สวัสดีน้องๆ Dek-D ที่น่ารักทุกคนนะคะ การซิ่วไม่ได้เป็นเพียงการตัดสินใจโดยชั่ววูบ กว่าที่จะรู้ตัวว่าต้องเริ่มต้นใหม่แล้วล่ะ หลายๆ คนต้องผ่านการคิดทบทวนแล้วทบทวนอีก ตื่นก็คิดนอนก็คิด เอ๊ะ! การที่เราจะซิ่วนี่สมเหตุสมผลรึยังนะ? แบบนี้เรียกว่าหนีปัญหารึเปล่า?
 


 
          คำถามสุดท้ายนี่แหละค่ะที่ทำให้เราเกิดความไม่มั่นใจ วันนี้พี่เมก้าเลยตั้งใจพามาดู 8 เหตุผลสำหรับการซิ่ว ที่มั่นใจได้ว่าไม่ใช่การหนีปัญหาแน่นอน! เผื่อน้องๆ บางคนกำลังลังเลไม่แน่ใจอยู่จะได้เกิดไอเดียหรือใช้เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจที่ชัดเจนขี้นนะคะ

1. คณะที่เรียนอยู่ 'ไม่ใช่ทาง' สำหรับเรา
          เชื่อว่าหลายคนอยากซิ่วแต่ก็ติดอยู่กับประโยคหนึ่งที่ว่า 'ไม่ใช่คนทุกคนจะโชคดีได้เจอคณะที่ใช่ สู้ทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดก่อนดีกว่าไหมแล้วทุกอย่างจะดีเอง' แต่สำหรับบางคนลองสู้แล้วพยายามแล้ว การฝืนเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบก็ทำให้เราไปไม่ไหวอยู่ดีค่ะ เพราะการเข้าห้องเรียนไปแบบขาดแรงบันดาลใจไร้จุดมุ่งหมาย มันทั้งเหนื่อยทั้งท้อจนรู้สึกว่าจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไร ดังนั้นการเปลี่ยนคณะเพื่อไปเจอกับสิ่งที่ใช่จริงๆก็น่าจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีค่ะ

          เพียงแต่ว่าครั้งนี้น้องๆ ต้องชัดเจนกับเป้าหมายให้มากขึ้น โดยใช้สิ่งที่ผิดพลาดไปในอดีตมาเป็นบทเรียน ลองทบทวนดูดีๆ ว่าที่ผ่านมาคณะนี้ไม่ใช่ทางของเราเพราะอะไร เพราะเราถูกบังคับให้เรียน เพราะวิชาเรียนไม่น่าสนใจ หรือ เราไม่มีความสุขกับสิ่งที่กำลังทำอยู่เลย ฯลฯ ถ้าเหตุผลของน้องๆ เพียงพอ พี่เมก้าคิดว่าการตัดสินใจซิ่วก็ไม่ใช่การหนีปัญหาหรอกค่ะ ตั้งใจตามหาคณะอื่นที่ตอบโจทย์ในสิ่งที่เราต้องการ แล้วทำอนาคตให้ดีกว่าเดิมนะคะน้องๆ    
    

2. 'คณะในฝัน' ยังชัดเจนในความรู้สึก
          คนทุกคนมีความเชื่อ ความเชื่อนี้ก็เปรียบเสมือนแรงผลักดันให้เราเดินตาม 'ความฝัน'  เพื่อทำสิ่งนั้นให้เป็น 'ความจริง'  ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพิชิตความฝันได้สำเร็จ น้องๆ เด็กซิ่วที่พลาดคณะและมหาวิทยาลัยในฝันมีอยู่ทุกปี การเริ่มต้นใหม่เพื่อเติมเต็มความฝันที่ยังค้างคาและสร้างโอกาสให้เราได้พัฒนาตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องผิดเลยค่ะ ลองคิดแบบง่ายๆ ดูก็ได้ว่า ถ้าเราได้เรียนคณะที่ชอบ ได้อยู่ในมหา'ลัยที่บรรยากาศดีตามแบบที่เราหวัง เราจะมีความสุขมากแค่ไหน
         

 
          อย่าเพิ่งมองว่าการซิ่วเป็นเรื่องเสียเวลา อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าเราไม่เอาไหน ให้คิดว่าแค่กล้าที่จะลุกขึ้นสู้เพื่ออนาคตของตัวเองก็เป็นอะไรที่ชีวิตหนึ่งเกิดมาไม่สูญเปล่าแล้วค่ะ เราอาจจะเสียใจเสียเวลาไปหนึ่งปีเต็ม แต่ก็ยังดีกว่าต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเพราะไม่ได้ทำตามฝัน นี่อาจเป็นการลงทุนที่เสี่ยง แต่ถ้าวางแผนมาเป็นอย่างดี นี่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าค่ะ อย่าให้มหา'ลัยเลือกเรา เราต้องเลือกมหา'ลัยด้วยตัวเองนะคะ

3. ยิ่งเรียนยิ่งแย่ 'ฝืนไปก็มีแต่จะพัง'
          ต้องยอมรับว่าแต่ละปีมีเฟรชชี่ปี 1 โดนรีไทร์เยอะมากค่ะ บางคนก็บอกว่าปรับตัวไม่ทัน เรียนยากบ้าง ทำข้อสอบไม่ได้บ้าง ฯลฯ สรุปพอเกรดเทอม 1 ออกมาต่ำกว่าเกณฑ์ส่อแววว่าจะถูกรีไทร์ก็มีน้องๆ ลาออกมาเตรียมซิ่วกันมากมาย พี่เมก้าคิดว่านี่ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ดีนะคะ น้องๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นการหนีปัญหาประมาณว่า 'ทำไมเราถึงไม่สู้แล้วทำคะแนนให้ดีขึ้น'  เรารู้จักตัวเราเองอยู่แล้วว่าเดินต่อนั้นไปไหวหรือไม่ไหว ถอยมาตั้งหลักก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายค่ะ

          ถ้ายิ่งเรียนแล้วเกรดยิ่งแย่ รีบออกมาอ่านหนังสือเตรียมสอบใหม่เลย เราไปสู้กับทางอื่นที่มองว่าอนาคตจะมั่นคงมากกว่านี้ดีกว่า ถึงชอบมากแค่ไหนแต่ถ้าเรียนแล้วความรู้เรายังไม่พร้อมกับทางนี้จริงๆ ก็คงต้องมองหาทางเลือกอื่นไว้อยู่ดีค่ะ มีรุ่นพี่หลายคนที่ไม่ยอมแพ้ บางคนเลือกซิ่วคณะอื่นที่สนใจรองลงมาและน่าจะเรียนไหว บางคนเลือกซิ่วไปเติมความรู้มาจนแม่นยำแล้วกลับมาลุยคณะเดิม คือเริ่มเรียนปี 1 ใหม่ ทำเกรดสูงๆ จนคว้าเกียรตินิยมเลยก็มีค่ะ

4. มองไม่เห็นทาง 'จบมาจะทำงานอะไร'
          เรื่องอนาคตการทำงานกับการเรียนเป็นอะไรที่ต้องมองควบคู่กันไปค่ะ ถ้าน้องเลือกคณะในสายงานเฉพาะทางที่ต้องใช้ความรู้ที่เรียนมาโดยตรง เราอาจต้องอยู่กับสิ่งนั้นไปแทบจะตลอดชีวิตการทำงาน หรือถ้าน้องเรียนในคณะที่สายงานกว้างแต่มองไม่เห็นอนาคตเลย ไม่รู้ว่าจบมาอยากจะทำอะไร ไม่รู้ว่าจบมาจะมีงานรองรับมั้ย ไม่รู้ว่าเราจะทนทำงานที่ไม่ชอบได้รึเปล่าถ้าลองตั้งคำถามกับตัวเองแล้วพบว่ามืดมนทุกอย่าง กลับมาตั้งหลักตอนนี้ก็ยังทันค่ะ


 
          ตอนเรียนเราเรียนคนเดียว แต่จบมามีอีกหลายชีวิตที่ฝากความหวังไว้กับเราอยู่ เราอาจจะฝืนเรียนในสิ่งที่ไม่เหมาะกับตัวเองได้ แต่เราฝืนทำงานในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราเองไม่ได้หรอกนะคะ มันไม่มีความสุขหรอก รุ่นพี่หลายคนยอมเสียเวลา 1 ปี เพื่อแลกกับอนาคตที่ชัดเจน คณะที่ตอบโจทย์ทั้งการเรียนและการทำงาน เพราะจบมาแล้วจะได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาทำในสิ่งที่เรารัก หากน้องๆ มองเห็นทางที่ชัดเจนและครอบครัวเห็นด้วย ลองเริ่มต้นใหม่ก็ได้ค่ะ
     

5. 'เข้าสังคมไม่ได้' ร้องไห้หนักมาก!
          บางคนอาจจะคิดว่าแค่เรื่องเข้าสังคมเนี่ยนะ ต้องถึงกับซิ่วเลยเหรอ! พี่เมก้าขอให้มองในมุมที่ว่าปัญหาของแต่ละคนเจอมาไม่เหมือนกันค่ะ บางคนอาจจะรู้สึกว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆปรับตัวแค่นิดหน่อยก็ได้ ในขณะที่บางคน "การเข้าสังคมไม่ได้" มันเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ สมมติให้น้องเข้าใจภาพง่ายๆ เลยก็ได้ว่า หากมีวินาทีหนึ่งที่เรารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ตัวคนเดียวบนโลก เราจะรู้สึกยังไง? ไม่มีใครอยากแปลกแยกจากคนอื่นหรอกนะคะ

          ดังนั้นถ้ามีอะไรที่ส่งผลกระทบต่อน้องมากจริงๆ ไม่ว่าจะทั้งทางร่างกายหรือจิตใจ ลองคิดดูก่อนก็ได้ค่ะว่าปัญหามันเกิดจากใคร เกิดจากตัวเราเองที่เข้ากับคนอื่นไม่ได้หรือเกิดจากคนอื่นที่ทำให้เราต้องผลักตัวเองออกมา ถ้าเกิดจากตัวเราเองลองปรับทัศนคติดูก่อนว่าที่รู้สึกเหมือนเข้ากับคนอื่นไม่ได้เป็นเพราะอะไร แต่ถ้าเกิดจากคนอื่นลองถามใจดูว่า เราพอจะวางเฉยหรือยอมรับกับสิ่งที่ต้องเจอได้มั้ย ถ้าพยายามเต็มที่แล้วความรู้สึกแย่ยังคงอยู่ ไปหาสังคมอื่นที่เหมาะกับเราดีกว่าค่ะ


6. ความรู้สึกแบบ 'เด็กไกลบ้าน' มันทรมาน
          แต่ละปีมีน้องที่อยากซิ่วเพราะเรียนไกลบ้านเยอะมากเลยค่ะ น้องกลุ่มนี้จะไม่ค่อยกล้าปรึกษาใครเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าถ้าบอกเพื่อนบอกครอบครัวไปว่าคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้น แถมบางทียังถูกมองว่าเป็นเด็กน้อยติดบ้านไม่รู้จักโตไปอีก ซึ่งความจริงแล้วพี่เมก้าคิดว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับ 'ความเด็กไม่เด็กโตไม่โต' เลยค่ะ มันขึ้นอยู่กับว่าอาการคิดถึงบ้านของเราเนี่ยเกิดขึ้นเพราะเรามีอะไรที่ต้องรับผิดชอบมากกว่า


 
          อย่างน้องบางคนเป็นห่วงคนทางบ้านมาก มาเรียนไกลขนาดนี้นานๆ ทีกว่าจะได้กลับบ้านไหนจะกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่เยอะมาก เป็นห่วงว่าพ่อแม่จะลำบากไม่มีคนคอยดูแลอีก คือถ้าน้องๆคิดทบทวนอย่างรอบคอบดีแล้วว่าการตัดสินใจซิ่วไปเรียนใกล้บ้านครั้งนี้มันคุ้มค่า ทั้งได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ได้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว ได้ดูแลพ่อแม่อย่างใกล้ชิด พี่เมก้าก็คิดว่าการซิ่วครั้งนี้ไม่ใช่หนีปัญหาหรอก เราพร้อมสู้กับปัญหาต่างหาก อะไรที่ทำแล้วสบายใจย่อมดีกว่าทรมานเนอะ

7. เกิดปัญหาใหญ่ 'สุขภาพไม่เอื้ออำนวย'
          เรื่องสุขภาพมันห้ามกันไม่ได้ ใครจะบังคับตัวเองได้ว่า ห้ามป่วยนะ! ในเมื่อป่วยมาแล้วเราก็ต้องรีบออกไปรักษาตัวก่อน น้องบางคนอาจจะเริ่มจากการป่วยเล็กๆ ลามมาป่วยเรื้อรัง จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นป่วยหนัก คนเรานะคะน้องๆ ถ้าสุขภาพไม่เอื้ออำนวยแล้วจะทำอะไรก็ไม่สะดวกหรอก ไหนจะเรียนไม่รู้เรื่อง ไหนจะลำบากเรื่องใช้ชีวิตอีกต่างหาก

          พี่เมก้าเคยอ่านเรื่องราวของรุ่นพี่เด็กซิ่วคนหนึ่ง เค้าป่วยค่ะ ป่วยเล็กๆ น้อยๆ แต่ยังฝืนเรียนต่อ ดรอปทิ้งบ้าง ตกมีนบ้าง ติด F ไปหลายตัวบ้าง ปรากฎว่าเรียนไปแล้วยิ่งแย่หนักกว่าเดิมทั้งอาการป่วยทั้งเรื่องเรียน จนสุดท้ายคือไปโดนรีไทร์ตอนปีสูงๆ ต้องซิ่วมาเรียนใหม่อยู่ดี อันนี้ไม่ได้จะทำให้น้องๆกลัวแต่อย่างใดนะคะ แค่อยากให้คิดว่าถ้าเรามีความจำเป็นต้องซิ่ว เพราะร่างกายไปไม่ไหวจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรเลยค่ะ รอให้พร้อมค่อยกลับมาเริ่มต้นใหม่ก็ได้


8. โลกความเป็นจริงมันโหดร้าย 'ไม่มีเงินเรียน'
          ไหนใครบอกว่า 'เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต' ยอมรับมั้ยคะว่าร้อยทั้งร้อยเราแทบจะต้องฝากฝังชีวิตไว้กับเงิน จนใครๆ พากันกล่าวขวัญว่า 'เงินเนี่ยเป็นตัวปัญหาเลย!' น้องหลายคนตัดสินใจซิ่วเพราะเรื่องเงินเนี่ยแหละ ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมบ้าง ไม่มีเงินจ่ายค่าอุปกรณ์การเรียนที่แพงหูฉี่บ้าง แม้กระทั่งได้ทุนมาแล้วก็ยังไม่พอใช้จ่ายเลย ทางเลือกสุดท้ายก็คือซิ่วค่ะ ซิ่วไปเรียนคณะใหม่ที่น่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเราได้มากขึ้น


 
          ถ้าน้องๆ เกาะติดบอร์ดเด็กซิ่วอยู่เป็นประจำ ต้องเคยอ่านประสบการณ์จากรุ่นพี่นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งแน่ๆ พี่คนนี้เค้าสอบติดแพทย์ ม.เอกชนชื่อดังค่ะ อย่างที่รู้กันว่าค่าใช้จ่ายสูงมากกก ถึงแม้จะมีความสุขกับการเรียนมากแค่ไหน แต่ก็ยังกังวลเรื่องเงินอยู่ดี สุดท้ายพี่เค้าเลยตัดสินใจซิ่วใหม่อีกปีเพื่อสอบเข้าแพทย์ ม.รัฐฯ เพราะไม่อยากรบกวนเงินของที่บ้าน อื้อหือ! ไอดอลสุดๆ น่าชื่นชมมากเลยนะคะ  

          อย่างที่บอกว่าน้องแต่ละคนเจอปัญหาไม่เหมือนกัน การตัดสินใจแก้ปัญหาของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีกเช่นเคย บางคนอาจคิดว่าการตัดสินใจซิ่วคือทางที่ดีที่สุดแล้วในเวลานี้ พี่เมก้าก็ขอให้ใช้เหตุผลไตร่ตรองอย่างรอบคอบค่ะ ไม่มีใครรู้จักเราได้ดีเท่ากับที่เรารู้จักตัวเองหรอกนะคะ เชื่อใจตัวเองแล้วทำความฝันให้เป็นความจริง การซิ่วจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกทาง ไม่ใช่หนีปัญหาค่ะ 

 
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด