พาวาร์ปไปเมกา! รู้จัก ‘University of Texas at Austin’ ม.ดังมาแรงสาย Tech. แห่งเมืองดนตรีสด

Howdy ชาว Dek-D ทุกคนนน~~ ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ฝั่ง Western ที่มีคาวบอยสุดเท่ขี่ม้า ฉากหลังเป็นเมืองทะเลทราย เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึง “รัฐเทกซัส” (Texas) ทางใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกากันใช่มั้ยครับ แล้วก็อาจจะติดภาพจำที่ดูร้างๆ ดิบเถื่อนเหมือนในหนังไปด้วย แต่ในความเป็นจริง Texas เป็นอีกรัฐใหญ่ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ในขณะที่ค่าครองชีพและภาษีกลับเป็นมิตร จนมีคนเข้ามาอยู่เยอะและทำให้หลายเมืองเติบโตอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือ “เมืองออสติน” (Austin) นั่นเอง

น้องๆ รู้หรือเปล่าว่าเมือง Austin เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่​ (Headquarters) ของบริษัทสาย Tech. ระดับโลกหลายแห่ง และมีหนึ่งในมหาวิทยาลัยดัง อย่าง ‘The University of Texas at Austin’ หรือ UT Austin บอกเลยว่าครบทั้งคุณภาพหลักสูตร ทุนสนับสนุนค่าเรียน และสตอรี่ที่มาของความปังในปัจจุบัน ถ้าพร้อมแล้วมาเก็บข้อมูลกันครับ! 
 

The University of Texas at Austin (Website)
The University of Texas at Austin (Website)

เปิดประวัติกว่าจะเป็น UT 

The University of Texas at Austin หรือภาษาไทยคือ “มหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน” เปิดการเรียนการสอนครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ.1883 ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีการเรียนถูกจัดสอนในอาคารรัฐสภาเท็กซัสหลังเก่าเป็นการชั่วคราว (ตอนนั้นอาคารหลังปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่) ซึ่งในเดือนมกราคมปีต่อมานักศึกษาถึงได้เริ่มเข้ามาเรียนกันท่ีอาคารมหาวิทยาลัยที่มีชื่อว่า ‘Old Main’ 

Credit: Texas State Historical Association
Credit: Texas State Historical Association

บ่อน้ำมันขับเคลื่อนมหา’ลัย

ปัจจัยที่ขาดไม่ได้ในการทำให้มหาวิทยาลัยยังคงอยู่และขยับขยายก็คือ ‘งบประมาณ’ น้องๆ รู้หรือไม่ว่าเค้ามีการจัดสรรบ่อน้ำมันเพื่อเป็นการสร้างเงินทุนให้กับมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะที่ชื่อว่า ‘Santa Rita’ โดยรายได้จากการขุดเจาะน้ํามันจะถูกนํากลับมาลงทุนใหม่ ทําให้ ‘กองทุนมหาวิทยาลัยถาวร’ (The Permanent University Fund) เติบโตขึ้นมากกว่า 2,000 ดอลลาร์ต่อวันภายในปี 1925 // การหมุนเวียนของเงินทุนนี้เองนำไปสู่การก่อสร้างอาคารกว่า 23 หลังในช่วงระหว่างทศวรรษที่ 1920 และ 1930 (รวมถึงหอคอยที่เป็นแลนด์มาร์กของ UT Austin ด้วย)

ในปี 1929 ‘สมาคมมหาวิทยาลัยอเมริกัน’ (The Association of American Universities หรือ AAU) ได้ส่งคำเชิญให้ UT Austin เข้าร่วมเป็นสมาชิก รวมถึงรับรองให้เป็นสถาบันชั้นนำอีกด้วย โดยปัจจุบัน UT เป็นหนึ่งใน 3 มหาวิทยาลัยของเท็กซัสใน AAU 

Credit: UT System
Credit: UT System

ยูแรกที่ไม่แบ่งแยกผิวสี

น้องๆ รู้หรือไม่ว่าสมัยก่อนแทบไม่มีมหาวิทยาลัยชั้นนําใดในอดีตสมาพันธรัฐ (Confederate States) รับนักศึกษาผิวดําเข้าเรียนเลย  จนเมื่อปี Heman Sweatt พนักงานไปรษณีย์ผิวดําที่สนใจศึกษาด้านกฎหมายที่นี่ ได้ยื่นเรื่องคดีความที่ศาลฎีกา และได้กลายเป็นนักศึกษษผิวดำคนแรกของ UT ในที่สุด // และได้กลายเป็นกรณีศึกษาให้กับ Brown v. Board of Education (คณะกรรมการการศึกษา) ที่ยุติการแบ่งแยกเชื้อชาติในโรงเรียนทั่วสหรัฐฯ

Credit: Wikipedia (Heman Sweatt)
Credit: Wikipedia (Heman Sweatt)

สองบุคคลผู้สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญ

มีบุคคลสําคัญสองคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับมหาวิทยาลัยในช่วงปี 1960s นั่นก็คือ ‘แฮร์รี่ แรนซัม’ (Harry Ransom) และ ‘แฟรงค์ เออร์วิน’ (Frank Erwin) // Ransom เริ่มเข้ามาทำงานที่ UT Austin ในปี 1935 และกลายมาเป็นอธิการบดีของที่นี่ เขามีวิสัยทัศน์ว่า UT Austin ต้องเป็นแหล่งสะสมทางวัฒนธรรมที่สําคัญจากทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น ศูนย์วิจัยมนุษยศาสตร์ที่เก็บรักษาของ ‘พระคัมภีร์ไบเบิลฉบับกูเตนเบิร์ก’ (Guthenberg Bible)

ระหว่างการบริหารของ Frank Erwin UT Austin ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด มีนักศึกษาลงทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 22,000 เป็น 41,500 คน อีกทั้งได้รับเงินจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นจาก 16 ล้านดอลลาร์เป็น 100 ล้านดอลลาร์ และโครงการก่อสร้างหลัก 55 โครงการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทั้งนี้ความช่วยเหลือจากผู้นําทางการเมือง ทั้งระดับรัฐและระดับชาติที่ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ Erwin กับเป็นส่วนสำคัญในการนำไปสู่ความสําเร็จนี้

Credit: Humanities Texas (Harry Ransom)
Credit: Humanities Texas (Harry Ransom)
Credit: Endowment – The University of Texas at Austin (Frank Erwin)
Credit: Endowment – The University of Texas at Austin (Frank Erwin)

เมืองใหญ่แต่ขาดโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 เมืองออสติน (Austin) ได้กลายเป็นเมืองใหญ่อันดับ 11 ของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังขาดโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ดังนั้นวุฒิสมาชิกของรัฐที่ชื่อว่า ‘เคิร์ก วัตสัน’ (Kirk Watson) เสนอตัวเป็นผู้นําชุมชนในการสนับสนุนการสร้างโรงเรียนแพทย์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในพื้นที่ โดยมีการลงคะแนนเสียงเพื่อให้มีการนำภาษีไปเป็นทุนแก่โรงเรียนและโรงพยาบาล 

นอกจากนั้น Michael และ Susan Dell ได้บริจาคเงินอีก 50 ล้านดอลลาร์ นําไปสู่การก่อตั้ง ‘Dell Medical School’ ที่เพิ่งเปิดการเรียนการสอนเป็นครั้งแรกในปี 2016 พร้อมกับจุดประสงค์หลักที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพและสถาบันที่ทรงคุณค่าของรัฐเท็กซัสและ UT Austin

Credit: Wikipedia
Credit: Wikipedia

ด้านวิจัยเป็นเลิศ

ปัจจุบัน UT ได้รับงบประมาณสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์ต่อปีสําหรับการวิจัย โดยส่วนใหญ่จะมาจากรัฐบาลกลางอย่างกระทรวงกลาโหม นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยยังเป็นที่รู้จักจากการมีส่วนร่วมในโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ (Big Science) เช่น การสร้างคอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก และยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมพัฒนากล้องโทรทรรศน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย! 

Credit: UT News – The University of Texas at Austin
Credit: UT News – The University of Texas at Austin

UT Austin มีอะไรควรรู้?

  • สีประจำมหาวิทยาลัย: ส้มอิฐและขาว
  • มาสคอต: Bevo (วัว)
Credit: Mascot Wiki – Fandom
Credit: Mascot Wiki – Fandom
  • มหาวิทยาลัยอันดับ 19 ของสหรัฐอเมริกาและอันดับที่ 66 ของโลก (จัดอันดับโดย QS World University Rankings 2025)
  • มีมากกว่า 560 หลักสูตรเปิดสอนในปัจจุบัน ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก
  • จำนวนนักศึกษาทั้งหมด: 51,913 คน (อัปเดตข้อมูลเทอม Fall 2023)
    • นักศึกษา 9.6% เป็นชาวต่างชาติ และ 22% มีเชื้อสายเอเชีย
  • คลังแสงความรู้ขนาดใหญ่ อย่างห้องสมุดของ UT Austin ได้มีรวบรวมหนังสือ สื่อดิจิทัล และคอลเลกชันพิเศษมากกว่า 10 ล้านชิ้น และยังมีอีกสถานที่ที่ห้ามพลาด คือ ‘Lyndon Baines Johnson Library and Museum’ ซึ่งจัดเก็บเอกสาร สิ่งของ และเปิดให้ผู้คนเข้าชมนิทรรศการชีวประวัติของอดีตประธานาธิบดีลินดอน บี จอห์นสัน (Lyndon B. Johnson หรือ LBJ) ประธานาธิบดีคนที่ 36 ของสหรัฐอเมริกา
Credit: Visit Austin (Website)
Credit: Visit Austin (Website)
  • แลนด์มาร์กของมหาวิทยาลัยคือ ‘UT Tower’ หอคอยความสูงถึง 307 ฟุต ถ้าขึ้นไปยืนแล้วมองลงมา ก็จะเห็นพื้นที่มหาวิทยาลัยและเมืองออสตินได้ทั่วถึงสุดๆ แล้วที่พิเศษอีกก็คือหอคอยนี้จะเปิดแสงสีส้มเพื่อร่วมฉลองในช่วงเทศกาลหรืองานสำคัญด้วย
Credit: The Architect’s Newspaper
Credit: The Architect’s Newspaper

การเรียนที่ UT Austin

สำหรับการเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา ปกติแล้วจะใช้เวลาทั้งหมด 4 ภาคเรียน หรือประมาณ 2 ปี โดยมีการแบ่งเทอมดังนี้:  

  1. ภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วง (Fall Semester)
    • สิงหาคม/กันยายน - ธันวาคม
  2. ภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิ (Spring Semester) 
    • มกราคม - พฤษภาคม/มิถุนายน
Credit: UT News – The University of Texas at Austin
Credit: UT News – The University of Texas at Austin

คณะที่เปิดสอน

ปัจจุบัน The University of Texas at Austin เปิดสอนทั้งหมด 15 วิทยาลัย ในระดับปริญญาโท ได้แก่ 

  1. School of Architecture
  2. McCombs School of Business
  3. Moody College of Communication
  4. College of Education
  5. Cockrell School of Engineering
  6. College of Fine Arts
  7. Jackson School of Geosciences
  8. School of Information
  9. College of Liberal Arts
  10. College of Natural Sciences
  11. School of Nursing
  12. College of Pharmacy
  13. LBJ School of Public Affairs
  14. Steve Hicks School of Social Work
  15. Intercollegial Program
ค้นหาหลักสูตรเพิ่มเติม
Credit: UT News – The University of Texas at Austin
Credit: UT News – The University of Texas at Austin

การสมัครเรียน

ขั้นตอนที่ 1: กรอกข้อมูลการสมัครทางออนไลน์

ขั้นตอนที่ 2: ชำระเงินค่าธรรมเนียมสมัคร

  • หลักสูตร MBA: $200
  • หลักสูตร MPA: $125
  • หลักสูตรอื่นๆ
    • ผู้สมัครที่ถือสัญชาติอเมริกัน: $65
    • ผู้สมัครที่เป็นชาวต่างชาติ: $90

*สามารถชำระค่าธรรมเนียมภายหลังได้ โดยเข้าไปตรวจสอบยอดค้างชำระได้ทาง What I Owe*

ขั้นตอนที่ 3: ส่งใบรับรองผลการเรียน

สามารถส่งได้สามช่องทาง 

  1. SPEEDE
  2. Parchment
  3. อัปโหลดด้วยตนเองที่ Document Upload System

ขั้นตอนที่ 4: ส่งผลคะแนนการทดสอบ

  • GRE / GMAT
    • บางหลักสูตรอาจไม่ใช้คะแนนส่วนนี้ (แนะนำให้เช็กข้อมูลที่เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเพิ่มเติม)
  • ผลคะแนนภาษาอังกฤษ
    • IELTS Academic Examination: Overall 6.5 หรือ
    • TOEFL: 79 (iBT)

ขั้นตอนที่ 5: ส่งเอกสารอื่นๆ ที่หลักสูตรต้องการเพิ่มเติม เช่น

  • Letters of recommendation

หลังจากที่ส่งใบสมัครออนไลน์แล้วจะได้รับอีเมลภายใน 2-3 วัน พร้อมกับข้อมูลการเข้าสู่ระบบ MyStatus เพื่อใช้สำหรับการติดตามเอกสารการสมัคร หรือ อัปโหลดเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติมตามที่มหาวิทยาลัยระบุ 

Note: 

  • กำหนดการเปิดรับสมัครจะแตกต่างกันไปในแต่ละสาขา
  • มหาวิทยาลัยอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการพิจารณา/ตรวจสอบเอกสารการสมัคร
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสมัคร
Credit: The University of Texas at Austin (Website)
Credit: The University of Texas at Austin (Website)

ค่าเล่าเรียนและทุนการศึกษา

*อ้างอิงอัตรแลกเปลี่ยน $1 = 36.18 บาท ณ วันที่ 26 ก.ค. 2024

ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียม (ต่อปี)
นักเรียนต่างชาติ$23,437 (~847,903 บาท)
พลเมือง$14,314 (~517,851 บาท)
ค่าครองชีพ (ต่อปี)
นักเรียนต่างชาติ$20,500 (~741,649 บาท)
พลเมือง$20,500 (~741,649 บาท)
ค่าใช้จ่ายรวม (ต่อปี)
นักเรียนต่างชาติ$43,937 (~1,589,552 บาท)
พลเมือง$34,814 (~1,259,500 บาท)

ค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ซึ่งถ้าหากใครมีข้อจำกัดทางการเงิน ทางมหาวิทยาลัยก็มีทุนการศึกษาหลายประเภทให้ยื่นสมัครได้ด้วยเช่นกันครับ เช่น 

  • General ISSS Financial Aid scholarship
  • International Education Fee Scholarship (IEFS)
  • Iimura Peace Endowed Scholarship
  • Jerry D. Wilcox Community Engagement Scholarship
  • The International Peace Scholarship Fund

นอกจากทุนของมหาวิทยาลัย ผู้ที่สนใจเรียนต่อ ป.โท/เอก ก็สามารถสมัครทุน ‘Fulbright Thai Graduate Scholarship Program (TGS)’ ซึ่งเป็นทุนเต็มจำนวนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่เปิดรับสมัครทุกปีได้เช่นกัน (ทุนนี้ยื่นได้ทุกมหา’ลัย ทุกสาขาในอเมริกาเลย) สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ https://www.fulbrightthai.org/grants-for-thais/thai-graduate-scholarship-program-tgs  

Credit: The Fullbright Program (FB)
Credit: The Fullbright Program (FB) 

…………..

ปิดท้ายด้วย 6 Fun Facts
เกร็ดสนุกๆ ของเมืองออสติน!

ออสติน (Austin) เป็นเมืองหลวงของรัฐเท็กซัส (Texas) และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 11 ของประเทศ เมืองนี้จะมีอะไรสนุกๆ บ้าง ตามมาส่องไฮไลต์ของออสตินกันเลยครับ! 

Photo by Ryan Duffy on Unsplash
Photo by Ryan Duffy on Unsplash

1. เมืองแห่งเสียงดนตรี 

ถึงแม้ว่าเมืองจะล้อมรอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยงทางธรรมชาติ แต่ชีวิตในเมืองก็คึกคักไม่แพ้กัน จนเป็นที่รู้จักในนามว่า ‘เมืองหลวงแห่งดนตรีสดของโลก’ (Live Music Capital of the World) เพราะว่าเขามีจำนวนสถานที่จัดงานดนตรีต่อสัดส่วนประชากรมากที่สุดในสหรัฐฯ เลย

Credit: KXAN
Credit: KXAN

2. เมืองสาย Tech

ออสตินได้กลายมาเป็นอีกเมืองสำคัญของบริษัทเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีชื่อเสียงหลายเจ้า ด้วยความที่มีสภาพเศรษฐกิจมั่นคง มีสภาพแวดล้อมเอื้อเฟื้อต่อกลุ่ม Startups และแรงงานที่มีคุณภาพ ทำให้มีคนหลั่งไหลเข้ามาอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะจากรัฐแคลิฟอร์เนียที่ค่าครองชีพสูงกว่าที่นี่มาก ตัวอย่างบริษัท Tech ยักษ์ใหญ่ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ออสติน เช่น Dell Technologies, IBM, Adobe, EA (Electronic Arts), NVIDIA, Salesforce, Intel, Microsoft และ Apple เป็นต้น

Credit: Silicon Maps
Credit: Silicon Maps

3. แหล่งรวมพลค้างคาวที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ

รู้หรือไม่ว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของที่นี่ มีจำนวนค้างคาวหางอิสระเม็กซิโก หรือ ‘Mexican free-tailed bat’ จำนวนกว่า 1.5 ล้านตัวอพยพมาที่เมืองออสติน และพากันบินออกมาหากินจากใต้สะพาน Congress Avenue Bridge ในทุกๆ คืน ถือว่าเป็นไฮไลต์สุดยูนีคที่ทั้งนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ต่างให้ความสนใจ

Credit: Austin City Guide
Credit: Austin City Guide

4. ไม่มีทีมกีฬาอาชีพ

ทีมอเมริกันฟุตบอล NFL? ทีมบาสเกตบอล NBA? ทีมเบสบอล MBL? เมืองอื่นๆ มีหมด แต่ที่ Austin เค้าไม่มีสักอย่าง! เพราะที่นี่มี ‘Texas Longhorns’ ทีมกีฬาตัวตึงจาก UT Austin นี่แหละที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับเมืองสุดๆ

Credit: The New York Times
Credit: The New York Times

5. คุณพระอาทิตย์สุดร้อนแรง

นอกจากเรื่องอัตราภาษีที่ไม่สูงแล้ว อีกเหตุผลที่คนอเมริกันถึงนิยมย้ายบ้านมารัฐทางใต้อย่างเท็กซัส ก็ยังมีเรื่องสภาพอากาศที่อบอุ่นด้วยครับ โดยที่ออสตินมีวันที่มีแดดจำนวน 300 วันต่อปี รับวิตามิน D แบบฉ่ำๆ ให้สุขภาพกายและจิตแข็งแรงไปตามๆ กันทั้งเมือง!

Credit: Photo by Tomek Baginski on Unsplash
Credit: Photo by Tomek Baginski on Unsplash

6. ของกิน ของกิน ของกิน

นอกจากเนื้อรมควันและตอร์ติยาห่อ (Wrapped Tortilla) แล้ว ออสตินยังเป็นแหล่งรวมอาหารจานเด็ดจากทั่วโลกอีกมากมาย ใครมาเรียนต่อหรือมาใช้ชีวิต ก็ลุยอีทแหลกได้แบบฟินๆ ไม่ว่าจะเป็น…

  • โฮมเมดพิซซ่า (Homemade Pizza)
  • ามบาลายาทอด (Deep-fried Jambalaya)
  • ซูชิ (Sushi)
  • ปาเอย่า (Paella)
  • ทาโก้ (Tacos) เมนูมื้อเช้าสไตล์ออสติน
  • รวมถึงอาหารไทยก็ไม่เว้น!
ร้านอาหารไทยใน Austin
ร้านอาหารไทยใน Austin
Credit: Do 512 (Website)

แต่บางครั้งการรอคอยบาร์บีคิวแสนอร่อยของร้านดัง อาจต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง ดังนั้นการฝากท้องจากรถขายอาหารหรือเดินเข้าร้านตาม ‘Strip mall’ ก็เป็นอีกตัวเลือกชาวเมืองออสตินนิยมอีกเหมือนกันครับ

Note: Strip Mall เป็นพื้นที่ที่มีร้านค้าเรียงต่อกันเป็นแถว ซึ่งมีที่จอดรถอยู่ด้านหน้าให้ลูกค้าเดินทางมาชอปปิงหรือมาทานอาหารได้อย่างสะดวกสบาย (ที่อเมริกามีเยอะมาก!)

Credit: Quora
Credit: Quora

……………

เป็นยังไงกันบ้างหลังจากที่ได้ไปทำความรู้จักกับ The University of Texas at Austin มีสาขาวิชาน่าสนใจเต็มไปหมด โลเคชันดี กิจกรรมเยอะ โดนใจทั้งสายเที่ยวในเมืองและสายธรรมชาติ อากาศก็อบอุ่น แถมคลอด้วยเสียงดนตรีสด น่าเรียนสุดๆ เลยใช่มั้ยล่ะ~ สำหรับน้องๆ คนไหนที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของทางมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยนะครับ 

หรือในส่วนข่าวสารทุนการศึกษาก็สามารถติดตามจากทาง Study Abroad by Dek-D ซึ่งมีอัปเดตเรื่อยๆ ส่วนรอบหน้าทางเราจะพาไปเปิดรั้วม.ไหน รอติดตามกันได้เลยยย See ya soon!

เยี่ยมชมเว็บไซต์มหาวิทยาลัย

สำหรับใครที่มองหาโอกาสโกอินเตอร์ ตอนนี้มีหลายทุนกำลังเปิดรับสมัคร
ตามไปเช็กกันต่อได้เลยที่ "โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอก by Dek-D" 

Sourceshttps://www.utexas.edu/https://theculturetrip.com/north-america/usa/texas/articles/10-unique-facts-about-austin-you-didnt-knowhttps://www.austintitle.com/uploads/resources/Fun-Facts-about-Austin.pdfhttps://www.austintexas.gov/resident/about-city-austinhttps://atxtoday.6amcity.com/how-austin-become-live-music-capital-world#:~:text=Depending%20on%20who%20you%20ask,per%20capita%20in%20the%20US.
Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น