาติทั้งระดับ ป.ตรี และ ป.โท ที่เข้าเรียนในสาขาที่กำหนดด้วยค่ะ โดยสนับสนุนค่าเล่าเรียนให้ถึง 7,500 ปอนด์!
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยข้อมูลทุนการศึกษา 5. University of Plymouth
(พลี-มัธ)
มหาวิทยาลัยพลีมัธ (University of Plymouth) เป็นอีกหนึ่งยูที่อยู่ในภูมิภาค South West England ก่อตั้งในปี 1862 ที่เมืองพลีมัธ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น Britain’s Ocean City และเนื่องจากอยู่ติดชายทะเล ทางมหา’ลัยเลยให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การันตีด้วยการติด Top 3 ของ UK ด้านการขจัดความหิวโหย (Zero hunger) และ TOP 5 ของ UK ด้านสิ่งมีชีวิตในทะเล (Life below Water) จาก THE Impact Ranking 2024
ในแง่การศึกษา นอกจากจะโดดเด่นเรื่องการวิจัยแล้ว ยังได้รางวัลรับรองคุณภาพวิชาการระดับ Gold จาก TEF โดยเปิดสอนตั้งแต่ ป.ตรี ป.โท และ ป.เอก มีสาขาปังๆ เช่น Marine, Computing, Earth, Geography and Environment เป็นต้น และหากมองในแง่ของโอกาสการหางานหลังเรียนจบ ม.พลีมัธยังอยู่ในอันดับ 5 ของประเทศอีกด้วย
และเช่นเดียวกับยูอื่นๆ มหา’ลัยมีทุน ‘International Academic Excellence Scholarship’ เป็นส่วนลดค่าเล่าเรียน 50% ให้กับนักศึกษา ป.ตรี และ ป.โท ในปีการศึกษาแรกด้วย และความปังคือหากรักษาเกรดให้อยู่ระดับ 70% ขึ้นไป ก็มีโอกาสได้ทุนนี้ตลอดระยะเวลาที่เรียนอยู่ด้วยนะ!
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยข้อมูลทุนการศึกษา6. The University of Warwick
(วอร์-ริก)
มาทำความรู้จักกับ “The University of Warwick” มหาวิทยาลัยระดับโลกในเมืองโคเวนทรี (Coventry) กันค่ะ แม้จะเพิ่งก่อตั้งในปี 1965 แต่คุณภาพวิชาการไม่แพ้ที่ใด โดยติดอยู่ Top 10 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศ และอันดับ 69 ของโลกจาก QS WUR 2025 อีกทั้งหลายสาขายังโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (อ้างอิง QS WUR by Subjects 2024) เช่น Statistic and Operational Research (อันดับ 20), Business and Management Studies (อันดับ 26) และ English Language and Literature (อันดับ 30) ฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นมหาวิทยาลัยกลุ่ม Russell Group มุ่งเน้นด้านการทำวิจัย และครองอันดับ 6 มหา’ลัยที่โดดเด่นเรื่องการจ้างงานใน UK อีกด้วย
ในมหาวิทยาลัยมีกิจกรรมให้เลือกทำตามความสนใจเยอะมากกก อย่างใครที่เป็นสายเกมเมอร์ก็มี Warwick Esports Center ให้เข้าไปใช้บริการ หรือหากต้องการอัปสกิลภาษาที่ 3 ก็สามารถไปเทกคอร์สเพิ่มได้ที่ Language Center นอกจากนี้ยังมีศูนย์ดูแลสุขภาพจิตที่มี Self-help Resources รวบรวมข้อมูลการรับมือปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง หรือถ้าอยากได้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวจะเลือกนัดหมายเพื่อพูดคุยกับนักจิตบำบัดก็ได้เช่นกัน
ถ้าพูดถึงเรื่องทุนการศึกษา บอกเลยว่า ม.วอร์ริกมีทุนหลายประเภทให้เลือกสมัคร ตัวอย่างทุนเด็ดๆ เช่น ‘Warwick Undergraduate Global Excellence Scholarship (WUGES)’ ซึ่งเป็นทุนส่วนลดค่าเล่าเรียนมูลค่าตั้งแต่ 2,000 ปอนด์, 50% จนถึง 100% หรือหากใครอยากเรียน ป.โท สาขานิติศาสตร์ เค้าก็มีทุน ‘Thai LLM Scholarship’ สำหรับคนไทยโดยเฉพาะด้วยค่ะ!
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยข้อมูลทุนการศึกษา7. University of Reading
(เรด-ดิ้ง)
มีใครเป็นเหมือนกันบ้างที่เห็นชื่อยูนี้แล้วเผลออ่านเป็น รีด-ดิ้ง ทุกที~ “University of Reading” ก่อตั้งในปี 1926 ที่เมืองเรดดิ้ง (Reading) ขอบอกเลยว่าเป็น location ที่ดีงามมากกก ยิ่งใครอยากเรียนในเมืองที่ค่าครองชีพไม่สูงนัก แต่ยังอยู่ใกล้ลอนดอน ปักหมุดมหา’ลัยนี้ได้เลย เพราะใช้เวลาเดินทางไปลอนดอนเพียงแค่ 40 นาที แถมในเมืองมีทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สวนสาธารณะเอาไว้ไปพักผ่อนหย่อนใจหลังเลิกเรียนด้วย
ด้านคุณภาพการศึกษาก็เริ่ดไม่ไหวเพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 172 ของโลก (QS WUR 2025) เปิดสอนตั้งแต่ระดับ ป.ตรี ป.โท และ ป.เอก อีกทั้งมีหลักสูตร “NUIST - Reading Academy” ระดับ ป.ตรี สาขาวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ ร่วมกับ Nanjing University of Information Science and Technology (NUIST) ประเทศจีนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีคณะดังสำหรับสายธุรกิจอย่าง “Henley Business School” ซึ่งได้รับการการันตีคุณภาพ Triple Accredition จาก AMBA, EQUIS และ AACSB หรือ 3 สถาบันระดับโลกด้านบริหารธุรกิจนั่นเอง
สำหรับน้องๆ คนไหนที่อยากเรียนต่อ ป.ตรี ทางมหา’ลัยก็มีทุน ‘Vice Chancellor Global Scholarships’ ให้ยื่นสมัครเป็นประจำทุกปี โดยมีมูลค่า 4,000 ปอนด์ ส่วนทุนระดับ ป.โท ก็มีให้เช่นเดียวกัน โดยจะเป็นทุนส่วนลดค่าเล่าเรียนที่ให้เฉพาะแต่ละคณะ สามารถเช็กรายละเอียดได้ที่นี่
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยข้อมูลทุนการศึกษา 8. University of Leicester
(เลส-เตอร์)
ใครเป็นเอฟซีของสโมสรฟุตบอล Leicester City ก็คงอาจอ่านชื่อมหาวิทยาลัยนี้ได้ง่ายๆ เพราะใช้ชื่อเหมือนกันเลย! “University of Leicester” ก่อตั้งขึ้่นในปี 1921 ที่เมืองเลสเตอร์ วัตถุประสงค์ของการสร้างมหาวิทยาลัยนี้พิเศษมากๆ ต้องการให้เป็น Living Memorial หรือ อนุสรณ์สถานสำหรับผู้ที่เสียสละในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 สะท้อนถึงความหวังเพื่ออนาคตที่ดีกว่า เหมือนที่อยู่ในคำขวัญของมหา’ลัยที่ว่า ‘Ut vitam habeant – So that they may have life’
ในแง่คุณภาพวิชาการต้องบอกว่า ม.เลสเตอร์โดดเด่นด้านการทำวิจัยสุดๆ เห็นได้จากการค้นพบวิธีพิสูจน์บุคคลด้วยการตรวจดีเอ็นเอ (DNA Fingerprinting) รวมถึงการค้นพบที่ฝังพระศพของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ซึ่งอยู่ใต้ลานจอดรถในเมืองเลสเตอร์ สำหรับหลักสูตร ป.ตรี มีให้เลือกเรียนกว่า 150 โปรแกรม ตัวอย่างคณะดังเช่น Archaeology and Ancient History, Criminology, Geology เป็นต้น
อีกหนึ่งข้อดีคือ มหาวิทยาลัยจะพิจารณาทุนการศึกษา ‘International Merit Scholarship’ ให้แก่ผู้สมัครเรียนทุกคนแบบอัตโนมัติ โดยมีมูลค่า 3,000 หรือ 5,000 ปอนด์ ขึ้นอยู่กับผลการเรียนของเราค่ะ
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยข้อมูลทุนการศึกษา9. Loughborough University
(ลัฟ-บะ-ระ / ลัฟ-บร้า)
“Loughborough University” เป็นอีกมหา’ลัยที่ชวนให้สับสนในการเรียกชื่ออยู่ไม่น้อย ที่นี่ก่อตั้งเมื่อปี 1966 มีทั้งหมด 2 แคมปัสคือที่ Loughborough และ London (ใช้ชื่อว่า Loughborough University London)
สำหรับใครที่สนใจเรียนด้านการกีฬา บอกเลยว่าไม่ผิดหวังแน่ เพราะ ม.ลัฟบราครองอันดับ 1 ของโลกในสาขา Sport-Related Subjects เป็นเวลา 8 ปีซ้อน! (QS WUR by Subjects 2024) แถมยังยืนหนึ่งเรื่องการเป็นมหา’ลัยที่มี Facilities ดีที่สุดใน UK (อัางอิง Whatuni Student Choice Awards 2024) โดยมีทั้งห้องสมุด, ศูนย์กีฬาครบวงจร, หอพัก ฯลฯ
นอกจากจะโดดเด่นเรื่องคุณภาพวิชาการแล้ว ยังมีทุนน่าสนใจเพียบ เช่น ‘International Scholarships’ มอบส่วนลดค่าเล่าเรียน 25% ให้กับนักศึกษา ป.ตรี ในหลักสูตรที่กำหนด และ ‘Excellence Scholarships’ ทุนสนับสนุนค่าเล่าเรียน 20% ให้กับนักศึกษา ป.โท ซึ่งทั้งสองโครงการทุนนี้ ทางมหา’ลัยจะพิจารณาให้น้องๆ โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องสมัครทุนแยกค่ะ
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยข้อมูลทุนการศึกษา10. Durham University
(เดอ-แรม / เดอ-รัม)
มาถึงมหาวิทยาลัยสุดท้ายกันแล้วค่ะ “Durham University” เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของอังกฤษ ก่อตั้งในปี 1832 ที่เมืองเดอรัม ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะอังกฤษ ความพิเศษคือมีระบบ College (เหมือนกับ Oxford และ Cambridge) ซึ่งจะคอยดูแลเรื่องที่พัก ความเป็นอยู่ รวมถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ ของนักศึกษา หรือพูดง่ายๆ ก็คือให้ฟีลคล้ายการแบ่งบ้านในเรื่อง Harry Potter นั่นเองค่ะ
ม.เดอรัมเปิดสอนตั้งแต่ ป.ตรี จนถึง ป.เอก รวมกว่า 300 หลักสูตร ด้านคุณภาพการศึกษา เรียกได้ว่ามีมาตรฐานสุดๆ เป็นหนึ่งในม.กลุ่ม Russell Group อีกทั้งครองอันดับ 15 ของ UK และอันดับ 89 ของโลก (QS WUR 2025) และมีถึง 19 สาขาวิชาที่ติดอยู่ใน Top 100 ของโลก เช่น Archaeology (อันดับ 5), Geography (อันดับ 16), Law and Legal Studies (อันดับ 48) เป็นต้น
ใครที่มองหาทุนการศึกษา ม.เดอรัมมีให้เลือกสมัครเยอะมากๆ ส่วนใหญ่เป็นทุนส่วนลดค่าเล่าเรียนตั้งแต่ 1,500 ปอนด์ไปจนถึง 13,000 ปอนด์เลยทีเดียว
เว็บไซต์มหาวิทยาลัยข้อมูลทุนการศึกษาGood to Know! เดอรัม (Durham) ถือเป็นอีกเมืองในอังกฤษที่ขึ้นชื่อเรื่องความคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็น College ต่างๆ ของมหาวิทยาลัย รวมไปถึงมรดกโลกอย่าง Durham Cathedral และ Durham Castle // สำหรับ Durham Cathedral หลายคนอาจคุ้นหูคุ้นตาอยู่บ้าง เพราะที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ Harry Potter และ Avengers: Endgame นั่นเอง!
…………………………
ขอสารภาพว่าพี่เองก็เคยอ่านชื่อมหาวิทยาลัยหลายแห่งผิดไปเหมือนกัน แต่ในเมื่อเรารู้กันแล้วว่าต้องออกเสียงยังไงให้เป๊ะเหมือน Native Speakers ก็อย่าลืมใช้ให้ถูกกันนะคะ จะได้ไม่โป๊ะ~
น้องๆ คนไหนอยากเรียนต่ออังกฤษ แต่ยังไม่มั่นใจเรื่องการเตรียมเอกสารการสมัคร ไม่รู้ว่าต้องดำเนินการยังไง หรือไม่มีเวลาหาข้อมูลด้วยตัวเอง ฯลฯ สามารถใช้บริการเอเจนซีต่างๆ ซึ่งให้บริการด้านการเรียนต่อต่างประเทศกันได้นะคะ เช่น Hands On, One Education, GoUni และอีกมากมาย เพราะหลายที่ก็เป็นตัวแทนโดยตรงกับมหาวิทยาลัยและเค้ายังให้คำปรึกษาแบบไม่มีค่าบริการอีกด้วย!
และนอกจากทุนมหาวิทยาลัยที่ยกตัวอย่างมาให้ ก็ยังมีทุนรัฐบาลสหราชอาณาจักรหรือ “Chevening Scholarships” ที่ให้เรียนฟรีตลอดหลักสูตร และไม่ต้องใช้คืนด้วย โดยระเบียบการของปี 2025 ก็ใกล้ประกาศแล้ว รอติดตามรายละเอียดกันได้ที่เพจ Study Abroad by Dek-D และ Study Guide ไปเรียนต่อนอกกันเถอะ เร็วๆ นี้นะคะ^^
0 ความคิดเห็น