นักสังคมสงเคราะห์ : อาชีพที่ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์และสังคม

                                                                       
                                                                                                                                                                                                                                           
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
ตอนที่ 2/3 : ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย
                                                                                                                       
                 

        สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... เจอกับ พี่เป้ และคณะในฝันเช่นเคย และเดือนนี้เรายังอยู่กันที่คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์  หลังจากครั้งก่อน พาไปเปิดใจรุ่นพี่ที่กำลังเรียนอยู่ว่าเค้ารู้สึกนึกคิดยังไงบ้าง วันนี้ถึงคิวของ "นักสังคมสงเคราะห์" ค่ะ เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่ออาชีพนี้บ่อยๆ แต่อาจจะยังไม่รู้เบื้องลึกว่า อาชีพนี้เค้าต้องทำงานอะไรยังไง วันนี้จะพาไปเจาะลึกค่ะ !


 

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นช่วยแนะนำตัวแก่น้องๆ หน่อยค่ะ :D

สวัสดีค่ะ ชื่อนางสาวกีรติยา อุ่นเจริญค่ะ ชื่อเล่นชื่อบิว จบจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จริงๆ จบปีการศึกษา 2553 ค่ะ จบ 3 ปีครึ่ง แต่เพิ่งจะรับปริญญาไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 นี่เอง


ย้อนเวลากลับไป อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้บิวเลือกเรียนสังคมสงเคราะห์เหรอคะ

จริงๆ ไม่มีค่ะ (555) คือตอนแรกก็คิดเหมือนเด็กม.ปลายทั่วๆ ไป  ที่แค่ขอสักคณะนึง อะไรก็ได้ให้ติดไว้ก่อน จริงๆ ก็ติดสอบตรงหลายคณะเลยนะคะก่อนจะมาสอบคณะนี้ แต่ตอนนั้นพอเห็นธรรมศาสตร์เปิดสอบตรงก็คิดว่าจะลองสมัครดู  ไปไล่รายชื่อคณะที่เปิดสอบแล้ว สรุปว่าไม่มีคณะไหนที่เรามองแล้วว่ามันจะเป็นตัวเรา จะเป็นตัวตนของเราไปจนถึงอนาคตตลอดชีวิต แต่ก็เห็นชื่อคณะสังคมสงเคราะห์เป็นคณะนึง ที่คิดว่าเอาอันนี้แหละ เดาเอาว่ามันจะง่าย (555) ตอนก่อนจะไปสอบไม่มีข้อมูลคณะนี้เลยค่ะ เพิ่งมาทราบจริงๆ ว่ามีเปิดสอนอยู่ 2 แห่งที่ธรรมศาสตร์กับหัวเฉียวฯ 

แต่แรงบันดาลใจที่ว่าเราจะต้องเรียนคณะนี้แหละ มันเกิดตอนที่ไปติวเตรียมสอบค่ะ คณะสังคมสงเคราะห์ ธรรมศาสตร์ จะมีการติวสอบตรงซึ่งจัดทุกปีให้กับน้องๆ ที่มาสมัครสอบ ติวฟรี มีชีท มีรุ่นพี่ที่มาสอน มาติวกันแบบไม่หวงวิชาเลย ก่อนวันสอบ 1-2 วันค่ะ เราก็ไปกับเค้าด้วย รุ่นพี่น่ารักมาก (จริงๆ นะ) ข้อสอบครึ่งนึงเป็นเลือกตอบ แต่ข้อสอบสำคัญที่ตัดสินกันน่าจะเป็นข้อเขียนค่ะ ตอนสอบจำได้ 8 หน้ากระดาษเลย แต่มีคำพูดคำนึงของพี่เค้าที่เอามาเขียนได้ 8 หน้า คือ “ช่วยเขาให้เขาช่วยตัวเองได้” มันเป็นแรงบันดาลใจเลยค่ะ ถ้าเราเรียนคณะนี้ เราจะได้ช่วยเหลือคนอื่น ไม่ได้ช่วยเหลือธรรมดา แต่ช่วยเหลือแบบยั่งยืน ทำให้ปัญหาสังคมหมดไป เลยตัดสินใจเรียนคณะนี้ค่ะ


ความประทับใจที่ได้รับจากคณะนี้มีอะไรบ้าง

ประทับใจเยอะมากค่ะ ^_^ เริ่มจากคณะก่อน ก็ประทับใจตั้งแต่มาติวแล้ว มองรุ่นพี่ที่มาวิ่งขึ้นวิ่งลงในหอประชุมดูแลน้องๆ ที่มาติว พี่เค้าดูไม่เหนื่อยเลย พี่เค้าพูดเสมอว่าอยากให้น้องทุกคนติด ให้สอบได้ทุกคน พวกเค้าดูมีความสุขมากเวลาที่ได้ “ช่วยเหลือ” น้องๆ จากตอนนั้นพอเรามาเป็นรุ่นพี่เราเข้าใจเลยค่ะ เรามีความสุขกับมันจริงๆ และไม่ใช่แค่น้องๆ เรามีความสุขกับทุกๆ ครั้งที่เราได้ช่วยเหลือคนอื่น ช่วยเหลือแบบสังคมสงเคราะห์ที่เป็นสังคมสงเคราะห์จริงๆ นะคะ ไม่ใช่แค่การแจกของ เรามีความสุขตอนที่ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคนที่เค้าเดือดร้อนค่ะ เมื่อเค้าคลายความทุกข์ได้ด้วยตัวเค้าเอง  โดยมีเราเป็นส่วนนึงในการคลายความทุกข์นั้น เราจะมีความสุขมากมายก่ายกองเลยค่ะ ^_^

ส่วนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่มีอะไรจะอธิบายได้ดีไปกว่าปรัญญาที่เราก็รู้กันค่ะ “ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน” และยิ่งบวกกับคณะที่ชอบช่วยเหลือประชาชนอย่างเราแล้ว (555) ยิ่งรักเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ธรรมศาสตร์จะไม่ทิ้งประชาชนเด็ดขาด ตลอด 3 ปีครึ่งที่อยู่มี่ธรรมศาสตร์มา แม้เราจะอยู่ไกลถึงรังสิต แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรที่ประชาชนต้องการเรา ต้องการธรรมศาสตร์ เราจะเห็นป้ายรับอาสาสมัคร รับบริจาคเงิน สิ่งของ มาแต่ไกลเลยค่ะ (555) เราก็จะรีบทำประโยชน์แก่สังคมอย่างไม่ลังเล นี่คือธรรมศาสตร์ค่ะ น่ารักตรงนี้

แถมๆ นิดนึง ธรรมศาสตร์ไม่มีรุ่นพี่รุ่นน้องนะคะ เราทุกคนเป็นเพื่อนกัน เพราะฉะนั้นไม่มี SOTUS ไม่มีบังคับไหว้รุ่นพี่ เราใช้ใจกันล้วนๆ ใครใคร่จะเข้ากิจกรรมก็เข้า ใครอยากนอนตีพุงอยู่หอก็ตามสบาย เพราะ “ธรรมศาสตร์มีเสรีภาพทุกตารางนิ้วค่ะ” ขนาดเวลาไปเรียนยังไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษาเลย (เกี่ยวมั้ยเนี่ย 555)


งานที่ทำอยู่ตอนนี้คืออะไร มีหน้าที่อะไรบ้าง

ตอนนี้บิวเป็นนักสังคมสงเคราะห์จิตเวชค่ะ ทำงานที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ค่ะ หน้าที่ก็มีหลายอย่างค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยและญาติที่มีปัญหาทางสังคมซับซ้อน  ให้ได้รับการแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาค่ะ งานโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะเป็นงาน Routine ค่ะ งานเกี่ยวกับเอกสารและการวินิจฉัยทางสังคมค่ะ สายงานในด้านจิตเวชจะค่อนข้างมีบทบาทในด้านการวินิจฉัย ทำงานในทีมสหวิชาชีพค่ะ เพราะผู้ป่วยจิตเวชมักจะพบปัญหาทางสังคมร่วมด้วย  เช่น  ญาติไม่มารับผู้ป่วยกลับบ้าน  นักสังคมสงเคราะห์ก็ต้องลงเตรียมครอบครัวชุมชน ให้เข้าใจความเจ็บป่วยและยอมรับผู้ป่วยกลับบ้านค่ะ

นอกจากนี้ก็จะมีการอนุเคราะห์ค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับสิทธิ์การรักษา หรือมีเงินไม่พอ ตรงนี้เราต้องพิจารณาให้ตามความเหมาะสมค่ะ แต่ที่สำคัญคือเราไม่ใช่ให้เงินแล้วจบเลยนะคะ สิ่งที่นักสังคมสงเคราะห์ต้องคิดต่อไปคือ ทำอย่างไรผู้ป่วยจะไม่ต้องกลับมาขอความอนุเคราะห์จากเราอีก ไม่ได้งกนะคะ มาคราวหน้าไม่ให้ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ให้ย้อนกลับไปดูประโยคสำคัญอีกทีค่ะ  “เราช่วยเขาให้เขาช่วยตนเองได้” ฉะนั้นก็จะมีงานอื่นๆ ที่เพิ่มมา เช่น แนะนำผู้ป่วยรับยาใกล้บ้าน ประหยัดค่ารถ แถมได้ยาฟรีจากสิทธิบัตรทอง เป็นต้นค่ะ
 


อาชีพนักสังคมสงเคราะห์มีงานรองรับเยอะมั้ยคะ แล้วสามารถทำงานที่ไหนได้บ้างนอกจากโรงพยาบาล

จริงๆ เป็นอาชีพที่ขาดแคลนคนนะ เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยแค่ 2 แห่งเปิดสอน แถมพอจบออกมาแล้วไปทำงานอย่างอื่นก็เยอะ หน่วยงานที่เปิดรับก็เยอะเหมือนกัน แน่นอนอันแรก กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นกระทรวงของเราเลยค่ะ ทำงานในสถานสงเคราะห์บ้าง มูลนิธิบ้าง ตามที่เราเข้าใจว่าเราต้องทำในที่แบบนั้น

บางคนอาจจะมองว่า ทำงานมูลนิธิจะน่ากลัวมั้ย จริงๆ ไม่ได้น่ากลัวหรือไม่น่าทำอย่างที่คิดหรอกนะคะ เอาเข้าจริงถ้าชอบทำกิจกรรม จะสนุกมากเลยถ้าได้ทำงานอย่างนี้  และก็ยังมีสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อยู่ทุกศาลากลางจังหวัดเลยค่ะ แล้วก็พวกบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดต่างๆ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ศาลหรืออบต.ทุกวันนี้ก็มีหน่วยงานด้านสวัสดิการสังคม ซึ่งรับนักสังคมสงเคราะห์ด้วยนะคะ

แต่ถ้าใครอยากเข้าสายสุขภาพแบบบิว ทุกโรงพยาบาลก็ต้องมีนักสังคมสงเคราะห์เหมือนกันค่ะ มีมากมีน้อยก็แล้วแต่ แต่ปัจจุบันงานสังคมสงเคราะห์ยังไม่มีใบประกอบวิชาชีพค่ะ กำลังผลักดันกันอยู่ เลยทำให้จะมีการแข่งขันกับคนที่ไม่ได้จบสังคมสงเคราะห์เยอะอยู่เหมือนกันค่ะ ส่วนใครชอบงานเอกชนก็จะทำในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) ก็ได้ค่ะ ได้ช่วยเหลือสังคมเหมือนกัน


คนที่เหมาะจะเป็นนักสังคมสงเคราะห์ควรมีนิสัยหรือบุคลิกยังไง

การจะเป็นนักสังคมสงเคราะห์จริงๆ ค่อนข้างยาก เพราะการแก้ปัญหาให้คนอื่นก็ไม่ง่ายเลยค่ะ อย่างแรกเลยคือ ต้องไม่มองว่าการช่วยเหลือคนอื่นเป็นภาระ ให้มองว่ามันคือความสุข เรามีความสุขทุกครั้งที่เห็นคนอื่นๆ มีความสุข ต่อมาต้องทุ่มเทและเสียสละพอสมควรค่ะ เพราะอาชีพนี้ไม่ใช่อาชีพที่จะเด่นดัง ร่ำรวย แต่เราจะมีคุณค่าในตัวเองเสมอ เราอาจจะเก่งและดี ในสายตาของคนกลุ่มเล็กๆ ที่เราช่วยเหลือ แต่นั่นเพียงพอแล้วค่ะสำหรับนักสังคมสงเคราะห์
 


จริงมั้ยคะที่เค้าบอกว่าอาชีพนักสังคมสงเคราะห์เป็นอาชีพของพ่อพระแม่พระ

ไม่จริง!!! (555) นักสังคมสงเคราะห์ก็เป็นคนๆ นึงค่ะ อาจารย์จะสอนเสมอว่า ให้ช่วยเหลือพอสมควร อย่าไปทุ่มเทเป็นพ่อพระแม่พระ มีอะไรให้เค้าไปหมด เพราะสุดท้ายแล้วเค้าก็จะแบมือขอความช่วยเหลือเราอยู่ร่ำไป ต้องทำให้เค้าอยู่ได้โดยไม่มีเรา นี่ขนาดขอทานยังมีกฎเหล็กเลยนะคะ เราจะไม่ให้เงินขอทานค่ะ ^_^


อยากให้เล่าเรื่องหรือเคสของประทับใจที่เคยเจอจากการทำงาน เช่น กับคนไข้ในโรงพยาบาล 

เอิ่ม...เอาเป็น Case ตอนฝึกงานได้มั้ยคะ อยากเล่าตอนเรียนให้ฟัง เพราะพอทำงานแล้วแต่ละคนจะแตกต่างตามสายงานกันไป

ตอนนั้นอยู่ปี 2 ค่ะ ไปฝึกภาคปฏิบัติ 1 ที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เราคิดเสมอว่าเราเป็นเด็กตัวเล็ก ทำอะไรไม่ได้มากหรอก ตอนนั้นพี่นักสังคมสงเคราะห์พาไปจับเด็กขอทานค่ะ มีพลเมืองดีแจ้งมาว่าอยู่แถววัดแห่งหนึ่ง พอเราไปถึง ขอทานคนอื่นวิ่งหนีหมดเลยค่ะ มีน้องคนนึงเค้าพิการทั้งตัวค่ะ ลุกเดินไม่ได้ ก็นั่งร้องไห้อยู่ พี่เค้าสะกิดเราแล้วบอกว่า น้องนักศึกษาจัดการเลย งงสิคะทำไงดี (555) แต่ก็เข้าไปกับเพื่อนๆ แต่เราไม่ได้เข้าจับไปเค้านะคะ แต่เราเข้าไปปลอบค่ะ ไปลูบหลัง ไปนั่งคุย จำได้ว่าตัวเองลงไปนั่งบนพื้นดินกับน้องเค้าเลยค่ะ บอกให้เค้าอย่ากลัว พี่ไม่ได้มาจับ พี่มาช่วย จนน้องเค้าหยุดร้องไห้ค่ะ ^_^

จากนั้นเราก็ไปบ้านเค้าค่ะ  ไปพูดคุยทำข้อตกลงกับแม่เค้า คือแม่เค้าไม่ได้ทำงานค่ะ ให้ลูกชายพิการออกไปขอทานหาเงินอย่างเดียว พี่เค้าก็บอกให้น้องนักศึกษาจัดการเลยอีกแล้ว (555) เราก็ไปคุย ไปช่วยกันคิดกับแม่เค้าว่าเราจะแก้ปัญหายังไง เพราะน้องเค้าพิการ นั่งตากแดดขอทานสุขภาพร่างกายจะไม่ไหว สุดท้ายแม่เค้ายอมทำข้อตกลงกับทาง เราและตำรวจ ว่าเค้าจะหาของมาวางขายแทนการขอทาน เราก็ดีใจมากค่ะ หาข้อยุติได้แล้ว น้องไม่ต้องโดนจับข้อหาขอทาน

แต่พี่ๆ นักสังคมสงเคราะห์ก็ยังระแวง เพราะแม่เค้าเคยรับปากหลายทีแล้ว สุดท้ายอีกประมาณ 1 เดือนค่ะ เราฝึกงานใกล้เสร็จเลยไปเที่ยววัดนั้นกัน ผลคือ...เราเห็นน้องเค้านั่งขายของที่ระลึก หน้าตาแจ่มใส ไม่ต้องทำหน้าตาหน้าสงสารเพื่อขอทานใครอีกต่อไป พอเค้าเห็นเรา เค้ารีบเรียกเข้าไปหาเลยค่ะ เค้าให้พวงกุญแจพวกเราฟรีๆ เลย (555)เราก็รีบเก็บภาพเอามาฝากพี่ๆ ค่ะ สรุปเคสนี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ ...แม้ว่าอีก 1 เดือนต่อมา จะได้รับแจ้งว่าน้องเสียชีวิตแล้ว เพราะสุขภาพน้องไม่ดี แต่การที่เราได้คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แก่น้องเค้าในช่วงเวลาแค่ 2 เดือนสุดท้ายของชีวิตเค้าก็เป็นอะไรที่ประทับใจมาก และจะจำเคสแรกในชีวิตไปตลอดเลยค่ะ


โห อ่านแล้วน้ำตาจะไหลเลยค่ะ T^T ประทับใจและซึ้งมากๆ ว่าแต่ถ้าจบคณะนี้แล้วเกิดไม่อยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ล่ะคะ ?

โอ้...เยอะอีกแล้ว (555) ทำได้หมดเลยค่ะ อย่างตัวเองเคยไปเป็นพนักงานออฟฟิซของบิ๊กซีมากค่ะ นอกจากนั้นก็มีพวกฝ่ายบุคคลค่ะ ที่จะทำงานพวกสวัสดิการลูกจ้าง ประกันสังคม อันนี้ทำได้ค่ะ เพื่อนบางคนไปทำงานเป็นพนักงานธนาคารก็มีเยอะมากค่ะ ผู้ช่วยนักวิจัยเพราะสังคมสงเคราะห์ชอบลุยอยู่แล้วก็ได้ค่ะ แต่ที่ HIT มากเลยคือ จบแล้วไปเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ (555)


สุดท้ายแล้ว อยากให้ฝากถึงน้องๆ ที่สนใจเรียนสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ค่ะ

สำหรับน้องๆ ทุกคนนะคะ ไม่รู้ว่าน้องจะโชคดีอย่างพี่มั้ย ที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และไม่ห้ามเลยที่พี่เลือกเรียนคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้ว่าพี่จะติดเทคนิคการแพทย์ ม.ขอนแก่น ,ฟู๊ดไซน์ ม.เกษตรฯ ,การโรงแรม ม.มหาสารคาม ที่พี่บอกไม่ได้อวดนะ แต่อยากบอกให้น้องๆ รู้ว่า สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เรียนมันจะเป็นตัวตนของน้องๆ ไปตลอด ถ้าน้องบังเอิญเข้ามาอ่านบทความนี้ แล้วรู้สึกว่าน้องประทับใจในปรัญญา “ช่วยเขาให้เขาช่วยตนเองได้” แบบพี่ หรือมีความคิดว่าฉันอยากทำให้ปัญหาสังคมไทยที่เยอะแยะมากมายตอนนี้ทุเลาลงแล้วล่ะก็ ต้องกล้าที่จะบอกทุกคนอย่างภาคภูมิใจว่า ฉันจะเรียนสังคมสงเคราะห์ ฉันจะเป็นนักสังคมสงเคราะห์ เพราะท้ายที่สุดแล้วถ้าน้องยังไม่เชื่อมั่นในคณะที่น้องจะเลือก สังคมสงเคราะห์จะเป็นแค่ตัวเลือกค่ะ แต่พี่จะบอกว่าพี่ภูมิใจมากค่ะที่เรียนคณะนี้ พี่ยังไม่เคยเสียใจเลยตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ารั้วแม่โดมจนถึงวันนี้ และทั้งหมดนี้พี่เป็นคนตัดสินใจเองค่ะ ^_^


         ขนาดอ่านบทสัมภาษณ์ยังรู้สึกดีมากๆๆ ขนาดนี้เลยค่ะ ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าใครได้ทำอาชีพนี้คงจะต้องรู้สึกมีความสุขในทุกๆ นาทีของการทำงานแน่ๆ น้องๆ ว่ามั้ยคะ ? ^^ ดังนั้นใครที่ตั้งใจว่าจะเรียนคณะนี้ ก็ขอเอาใจช่วยให้สมหวังกันทุกคน จบมาแล้วก็อย่าลืมมาช่วยพัฒนาสังคมของเราให้ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิมนะ

                 

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

35 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
เลิฟเว่อร์! Member 20 ม.ค. 55 11:32 น. 2
อยากเรียนคณะนี้จัง ^___^

แต่อยากทราบอีกอย่างคือ .. มหาลัยไหนบ้างคะ ที่เปิดคณะสังคมสงเคราะห์อ่าาา ?

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
fernnnnnnnnnnnnn 20 ม.ค. 55 20:08 น. 7
เราพยายาม ทำข้อสอบจดสุดความสามารถ ตั้งใจที่จะเข้าคณะนี้มาก
ตั้งแต่ได้ไปติว ประทับใจ อยากเรียนที่ ธรรมศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ จริงๆ คะ
รอประกาศผลสอบ ขอให้ติดเถิด สาธุๆๆ!!
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
พีครับบ 22 ม.ค. 55 17:39 น. 11
อ่านแล้วประทับใจมากครับบบ "ช่วยเขาให้เขาช่วยตนเองได้" อยากเรียนที่ธรรมศาสตร์จริงๆครับบคณะสงเคราะห์ศาสตร์ รอลุ้นประกาศผลคณะนี้อยู่ครับ เพราะผมอยากจะเป็นนักสังคมสงเคราะห์อยากช่วยเหลือคนอื่นที่ประสบปัญหาลำบากไม่มีใคเลียวเเล อยากที่จะช่วยทำให้เขากลับมาช่วยตนเองได้ มีอาชีพเลี้ยงตนเองได้ ครับ
0
กำลังโหลด
ต้น 23 ม.ค. 55 01:19 น. 12
ผมกำลังหาคำตอบให้กับความคิดหลายๆอย่าง ที่มันเข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวผมอยู่ตลอดช่วงนี้ว่า จะเรียนอะไรดี อยากเรียนคณะที่เค้าพูดกัน หรือ อยากเรียนจบออกไปแล้วให้ได้ตังค์เยอะๆ หรือ จะอะไรยังไง เมื่อผมมาเจอประโยคนีี้ ประโยคที่ตอบคำถามผมได้อย่างหมดจด ประโยคที่จะทำให้ผมพบแนวทางของตนเองและน่าจะมีความสุขกับการทำงานในอนาคต "เพราะอาชีพนี้ไม่ใช่อาชีพที่จะเด่นดัง ร่ำรวย แต่เราจะมีคุณค่าในตัวเองเสมอ เราอาจจะเก่งและดี ในสายตาของคนกลุ่มเล็กๆ ที่เราช่วยเหลือ แต่นั่นเพียงพอแล้วค่ะสำหรับนักสังคมสงเคราะห์" ผมขอบคุณ พี่ๆมากจริงๆครับ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
roong 23 ม.ค. 55 22:48 น. 14
เธอเป็นลูกสาวคนสวยที่นำความภาคภูมิใจมาให้ฉันได้ยิ้มและอวดในความดีที่เธอทำอยู่เสมอ
ไม่ใช่แค่เธอช่วยเหลือผู้คนในสังคมเท่านั้นแต่เธอประพฤติตนเป็นลูกที่ดีช่วยเป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจของฉันอยู่เสมอเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ของฉันเสมอมาทุกครั้งที่เธอได้ช่วยเหลือผู้คนเมื่อเธอกลับมาบ้านเล่าให้พังฉันรู้สึกว่ามันอิ่มเอิบใจอย่างที่สุดเธอมีเรื่องดีๆมาให้ชื่นใจอยู่เสมอมิได้ขาดถึงแม้มิได้ร่ำรวยเงินทอง(เงินเดือนข้าราชการน้อย)แต่เธอคือผู้ที่รวยน้ำใจและคุณความดีที่สุด นี่คือสุดยอดปรารถนาที่สุดของคนเป็นแม่
ขอให้เธอประสบผลสำเร็จในทุกๆด้านสุขสมหวังดังปรารถนานะจ๊ะ
รัก....จ้าคนสวย
0
กำลังโหลด
~+คุณหนูจอมเปิ่น+~ Member 25 ม.ค. 55 08:01 น. 15
เรียนคณะนี้ต้องเสียสละมากเลยเนอะ

นับถือพี่ๆจริงๆเลยค่ะ เป็นคนที่เสียสละเพื่อสังคมส่วนรวม

:)
0
กำลังโหลด
Brightbest Member 25 ม.ค. 55 18:54 น. 16
นักสังคมสงเคราะห์ก็เป็นคนๆ นึงค่ะ อาจารย์จะสอนเสมอว่า ให้ช่วยเหลือพอสมควร อย่าไปทุ่มเทเป็นพ่อพระแม่พระ มีอะไรให้เค้าไปหมด เพราะสุดท้ายแล้วเค้าก็จะแบมือขอความช่วยเหลือเราอยู่ร่ำไป ต้องทำให้เค้าอยู่ได้โดยไม่มีเรา นี่ขนาดขอทานยังมีกฎเหล็กเลยนะคะ เราจะไม่ให้เงินขอทานค่ะ ^_^ ชอบบทนี้มากกกกกกกกกกกก เพราะในสังคมไทยยังมีคนที่ไม่แก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน จนติดเป็นนิสัย ขอไว้ก่อน ขอนู่น ขอนี่ ให้คนอื่นช่วยทำนู่นี่ โดยไม่คิดว่า แล้วถ้าเค้าไม่ช่วยล้ะ......ก็จะปล่อยให้ปัญหามันเกิดต่อไปน่ะหรอ???
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด