สวัสดีน้องๆ ชาว Dek-D ที่น่ารักทุกคนค่ะ ไหนใครมีประสบการณ์ตรง เคยคิดว่าคณะที่เรียนอยู่ใช่ที่สุดแต่พอเรียนไปกลับกลายเป็นไม่ใช่ขึ้นมาซะงั้น คำตอบนี้คงปรากฎอยู่ในใจของใครหลายคนที่ (อยาก) ซิ่วนะคะ
วันนี้พี่เมก้าเลยถือโอกาสชวนน้องๆมาดู "8 ภารกิจที่เด็ก (อยาก) ซิ่ว ควรทำ!" เผื่อวันไหนเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมา ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปจะได้พร้อมรับมือเนอะ เดาใจไว้เลยว่าหากเลือกได้คงไม่มีใครอยากซิ่ว แต่เพื่ออนาคตและความฝันของเรา ถ้าการซิ่วมาถึงเราก็จำเป็นที่จะต้องยอมรับและสู้ต่อไปค่ะ
1. ฝึกตั้งคำถาม
จุดเริ่มต้นของการซิ่วมาจากการตั้งคำถาม น้องๆ ที่อยากซิ่วต้องเรียนรู้ที่จะตั้งคำถามกับตนเองก่อนว่า เราอยากซิ่วเพราะอะไร? เพื่ออะไร? ถ้าคิดที่จะซิ่วเราชัดเจนกับอนาคตของตัวเองมากพอแล้วรึยัง? ถ้าเหตุผลไม่เพียงพอน้องจะไม่สามารถตอบคำถามตัวเองได้เลยว่า "สิ่งที่ต้องการโดยแท้จริงคืออะไร" และการกระทำดังกล่าวจะกลายเป็นการทำลายอนาคตตัวเอง เพราะเราซิ่วมาแบบเคว้งคว้าง ไม่มีจุดหมายปลายทาง และไม่มีการวางแผน
1. ฝึกตั้งคำถาม
จุดเริ่มต้นของการซิ่วมาจากการตั้งคำถาม น้องๆ ที่อยากซิ่วต้องเรียนรู้ที่จะตั้งคำถามกับตนเองก่อนว่า เราอยากซิ่วเพราะอะไร? เพื่ออะไร? ถ้าคิดที่จะซิ่วเราชัดเจนกับอนาคตของตัวเองมากพอแล้วรึยัง? ถ้าเหตุผลไม่เพียงพอน้องจะไม่สามารถตอบคำถามตัวเองได้เลยว่า "สิ่งที่ต้องการโดยแท้จริงคืออะไร" และการกระทำดังกล่าวจะกลายเป็นการทำลายอนาคตตัวเอง เพราะเราซิ่วมาแบบเคว้งคว้าง ไม่มีจุดหมายปลายทาง และไม่มีการวางแผน
บางคนเลือกซิ่วเพราะไม่มีความสุขกับสิ่งที่เรียน เรียนไปอย่างไม่มีแรงบันดาลใจ อนาคตข้างหน้าไม่มั่นคง บางคนรู้สึกว่าคณะนี้ไม่ใช่คำตอบ ยิ่งเรียนยิ่งยากยิ่งไม่เข้าใจบางคนเข้ากับเพื่อนที่คณะหรือสังคมในมหาวิทยาลัยไม่ได้ หลายคนหลายความคิดหลายเหตุผล เพราะฉะนั้นถ้าน้องๆอยากซิ่วก็ต้องรู้จักคิดทบทวนให้ดีอย่างรอบคอบนะคะ
2. ค้นหาตัวเอง
พี่เมก้ามั่นใจว่าปัญหาหนึ่งที่ทำให้เด็ก (อยาก) ซิ่วเกิดความลังเลไม่มั่นใจก็คือการไม่ชัดเจนกับหนทางที่ตัวเองเลือก ถ้าต้องเริ่มเรียนใหม่เลือกคณะใหม่เราจะเดินไปทางไหน? อนาคตข้างหน้าดีพอสำหรับเรามั้ย? การค้นหาตัวเองจึงนับเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับน้องๆ เลยล่ะค่ะ ยิ่งถ้าค้นพบสิ่งที่ต้องการได้เร็วมากเท่าไหร่น้องก็จะยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้นว่าจุดหมายที่เลือกคือสิ่งที่ใช่ที่สุดและเรามาถูกทางแล้ว การเริ่มต้นใหม่จะคุ้มค่ามากค่ะ
ค้นหาตัวเองอย่างไร? น้องๆ อาจเริ่มต้นจากคณะที่เป็นแรงบันดาลใจใกล้ตัว คณะที่เชื่อมั่นว่าหากได้เรียนจะสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้ เรียนแล้วมีความสุขในทุกๆ วัน หรือมองไปถึงอนาคตเรียนแล้วทำให้เรามีหน้าที่การงานมั่นคง พี่เมก้าเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าการได้เรียนในคณะที่เราเลือกด้วยตนเองนับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
3. จัดการชีวิต
การจัดการชีวิตในที่นี้พี่เมก้าหมายถึงการบริหารจัดการตนเองในหลายๆ เรื่อง สิ่งที่น้องๆต้องเข้าใจเป็นลำดับแรกคือปัญหาที่เด็กซิ่วแต่ละคนต้องพบเจอนั้นไม่เหมือนกัน อยากให้มองในมุมของคนใกล้ตัวก่อน ไม่ใช่ทุกคนที่ครอบครัวจะยอมรับได้กับการซิ่ว น้องบางคนโชคดีที่พ่อแม่เข้าใจ แต่บางคนพ่อกับแม่ไม่เข้าใจนะคะว่าทำไมต้องซิ่ว ที่ผ่านมาจึงเห็นภาพน้องๆ เด็กซิ่วอยู่ 2 แบบ หนึ่งคือตั้งใจเตรียมตัวซิ่วอยู่กับบ้าน สองคือเรียนไปด้วยแอบซิ่วไปด้วย
2. ค้นหาตัวเอง
พี่เมก้ามั่นใจว่าปัญหาหนึ่งที่ทำให้เด็ก (อยาก) ซิ่วเกิดความลังเลไม่มั่นใจก็คือการไม่ชัดเจนกับหนทางที่ตัวเองเลือก ถ้าต้องเริ่มเรียนใหม่เลือกคณะใหม่เราจะเดินไปทางไหน? อนาคตข้างหน้าดีพอสำหรับเรามั้ย? การค้นหาตัวเองจึงนับเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับน้องๆ เลยล่ะค่ะ ยิ่งถ้าค้นพบสิ่งที่ต้องการได้เร็วมากเท่าไหร่น้องก็จะยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้นว่าจุดหมายที่เลือกคือสิ่งที่ใช่ที่สุดและเรามาถูกทางแล้ว การเริ่มต้นใหม่จะคุ้มค่ามากค่ะ
ค้นหาตัวเองอย่างไร? น้องๆ อาจเริ่มต้นจากคณะที่เป็นแรงบันดาลใจใกล้ตัว คณะที่เชื่อมั่นว่าหากได้เรียนจะสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้ เรียนแล้วมีความสุขในทุกๆ วัน หรือมองไปถึงอนาคตเรียนแล้วทำให้เรามีหน้าที่การงานมั่นคง พี่เมก้าเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าการได้เรียนในคณะที่เราเลือกด้วยตนเองนับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
3. จัดการชีวิต
การจัดการชีวิตในที่นี้พี่เมก้าหมายถึงการบริหารจัดการตนเองในหลายๆ เรื่อง สิ่งที่น้องๆต้องเข้าใจเป็นลำดับแรกคือปัญหาที่เด็กซิ่วแต่ละคนต้องพบเจอนั้นไม่เหมือนกัน อยากให้มองในมุมของคนใกล้ตัวก่อน ไม่ใช่ทุกคนที่ครอบครัวจะยอมรับได้กับการซิ่ว น้องบางคนโชคดีที่พ่อแม่เข้าใจ แต่บางคนพ่อกับแม่ไม่เข้าใจนะคะว่าทำไมต้องซิ่ว ที่ผ่านมาจึงเห็นภาพน้องๆ เด็กซิ่วอยู่ 2 แบบ หนึ่งคือตั้งใจเตรียมตัวซิ่วอยู่กับบ้าน สองคือเรียนไปด้วยแอบซิ่วไปด้วย
ทางที่ดีพี่เมก้าอยากให้ลองประเมินตนเองแล้วตกลงกับครอบครัวให้เรียบร้อยว่า ถ้าเลือกเรียนไปด้วยเตรียมตัวซิ่วไปด้วยจะไหวมั้ย? ถ้าเลือกหยุดอ่านหนังสืออยู่กับบ้านอย่างเต็มที่ ครอบครัวจะโอเครึเปล่า? การพูดคุยอย่างจริงจังชัดเจนจะทำให้น้องเกิดความมั่นใจและเตรียมตัวกับการซิ่วได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้นค่ะ
4. พร้อมเริ่มต้นใหม่
โอกาสและอนาคตเป็นของตัวเราเอง การเลือกทางเดินที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วนะคะ หากว่ากันตามตรง แม้ตอนนี้การซิ่วจะเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่มีทัศนคติในแง่ลบต่อเด็กซิ่ว ทั้งในเรื่องของคำดูถูกหรือเข้าใจผิดต่างๆ
พี่เมก้าขอให้น้องๆ เด็ก (อยาก) ซิ่วทุกคนสร้างแรงและพลังใจขึ้นมา ถ้าเราจะซิ่วสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ สู้กับตัวเอง และเก็บคำดูถูกนำมาเป็นพลังค่ะอย่าปล่อยให้ใครมากำหนดชีวิตเรา นอกจากตัวเราเองนะ
5. จัดตารางสอบ
เอาล่ะ เราเดินทางมาถึงช่วงเวลาสำคัญของการเตรียมตัวสอบแล้วนะคะ เริ่มต้นกันอย่างเอาจริงจังด้วยการจัดตารางสอบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ เด็กซิ่วที่เตรียมตัวอ่านหนังสืออยู่บ้านหรือเตรียมตัวซิ่วไปด้วยเรียนไปด้วย ต่างฝ่ายต่างก็ต้องอาศัยความรับผิดชอบมากๆ เพราะน้องที่เตรียมสอบอยู่กับบ้านมักจะมีเวลาว่างเยอะอาจจะเผลอชิวไป ส่วนน้องที่เรียนไปด้วยเตรียมซิ่วไปด้วย รู้ๆกันอยู่ว่าต้องพบกับความเหนื่อยยากลำบากมากจนสายตัวแทบขาดเลยก็ว่าได้
4. พร้อมเริ่มต้นใหม่
โอกาสและอนาคตเป็นของตัวเราเอง การเลือกทางเดินที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วนะคะ หากว่ากันตามตรง แม้ตอนนี้การซิ่วจะเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่มีทัศนคติในแง่ลบต่อเด็กซิ่ว ทั้งในเรื่องของคำดูถูกหรือเข้าใจผิดต่างๆ
พี่เมก้าขอให้น้องๆ เด็ก (อยาก) ซิ่วทุกคนสร้างแรงและพลังใจขึ้นมา ถ้าเราจะซิ่วสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ สู้กับตัวเอง และเก็บคำดูถูกนำมาเป็นพลังค่ะอย่าปล่อยให้ใครมากำหนดชีวิตเรา นอกจากตัวเราเองนะ
5. จัดตารางสอบ
เอาล่ะ เราเดินทางมาถึงช่วงเวลาสำคัญของการเตรียมตัวสอบแล้วนะคะ เริ่มต้นกันอย่างเอาจริงจังด้วยการจัดตารางสอบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ เด็กซิ่วที่เตรียมตัวอ่านหนังสืออยู่บ้านหรือเตรียมตัวซิ่วไปด้วยเรียนไปด้วย ต่างฝ่ายต่างก็ต้องอาศัยความรับผิดชอบมากๆ เพราะน้องที่เตรียมสอบอยู่กับบ้านมักจะมีเวลาว่างเยอะอาจจะเผลอชิวไป ส่วนน้องที่เรียนไปด้วยเตรียมซิ่วไปด้วย รู้ๆกันอยู่ว่าต้องพบกับความเหนื่อยยากลำบากมากจนสายตัวแทบขาดเลยก็ว่าได้
ดังนั้นเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น ควรทำความรู้จักกับระบบการสอบก่อนค่ะ ศึกษาระเบียบการทั้งรับตรงและแอดมิชชั่นของคณะ/มหาวิทยาลัยในดวงใจให้ดี เพราะรับตรง-โควตาบางแห่งเปิดรับเด็กซิ่วแต่บางแห่งก็ไม่สามารถสมัครได้ เรื่องการใช้คะแนนสอบ การยื่นคะแนน การสมัครสอบ รวมถึงการเตรียมตัวสอบต่างๆก็เป็นสิ่งสำคัญ อย่าปล่อยให้พลาด ควรจัดตารางสอบไว้ดีๆนะคะ
6. เตรียมอ่านหนังสือ
น้องๆ เด็ก (อยาก) ซิ่วควรมีเคล็ดลับหรือแนวทางวางแผนอ่านหนังสือต่างๆ เป็นสำคัญค่ะ การเตรียมตัวสอบของแต่ละคนแตกต่างกันไปตามเวลาและความเหมาะสม ควรเลือกวิธีให้ถูกกับศักยภาพของตัวเอง น้องที่เตรียมตัวอยู่บ้าน ต้องคุมตัวเองให้อยู่เพราะมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะ ใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่าและเต็มที่ ส่วนน้องที่เรียนไปด้วยเตรียมสอบไปด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือการแบ่งเวลาและมีความรับผิดชอบในการสะสางภาระงานการเรียนต่างๆ ให้เรียบร้อยไปด้วยดี
การเตรียมอ่านหนังสือต้องเริ่มจากการทวนความรู้เดิม เรามีพื้นฐานของแต่ละวิชาหรือทำความเข้าใจขอบเขตเนื้อหาความรู้ที่ใช้สอบแน่นพอรึยัง ถ้ายังให้พยายามฝึกทำโจทย์ให้ครบตามเป้าหมายหรือตามแผนการอ่านที่ตั้งไว้ให้มากที่สุด เพราะการลิสต์แผนอ่านหนังสือแต่ละเดือนจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีและช่วยให้น้องติดคณะในฝันได้ค่ะ
7. พักผ่อนเพียงพอ
เมื่อการเตรียมสอบเป็นสิ่งสำคัญ การเตรียมความพร้อมของร่างกายก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันค่ะ เด็ก (อยาก) ซิ่วมักแบกรับแรงกดดันไว้เยอะ เพราะคิดว่าถ้าพลาดการสอบครั้งนี้ อนาคตที่หวังไว้จะล้มไม่เป็นท่าลงอีกครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วเราไม่ควรปล่อยให้ตัวเองท้อ เครียด หรือวุ่นวายใจในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง พี่เมก้าเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าเราทำเต็มที่ ผลของความพยายามย่อมนำพาเราไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน น้องๆ ต้องพร้อมรับมือกับการเตรียมสอบอย่างถูกวิธีด้วยการผ่อนคลายตัวเองบ้างนะคะ
6. เตรียมอ่านหนังสือ
น้องๆ เด็ก (อยาก) ซิ่วควรมีเคล็ดลับหรือแนวทางวางแผนอ่านหนังสือต่างๆ เป็นสำคัญค่ะ การเตรียมตัวสอบของแต่ละคนแตกต่างกันไปตามเวลาและความเหมาะสม ควรเลือกวิธีให้ถูกกับศักยภาพของตัวเอง น้องที่เตรียมตัวอยู่บ้าน ต้องคุมตัวเองให้อยู่เพราะมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะ ใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่าและเต็มที่ ส่วนน้องที่เรียนไปด้วยเตรียมสอบไปด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือการแบ่งเวลาและมีความรับผิดชอบในการสะสางภาระงานการเรียนต่างๆ ให้เรียบร้อยไปด้วยดี
การเตรียมอ่านหนังสือต้องเริ่มจากการทวนความรู้เดิม เรามีพื้นฐานของแต่ละวิชาหรือทำความเข้าใจขอบเขตเนื้อหาความรู้ที่ใช้สอบแน่นพอรึยัง ถ้ายังให้พยายามฝึกทำโจทย์ให้ครบตามเป้าหมายหรือตามแผนการอ่านที่ตั้งไว้ให้มากที่สุด เพราะการลิสต์แผนอ่านหนังสือแต่ละเดือนจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีและช่วยให้น้องติดคณะในฝันได้ค่ะ
7. พักผ่อนเพียงพอ
เมื่อการเตรียมสอบเป็นสิ่งสำคัญ การเตรียมความพร้อมของร่างกายก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันค่ะ เด็ก (อยาก) ซิ่วมักแบกรับแรงกดดันไว้เยอะ เพราะคิดว่าถ้าพลาดการสอบครั้งนี้ อนาคตที่หวังไว้จะล้มไม่เป็นท่าลงอีกครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วเราไม่ควรปล่อยให้ตัวเองท้อ เครียด หรือวุ่นวายใจในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง พี่เมก้าเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าเราทำเต็มที่ ผลของความพยายามย่อมนำพาเราไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน น้องๆ ต้องพร้อมรับมือกับการเตรียมสอบอย่างถูกวิธีด้วยการผ่อนคลายตัวเองบ้างนะคะ
ว่ากันว่าการสร้างพื้นที่ความจำเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียนรู้ แต่สมองของเราไม่สามารถเก็บข้อมูลต่างๆ หรือทำงานหนักได้อย่างถึงขีดสุด การทุ่มเติมความรู้ลงไปมากทั้งที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอจึงเปรียบเสมือนการเทน้ำรวดเดียวจนล้นออกมาทำให้เซลล์สมองตายเร็วขึ้น ประสิทธิภาพในการใช้ความจำเพื่อเรียนรู้ก็จะลดน้อยลง เพราะฉะนั้นตอนกลางคืนควรนอนหลับให้เต็มที่ ส่วนระหว่างวันหากน้องรู้สึกล้า การได้นอนพักสัก 90 นาทีก็สามารถช่วยได้ค่ะ
8. สร้างกำลังใจ
กำลังใจสำหรับเด็กเตรียมสอบนับเป็นของรางวัลที่มีค่ามาก แล้วเราจะนำกำลังใจมาจากไหนล่ะ? อาจเริ่มต้นจากคนใกล้ตัว เช่น พ่อแม่ คุณครู เพื่อน แม้กระทั่งรุ่นพี่ ศิลปิน ไอดอลก็เป็นกำลังใจให้เราได้ พี่เมก้าเชื่อว่าคนทุกคนย่อมมีบุคคลในอุดมคติที่สร้างแรงบันดาลใจว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องประสบความสำเร็จเหมือนอย่างเขา กำลังใจนี้จะทำให้เรากลายเป็นผู้ชนะ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดและน้องๆมักจะมองข้ามไปก็คือกำลังใจที่สร้างได้จากตัวเราเองค่ะ
คนเราทุกคนย่อมมีความคาดหวัง พอคาดหวังมากก็จะเกิดเป็นความกลัวมาก กลัวว่าจะสอบไม่ติด กลัวว่าจะผิดหวัง กลัวว่าจะทำไม่ได้ ความกลัวต่างๆนานาทำให้เราขาดความเชื่อมั่น กลายเป็นว่าไม่พร้อมสอบหรือเตรียมสอบไปอย่างไม่มั่นใจนั่นเอง ดังนั้นน้องๆต้องหมั่นให้กำลังใจตัวเองว่าเราทำได้ พยายามอย่านำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น และสู้กับตัวเองเท่านั้นพอค่ะ
8. สร้างกำลังใจ
กำลังใจสำหรับเด็กเตรียมสอบนับเป็นของรางวัลที่มีค่ามาก แล้วเราจะนำกำลังใจมาจากไหนล่ะ? อาจเริ่มต้นจากคนใกล้ตัว เช่น พ่อแม่ คุณครู เพื่อน แม้กระทั่งรุ่นพี่ ศิลปิน ไอดอลก็เป็นกำลังใจให้เราได้ พี่เมก้าเชื่อว่าคนทุกคนย่อมมีบุคคลในอุดมคติที่สร้างแรงบันดาลใจว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องประสบความสำเร็จเหมือนอย่างเขา กำลังใจนี้จะทำให้เรากลายเป็นผู้ชนะ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดและน้องๆมักจะมองข้ามไปก็คือกำลังใจที่สร้างได้จากตัวเราเองค่ะ
คนเราทุกคนย่อมมีความคาดหวัง พอคาดหวังมากก็จะเกิดเป็นความกลัวมาก กลัวว่าจะสอบไม่ติด กลัวว่าจะผิดหวัง กลัวว่าจะทำไม่ได้ ความกลัวต่างๆนานาทำให้เราขาดความเชื่อมั่น กลายเป็นว่าไม่พร้อมสอบหรือเตรียมสอบไปอย่างไม่มั่นใจนั่นเอง ดังนั้นน้องๆต้องหมั่นให้กำลังใจตัวเองว่าเราทำได้ พยายามอย่านำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น และสู้กับตัวเองเท่านั้นพอค่ะ
บทความจบลงไปแล้ว แต่ภารกิจของเด็ก (อยาก) ซิ่วเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นนะคะ พี่เมก้าก็ขออวยพรให้น้องๆ ที่มีความตั้งใจจริงกับการสู้เพื่อคณะที่ใฝ่ฝันประสบความสำเร็จได้เรียนในคณะที่ใช่ทุกคนค่ะ จุดมุ่งหมาย ชีวิต และอนาคต ปล่อยให้เราเป็นคนลิขิตนะคะน้องๆ
4 ความคิดเห็น