แต่เชื่อเถอะว่าถ้าเรื่องนี้เรื่องเดียวคงไม่ทำให้เหนื่อยขนาดนี้ เพราะชีวิตจริงมีอีกสารพัดสาเหตุที่ทำให้เด็ก ม.6 กุมขมับ ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า ปวดสมอง ท้องเสีย เพลียลงตับ หลับไม่ลง ปลงสังขาร อาหารไม่ย่อย (พอแล้ว!!) และวันนี้พี่มิ้นท์ก็ได้รวบรวมเรื่องจริงในชีวิตเด็ก ม.6 ที่มาคอนเฟิร์มมาอยู่ ม.6 นี่มันเหนื่อยจริงๆ ขอเฮ้อออ...ล่วงหน้าดังๆ ค่ะ
เชื่อว่าหลายโรงเรียนเจออาการเดียวกันคือ ไม่ว่าจะมีกิจกรรมอะไรในโรงเรียน จะแห่เทียน ร้องเพลง ไปทัศนศึกษา ฯลฯ มักจะให้พี่ใหญ่อย่าง ม.6 ไปร่วมกิจกรรม เป็นตัวแทนโรงเรียนไป ทั้งๆ ที่เวลาเรียนก็ไม่ค่อยพอแล้ว ถ้าไม่ไปก็ถูกจดชื่ออีกต่างหาก T^T แต่บางโรงเรียนก็เข้าใจเด็กนะ กิจกรรมที่นอกเหนือจากนี้จะให้ ม.อื่น เข้ากิจกรรมแทนเพื่อให้รุ่นพี่เตรียมตัวสอบกัน
น้องๆ ที่เจอภาวะแบบนี้ก็ทนเหนื่อยอีกนิดค่ะ คิดซะว่าเราไปร่วมกิจกรรมก็ได้ประสบการณ์มาทำ portfolio และฝึกการแบ่งเวลา (คิดบวกสุดๆ)
ปกติแล้วในโรงเรียนก็มีทั้งสอบปลายภาค สอบกลางภาค ไม่นับสอบย่อยที่แต่ละวิชานัดสอบกันนอกตารางอีก ความโชคร้ายของเด็ก ม.6 ยังพ่วงมากับการสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยอีก เพราะกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยได้จะต้องสอบ GAT PAT, O-NET, 7 วิชาสามัญ นี่ยังไม่นับรวมการสอบตรงที่สถาบันแต่ละแห่งกำหนดขึ้นเองอีกนะคะเนี่ย จะเยอะไปไหน? ฉะนั้นมั่นใจเลยว่าอยู่ ม.6 เป็นช่วงที่อ่านหนังสือเยอะที่สุด โต๊ะอ่านหนังสือรกที่สุด และที่สำคัญพูดได้เลยว่า ม.6 นี่คิวทองยิ่งกว่าญาญ่าอีก ถ้าไม่เชื่อลองเอาตารางสอบทุกอย่างมาลิสต์ลงตารางในแต่ละเดือนได้เลยค่ะ แล้วจะรู้ว่าเสาร์-อาทิตย์ที่เคยเป็นสวรรค์ของน้องๆ กลายเป็นวันสอบไปหมดแล้วซะงั้น ช่วงนี้ใครมีเวลาเหลือแทบอยากจะขอซื้อต่อเลยทีเดียว
นอกเหนือจากกิจกรรมทั่วไปก็มีกีฬาสีที่ดูดพลังงานไปเยอะเลย เพราะไหนจะต้องคิดธีมสี ออกแบบการแปรอักษร คิดโค้ดทำแสตนด์ ทำขบวนพาเหรด เรียกว่าเป็นงานใหญ่ที่แต่ละสีสู้กันแบบไม่มีใครยอมใคร น้องๆ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในงานนี้ แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับความอินของแต่ละคน บางโรงเรียนหน้าที่นี้ให้เป็นของน้องๆ ม.5 แต่อีกหลายโรงเรียนก็ให้เป็นหน้าที่ของพี่ ม.6 แม้พี่ๆ จะรู้ดีว่า ปีสุดท้ายเรียนหนัก เวลาน้อย แต่ยังไงก็ขอจัดเต็ม โดยเตรียมตัวกันตั้งแต่เทอมหนึ่ง แม้จะจัดเทอมสองก็ตาม ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำเอาหลายๆ คนเพลียและเหนื่อยกันตั้งแต่ต้นเทอม
แค่ตามข่าว ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ลองไปถามพี่ๆ น้องๆ ม.6 ดูสิว่าตามข่าวรับตรง/แอดมิชชั่น มันเหนื่อยขนาดไหน พูดง่ายๆ ว่าข่าวรับตรง/แอดมิชชั่นมีทุกวัน ต้องตามดูว่าที่ไหนเปิดรับ ใช้เกณฑ์อะไรในการสมัคร ปิดรับสมัครวันไหน แล้วเรามีสิทธิ์สมัครหรือเปล่า แล้วต้องไปสมัครที่ไหน โหยเอาแค่มหาวิทยาลัยเดียวก็นั่งอ่านระเบียบการกันเป็นวันๆ เลย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เด็ก ม.6 เหนื่อยสุดๆ ไม่ได้มาอยู่จุดนี้ไม่มีวันรู้เลยล่ะค่ะ ดังนั้น ม.4-5 เตรียมตัวกันได้เลยนะ
ด้วยภาระหน้าที่ของเด็ก ม.6 มีมากมายซะเหลือเกิน ไหนจะต้องไปเรียน ไปติว ไปสอบ ซึ่งคิวทองขนาดนี้ทำให้มีการออกเดินสายทุกวัน และน้องๆ บางคนก็เรียนพิเศษที่ค่อนข้างไกลจากบ้าน สนามสอบก็อยู่ไกลจากบ้าน ใช้เวลาเดินทางไปกลับเป็นชั่วโมงๆ ซึ่งการเดินทางไกลๆ ทำให้เราเหนื่อยและเพลียสุดๆ นี่ยังไม่นับรวมน้องๆ ที่สอบตรงข้ามภูมิภาค เช่น อยู่ภาคใต้แต่สอบตรง ม.เชียงใหม่ ก็ต้องเดินทางข้าม(หลาย)จังหวัดเลยทีเดียว เห็นแล้วก็อยากจะบอกน้องๆ ว่าพักผ่อนกันบ้างนะคะ และถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ต้องสอบเยอะขนาดนั้นก็ได้ เพราะสุดท้ายจะกลายเป็นว่าเราทำได้ไม่ดีสักที่ค่ะ
ข้อสุดท้ายนี้แม้จะไม่เหนื่อยกาย แต่มั่นใจว่า ม.6 "เหนื่อยใจ" กันแน่นอน นี่ถ้าใครเชื่อเรื่องไสยศาสตร์อาจคิดว่าเป็นอาถรรพ์ไปแล้ว เพราะการสอบในทุกๆ ปีแม้ว่าจะวางปฏิทินกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่สุดท้ายก็จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน บางสนามสอบอาจมีการเปลี่ยนวันสอบ บางสนามสอบมีการเปลี่ยนเกณฑ์การสอบ บางทีรับตรงบางที่จัดสอบวันเดียวกัน อย่างล่าสุดต้อนรับน้องๆ เลยก็คือ เลื่อนสอบ GAT PAT นั่นเอง ซึ่งบางคนเตรียมตัวเหนื่อยมาหลายเดือน มาเจอแบบนี้ได้แต่เซ็งอย่างเดียว ณ จุดนี้เราคงทำอะไรกันไม่ได้ นอกจากทำใจ และเตรียมตัวให้พร้อมกว่าเดิมค่ะ เป็นเด็กแอดฯ ต้องอดทนนะคะ
น้องบางคนบอกว่าตั้งแต่ขึ้น ม.6 มา ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะ ตัวดำ หน้าเมี่ยม สิวขึ้น หัวฟู ไหนจะสภาพแวดล้อมรอบข้างคอยกดดันอีก ใครอยู่ในสภาพนี้ก็ขอให้ใจเย็นๆ มีเพื่อนร่วมชะตากรรมกันทั้งประเทศ ไม่ต้องไปสนว่าคนอื่นจะมองเราว่ายังไง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดดีกว่าค่ะ และขอฝากไว้อีกนิดแนะนำให้น้องๆ เริ่มทำตารางวางแผนชีวิตตัวเองไว้ได้แล้ว การวางแผนช่วยลดความเหนื่อยลงได้เยอะเลยค่ะ^^
53 ความคิดเห็น
จริงที่สุดดดดดดดดดด
ของเราดีหน่อยที่กิจกรรมต่างๆทางโรงเรียนเอาไปไว้ตอนม.5หมด ม.6จะไม่ค่อยมีส่วนร่วมอะไรแล้ว ส่วนทัศนศึกษาก็ตั้งแต่ต้นๆเทอม1แล๊ะะ
ตามปกติม.6 ต้องหยุดพักกิจกรรมทุกอย่างนะคะ
ให้น้องม.4-ม.5 ทำแทนก็ำไม่เห็นจะเสียหายอะไรนี่คะ
โรงเรียนของพี่ให้น้องม.5 เป็นคณะกรรมการนักเรียนทั้งชุด
ส่วนสภานักเรียนจะเป็นหัวหน้าห้องม.1-ม.6
แต่งานกีฬาสีกลับให้พี่ม.6 เป็นประธานกับรองประธาน
โรงเรียนเราม.6 ทำกิจกรรมทุกอย่างเลยค่ะ เป็นทั้งพี่เลี้ยงพี่สตาฟ
งานโรงเรียนทีไร ม.6 ทำหัวหมุนติ้วเลยล่ะค่ะ นอกจากกิจกรรมจะเยอะแล้ว
รายงาน การบ้าน ก็เยอะมากๆ อีกด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ทำไมต้องให้ ม.6 ทำนู่นนี่นั่นแทบทุกอย่าง เข้าใจนะคะว่ามันเป็นการฝึกความอดทน
แต่มันก็เหนื่อยไปนะบางที เป็นเด็กก็ทำได้แค่นั่งบ่นนั่งพล่ามในเน็ตไปวันๆ
ทำอะไรไม่ได้ เด็กมันไม่มีปากมีเสียง ผู้ใหญ่คิดจะจับทำอะไรก็ต้องทำ
บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย
แย่มากเลยยยยยยยยย
เบื่อมากค่ะ ทั้งกิจกรรมทั้งการบ้านทั้งโครงงาน เยอะมากกกกกกกกก
เราก็มีเครียดด้วยเหมือนกัน
ต้องเดินทางไปสอบอีก..
ขออีกเรื่องหนึ่ง ความรัก จะเข้ามาทำไมอ่ะ
งานกีฬาสีนี่ฟันธงเลย โรงเรียนเราเพิ่งทำพิธีปิดไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเอง พี่ม.6 สู้ๆ
เหนื่อยใจนี้ละ สุดๆ ว่าทำไมไม่ติดสักที เดี๋ยวก็ติด #ให้กำลังใจตัวเอง
อีกอย่างคืองานเยอะมากค่ะ ไม่รู้จะให้ทำไมเยอะแยะ ส่วนตัวตอนนี้ติดแล้ว
ก็ดีใจค่ะแต่ก็ต้องมาตามงานที่รร เรียนให้มันไม่ตกให้ผ่าน เหนื่อยแทนค่ะ
อยากจะให้กำลังใจเพื่อนๆร่วมชะตา เพื่อนม.6 ทุกคนสู้ๆนะคะ เดี๋ยวเราก็
ผ่านไปแค่ปี ปีเดียวเท่านั้น ยอมเหนื่อยให้แบบสุดๆไปเลยค่ะ ผลที่ตามมา
ถ้ามันดีเราจะฟินยิ่งกว่าอะไรอีกค่ะ สู้ๆนะคะ ^____^
เหนื่อยจิงไรจิงค่ะ สมศ. เข้าอีกทำงานกันหัวปั่นอวกแตกกันทั้งโรงเรียนเลย
ม.หกโรงเรียนเราสบายมาก 5555+ กิจกรรมนี่น้อง ม.ห้าทำหมด ตั้งแต่ กรรมการนักเรียนยันกีฬาสี ส่วนเรียนพิเศษนี่แล้วแต่คนอ่ะ ส่วนมากก็ตั้งเป้าหมายโควต้า มช กันทั้งนั้น โรงเรียนหยุดให้อ่านหนังสือกันทีเดียว ฮ้าาาาาา แต่พอสอบเสร็จเท่านั้นแหละ งานบาน แต่เราก็ชิลแล้ววว
แต่อย่างว่าการสอบติด มันเพิ่งเป็นการเริ่มต้น เข้าไปเรียนมหาลัยแล้วจะรู้ คิคิ
อ่านแล้วจะร้องไห้เลย ฮือ