"น้ำใส" สาวหวาน แห่งภาควิศวฯโยธา กับเทคนิคสอบเข้าฉบับไม่เครียด

            สวัสดีค่ะน้อง กลับมาเจอกันในคอลัมน์ Admission Idol สุดยอดบุคคลที่เป็นไอดอลในเรื่องแอดมิชชั่น  วันนี้ พี่เมษ์พาสาวสวยหน้าหวานดีกรีวิศวะฯ โยธาแบบไม่เข้ากับหน้ามาให้รู้จักกัน  “พี่น้ำใส” ฑภิสรา พุทธาคุณเจริญ สาวสวยที่เปลี่ยนเป้าหมายจากหมอมาวิศวะฯ ในวินาทีสุดท้ายของการแอดมิชชั่น จะเพราะอะไร เปลี่ยนได้ยังไง มาดูกันเลยค่ะ
แนะนำตัว
            สวัสดีค่ะ พี่น้ำใส ฑภิสรา พุทธาคุณเจริญ นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ (โยธา) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบ ม.ปลาย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สายวิทย์ - คุณภาพชีวิต ค่ะ (นิสัยล่ะ เป็นยังไง?)  ตอนนี้เป็นคนใช้ชีวิตแบบเต็มที่ พี่ถือคติว่าใช้ชีวิตให้พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เสียใจก็โอเคแล้ว และก็เป็นคนมีความมั่นใจ ไม่เรียบร้อย ไม่ขี้อาย ชอบทำเรื่องสนุก ชอบของสวยๆ งามๆ ชอบ ไม่ค่อยชอบวิชาคำนวณ 
 
"เด็กกิจกรรม" ก็ชอบอ่านหนังสือ
            ช่วงม.ต้นนี่เป็นไอ้เด็กเนิร์ดเต็มขั้น ใส่แว่นทรงลูกชิ้น ถักเปียแน่นเปรี๊ยะ แบกหนังสือเต็มกระเป๋าเป็นกระดองเต่า พอขึ้น ม.ปลาย เริ่มไม่อดทนกับความน่าเบื่อของชีวิตแบบ Routine ประเดิมด้วยการเป็นคณะผู้นำเชียร์โรงเรียนเตรียมฯ (หลีดโรงเรียนนั่นแหละ) และทำกิจกรรมหลากหลาย(สุดๆ) อ่อ ที่เด็ดและมีผลยาวมาถึงปัจจุบันก็คือ สมัคร Brand Admission Reality ปี3 นั่นแหละค่าา สารภาพว่าตอนนั้นกำลังมึนกับการอ่านโต้รุ่ง ส่งใบสมัครไปด้วยสติ 0.18% 
            ส่วนการอ่านหนังสือ พี่อ่านเรื่อยๆ นะ เพราะสภาพแวดล้อมในโรงเรียนบังคับ เพื่อนที่นั่งข้างพี่ตอน ม.4 เค้าเป็นปิศาจ เก่งมากกก หน้าตาน่ารักแบบเอเลี่ยน ชื่อยายป่อป้อ ตอนนี้เรียนหมอ จุฬาฯ เพื่อนคนนี้ชอบบังคับให้พี่อ่านเวลานั่งเหม่อ กลายเป็นนิสัยเวลาว่างก็ควักหนังสือขึ้นมาอ่าน เอาปากกาสีขีดๆ เป็นนิสัยจริงๆนะคะ !! ฝังเข้าไปในสมองเลย
            (ได้ข่าวว่าเป็นตัวแทนประเทศที่เนิร์ดที่สุด!) ค่ะ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพี่เป็นตัวแทนประเทศไปร่วมโครงการ World Youth Parliament for Water ที่เกาหลีใต้ มี cultural night เพื่อนส่วนมากเอาเหล้าของประเทศตัวเองมาให้ชิม พี่ก็ร่วมวงแหละ ตามมารยาท แต่ตอนตีสอง พี่ลากหนังสือออกมานั่งอ่านขณะที่ตัวแทนประเทศอื่นกำลังลันล้าและแทงพูล สร้างความตื่นตะลึงให้ชาวโลกมาก สรุปคือ การอ่านมันแทรกขี้เลื่อยเข้าไปแล้ว ไม่ใช่ว่ามาอ่านอัดๆเอา 12 ชั่วโมงก่อนสอบค่ะคุณน้อง การอ่านหนังสือเหมือนค่อยๆกรอกน้ำใส่ขวด ทำเลขสะสมชั่วโมงบินไปเรื่อยๆ วันละ 5 ข้อ 10 ข้อ แบบนั้นแหละ
สิ่งที่คนเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยต้องมี ...?
            อย่างแรกที่ต้องมี คือ เลือกคณะ เลือกมหาลัย แบบมี สติ !! คนเรียนคือน้อง ไม่ใช่ คุณป๊า คุณแม่ ลุงป้าน้าอา หรืออาจารย์แนะแนว ต้องต้องคิดดีๆ คิดไกลๆ เลือกไม่ถูกเอามาเขียนตารางเทียบกันเลยก็ได้ ข้อดีข้อเสียของแต่ละที่ แล้วนั่งดูว่า เออ เราเหมาะกับที่ไหน เอาที่เหมาะจริงๆ ไม่ใช่แค่กระแส ต้องชอบด้วย และมีสติด้วย ความชอบอย่างเดียวไม่พอนะคะ คิดเยอะๆ 
 
เปลี่ยนคณะเป้าหมายในวินาทีสุดท้าย
            พี่แอดมิชชั่นกลางเข้าวิศวะฯ จุฬาฯ ค่ะ สารภาพเลยว่า ก่อนหน้านี้ก็พยายามสอบหมอ ซึ่งไปพลาด Part เชื่อมโยงที่ปกติเราทำได้มาตลอด พอสอบจริงหายไปสองคะแนน (รู้สึกมั้ยว่าพี่เยอะ! 555 ) ทำให้หลุดกระจาย พี่เครียดนะ คะแนนถึงสำรอง ถัายื่นคือได้
            (แล้วทำไมมาเรียนวิศวะฯ) คือตอนสอบเนี่ย พี่มาตะหงิดใจตรงส่วน PAT3 ที่ตัวเองไม่เคยอ่านเลย แต่คะแนนดันพุ่งทะลุซะงั้น ก็เลยมานั่งคิดว่าหรือมันคือดวงของเรา? แต่ไม่ใช่แค่คิด พี่ลงมือนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะวิศวะฯ ดูทันทีแล้วก็ตกใจมากที่ Lifestyle วิศวะฯ มันใช่เราจริงๆ ตอนนี้เห็นเพื่อนหมอมีชีวิตแบบหมอๆ นี่ยิ่งดีใจเลยค่ะ เกือบไปแล้ว รู้สึกโชคดีมากที่มีสติเลือกวิศวะ ไม่ใช่ว่าปล่อยตัวเองเสียใจ พุ่งชนแบบตามืดบอด 
วิธีการอ่านหนังสือแบบง่ายๆ 
- วิชาที่ได้แล้ว หรือชอบเป็นพิเศษก็ทวนๆ สรุป
- วิชาที่ยังไม่ได้ก็ลงเรียนพิเศษเพิ่มไม่ก็ขอร้องให้เพื่อนช่วยติว จะบอกว่า เด็กเตรียมฯ ก็ไม่ได้ขี้กั๊กวิชาทุกคนนะ ตอนนี้คนที่ติวให้พี่ก็เรียนวิศวะ จุฬาฯ ด้วยกันนี่แหละ คนอะไรเก่งชะมัด 
- ทำโจทย์สม่ำเสมอ 
อย่าเครียด ค่ะ เพราะความกดดันตัวเองมันบ่อนทำลายทุกสิ่ง ไม่ช่วยให้เราทำอะไรได้ดีขึ้นเลย ยิ่งเครียดยิ่งแย่นะ
- ต่อสู้กับความง่วง อันนี้สำคัญมาก เพราะเวลาอ่านหนังสือที่ไรง่วงทุกที พยายามหาวิธีที่เหมาะกับเรานะคะ อย่าอัดกาแฟเยอะ เพราะมันจะชินกินเท่าไหร่ก็ง่วง แถมเสียสุขภาพด้วย
 
รอบสัมภาษณ์แอดฯ เวอร์ชั่นโหดมาก!!
            ตอนสัมภาษณ์ ไปเจอกับเพื่อนเนี่ยแหละค่ะ พอเข้าห้องสอบสัมภาษณ์ โดนเลย อาจารย์เค้าถามพี่ว่า "อะไรเนี่ย เกรด3.32 ตั้งแต่สัมภาษณ์มา เกรดคุณนี่แหละน้อยที่สุด" ก็ตึงๆ นะแต่พี่น้ำใสก็หัวเราะแล้วผายมือไปที่เพื่อนเตรียมฯ อีกคนที่นั่งรออยู่ แล้วบอกท่านว่า "อาจารย์ใจเย็นๆ ค่ะ หนูเจอคนนั้น 2.70 แล้ว หนูก็โอเคอยู่นะคะ" แล้วน้องลองคิดดูว่าคะแนนอื่นมันโหดขนาดไหน - -" ต้องบอกเลยว่า โรงเรียนพี่ค่อนข้างให้เกรดโหดค่า สอบก็โหดค่าา วิชาเลขยาก สอบกลางภาค 6 ครั้ง พี่ซ่อมไปซะ 5 ครั้งได้ เกรดเลยกระจิดริด กระจ้อยร่อย
 
สิ่งที่ยากที่สุดในรั้วมหาวิทยาลัย
            สำหรับพี่ สิ่งที่ยากที่สุดคือ การสู้กับใจตัวเองค่ะน้อง มันคือทุกอย่างเลยนะ เราจะเรียน เราจะเละ ก็เพราะตัวเองทั้งนั้น ส่วนพ่อแม่ เพื่อน รุ่นพี่รุ่นน้อง อาจารย์ ใครจะว่ายังไงไม่สำคัญเท่าความเห็นของตัวเราเอง เราใช้เวลาของตัวเองยังไง เราจะหยุดเรื่องนั้นไปเลือกทำเรื่องนี้เมื่อไหร่ก็อยู่ที่ตัวเรา หรือเรายอมรับตัวเองในแบบที่เราเป็นแค่ไหน ก็ตัวเราอีกนั่นแหละ พี่ว่าใจตัวเองเนี่ยแหละที่ยากที่สุด
 
ฝากกำลังใจถึงน้องๆ
            สำหรับน้องๆ ที่กำลังรอผลแอดมิชชั่น หรือ กำลังจะแอดมิชชั่นในปีถัดๆ  พี่รู้ค่ะ ทุกคนเครียด กว่าจะผ่านช่วงนี้มาได้ จิตใจต้องเข้มแข็งมาก นอยมาก แต่พี่อยากให้น้องๆ รู้ว่าเวลาที่เครียด เสียใจ ผิดหวัง ก็ร้องไห้ได้ค่ะ พี่เชื่อว่าน้ำตาไม่ใช่สัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้ แต่น้ำตาเป็นผลจากความตั้งใจมากๆ ของเราต่างหาก คนเราล้มได้ ท้อได้ แต่ต้องลุกขึ้นเองให้ได้ สู้ๆ ค่ะน้องๆ เดี๋ยวเราก็ผ่านไปได้เนอะ
             เป็นไงค่ะ หลังจากรู้จักพี่น้ำใสแล้ว พี่เมษ์ว่าหลายคนน่าจะได้ข้อคิดเรื่องการค้นหาตัวเองมากขึ้นเนอะ กว่าคนเราจะเจอสิ่งที่ใช่จริงๆ อาจจะช้าบ้าง เร็วบ้าง แต่ไม่มีอะไรสายเกินไปหรอก ถ้าเจอแล้วก็พยายามเพื่อสิ่งนั้นให้มากๆ นะคะ แล้วน้องจะไม่เสียใจเลย ดูพี่น้ำใสเป็นตัวอย่างแล้วกันเนอะ
             พี่เมษ์ว่าวันนี้เราทิ้งท้ายกันไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนละกันนะ แล้วกลับมาเจอกับพี่เมษ์และไอดอลคนต่อไปได้วันอังคารกับคอลัมน์ Admission Idol ที่เว็บ Dek-D.com นะคะ แล้วเจอกันจ้า บ๊ายบาย!
พี่เมษ์
พี่เมษ์ - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายการศึกษา

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

แม่ไม่ให้เข้าบ้าน 20 พ.ค. 58 18:31 น. 4
จริงเลยค่ะพี่ พ่อแม่ไม่ได้เรียน เราต่างหากที่เรียน แต่พี่คะ พ่อแม่เป็นคนจ่ายตังค่ะ #ปาดน้ำตา
0
กำลังโหลด
แม่ไม่ให้เข้าบ้าน 20 พ.ค. 58 18:29 น. 3
จริงเลยค่ะพี่ พ่อแม่ไม่ได้เรียน เราต่างหากที่เรียน แต่พี่คะ พ่อแม่เป็นคนกายตังค่ะ #ปาดน้ำตา
0
กำลังโหลด

9 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
แม่ไม่ให้เข้าบ้าน 20 พ.ค. 58 18:29 น. 3
จริงเลยค่ะพี่ พ่อแม่ไม่ได้เรียน เราต่างหากที่เรียน แต่พี่คะ พ่อแม่เป็นคนกายตังค่ะ #ปาดน้ำตา
0
กำลังโหลด
แม่ไม่ให้เข้าบ้าน 20 พ.ค. 58 18:31 น. 4
จริงเลยค่ะพี่ พ่อแม่ไม่ได้เรียน เราต่างหากที่เรียน แต่พี่คะ พ่อแม่เป็นคนจ่ายตังค่ะ #ปาดน้ำตา
0
กำลังโหลด
Lis(a) Member 20 พ.ค. 58 19:07 น. 5

ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ตอนนี้เรากำลังคิดหนักเลย คือโรงเรียนเรา ม.3 เป็นรุ่นที่จัดกิจกรรมค่ะ ทั้งหลีด ทั้งดรัมเมเยอร์ (แต่มีถึง ม.6 นะคะ รุ่นพี่ก็จะมีอีกการแสดงเลย แต่ม.3 เด่นสุด) เราอยากสมัครหลีด หรืออะไรเด่นๆบ้าง (อาจเป็นปีสุดท้ายที่นี่ เพราะอยากเข้ามหิดลฯ) เพื่อนๆก็บอกว่า ถ้าอยากเข้าที่อื่น ก็ต้องอ่านเยอะ อย่าสมัครอะไรเลยดีกว่า แต่ก็มีเพื่อนสนิท กับคุณแม่เนี่ยแหละค่ะบอกให้ ทำตามฝัน เราได้เกรดดี เพราะงั้นคุณแม่เลยวางใจว่าจะจัดการชีวิตตัวเองได้ แต่เราก็ยังกังวลใจอยู่ ว่าจะดีหรอ เป็นหลีดขาดเรียนเยอะนะ! แต่... ที่ผ่านมาเราก็เป็นเด็กกิจกรรม ตั้งแต่ ม.1 ก็ยังได้เกรดดี (ก็ทำได้หนิ!) ยิ่งพอมาอ่านกระทู้นี้แล้ว ทำให้เราตั้งใจได้แน่แล้ว

ว่าจะเป็นเด็กกิจกรรมต่อไป เพราะเป็นส่วนหนึ่งเลยที่เติมเต็มชีวิตม.ต้น ขอบคุณกระทู้นี้จริงๆค่ะ

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
Light Prinz Member 16 ธ.ค. 58 16:49 น. 8

อ่านแล้วน้ำตาปริ่มๆ ;-;

น้ำตาไม่ได้มาจากความพ่ายแพ้ แต่มาจากความตั้งใจมากๆต่างหาก

บางทีสิ่งที่เราทำไม่ได้ อาจไม่ใช่เพราะเราไม่เต็มที่ แต่อาจเป็นเพราะมันไม่ใช่ตัวเราเองต่างหาก 

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด