Ciao ชาวเด็กดีทุกคนนน~~ ใครที่หลงรักเรื่องอาหาร ชื่นชอบงานศิลป์และสถาปัตยกรรม พี่เชื่อว่า ‘อิตาลี’ ต้องติดอันดับต้นๆ ประเทศในฝันของใครหลายคนกันใช่มั้ยครับ? และสำหรับใครที่อยากไปเรียนต่อที่เมืองสุดขลัง มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปีอย่าง ‘โบโลญญา’ บอกเลยว่าห้ามพลาดไฮไลต์ที่เรานำมาฝากในวันนี้
เพราะ พี่ธัน จะพาไปเปิดรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง ‘University of Bologna’ ที่ทั้งมีคุณภาพด้านการศึกษาและความเก่าแก่ที่สุดในโลกตะวันตก ที่นี่จะน่าเรียนแค่ไหน และมีทุนอะไรที่เราสมัครบ้างได้บ้าง ใครอยากเป็น #ทีมอิตาลี เลื่อนมาเช็กอินพร้อมกันเลยครับ
ความเป็นมาของมหาวิทยาลัย
University of Bologna (มหาวิทยาลัยโบโลญญา) หรือในภาษาอิตาเลียนเขียนว่า ‘Università di Bologna’ และละตินว่า ‘Alma Mater Studiorum’ เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป รวมถึงทั้งโลกตะวันตก มีการคาดการณ์โดยประมาณว่าก่อตั้งขึ้นในปี 1088 อยู่ที่เมืองโบโลญญา (Bologna) ประเทศอิตาลี (ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นมาจากการรวมกลุ่มของนักเรียนและอาจารย์เพียงไม่กี่คน ดังนั้นเลยไม่มีใครทราบปีที่แน่นอนนั่นเองครับ)
ในช่วงศตวรรษที่ 12 และ 13 ม.โบโลญญาเป็นศูนย์กลางของการศึกษากฎหมายศาสนจักร (Canon Law) และระบบกฎหมาย (Civil Law) ซึ่งทำให้นักศึกษาจากทั่วยุโรปหลั่งไหลมาเล่าเรียนที่นี่ แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีหอพัก ทำให้นักศึกษาต่างชาติต้องรวมกลุ่มกันจัดตั้งสมาคมเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับตนเองในฐานะคนที่ไม่ใช่พลเมือง ซึ่งกลายเป็นโมเดลขององค์การนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสมัยใหม่หลายแห่ง
ยุคนั้นอาชีพในศาสนจักรและรัฐบาล เช่น รองบาทหลวง, ครูใหญ่ และพระสงฆ์ เป็นอาชีพสำหรับผู้ชายเท่านั้น จึงทำให้นักศึกษาด้านกฎหมายของมหาวิทยาลัยโบโลญญ่าส่วนใหญ่เป็นผู้ชายนั่นเองครับ
หลังจากนั้นในช่วงปี 1200 มหาวิทยาลัยก็เปิดคณะใหม่ๆ ขึ้นมาเพิ่มอย่างเช่น แพทยศาสตร์ และปรัชญา (หรือศิลปศาสตร์) ซึ่งคณะแพทย์ของที่นี่ได้เริ่มโด่งดังขึ้นเมื่อมีการศึกษาจากการผ่าศพได้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปตั้งแต่ในสมัยยุคโรมัน
Note: มหาวิทยาลัยเริ่มเปิดรับผู้หญิงเข้ามาทั้งในฐานะอาจารย์และนักศึกษาในช่วงศตวรรษที่ 18
ในช่วงครึ่งหลังของปี 1800s ได้มีการปรับปรุงบูรณะ University of Bologna ทำให้ที่นี่ผงาดขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของอิตาลีอีกครั้ง พร้อมกับมีคณะใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา เช่น รัฐศาสตร์, อักษรศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์
.............
ทำความรู้จักกับเมือง Bologna
1. มีชื่อเล่นถึง 3 ชื่อ
รู้หรือไม่ว่าเมืองโบโลญญามีชื่อเรียกถึง 3 ชื่อเลย ได้แก่
- La Dotta (The Learned) :มีที่มาจาก University of Bologna เองนี่แหละ ทำให้เมืองนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา และผลิตศิษย์เก่าโด่งดังมากมาย
- La Rossa (The Red) :มาจากตึกรามบ้านช่องที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีแดง และยังสื่อถึงความเป็นคอมมิวนิสต์ ต่อต้านระบอบฟาสซิสต์ของเมืองนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย
- La Grassa (The Fat) :หมายถึงเมืองที่อุดมสมบูรณ์อาหารและขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย ตัวอย่างอาหารท้องถิ่นจานเด็ดของเมืองนี้ต้องยกให้ Tagliatelle al ragù กับ Tortellini in brodo เลย
2. ประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าเมืองนี้โอบล้อมไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์เก่าแก่ มีการพบค้นพบหลักฐานว่ามีคนอาศัยมาตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว จากนั้นเมืองโบโลญญาก็ถูกยึดครองโดยกลุ่ม ‘Gaulish Boii’ และกลายเป็นอาณานิคมและเขตปกครองภายใต้จักรวรรดิโรมัน (มีชื่อเรียกว่า ‘Bononia’)
เมื่อโรมล่มสลาย เมืองโบโลญญ่าก็ถูกโจมตีจากชาวกอธอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็มีความพยายามที่จะบูรณะเมืองขึ้นใหม่โดยบาทหลวง ‘เพโทรนิอุส’ (Petronius) ซึ่งเป็นคนก่อตั้งโบสถ์ ‘St. Stephen’ ส่วนในช่วงยุคกลางที่นี่ก็มีสถานะเป็นเขตปกครองอิสระและหนึ่งในเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในยุโรป
3. สถาปัตยกรรมโดดเด่น
‘Piazza Maggiore’ คือพื้นที่จตุรัสกลางเมืองของ Bologna ที่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแต่ก็ยังคงลักษณะผังเมืองเดิมไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
ตรงข้ามจตุรัสก็มีหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญคือ ‘Fountain of Neptune’ น้ำพุที่มีรูปปั้นของเทพเนปจูน ซึ่งถูกสร้างโดยพระราชาคณะที่ชื่อว่า ‘โบโรเมโอ’ (Borromeo) และล้อมรอบไปด้วยอาคารเก่าแก่จากสมัยยุคกลาง // ด้วยความสวยงามและรายละเอียดของรูปปั้นเนปจูนทำให้กลายเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลมาถ่ายรูปเช็กอินกันที่นี่ นอกจากน้ำพุแล้ว บริเวณโดยรอบจตุรัสยังเต็มไปด้วยร้านกาแฟสวยๆ เหมาะกับการลิ้มลองรสชาติดั้งเดิมแบบอิตาเลียนด้วย
4. เมืองแห่งพิพิธภัณท์
ใครเป็นสายอาร์ตต้องตกหลุมรักเมืองนี้แน่นอน เพราะว่าเขามีพิพิธภัณท์โดดเด่นและน่าสนใจหลายที่ เริ่มต้นด้วย ‘The Archeological Civic Museum of Bologna’ หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ ‘The Hospital of Death’ (โรงพยาบาลแห่งความตาย) ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1881 ที่นี่เป็นแหล่งสะสมวัตถุทางโบราณคดีที่สำคัญของอิตาลี ตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคโรมันเลย นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการต่างๆ ทั้งทางโบราณคดีและศิลปะ เช่น การจัดแสดงชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ เครื่องมือ ถ้วยชาม อาวุธ และรูปปั้นหินอ่อน จากอารยธรรมทั่วยุโรปและแอฟริกาเหนือ
อีกที่หนึ่งก็คือ ‘The National Art Gallery of Bologna’ ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะที่สำคัญของอิตาลี และมีมากถึง 30 นิทรรศการของศิลปินหลายท่าน เช่น Raffaello, Perugino, Parmigianino, Tinoretto, Vasari, Guercino เป็นต้น ในบางครั้งทางหอศิลป์ก็จัดกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะด้วยเช่นกัน
5. เมืองแห่งอาหาร
เมืองโบโลญญ่าเป็นเมืองที่ให้กำเนิด ‘โบโลเนสซอส’ (Bolognese sauce) ซอสพาสตาเนื้อชื่อดังที่ใครหลายคนรู้จัก ซอสชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับ ‘Tagliatelle’ เท่านั้น (ถ้าใช้กับสปาเกตตีอาจจะโดนเจ้าถิ่นมองแรงได้!) และของกินอีกอย่างหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ‘ไส้กรอกโบโลญญา’ (Bologna sausages) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ‘โบโลน่า’ ก็มาจากเมืองนี้เหมือนกัน
อาหาร/ของหวานจานเด็ดอื่นๆ ได้แก่
- Fave dei morti (คุกกี้ความตาย)
- Sfrappole
- Certosino/Panspeziale
- Torta di Riso
.............
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ University of Bologna
- University of Bologna มีบทบาทสำคัญและถือเป็นต้นกำเนิดในการพัฒนาการศึกษากฎหมายสมัยใหม่ ทำให้คณะนิติศาสตร์ของที่นี่ ‘Studium Bononiense’ มีชื่อเสียงมากๆ และดึงดูดนักศึกษาจากทั่วยุโรป
- รู้หรือไม่ว่าโรงเรียนแพทย์ตะวันตกแห่งแรกก่อตั้งขึ้นที่มหาวิทยาลัยโบโลญญา และด้วยความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาการศึกษาและการวิจัย ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาชั้นนำทางด้านสาธารณสุข
- ปัจจุบันมีนักศึกษากว่า 85,000 คน โดยแบ่งออกเป็น 5 วิทยาเขต ได้แก่ Bologna, Forlì, Ravenna, Cesena และ Rimini
- เป็นมหาวิทยาลัยแรกในอิตาลีที่มีสาขาในต่างประเทศ โดยมีแคสปัสอยู่ที่ ‘อาร์เจนตินา’ (Argentina) เปิดสอนในระดับปริญญาโทเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างภูมิภาคละตินอเมริกาและเขตเศรษฐกิจยุโรป
- ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง
- Francesco Petrarch – นักกวี
- Dante Alighieri – นักกวี
- Nicolaus Copernicus – นักดาราศาสตร์
- Pope Alexander VI – พระสันตะปาปา
- Paracelsus – แพทย์และนักไสยศาสตร์
- Umberto Eco – นักเขียน
- Romano Prodi – อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี
การเรียนที่ University of Bologna
คณะที่เปิดสอน ดังนี้
- Agricultural and Food Sciences (เกษตรกรรมและวิทยาศาสตร์การอาหาร)
- Architecture (สถาปัตยกรรมศาสตร์)
- Biological, Geological, and Environmental Sciences (ชีววิทยา, ธรณีวิทยา และวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม)
- Biomedical and Neuromotor Sciences (วิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์และเซลล์ประสาท)
- Chemistry (เคมี)
- Civil, Chemical, Environmental, and Materials Engineering (วิศวกรรมโยธา, เคมี, สิ่งแวดล้อม และวัสดุ)
- Classical Philology and Italian Studies (นิรุกติศาสตร์คลาสสิกและอิตาเลียนศึกษา)
- Computer Science and Engineering (วิทยาการคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมศาสตร์)
- Cultural Heritage (มรดกทางวัฒนธรรมศึกษา)
- Economics (เศรษฐศาสตร์)
- Education Studies (ศึกษาศาสตร์)
- Electrical, Electronic, and Information Engineering (วิศวกรรมไฟฟ้า, อิเลกทรอนิกส์, ข้อมูล)
- For Life Quality Studies (คุณภาพชีวิตศาสตร์)
- History and Cultures (ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษา)
- Industrial Chemistry (อุตสาหกรรมเคมี)
- Industrial Engineering (วิศวกรรมอุตสาหการ)
- Interpreting and Translation (การล่ามและการแปล)
- Legal Studies (นิติศาสตร์)
- Management (การจัดการ)
- Mathematics (คณิตศาสตร์)
- Medical and Surgical Sciences (วิทยาศาสตร์การแพทย์และศัลยกรรม)
- Modern Languages, Literatures, and Cultures (ภาษาศาสตร์, วรรณกรรม และวัฒนธรรมสมัยใหม่)
- Pharmacy and Biotechnology (เภสัชศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ)
- Philosophy (ปรัชญา)
- Physics and Astronomy (ฟิสิกส์และดาราศาสตร์)
- Political and Social Sciences (รัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์)
- Psychology (จิตวิทยา)
- Sociology and Business Law (สังคมวิทยาและกฎหมายธุรกิจ)
- Statistical Sciences (วิทยาศาสตร์เชิงสถิติ)
- The Arts (ศิลปกรรมศาสตร์)
- Veterinary Medical Sciences (สัตวแพทยศาสตร์)
ขั้นตอนการสมัครเรียน
- ตรวจสอบคุณสมบัติการก่อนสมัคร
- เอกสารที่ใช้
- ใบจบการศึกษาปริญญาตรี
- ใบรับรองวุฒิและสถาบันที่สำเร็จการศึกษา (ออกโดยสถานกงสุลอิตาลี)
- ผลการทดสอบภาษาอังกฤษ
- เกณฑ์คะแนนขึ้นอยู่กับแต่ละสาขา
- ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสาขาที่เปิดสอนและเกณฑ์คะแนนภาษา ที่นี่
- เอกสารที่ใช้
- สร้างบัญชีผู้ใช้บนเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย
- ไปที่เว็บไซต์ Studenti Online
- กดปุ่ม [Register] จากนั้นกดปุ่ม [Registration for international students]
- ระบบจะสร้างบัญชีผู้ใช้ในรูปแบบ ชื่อ.นามสกุล@studio.unibo.it
- ขั้นตอนการสมัคร
- เข้าไปที่หน้าเว็บของสาขาที่สนใจ ที่นี่
- ตรวจสอบว่าในสาขานั้นมีการสอบหรือไม่ (ออนไลน์หรือที่มหาวิทยาลัย) และกำหนดคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติมอะไรอีกบ้าง
- ล็อกอินเข้า Studenti Online ด้วยอีเมลของมหาวิทยาลัย
- กดปุ่ม [Application for admission - Participate in the selection] และทำการสมัคร
- การอัปโหลดข้อมูลบน Studenti Online และนัดหมายกับสำนักงานทะเบียนนักศึกษา
- การอัปโหลดข้อมูล
- รวบรวมเอกสารที่ใช้ในการสมัครในข้อที่ 1
- ล็อกอินบน Studenti Online
- ชำระค่าสมัคร ( 157.04 Euro หรือ 6,176 บาท)
- ไปที่หน้า ‘Calls’ และค้นหาช่องทางสมัครของปีที่ต้องการศึกษาต่อ
- เช่น ‘Matriculation for the 24_24 academic year’ สำหรับปีการศึกษา 2024-25
- อัปโหลดเอกสาร
- ทำการนัดหมายกับทางสำนักทะเบียนนักศึกษาตามวิทยาเขตที่กำลังจะไปศึกษาต่อ (Bologna, Cesena, Forlì หรือ Rimini) เพื่อยืนยันตัวตนด้วยการแสดงเอกสารฉบับจริง
- การอัปโหลดข้อมูล
ค่าเล่าเรียนและทุนการศึกษา
ค่าธรรมเนียมการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติจากประเทศนอกเขตเศรษฐกิจยุโรปจะอยู่ที่ 2,550 EUR (≈100,296 บาท) แต่ในบางสาขาอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 4,080 EUR (≈160,473 บาท) ต่อปีการศึกษา แต่ถ้าหากใครมีข้อจำกัดทางการเงิน ทางมหาวิทยาลัยและรัฐบาลอิตาลีก็มีทุนการศึกษาหลายประเภทให้ยื่นสมัครได้ด้วยครับ เช่น
- International Talents @Unibo
- Reduced fixed fee for citizens of particularly poor and developing countries or of non-EU, non-OECD countries
- ทุนรัฐบาลอิตาลี Italian Government (MAECI) scholarships for international students and Italian students
รีวิวนักเรียนไทยในโบโลญญ่า
ทาง Study Abroad เองก็เคยพาไปสัมภาษณ์ ‘พี่เบลล่า’ คนไทยที่คว้าทุนรัฐบาลอิตาลี เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ University of Bologna มาแล้ว ใครที่สนใจสามารถไปตามอ่านกันได้ คลิกที่นี่
…………..
เป็นยังไงกันบ้างหลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับ University of Bologna ที่เปิดสอนมายาวนานเกือบ 1,000 ปี บอกเลยถ้าคุณภาพไม่เริ่ดจริงทำไม่ได้แน่นอน และนอกจากนี้เมืองโบโลญญายังสวยมากๆ ได้เรียนกันแบบฟินๆ ไม่ว่าจะสายกิน สายเที่ยว หรือสายประวัติศาสตร์ต้องห้ามพลาด!
ส่วนถ้าใครที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของทางมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยครับ หรือถ้าใครรอสมัครทุนรัฐบาลอิตาลี ก็สามารถติดตามรออัปเดตจากทาง Study Abroad by Dek-D ได้เลย ส่วนรอบหน้าทางเราจะพาไปทำความรู้จักกับม.ไหน รอติดตามกัน Arrivederci alla prossima!~~
เยี่ยมชมเว็บไซต์มหาวิทยาลัยสำหรับใครที่มองหาโอกาสโกอินเตอร์ ตอนนี้มีหลายทุนกำลังเปิดรับสมัคร
ตามไปเช็กกันต่อได้เลยที่ "โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอก by Dek-D"
ติดตามทุนต่อนอกง่ายๆ กับ Dek-D
- Website: www.dek-d.com/studyabroad
- X: @tornokandcourse
- IG: @tornokandcourse
- Facebook: Study Abroad เรียนต่อนอก by Dek-D
- Facebook: Study Guide ไปเรียนต่อนอกกันเถอะ
- TikTok: @tornokandcourse
0 ความคิดเห็น