สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และสกู๊ปพิเศษ A day in life ที่จะพาน้องๆ ไปตามติดหนึ่งวันเต็มๆ ของอาชีพในฝันแบบตามติดขอบเลยว่า ในวันหนึ่งๆ อาชีพนั้นต้องทำอะไรบ้าง
หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินอาชีพที่เรียกกันว่า Air Ground หรือ แอร์กราวนด์ แต่จริงๆ ชื่อนี้เป็นคำติดปากค่ะ ใช้เรียกคนที่ทำงานเป็นพนักงานภาคพื้นที่ประจำอยู่ที่สนามบิน แน่นอนว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่มีน้องๆ ให้ความสนใจเยอะมาก เพราะเป็นอาชีพที่ดูมีภาพลักษณ์ที่ดี รวมถึงได้ใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานตลอดเวลา วันนี้ทางเว็บเด็กดีได้รับโอกาสดีๆ จากสายการบินชั้นนำอย่าง "AirAsia" ให้ไปตามดูการทำงานของพี่ๆ ที่ทำอาชีพนี้ บอกเลยว่าห้ามพลาด!!
พนักงานภาคพื้น หรือที่เราเห็นประจำอยู่ที่สนามบินนั้น จริงๆ คือตำแหน่งที่มีชื่อว่า Guest Service (GS) มีหน้าที่ปฏิบัติงานต่างๆ เพื่อให้การขนส่งผู้โดยสารจากพื้นจนถึงออกเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ดังนั้น Guest Service จึงมีด้วยกันหลายคนหลายส่วนมากๆ ค่ะ เรียกว่าพบเจอกันตั้งแต่เหยียบสนามบินจนขึ้นเครื่องออกเดินทาง เจ้าหน้าที่ที่น้องๆ ได้พบเจอที่สนามบินนั้นแทบทั้งหมดคือ Guest Service เลยก็ว่าได้
กัญญุมา สุริยสาร (ยี่หวา)
ปริญญาตรี : คณะวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์
ปริญญาโท : คณะรัฐประศาสนศาสตร์
มหาวิทยาลัยปทุมธานี
ปัจจุบัน :ตำแหน่ง Guest Service
Assistant
พี่หวาเป็นพนักงานภาคพื้นที่ทำหน้าเป็น Guest Service Assistant อยู่ประจำเคาน์เตอร์เช็คอินนั่นเอง เมื่อมีผู้โดยสารมาเช็คอิน พี่หวามีหน้าที่ตรวจสอบเอกสารต่างๆ หนังสือเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน หรือวีซ่า ก่อนจะออกตั๋วเครื่องบินและจัดการโหลดกระเป๋าให้ค่ะ
พี่หวาเล่าว่าตัวเองเป็นคนชอบงานบริการมาตั้งแต่เด็ก จึงสนใจอยากทำงานสายนี้ พอมีโอกาสจึงลองสมัครดูเพราะงานพนักงานภาคพื้นนั้นไม่จำกัดว่าต้องจบสาขาไหน(แต่ต้องจบปริญญาตรีนะ) เรียนอะไรก็มาสามารถสมัครได้ ซึ่งกว่าจะได้เข้ามาทำงานนั้นต้องมีการทดสอบหลายด่าน ได้แก่
ส่งเอกสารสมัครงานเข้ามา หลักๆ คือต้องมีผลสอบ TOEIC 550 คะแนนขึ้นไปค่ะ
มีสอบสัมภาษณ์ Attitude Test เป็นเหมือนข้อสอบจิตวิทยา เลือกตอบกากบาท เพื่อดูความคิดความอ่านของเรา เจอปัญหาจะจัดการยังไง
จากนั้นก็จะเป็นการสอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ คำถามก็เช่น ทำไมอยากเป็นพนักงานภาคพื้น มีประสบการณ์อะไรมาบ้าง ซึ่งก็จะดูทักษะภาษาอังกฤษของเราว่าสื่อสารได้หรือไม่
ถ้าผ่าน ก็จะได้ตรวจสุขภาพและเริ่มต้นทำงานค่ะ
งานในตำแหน่ง Guest Service Assistant จะเข้างานแบบเป็นกะ ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและปริมาณความหนาแน่นของเที่ยวบิน ปกติแล้วจะทำงาน 3 วันรวด แล้วหยุด 2 วัน แล้วก็กลับมาทำงาน 3 วันรวดใหม่ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยเวลาเข้างานนั้นก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่จำนวนชั่วโมงเท่ากันคือวันละ 12 ชั่วโมง และมีเวลาพักเบรคตามความเหมาะสมของแต่ละส่วนงาน แต่ที่แน่ๆ เวลาเข้างานและวันหยุดจะไม่ตรงกับเวลาออฟฟิศแน่นอน ดังนั้นคนที่ทำงานนี้จึงต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีนะคะ
อย่างวันนี้ พี่หวาเข้างาน 10 โมงเช้าและจะเลิกงาน 2 ทุ่ม เมื่อมาถึงที่สนามบินดอนเมือง ก็ต้องเข้ามาสแกนนิ้วที่ออฟฟิศก่อน จากนั้นจะมีการบรีฟกับทีม เพื่ออัพเดตเรื่องสำคัญและ กฎระเบียบต่างๆ เช่น ระเบียบวีซ่า หรือมีใครเจอเคสอะไรน่าสนใจ ก็จะมาเล่าให้ฟัง เป็นต้น และพอถึงเวลาเริ่มงานก็จะไปประจำที่เคาน์เตอร์เช็คอินค่ะ
พี่หวาบอกว่า งานเช็คอินนั้นเป็นงานบริการที่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก คำถามที่ต้อง ถามผู้โดยสารไม่ใช่แค่ว่าเดินทางไปไหน? แต่ต้องถามว่า ในกระเป๋าที่จะโหลดลงใต้ท้อง เครื่องมีอะไร? เป็นกระเป๋าของตัวเองใช่มั้ย? มีพาวเวอร์แบงก์หรือเปล่า?
รวมถึงต้องรู้ระเบียบต่างๆ เช่น คนสัญชาตินี้เดินทางไปประเทศนี้จำเป็นต้องใช้วีซ่ามั้ย? ถ้าไม่มีวีซ่า เราจะปล่อยให้เค้าเดินทางไปไม่ได้เด็ดขาด แต่สมมติหากมีความผิดพลาด เกิดขึ้นจริงๆ เช่น ผู้โดยสารบอกว่าไม่มีกระเป๋าพกขึ้นเครื่อง แต่จริงๆ ดันมี หรือมีผู้โดยสารที่เช็คอินด้วยตัวเองมาแล้ว และเข้าไปในเกทเลยโดยไม่ได้ผ่านการตรวจเอกสารจากพนักงาน ก็จะมีพนักงานภาคพื้นที่อยู่ในเกทคอยสกรีนอีกทีค่ะ ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยตามมาตรฐานการบินล้วนๆ ดังนั้นงานตำแหน่งนี้จึงประจำอยู่แทบทุกจุดในสนามบินเลยล่ะ
พี่หวาบอกว่า ปัญหาที่เจอบ่อยเลยคือ เราทำให้ผู้โดยสารทุกคนพึงพอใจไม่ได้ เช่น ผู้โดยสารบางคนอาจไม่ได้ศึกษามาว่า หากจะโหลดกระเป๋าใต้ท้องเครื่องกับสายการบิน แอร์เอเชีย ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม เค้าก็อาจจะไม่เข้าใจและมีหงุดหงิดบ้าง เราก็ต้องอธิบายให้เค้าฟัง คือเราต้องยินดีที่จะบริการและยินดีที่จะเปิดใจทำความเข้าใจคนหลายๆ แบบ นอกจากนี้ เรายังมีหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์เพื่ออธิบายและแนะนำเรื่องต่างๆ ให้กับผู้โดยสารที่มาใช้บริการ เพื่อความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งเรายินดีที่จะให้บริการและรับฟังปัญหาเพื่อทำความเข้าใจกับผู้โดยสาร แต่ทั้งหมดนี้มันคือความท้าทายค่ะ
วีระญา มานะต่อ (โบว์)
ปริญญาตรี : คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ปัจจุบัน :ตำแหน่ง Security Officer
พี่โบว์เป็นพนักงานภาคพื้น ตำแหน่ง Security Officer หรือ พนักงานคอยระงับเหตุ พูดง่ายๆ คือคอยดูแลสอดส่องไม่ให้เกิดปัญหานั่นเองค่ะ
พี่โบว์เรียนจบด้านภาษาอังกฤษธุรกิจ จึงอยากใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารในการทำงาน รวมถึงชอบงานบริการอยู่แล้ว จึงลองสมัครเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ ซึ่งขั้นตอนการสมัครเข้ามาก็จะคล้ายๆ กับของพี่หวาที่เล่าไปแล้วข้างต้น ส่วนการทำงานนั้น จะทำ 3 วัน หยุด 3 วัน โดยวันที่ทำก็จะทำวันละ 12 ชั่วโมง มีทั้งเข้างานตี 4 - 4 โมง และเข้างาน 4 โมง - ตี 4
สำหรับหน้าที่งานของ Security Officer นั้นจะค่อนข้างกว้างมากๆ ในแต่ละวันที่ทำงาน ก็จะได้ไปประจำอยู่แต่ละจุดที่ไม่ซ้ำกันเลย ยกตัวอย่างเช่น
NTL ย่อมาจาก Not to land หมายถึงการส่งตัวผู้โดยสารกลับประเทศ เช่น คนต่างชาติที่บินมาถึงไทย แต่ไม่มีวีซ่าเข้าประเทศไทยทั้งๆ ที่เป็นสัญชาติที่ต้องใช้วีซ่า เราก็จะต้องเดินเรื่องส่งเค้าขึ้นเครื่องบินกลับประเทศเค้าไป
ส่งปืน/รับปืน เมื่อมีผู้โดยสารจะโหลดปืนลงใต้ท้องเครื่องบิน เราก็ต้องเป็นคนจัดการดูแล พาผู้โดยสารไปฝากอาวุธ พกใบอนุญาตมามั้ย แยกลูกปืนออกหรือยัง เบิกปืนในห้องฝากก่อนเวลาเครื่องออก จนนำส่งปืนถึงข้างเครื่องบินเลยค่ะ
ดูแลพนักงานที่ขึ้นไปทำความสะอาดเครื่องบินว่าเขาทำงานเรียบร้อยมั้ย ก่อนขึ้น ไปทำความสะอาดบนเครื่องบินพกอะไรขึ้นไปบ้าง และตอนลงมาเอาอะไรลงมาบ้าง ป้องกันการสูญหายของทรัพย์สินและความปลอดภัยของเที่ยวบิน
เก็บ Airside หมายถึงการดูแลสอดส่องพนักงานข้างเครื่องที่ทำหน้าที่ขนส่ง ลำเลียงกระเป๋าขึ้น/ออกจากเครื่อง ป้องกันการสูญหายของทรัพย์สินและความปลอดภัยของเที่ยวบินเช่นเดียวกันค่ะ
Sorting หมายถึงการดูแลสอดส่องบริเวณสายพานกระเป๋า แยกตามเที่ยวบิน ดูความเรียบร้อยทั่วไป
สำหรับวันนี้ พอมาถึงออฟฟิศ พี่โบว์ก็ต้องมาสแกนนิ้ว บรีฟกับทีมถึงหน้าที่ที่ต้องทำ อย่างวันนี้พี่โบว์ทำ NTL ซึ่งเป็นงานที่ชอบมากที่สุด เพราะไม่ซับซ้อน คือถ้าผู้โดยสารเข้าเมืองแบบไม่ถูกต้อง จำเป็นต้องดำเนินการส่งตัวกลับตามกฎระเบียบ เราก็มีหน้าที่ดำเนินตามระเบียบนั้นๆ ซึ่งบางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไมจะต้องถูกส่งกลับ อาจจะมีโวยวาย แต่บางคนก็เข้าใจและยอมทำตามกฎแต่โดยดี
สุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ แต่ละวันเข้างานเวลาต่างกัน และต้องเจอผู้โดยสาร หลายๆ แบบ ต้องรับมือให้ได้
ภาษาอังกฤษดี สามารถใช้สื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว
แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ มีทักษะในการเอาตัวรอด เช่น ผู้โดยสารพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยสักคำ เราจะทำยังไง หากตรงนั้นไม่มีใครว่างมาช่วยเลย
สำหรับน้องๆ ที่สนใจงานในสายนี้ พี่ๆ เค้าฝากมาว่าให้เตรียมตัวฝึกภาษาเอาไว้ก่อนเลยค่ะ รวมถึงต้องรักงานบริการจริงๆ เพราะเราจะต้องเจอคนหลายประเภทมากๆ ต้องเปิดใจที่จะพูดคุย และแก้ปัญหา Everyday is challenge! นะจ๊ะ สุดท้ายนี้ทางเว็บไซต์เด็กดี
ดอทคอมต้องขอขอบพระคุณสายการบินแอร์เอเชียที่เปิดโอกาสและคอยอำนวยความสะดวกให้ทางทีมงานเข้าไปสัมภาษณ์และถ่ายทำ สำหรับ A Day in Life ตอนหน้าจะเป็นอาชีพอะไร รอติดตามได้เลย
13 ความคิดเห็น
สนใจงานด้านนี้มากเลยค่ะ
[bb-06][bb-06][bb-06][bb-06]
น่าสนใจมากๆค่ะ ทั้ง2อย่างเลย น่าตื่นเต้น และ น่าสนใจมากๆ
เป็นอีกอาชีพที่น่าลองค่ะ
อยากให้แนะนำอาชีพที่ทำเกี่ยวกับสนามบินเยอะๆเลยค่ะ ตอนเด็กๆเคยฝันไว้อยากเป็นแอร์โฮสเตส แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรได้ทำหน้าที่อื่นที่ทำเกี่ยวกับสนามบินก็ยังดี แนะนำแบบนี้มาอีกเยอะๆเลยน้าาาา หนูชอบ
ตามหากระทู้แบบนี้มานานแล้วค่ะ ชอบจัง *w* ปกติชอบเครื่องบิน เคยคิดอยากทำงานเกี่ยวกับเครื่องบิน เรียนอะไรเกี่ยวกับเครื่องบิน วิศวะการบินไรงี้55555555555 แต่หัวไม่ให้เลยค่ะ TT เลยคิดอยากจะมาทำงานกับสนามบินแทน ชอบใช้ภาษาด้วย เจอคนหลายประเภทด้วย ท้าทายมากเลยฮื่อ เป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าลอง ขอบคุณสำหรับบทความนี้นะคะ ชอบมากๆเลยค่ะ ปล.พี่หวาสวยมากเลยค่ะ ดูท่าทางใจดีจัง พี่โบว์ก็ดูเท่มาก ฮื่อ ไอดอลมาก แง้
เคยฝึกงานสายนี้ ตำแหน่ง Air Ground หรือ Passenger Aganct Service แต่ไม่ได้ทำในส่วนเชคอิน โหลดกระเป๋าเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะรับหน้าที่รับผู้โดยสาร Tranfer กับ Short Connect มีพี่คนไหนทำงานด้านนี้ไหมคะ อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม
ขอบคุณมากค่ะ
ขอโทษนะคะ คืออยากถามว่าทำงานในสนามบินนี่ยั่งยืนไหมคะ
ทำได้ถึงอายุเท่าไร หรือว่าเเล้วเเต่สัญญาจ้าง
ปล.อยากรู้จริงคะ สนใจงานด้านนี้มาก
มีช่องทางติดต่อพี่ยี่หว้ามั้ยคะ ig หรือ เฟชบุ้ค
ตำแหน่ง Guest Service
Assistant เงินเดือนเท่าไหร่คะ?