คำถามที่มักถามกันบ่อยๆ


Q : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นหลักสูตร International หรือไม่?

A : ไม่ใช่ครับ มหาวิทยาลัยฯใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน(English Program) เท่านั้นครับ แต่ที่หลายๆคนอาจมองว่าเป็น Inter คือเราเรียนกันเป็นภาษาอังกฤษ และเรามีนักศึกษาจากต่างประเทศมาเรียนด้วย แต่นั่นก็ยังไม่ใช่หลักสูตรนานาชาติที่เต็มรูปแบบ เพราะยังขาดปัจจัยในการดำเนินการหลายๆด้านครัยผม ซึ่งถ้าเป็น International แบบเต็มรูปแบบคือจะมีการดำเนินการในทุกๆด้านเป็นภาษาต่างประเทศหมด รวมถึงการประชาสัมพันธ์ต่างๆและการออกเอกสารสำคัญทางการศึกษาเป็นภาษาต่างประเทศด้วย ตัวอย่างมหาวิทยาลัยแบบนานาชาติ คือ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) วิทยาลัยนานาชาติ - มหาวิทยาลัยมหิดล (MUIC) เป็นต้น



Q : พวกเราอยากทราบว่าการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทุกหลักสูตรเลยหรือไม่?

A : ไม่ใช่ครับ ในวิชาภาษาไทย (ใครมันจะบ้าสอนเป็นภาษาอังกฤษ) หรือบางสาขาวิชาเช่น นิติศาสตร์, การแพทย์แผนไทยประยุกต์, พยาบาลศาสตร์ ในวิชา Major ของสาขาวิชาดังกล่าวจะเรียนเป็นภาษาไทยครับ แต่ในรายวิชาศึกษาทั่วไป (General Education) จะเรียนเป็นภาษาอังกฤษครับ แต่อย่างไรก็ตามอาจารย์ผู้สอนก็จะอธิบายเป็นภาษาไทยกำกับไปด้วย หากในคลาสนั้นไม่มีนักศึกษาต่างชาติเรียนครับ



Q : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นสถาบันการศึกษาของเอกชนหรือไม่?

A : ไม่ใช่อย่างแน่นอนครับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐบาล ซึ่งมิได้สังกัดในส่วนของราชการ ภายใต้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พ.ศ. 2541 (หากเป็นสถาบันการศึกษาของเอกชน จะได้รับแค่ใบอนุญาตให้ดำเนินการเท่านั้น ไม่ใช่พระราชบัญญัติครับ) โดยที่จุดกำเนิดของมหาวิทยาลัยประเภทนี้เป็นผลพวงมาจากการทำสัญญาเพื่อกู้ยืมเงินจากกองทุน IMF ในช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่แตกครับ ทำให้ภาครัฐมีความต้องการที่จะลดค่าใช้จ่ายลง โดยการยินยอมให้หน่วยงานของรัฐที่มีศักยภาพในการบริหารงานได้ด้วยตนเอง สามารถกำหนดนโยบายและจัดการงบประมาณต่างๆได้โดยอิสระ แต่จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลครับผม ดังนั้นมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจึงสามารถที่จะจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนได้เองโดยไม่จำเป็นที่จะต้องขอความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รวมไปถึงการดำเนินการทางนโยบายต่างๆและการบริหารงบประมาณอย่างอิสระ แต่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตามหากการบริหารงานเป็นไปด้วยความไม่โปร่งใส รัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะตราพระราชบัญญัติเพื่อนำมหาวิทยาลัยกลับเข้าสู่ระบบราชการได้ครับผม (ถ้านึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงการบริหารงานแบบ CEO ครับผม)



Q : พวกเราอยากทราบว่า "เฟรชชี่ปี 1 ไม่อยู่หอในได้หรือเปล่า" ?

A : ตามนโยบายของทางมหาวิทยาลัย นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ต้องอยู่หอในทุกคนครับ แต่ถ้าหากมีเหตุจำเป็นสามารถยื่นเรื่องขอไม่อยู่หอในได้ที่สำนักงานหอพักได้ครับ (ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับการพิจารณา ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย) หรือถ้าไม่อยากเรื่องมากก็ยอมเสียค่าหอในแล้วไปเช่าหอนอกอยู่ พอจะจบปี 1 ค่อยมาทำเรื่องออก ตอนที่สำนักงานหอพักประกาศก็ได้ครับ (พี่ว่าก็อยู่ๆไปเหอะนะน้อง เทอมนึงไม่ใช่ถูกๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ด้วย)




Q : กระผม / ดิฉันอยากทราบว่าพิธีการรับน้องโหดหรือเปล่าครับ / คะ ?
 BY 
A : ไม่สามารถให้คำตอบในรายละเอียดได้ครับ อิอิ อยากรู้ต้องมาเจอเอง แต่เรื่องกิจกรรมการรับน้องที่นี่จะเป็นการรับน้องรวมกันทุกสาขาวิชาเป็นประเพณีที่ถือปฎิบัติของทุกปี แต่ถ้าสาขาวิชาไหนจะรับน้องเป็นการภายในนั่นก็อีกเรื่องหนึ่งไม่เกี่ยวกัน และที่นี่ไม่มีการรับน้องนอกสถานที่ครับ ฉะนั้นสบายใจได้ครับ ที่สำคัญในทุกกิจกรรมรับน้อง จะมีคณาจารย์มาร่วมดูแลความเรียบร้อยในขณะทำกิจกรรมด้วยครับ กิจกรรมใดที่น้องๆไม่สามารถปฎิบัติได้เนื่องจากมีเหตุจำเป็นทางด้านสุขภาพหรือเหตุผลทางด้านศาสนา ก็สามารถแจ้งพี่ Staff ในกิจกรรมนั้นได้ครับ (มหาวิทยาลัยของเราเป็นมหาวิทยาลัยนำร่องในโครงการ "รับน้องปลอดเหล้าและปลอดความรุนแรง" ของ สสส. ครับผม)




Q : พวกเราสามารถนำรถมอเตอร์ไซด์มาใช้ได้หรือไม่ ?

A : ได้ครับ แม้ว่าตามนโยบายของทางมหาวิทยาลัยซึ่งยังไม่อนุญาติให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 นำรถมาใช้ก็ตามแต่นั่นก็เป็นเพียงนโยบายบนแผ่นกระดาษเท่านั้น ดังนั้นก็เอามาใช้ได้ไม่มีปัญหาครับผม ทางมหาวิทยาลัยไม่ขัดศรัทธาแต่อย่างใด (เอารถยนต์มาใช้ยังไม่ว่าเลยน้องเอ๊ย!) แต่พี่ก็มีเรื่องอยากจะขอเตือนพวกเด็กแว้นหรือพวกชอบแหกกฎในการขับขี่มอเตอร์ไซด์ในบริเวณมหาวิทยาลัยทั้งหลายนะครับ หากไม่สวมหมวกกันน็อคในขณะขับขี่มอเตอร์ไซด์ พนักงานรักษาความปลอดภัยจะไม่อนุญาตให้ผ่านเข้า-ออกจากบริเวณมหาวิทยาลัย หรือถ้าหากเจ้าหน้าที่จากส่วนพัฒนานักศึกษามาพบเห็นผู้ซึ่งไม่ได้สวมหมวกกันน็อคในขณะขับขี่รถมอเตอร์ไซด์ภายในบริเวณของมหาวิทยาลัย ก็จะถูกบันทึกความผิดลงในประวัตินักศึกษา ซึ่งถ้าหากต้องการลบประวัติดังกล่าวออก จะต้องไปบำเพ็ญประโยชน์ตามส่วนงานต่างๆภายในมหาวิทยาลัย ความผิดฐานละ 50 ชั่วโมงตามประกาศใหม่ของส่วนพัฒนานักศึกษา โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนครับ (จับได้ 1 ครั้งคือความผิด 1 ฐาน แม้ว่าจะเป็นการกระทำผิดประเภทเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม)




Q : ดิฉันอยากทราบว่าในการสอบสัมภาษณ์ มีคำถามอย่างไรบ้างหรือคะ ? 
(คำถามโดยคุณ "เบียร์จังโย่วๆๆ" - Comment 13)

A : ในการสอบสัมภาษณ์ จะสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ(หรือไทยแล้วแต่กรรมการ)นะครับ และคำถามส่วนใหญ่ก็จะถามประมาณว่า "ทำไมถึงสนใจอยากมาเรียนที่นี่" หรืออาจจะถามความรู้พื้นฐานในสาขาวิชาที่น้องๆจะเข้า (แต่ไม่ค่อยถามหรอกครับ มันยังยากเกินไป) ในการตอบคำถามของกรรมการ ถ้าถูกถามเป็นภาษาอังกฤษเวลาตอบไม่ต้องเน้น Grammar ครับแค่เราสามารถโต้ตอบได้ก็พอ หากจำเป็นจริงๆคือแบบว่าฟังรู้เรื่อง แต่ไม่สามารถตอบเป็นภาษาอังกฤษได้ให้กล่าวว่า "ขอโทษครับ /ค่ะ อาจารย์ขออนุญาตตอบเป็นภาษาไทยนะครับ /คะ" พี่ขอเสริมเรื่องบุคลิกในการเข้าสัภาษณ์หน่อยนะครับ คือตอนที่เข้าไปในห้องสัมภาษณ์และตอนออกจากห้องให้ทำความเคารพกรรมการด้วยการสวัสดี  ในขณะที่ตอบคำถามควรมองหน้าสบตาแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและจริงใจที่จะมาศึกษาต่อที่นี่ การตอบคำถามควรหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า "ชอบครับ /ชอบค่ะ, อยากเรียน, มหาวิทยาลัยสวยดีค่ะ" ตามคำแนะนำของคุณรุ่นพี่ปี 4 (Comment 27) นั่นแหละครับ  ระวัง! กรรมการบางท่านอาจ Psyco เราโดยการพูดจิก พูดเหน็บแนมหรือพูดขู่เรื่องต่างๆ ให้คุมสติให้อยู่อย่าไปวีนใส่หรือตอบแบบยอกย้อน เพราะถ้าน้องๆทำพฤติกรรมดังกล่าวลงไป ก็เท่ากับเป็นการตกหลุมพรางของกรรมการแล้วล่ะครับ (เพื่อนพี่โดนมาแล้วครับ)



Q : ดิฉันอยากทราบว่า "สำนักวิชาต่างจากคณะอย่างไรคะ" ? (From...sadami) 

A : ดูรายละเอียดในนี้เลยครับ http://www.mfuzone.com/nboard/index.php?showtopic=13367



Q : ฐานะทางบ้านของกระผม / ดิฉันไม่ค่อยสู้ดีนัก ทางมหาวิทยาลัยฯมีทุนการศึกษามาอุดหนุนหรือไม่ครับ / คะ?

A : มีครับผม ท่านรองศาสตราจารย์ ดร. วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้เคยกล่าวไว้ว่า "จะต้องไม่มีนักศึกษาคนใด ต้องออกจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เพราะความยากจน" ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยจึงมีทุนการศึกษาทั้งของมหาวิทยาลัย, ทุนการศึกษาพระราชทาน และทุนการศึกษาจากผู้อุปการคุณอีกมากมายเพื่อที่จะมารองรับแก่ผู้ซึ่งขาดแคลนทุนทรัพย์แต่มีความตั้งใจที่จะศึกษาเล่าเรียนครับ นอกจากนี้นักศึกษาสามารถใช้บริการกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้อีกด้วย ดังนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการจะติดต่อขอรับทุนการศึกษาซึ่งมีคุณสมบัติที่จะขอรับทุนฯสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายทุนการศึกษา อาคาร D1 ห้อง 117 โทรศัพท์ : 053-916381-3, 053-916376-7,053-916173, 053-917040 หรือทางเว็ปไซด์ http://scholarship.mfu.ac.th/ ครับ (สำหรับเรื่องค่าธรรมเนียมทางการศึกษานั้น นักศึกษาที่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถที่จะชำระได้ตรงตามกำหนดเวลา ก็สามารถที่จะยื่นเรื่องผ่อนผันการชำระที่ส่วนพัฒนานักศึกษาได้ด้วยตนเองครับผม) และสามารถศึกษารายละเอียดและวิธีการขอรับทุนฯได้จาก Link ทั้งสองด้านล่างนี้ได้ครับ
1.) http://img534.imageshack.us/img534/5337/scan0001rf.jpg  หน้าที่ 1-3
2.) http://img35.imageshack.us/img35/9236/scan0002gx.jpg หน้าที่ 4-5



Q : พวกเราสามารถเดินทางมายังมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้ด้วยวิธีใดบ้าง?

A : มี 3 วิธีครับ ;

      1.) ทางอากาศ (สนามบินฯห่างจากมหาวิทยาลัยประมาณ 7 กิโลเมตรครับ)

             - สายการบินไทย (เชียงราย - สุวรรณภูมิ - เชียงราย)
             - สายการบิน Air Asia (เชียงราย - สุวรรณภูมิ - เชียงราย) 
             - สายการบิน 1-2-GO by OrienThai (เชียงราย - สุวรรณภูมิ - เชียงราย)
             - สายการบินนกแอร์ (เชียงราย - ดอนเมือง - เชียงราย)
             - สายการบิน Kan Air เชียงใหม่ - เชียงราย - เชียงใหม่
     
      2.) ทางรถโดยสาร (กรุงเทพ - แม่สาย, กรุงเทพ - เชียงแสน หรือ นครราชสีมา - แม่สาย ของนครชัยทัวร์)
             - รถโดยสารของ สมบัติทัวร์ : 0-2936-2495
             - รถโดยสารของ บขส.99 : ติดต่อ 1490
             - รถโดยสารของ นครชัยทัวร์ : 044-261-555
             - รถโดยสารของ นครชัยแอร์ : 02-936-0009
             - รถโดยสารของ สยามเฟิร์สทัวร์ : 0-2954-3601 ถึง 7
             - รถโดยสารของ คฤหาสน์ทัวร์ : 0-2936-3531
             - *รถโดยสารของ ชัยพัฒนาขนส่ง (เมลล์เขียว) - ภูเก็ต, แม่สอด - เชียงใหม่  : 1141 ต่อ 8000
*จะต้องต่อรถจากบขส.เชียงใหม่ มาลงที่หน้า "ปากทางม.แม่ฟ้าฯ" โดยแจ้งพนง.จำหน่ายตั๋ว ว่า "ลงหน้าม.แม่ฟ้าฯ" ครับ
หมายเหตุ : ให้บอกกับพนักงานจำหน่ายตั๋วโดยสารว่า "ลงหน้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง" ครับ
       
      3.) รถยนต์ส่วนตัว 
      1. เส้นทางนครสวรรค์-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย จากรังสิตมาตามถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ที่อำเภอวังน้อย จากนั้นผ่านจังหวัดอยุธยา สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก เข้าสู่จังหวัดลำปาง แล้วตรงไปจังหวัดพะเยา จนเข้าสู่เชียงราย รวมระยะทาง 830 กิโลเมตร จากตัวเมืองเชียงรายใช้เส้นทางถนนพหลโยธินที่มุ่งตรงไปยังอำเภอแม่สาย ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตรถึงมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
       
       2. เส้นทางนครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เชียงราย ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 1 เมื่อไปถึงจังหวัดนครสวรรค์ ให้แยกขวามือไปตามทางหลวงหมายเลข 117 (นครสวรรค์-พิษณุโลก) จากนั้นใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 11 (พิษณุโลก-เด่นชัย) จากจังหวัดพิษณุโลก ผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ จนถึงอำเภอเด่นชัย ให้เลี้ยวไปทางจังหวัดแพร่ ตามทางหลวงหมายเลข 101 (แพร่-น่าน) จนถึงอำเภอร้องกวาง เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 103 ไปบรรจบกับถนนพหลโยธินที่อำเภองาว เข้าสู่จังหวัดพะเยา แล้วตรงต่อไปจนถึงเชียงราย ระยะทางประมาณ 804 กิโลเมตร จากตัวเมืองเชียงรายใช้เส้นทางถนนพหลโยธินที่มุ่งตรงไปยังอำเภอแม่สาย ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตรถึงมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
       
       3. เส้นทางนครสวรรค์-ลำปาง-เชียงใหม่-เชียงราย ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 1 จนไปถึงจังหวัดลำปาง จึงเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงหมายเลข 11 (ลำปาง-เชียงใหม่) ผ่านไปจังหวัดลำพูน แล้วเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 118 (เชียงใหม่-เชียงราย) ผ่านดอยสะเก็ต แม่ขะจาน เวียงป่าเป้าเข้าสู่เชียงราย รวมระยะทาง 900 กิโลเมตร จากตัวเมืองเชียงรายใช้เส้นทางถนนพหลโยธินที่มุ่งตรงไปยังอำเภอแม่สาย ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตรถึงมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มีทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำพูนมาลำปาง บรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1 เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ได้)



Q : พวกเราอยากทราบว่ามหาวิทยาลัยจัดให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เข้าพักในหอในอย่างไร?

A : ตั้งแต่ปีการศึกษา 2553 เป็นต้นไป สำนักงานหอพักนักศึกษาถูกย้ายไปขึ้นตรงกับส่วนพัฒนานักศึกษา ซึ่งมีผลให้น้องๆไม่สามรถเลือกรูมเมทได้ด้วยตัวเองเช่นแต่ก่อนครับ แต่ทางมหาวิทยาลัยจะทำการสุ่มจัดเข้าห้องพักให้ แต่จะว่าไปแล้วมันก็เหมือนดาบสองคมนะครับ คือ ในด้านที่ดีก็คือเป็นการส่งเสริมให้น้องๆได้รู้จักกับเพื่อนใหม่มากขึ้น ซึ่งน้องๆบางกลุ่มก็เรียกได้ว่ายกก๊วนยกแก๊งค์เดิมกันออกมาจากโรงเรียนเก่าเลยทีเดียว แล้วก็ชอบยึดติดกับเพื่อนกลุ่มเก่า ไม่ยอมออกไปทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ซึ่งเป็นการปิดกั้นการที่จะออกไปพบกับสังคมใหม่ๆครับผม แต่ในด้านที่ไม่ดีของมันก็คือ เราเองไม่สามารถรู้ได้ว่าเพื่อนใหม่ที่เราจะไปเจอนั้นเป็นคนอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามนะครับ พวกเราก็มาอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นลำดวนด้วยกันแล้วก็รักกันไว้เถิดจะเกิดผลครับ



Q : กระผม/ดิฉัน เห็นว่ามีการกำหนดคะแนนขั้นต่ำในการ Admission ด้วยจริงหรือไม่ครับ/คะ?

A : ถูกต้องครับ เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ อีกทั้งเป็นการเรียนในระดับสูงขึ้นจากมัธยมศึกษา ดังนั้นจึงต้องมีการกำหนดคะแนนขั้นต่ำในบางรายวิชาเป็นคุณสมบัติของผู้ที่จะยื่นคะแนน Admission ด้วยครับ เช่น คะแนน O-NET ภาษาอังกฤษต้องไม่ต่ำกว่า 30-35 คะแนน เป็นต้น และสิ่งหนึ่งที่น้องๆทุกคนควรตระหนักไว้อย่างหนึ่งก็คือ ถึงแม้ว่าน้องจะได้คะแนน O-NET GAT PAT จนสามารถที่จะเบียดคนอื่นให้หลุดไปจากอันดับที่เลือกไว้ก็จริง แต่ถ้าหากมีคะแนนในวิชาที่ต้องใช้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ขั้นต่ำ แบบนี้น้องก็จะหมดสิทธิ์ในการยื่นสาขานั้นๆครับ เช่น น้องจะยื่นเข้าสาขาศิลปศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ซึ่งคะแนน O-NET ภาษาอังกฤษกำหนดไว้ขั้นต่ำที่ 35 คะแนน แต่น้องได้แค่ 29 คะแนน ส่วน GAT PAT ของน้องดีหมด แบบนี้น้องก็ไม่ติดนะครับ เพราะถือว่าขาดคุณสมบัติในการรับเข้าศึกษาครับผม



Q : พวกเราอยากทราบแนวข้อสอบการรับตรงทั่วประเทศและแนวข้อสอบโควต้าภาคเหนือจังเลยครับ/ค่ะ?

A : แนวข้อสอบการรับตรงทั่วประเทศนะครับในทุกสาขาวิชาจะมีการสอบข้อเขียนวิชาภาษาอังกฤษและวิชาอื่นๆตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่แต่ละสาขาวิชากำหนดครับ ซึ่งจะมีวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา สำหรับน้องๆที่เลือกสอบประเภทผู้เรียนสายวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ แต่ถ้าเลือกสอบประเภทสายศิลป์ก็จะเป็นวิทยาศาสตร์ทั่วไปครับ) สังคมศึกษา วิชาเหล่านี้จะสอบเป็นภาษาไทยครับ ซึ่งเนื้อหาในที่ใช้สอบข้อเขียนนั้นก็ครอบคลุมเนื้อหาในชั้นมัธยมปลายทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ในวิชาสังคมศึกษาขอแนะนำให้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองไว้บ้าง สำหรับใครที่อยากลองฝึกทำข้อสอบให้ไปหาพวกข้อสอบ O-NET เก่าๆมาลองทำดูครับ เพราะเนื้อหาในการสอบก็แนวๆข้อสอบ O-NET เลยครับผม (กรณีสมัครเข้าสาชาวิชาภาษาจีนธุรกิจหรือการสอนภาษาจีน จะมีข้อสอบภาษาจีนด้วย ส่วนผู้ที่เลือกสาขาการสอนภาษาจีนก็จะต้องสอบวิชาวัดแววความเป็นครูด้วยครับผม)
     
      สำหรับน้องๆสมัครสอบประเภทโควต้า 17 จังหวัดพัฒนาภาคเหนือ จะมีการสอบข้อเขียนเพียงวิชาเดียวคือ วิชาภาษาอังกฤษในทุกสาขาวิชา (กรณีสมัครเข้าสาชาวิชาภาษาจีนธุรกิจหรือการสอนภาษาจีน จะมีข้อสอบภาษาจีนด้วยครับ)

      ในการรับสมัครสอบทั้ง 2 ประเภท น้องๆจะต้องนำผลคะแนน GAT, PAT ประเภทที่สาขาวิชาที่น้องสมัครสอบ มายื่นประกอบใบสมัครสอบด้วยครับ น้องๆคนไหนที่ยังไม่มีผลคะแนน GAT, PAT ให้รีบดำเนินการสอบไว้แต่เนิ่นๆนะครับ โดยผลคะแนนจะเก็บไว้ใช้ได 2 ปีนับแต่วันที่ประกาศผลในครั้งนั้นๆไปครับ



Q : ระบบความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นรูปแบบใด?

A : ใช้ระบบ "พี่รหัส" - "น้องรหัส" เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยอื่นๆครับ แต่ถ้าหากสายรหัสของใครว่าง ก็จะมีการจัด "พี่รหัสฟ้าประทาน" คือ เป็นพี่ที่ไม่ได้มี ID เหมือนกันกับน้องมาช่วยคอยดูแลครับ แต่อย่างไรก็ตามน้องๆสามารถมี "พี่เทค" ได้ แต่ถ้าหากน้องมีสายรหัสที่แท้จริงหรือมีพี่ฟ้าประทานอยู่แล้ว ควรขอความเห็นชอบจากพี่ๆเหล่านั้นก่อนเป็นอันดับแรกนะครับ



Q : ดิฉันอยากทราบว่ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีกระเทยหรือสาวประเภทสองหรือไม่ ค๊ะ?

A : ต้องมีเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับน้อง แถมยังแรงเลิศจนติด Top 5 ของประเทศอีกด้วย(เค้าว่ามางั้นนะ) แต่กระเทยของที่นี่เค้าจะมี Prefix ว่า "กระตอย" ซึ่งมาจากคำว่า กระเทย + ดอย(แง่ม) = กระตอย นะครับ ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงของเรา ก็มีชมรมของกระตอยด้วยนะครับ ซึ่งก็คือ ชมรม Entertainment club และก็จะมีกิจกรรมของชมรมซึ่งถือว่าเป็น Shot เด็ดเลยก็คือ "The paradise you can touch. สรวงสวรรค์ที่คุณสัมผัสได้" ซึ่งก็ไม่ควรพลาดเลยนะครับ มันส์แน่นอน และขอเตือนพวกกระตอยน้องใหม่ทุกๆคนที่จะเข้ามาที่นี่นะครับ ว่าควรรักษากิริยามารยาทให้เรียบร้อยให้สมกับเป็นลูกแม่ฟ้าหลวง และห้าม!แต่งกายด้วยชุดนักศึกษาหญิงเป็นอันขาดครับ แต่เรื่องทรงผม การแต่งหน้าอยากจะแต่งให้เลิศหรูอลังการดาวล้านดวงอย่างไรก็ตามอัธยาศัยครับ อ้อ!เกย์ ทอม ดี้ ที่นี่ก็มีเยอะนะครับ (พี่ไม่ใช่กระตอยนะครับ แต่มหาวิทยาลัยของเราทำไมพี่จะไม่รู้ ไม่งั้นไม่มาทำ Q&A ให้ถามกันหรอกครับพี่น้อง)


ถ้าใครมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรก็ โพสต์ไว้ได้นะครับ แล้วเดี๋ยวพี่จะมาตอบให้ และขอความกรุณาอย่าถามคำถามที่ไม่ประเทืองสติปัญญา ทั้งหลายนะครับ (สามารถถามได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษนะครับ)