ระบบต่างๆ และระเบียบในการทำงานของชาวญี่ปุ่น

 
สวัสดีจ้าน้อง ๆ วันนี้พี่ปาล์มมีลักษณะการทำงานและการใช้ชีวิตของประเทศในแถบเอเชียที่มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยมาร้อยกว่าปีแล้วอย่างญี่ปุ่นมาฝากจ้า

น้อง ๆ ทราบใช่ไหมคะว่าประเทศญี่ปุ่นและชาวญี่ปุ่น มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีความขยันอดทนมากด้วย ทั้งในการเรียน การทำงานและการใช้ชีวิตทั่วไป ดังนั้น ระบบระเบียบในการทำงานของชาวญี่ปุ่นก็เข้มงวดน่าดูเลยล่ะค่ะ

1. ชาวญี่ปุ่นนั้นเมื่อถึงเวลาทำงานแล้วจะ เน้นการทำงานเป็นกลุ่ม ค่ะในสังคมญี่ปุ่น แต่ละคนจะมีเอกลักษณ์จากการเข้าร่วมกลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มครอบครัว โรงเรียน และบริษัท ในญี่ปุ่นนักธุรกิจมักจะแนะนำชื่อบริษัทที่ตนทำงานก่อนชื่อของตนเองในการพบกันครั้งแรกในประเทศที่มีขนาดเท่ารัฐแคลิฟอร์เนีย แต่มีจำนวนประชากรเท่ารัสเซียนั้น การรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งต่อการมีชีวิตรอด เนื่องจากไม่มี มุมพิเศษ เอาไว้สำหรับหลบพักเวลามีเรื่องกับเพื่อนบ้าน คนญี่ปุ่นจึงต้องรู้จักข่มความรู้สึกภายในเพื่อรักษาความปรกองดอง และระเบียบสังคม คนญี่ปุ่นไม่นิยมแสดงอารมณ์โดยเฉพาะอารมณ์ด้านลบออกมาอย่างเปิดเผย ไม่ได้หมายความว่าจะปิดกั้นความคิดเห็นของตนเองแต่คนญี่ปุ่นจะใช้วิธีหารือและแก้ไขปัญหาระหว่างกันทางอ้อมแบบตัวต่อตัว ซึ่งไม่ใช่วิธีถกกันที่สาธารณะ เผชิญหน้ากัน หรือทำให้เสียหน้านิสัยอ่อนน้อมยอมตาม

2. ในทุกประเทศก็ย่อมมีการแบ่งระดับชั้นในสังคมอยู่แล้วนะคะ ส่วนในประเทศญี่ปุ่นนั้น ในวัฒนธรรมที่เน้นความสัมพันธ์แบบรวมกลุ่มเช่นญี่ปุ่นนั้นการเคารพและรักษาความสัมพันธ์ตามระดับชั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในสังคมและธุรกิจ ระดับชั้นในสังคมตามวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาจากความเชื่อในสัทธิขงจื้อว่าทุกคนในสังคมถูกกำหนดให้อยู่ในระดับชั้นที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ซื้อ (อยู่ในระดับชั้นที่สูงกว่า) และผู้ขาย(อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า) สังคมจะมีความมั่นคงก็ต่อเมื่อทุกคนรักษาสัมพันธภาพตามระดับชั้นที่เหมาะสมไว้

 

3. ด้านความสัมพันธ์ตามระดับชั้นนั้น สัมพันธภาพระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเป็นความสัมพันธ์ตามระดับชั้นอย่างหนึ่งในวัฒนธรรมการดำเนินธุรกิจของญี่ปุ่น สำหรับความสัมพันธ์แบบอื่นๆ นั้นประกอบไปด้วยความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก สำนักงานใหญ่กับสำนักงานสาขา ผู้จัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชา พนักงานที่มีอาวุธโสสูง (ผู้ที่เข้าทำงานก่อน) กับพนักงานที่อ่อนอาวุโส ซึ่งแต่ละฝ่ายจะคาดหวังจากอีกฝ่ายแตกต่างกัน เช่น ผู้จัดการควรจะต้องกังวลเรื่องสวัสดิภาพของผู้ใต้บังคับบัญชา จนถึงขนาดที่ต้องให้ความช่วยเหลือในเรื่องส่วนตัว ในทางกลับกันผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะต้องเชื่อมั่นในวิจารณญาณของผู้จัดการ โดยไม่มีกาตั้งคำถามแสดงความเคลือบแคลงในสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว และอาจเกิดปัญหาขึ้นในที่ทำงานได้หากไม่มีการคาดหวังจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีคนรุ่นใหม่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นตัวของตัวเอง และชอบแยกชีวิตส่วนตัวออกจากงานและนายจ้าง

 

4.เมืองไทยมีระบบอาวุโส ที่ญี่ปุ่นก็มีเหมือนกันค่ะ
ตัวอย่างของการแบ่งระดับชั้นในธุรกิจของญี่ปุ่นที่เห็นได้ชัดคือ ระบบอาวุโส ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วจะใช้เป็นเกณฑ์สำคัญในการเลื่อนตำแหน่ง (แม้ในปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนจาก
ระบบอาวุโสไปใช้ระบบความดีความชอบแทน) ตัวอย่างเช่น ในการเจรจาระหว่างบริษัท 2 แห่ง คนญี่ปุ่นคาดว่าแต่ละฝ่ายจะต้องส่งคนที่มีอายุอานามและตำแหน่งใกล้เคียงกันมาพูดคุย ความ
คาดหวังซึ่งเกิดจากความเชื่อในเรื่องระดับชั้นนี้ อาจทำให้ยากกับฝ่ายญี่ปุ่นที่ต้องเจรจากันอย่างเท่าเทียมกับผู้ที่เด็กกว่าหรือแก่กว่า

 

5.วัฒนธรรมประเพณีที่งดงามอีกแบบหนึ่ง คือ รูปแบบและพิธีการค่ะ
แม้ว่าคนญี่ปุ่นสมัยใหม่จำนวนมากไม่ได้ตระหนักถึงมรดกทางศาสนา แต่ศาสนาชินโต ก็เป็นต้นกำเนิดของพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ชินโตเป็นที่มาของแนว
คิดเรื่อง kata หรือรูปแบบ คือวิธีที่ถูกต้องในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งผู้เรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว เช่น คาราเต้ จะต้องฝึก kata (รูปแบบพี้นฐาน) ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนสำเร็จก่อนจึงจะปล่อยหมัดได้
ในธุรกิจเราจะเห็นความสำคัญของรูปแบบได้จากการใส่ใจกับขั้นตอนที่ถูกต้องเมื่อคนญี่ปุ่นแลกนามบัตรกัน วิธีที่ได้อธิบายไปแล้วนั้นเป็นผลมาจากประเพณีและประสบการณ์อัน
ยาวนาน จึงเป็นสิ่งที่จะต้องทำจนชำนาญ เมื่อสมาชิกทุกคนในสังคมเข้าใจและปฎิบัติตาม kata แล้ว ก็จะไม่เกิดความเคลือบแคลงขึ้น ความเข้าใจร่วมกันในเรื่องนี้เกิดปรวนแปรเมื่อคนญี่ปุ่นต้องมีปฎิสัมพันธ์กับคนนอกวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น คนงานในเอเชียอาคเนย์จะรู้สึกหงุดหงิดเมื่อหัวหน้าชาวญี่ปุ่นว่า ทำอย่างนี้ โดยไม่อธิบายว่าทำไมวิธีที่บอกนั้นจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้ามีคนถามหัวหน้าชาวญี่ปุ่นคนนั้นอาจจะตอบว่า เพราะผมมีประสบการณ์มา 30 ปี และบอกให้คุณทำอย่างนี้ นักธุรกิจชาวต่างประเทศที่เน้นผลงานเป็นหลักมักจุงุนงงกับคนญี่ปุ่นที่เน้นเรื่องรูปแบบและขบวนการ นักธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมเสื้อผ้าชาวอินโดนีเซียยกตัวอย่างสินค้าที่ลูกค้าญี่ปุ่นส่งคืนเพียงเพราะรอยยับเพียงรอยเดียว ผู้จัดการโรงงานชาวอเมริกันซึ่งหงุดหงิดกับลูกค้าญี่ปุ่นที่ไม่ยอมรับสินค้า เซมิคอนดักเตอร์ที่มีร่องรอยตกแต่งส่วนที่ชำรุดบนกล่องถึงกับบอกว่า ถ้ามันใช้งานได้แล้วจะมีปัญหาอะไร ร่องรอยดังกล่าวในสายตาของชาวญี่ปุ่นเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่องในขบวนการ ซึ่งในทางกลับกันบ่งบอกให้รู้ว่าคุณภาพโดยรวมของสินค้าอาจจะต่ำ

ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศเก่าแก่ อารยธรรมนับย้อนหลังได้หลายพันปี แต่ยังคงรักษาขนบต่างๆ ไว้ได้อย่างดี พี่ปาล์มว่านี่ก็เป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของดินแดนนซามูไรค่ะ

พี่ปาล์มขอบคุณข้อมูลบทความจาก

http://www.ohayo-japan.com/

(นี่แหละคนญี่ปุ่น โดย สำนักพิมพ์ภาษาและวัฒนธรรม)

ขอบคุณภาพประกอบจาก

www.amphi.com
www.k12academics.com

ayishere.spaces.live.com

www.pbase.com http://static.guim.co.uk http://3.bp.blogspot.com

 
 
พี่ปอน
พี่ปอน - Webmaster Chief Commercial Officer (CCO)

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

19 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
..มุเมย์จัง.. Member 18 ก.ค. 51 17:45 น. 5
เรียนอยู่อ่ะนะ วิทย์-ญี่ปุ่นๆๆๆ ตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกสายนี้ฮิ้วๆๆๆๆ ตอนนี้เรียนภาษาญี่ปุ่นหนุกหนานมากมายอิอิ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
war 19 ก.ค. 51 10:47 น. 8
แล้วทำไม ตอนสงครามโลกครั้งที่2 ต้องโหดมด้วยละ แต่ในนี้เขียนว่ามีความอ่อนน้อมถ่อมตน ขนาดตอนที่ยกพลขึ้นบกที่ภาคใต้นะ ย่าเล่าให้ฟังเสมอว่า พวกญี่ปุ่นไม่พอใจอะไร ก็จะฆ่าไม่เลี้ยงเลย ถ้าดีจริง คนเกาหลี จีนต้องชอบแล้วดิ เห็นไปถามคนจีน เกาหลี เขาบอกว่าเขาไม่ชอบคนญี่ปุ่น
0
กำลังโหลด
องค์หญิงปีศาจ Member 19 ก.ค. 51 14:05 น. 9

มีประโยชน์มากค่ะ ถ้าเราไปอยู่ญี่ปุ่นต้องเครียดตายแน่เลย ( ในญี่ปุ่นมีคนตายวันละประมาณ 10 กว่าคนเชียวนะ )   ...   ***

0
กำลังโหลด
คนไม่น่ารัก 19 ก.ค. 51 16:07 น. 10
คนญี่ปุ่นมีความนอบน้อมถ่อมตน เเต่ก้อมีความรักชาติมากๆๆ เลยทำให้เป็ยประเทศที่มีการเป็นชาตินิยมที่มีหัวรุนเเรงเกี่ยวกับประเทศตัวเอง

ทำให้บางครั้งทำรุนเเรงเกินไป อย่างที่คนเกาหลีเกียดคนญี่ปุ่นก้อเพราะ ในอดีตคนญี่ปุ่นจับคนเกาหลีเป็นเชลย เเละทำการทารุณ ทหารญี่ปุ่นข่มขื่นหญิงเกาหลี

มันก้อเลยกลายเป็นความเกียดขึ้นในสังคม

เเร้วอย่างตอนนี้ที่ 2 ประเทศก้อทะเลาะกันเรื่องใครเป็นเจ้าของเกาะคอนโดะ ที่อยู่ระหว่าง 2 ประเทศ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Diamondback Member 19 ก.ค. 51 22:56 น. 15
คห.9 ว่าคนญี่ปุ่นเครียดตาย ไม่รู้หรอกครับว่าคนไทยน่าเครียดกว่าเยอะ ในหลายๆด้านไม่ต้องพูดเลย สังคมญี่ปุ่นนั้นถูกสอนมาอย่างไม่ขาดเรื่องคุณภาพ โดยไม่ต้องคิดถึงความคุ้มค่าความสะดวกของตัวเอง เป็นการทำอย่างมนุษย์ที่เจริญแล้วอย่างแท้จริงเลย เพราะทุกคนฉลาดที่จะรู้ว่าการทำให้ดีแล้วจะได้อะไร ถ้าทำไม่ถูกต้องผลเสียจะใหญ่แค่ไหน ความเจริญของประเทศในโลกมันก็วัดกันที่ความฉลาดสำนึกตรงนี้นี่แหละ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด