"วี" กับ 4 ปีในคณะพยาบาลฯ ไม่ง่าย สอบเข้าและเรียนอะไรบ้าง มาดู!


          สวัสดีค่ะ กลับมาอีกแล้วสำหรับ Admission Idol วันนี้พี่อีฟจะพาไปรู้จักว่าที่พยาบาลสุด cute "พี่วี" ปวีดา คีรีรมย์ ที่ไม่ได้พกพาความน่ารักมาอย่างเดียว แต่พร้อมมาแนะนำเคล็ดลับการทำข้อสอบ GAT เชื่อมโยงให้ได้เต็ม ! และ GAT Eng ให้ได้ 120+ เท่านั้นยังไม่พอ วันนี้พี่วียังมาเล่าประสบการณ์การเรียนคณะพยาบาลศาสตร์แบบจัดเต็ม สาวๆ คนไหนที่อยากรู้เรื่องราวในรั้วคณะพยาบาลศาสตร์กันอยู่ รีบตามมาเลยค่ะ
 

แนะนำตัวเองกันหน่อย
          สวัสดีค่ะ ชื่อ "วี" ปวีดา คีรีรมย์ นะคะ เรียนคณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทยค่ะ จบ ม.ปลายจาก รร.หญิงล้วนสุดคิ้วท์ รร.สายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ ค่ะ ตอนนั้นที่จบมาเกรดเฉลี่ยน่าจะได้ประมาณ 3.83 ค่ะ

ชีวิตมัธยมกับการค้นหาตัวเอง
          วีเรียนมัธยมปลายสายวิทย์มาค่ะ พอช่วงขึ้นมัธยมปลายก็ต้องเริ่มคิดถึงอนาคตการเรียนต่อแล้ว แต่จริงๆ ตอนนั้นวีก็ไม่ได้รู้สึกว่ากำลังค้นหาตัวเองอยู่หรืออะไรนะคะ ตอนนั้นเรารู้ตัวเองว่า เราอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร วีคิดว่า ชีวิตวีมีความสุขมาตลอดแล้ว ได้อะไรจากคนที่รักมากมาย เลยอยากทำงานช่วยเหลือคนอื่น อยากลองทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง ก็เลยกลับมาคิดว่ามีคณะ หรืออาชีพอะไรที่ได้ดูแลและช่วยเหลือคนอื่น ก็เลยนึกไปถึงความใฝ่ฝันตอนเด็กเลย

          ตอนเด็กๆ วีเคยไปเฝ้าไข้คุณยายที่โรงพยาบาล แล้วตอนนั้นก็คิดแบบเด็กๆ เลยว่า ทำไมหมอกับพยาบาลเก่งจัง สามารถดูแลรักษาคนที่เจ็บให้หายได้ แถมกลิ่นโรงพยาบาลจะเป็นกลิ่นเฉพาะ แล้ววีก็รู้สึกว่ามันหอม 55555 ก็เลยอยากโตไปทำงานในโรงพยาบาลค่ะ คิดว่าถ้าเป็นหมอ สำหรับเราก็คงจะเครียดเกินไป ถ้าเป็นพยาบาลก็ได้ใกล้ชิดได้ดูแลคนไข้เหมือนกัน เลยเลือกเรียนพยาบาลค่ะ

รู้มาว่าคุณแม่อยากให้เรียนสายสังคม แต่เราอยากเรียนสายวิทย์ มีวิธีคุยกับที่บ้านยังไง
         อย่างกรณีของวี คือโชคดีที่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาขนาดนั้นค่ะ ที่คุณแม่อยากให้เรียนสายสังคม เพราะท่านไม่อยากให้วีเครียดกับการเรียนวิชาสายวิทย์ แล้วก็แอบหวังอยากให้เรียนนิติฯ แต่เราก็พูดคุย และอธิบายให้ท่านฟังว่า อยากเรียนพยาบาลเพราะอยากใช้ความรู้ที่มี ดูแลคนอื่นบ้าง เรียนวิทย์มาตั้งหลายปี ถ้าจะต้องทิ้งก็เสียดาย คุณแม่ก็เข้าใจค่ะ ในกรณีที่เรากับที่บ้านความเห็นไม่ตรงกัน ถ้าจะให้แนะนำน้องๆ คือวีเชื่อว่า คุณพ่อคุณแม่ทุกคนหวังดีกับลูก ซึ่งถ้าความเห็นเรากับพวกท่านไม่ตรงกัน ก็ต้องพูดคุยกันค่ะ ต้องมีเหตุผลที่ดีมาอธิบายในสิ่งที่เราเลือกให้พวกท่านฟังได้ ยังไงพวกท่านก็เห็นความสุขของเราสำคัญที่สุดค่ะ
 

คะแนน GAT PAT และ O-NET 
          - คะแนน GAT ได้ประมาณ 270 ค่ะ ที่ภูมิใจคือ จำได้ว่าได้คะแนน GAT เชื่อมโยงเต็มทุกครั้งเลยค่ะ
          - คะแนน O-NET จำได้ว่าผ่าน 60% ทุกวิชาค่ะ


เคล็ดลับการทำ GAT เชื่อมโยงให้ได้เต็ม และ GAT Eng ให้ได้ 120+
          GAT พาร์ทเชื่อมโยง ที่สำคัญมากคือ ต้องฝึกทำเยอะๆ ค่ะ และก่อนอื่นเราต้องเข้าใจสัญลักษ์ทุกตัวอย่างจริงจังก่อน ก็จะทำให้เราอ่านบทความแล้วรู้ว่าจะใช้สัญลักษณ์ไหนมาเป็นคำตอบ พยายามดูคำที่เน้น เพราะถึงจะเป็นประโยคเดียวกัน แต่ถ้าข้อความที่เน้นไม่เหมือนกัน ก็อาจจะทำให้ใช้สัญลักษณ์เปลี่ยนได้เลยค่ะ
          GAT พาร์ท Eng สำหรับวี คือยากมากนะคะ โดยเฉพาะ error เราต้องอ่าน grammar ไปแล้วหาเทคนิคในการตัดตัวเลือกค่ะ นอกจากนั้นเวลาว่างก็จะท่องศัพท์ไปเรื่อยๆ ยิ่งเรารู้ศัพท์เยอะมากแค่ไหนยิ่งช่วยทำให้เราแปลโจทย์ได้มากขึ้น


แผนการอ่านหนังสือ+เตรียมตัว เพื่อคณะในฝัน
          เริ่มมาจากตั้งแต่ตอนขึ้นชั้นมัธยมปลายเลย วีเตรียมตัวมาตลอด
          - เรียนในห้องก็ตั้งใจ พยายามทำเกรดให้ดี เพราะรู้ว่าเกรดก็มีความสำคัญกับคะแนน ซึ่ง 20% สำหรับวีมันเยอะนะ 9,000 คะแนนเลย ไม่ได้เต็ม ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ขอทำให้ดีที่สุด
          - พยายามทบทวน อ่านหนังสือตลอด เพราะรู้สึกว่าตอนสอบมาเร่งอ่านต้องไม่ทันแน่ และถ้าเราอ่านเข้าใจ พอถึงเวลาสอบเราจะได้ไม่ต้องเริ่มทำความเข้าใจเนื้อหาใหม่
          - เรียนพิเศษเพิ่มเติมก็มีค่ะ 
ที่ไหนมีวิชามารอะไรก็ไปเรียน เพื่อนในกลุ่มที่เรียนพิเศษคนละที่ก็มาแชร์สูตรลัดกัน
          - เพื่อนช่วยกันติว แต่ละคนก็มาช่วยกันติวในสิ่งที่แต่ละคนถนัด ซึ่งมันจะทำให้เราเข้าใจง่ายขึ้นเวลาฟังจากเพื่อน

          - อ่านให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง เพราะตอนนั้นเราได้พยายามถึงมากที่สุดแล้ว
          สรุปเนื้อหาเป็น short note เพราะ อ่านง่ายและพกติกตัวได้ค่ะ
 

เล่าเรื่องการเรียน "คณะพยาบาลศาสตร์"
         การเรียนพยาบาลไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยค่ะ ถ้าเป็นที่นี่สำคัญมากเลยคือต้องยอมรับเรื่องกฎระเบียบ  และการเรียนที่ค่อนข้างหนัก เราจะมีเวลาน้อย แต่การเรียนจะค่อยๆ ฝึกและปรับเราไปเรื่อยๆ เองค่ะ วีขอแบ่งออกเป็นแต่ละปีให้เห็นภาพนะคะ

          
ปี1 จะเรียนวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ จะเรียนกับอาจารย์ฝั่งจุฬาฯ ที่ตึกคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ แล้วก็พวกอนาโตมีกับอาจารย์หมอ

          - ปี2 เนื้อหาก็จะเริ่มมีการพยาบาลพื้นฐาน เทอม2 ก็จะมีฝึกปฏิบัติการพยาบาลบนหอผู้ป่วย จำได้ว่าตอนนั้นเป็นความรู้สึกที่วีตื่นเต้นมาก จากที่เราเป็นเด็กตัวเล็กๆ กำลังเรียนอยู่ วันนี้จะได้เริ่มดูแลคนไข้แล้ว

         - ปี3 จะฝึกวอร์ดเด็ก และการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุค่ะ เป็นการพยาบาลที่ยากขึ้นและมีความเฉพาะทางมากขึ้นค่ะ และ การพยาบาลสูติ ได้ฝึกทำคลอดซึ่งการเรียนการฝึกเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากทั้งกลัว เครียด เหนื่อย สนุก และมีความสุข ไปพร้อมๆ กัน

          - ปี4 ปีสุดท้ายแล้ว จะมีการเรียนวิชารักษาโรคเบื้องต้น มีฝึกจิตเวช ออกชุมชน มีฝึกเมเจอร์ ไมเนอร์ ในภาควิชาที่เราสนใจทั้ง สูติ อายุรกรรม เด็ก จิตเวช และการออกฟิลด์ ซึ่งเป็นการฝึกเป็นหมอน้อยที่ รพ.ต่างจังหวัดค่ะ

 

ชีวิตการเรียน จากมัธยมถึงมหาวิทยาลัย
          ถ้าเป็นช่วงการเรียนมัธยมก็ไม่มีอะไรดราม่ามากนะคะ อาจจะเป็นเพราะตอนนี้ได้เรียนสิ่งที่ตัวเองชอบแล้ว  คือถ้าจะให้นึกว่าอยากย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไหม ก็ไม่อยากย้อนกลับไปแล้ว เพราะตอนนั้นวีก็รู้สึกว่า วีพยายามเต็มที่แล้ว ถึงอาจจะยังไม่เต็มที่มากที่สุด แต่เราก็ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ และคิดว่าหากย้อนเวลาไปได้ก็คงไม่เปลี่ยนแปลงอะไร

           ช่วงมหาวิทยาลัยจะก็มีตอนที่เราเริ่มเข้ามาอยู่หอค่ะ เพราะเรียนที่นี่ต้องมาอยู่หอในค่ะ ตอนนั้นคุณแม่ก็ไม่อยากให้อยู่หอ เพราะเราอยู่บ้านมาตลอด แต่ท่านก็เข้าใจค่ะ หลังจากนั้นก็อย่างที่บอกเลยค่ะ เราเริ่มรู้แล้วว่า
การเรียนที่นี่ค่อนข้างหนัก เรามีเวลาน้อย ชีวิตมัธยมกับมหาวิทยาลัยคนละแบบกันเลย แต่ถึงจะเหนื่อย วีก็รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่วีชอบค่ะ รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำ

ฝากอะไรถึงน้องๆ
          อยากฝากถึงน้องๆ ว่า การแอดมิชชั่นก็คล้ายกับเป็นการตัดสินใจเลือกอนาคตในช่วงหนึ่งเลย น้องไม่ได้เจอสิ่งที่เรียนแค่ 4-6 ปี ถึงเราจะได้ใช้หรือไม่ได้ใช้สิ่งที่เรียนมา มันก็จะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต อยากให้น้องๆ คิดให้ดี เลือกสิ่งที่ตัวเองรัก สิ่งที่ทำแล้วจะมีความสุข ถึงสิ่งที่เราเลือก อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับใคร หรืออาจจะไม่ได้ดูดีในสายตาของคนอื่น แต่ถ้าเราทำ แล้วเรามีความสุขที่สุด นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราค่ะ
 

          เป็นยังไงกันบ้างคะกับเรื่องราวของพี่วี ซึ่งคณะพยาบาลศาสตร์ก็ถือว่าเป็นคณะยอดฮิตที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝันเลยนะคะ แต่ถึงแม้เราจะรู้ว่าตัวเองอยากเรียนอะไรแล้ว หนทางที่จะได้เข้าคณะในฝันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ รู้ตัวว่าอยากเรียนอะไรแล้ว ก็ต้องมีความพยายามมากขึ้นกว่าเดิมที่จะทำให้สำเร็จค่ะ ใครที่อยากเข้าคณะพยาบาลศาสตร์ ก็ลองใช้เรื่องราวของพี่วีเป็นแรงบันดาลใจได้นะคะ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเรื่องราวของใคร รอติดตามได้เลยค่ะ
 
พี่อีฟ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
เตย 14 พ.ย. 58 16:50 น. 3
ชอบกลิ่นที่โรงพยาบาลเหมือนกันเลยค่ะพี่วี ตอนนี้หนูอยู่ม.4แล้วก็ตั้งเป้าว่าอยากเรียนที่วิทยาลัยพยาบาลาภากาชาดไทย แต่เกรดไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย
1
กำลังโหลด
fo-fai 30 ธ.ค. 58 19:29 น. 4
ฝันว่าอยากเข้ากาชาดเหมือนกัน ประทับใจมากตั้งแต่ที่ได้ไปงานเปิดบ้านและ เห็นรุ่นพี่ทุกคนน่ารักแล้วก็อบอุ่นมาก หวังว่าจะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่นะ
1
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด