กฎเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยน! ชวนดู 7 ความต่างระหว่างมัธยมฯ กับ มหา'ลัย

         สวัสดีชาว Dek-D ที่น่ารักทุกคนนะคะ ตอนนี้น้องๆ ว่าที่เฟรชชี่กำลังทำอะไรกันอยู่เอ่ย? พร้อมที่จะเข้าสู่โลกมหา'ลัยแล้วรึยังนะ? บางคนอาจจะนึกภาพไม่ออกว่า เอ๊ะ! ชีวิตประจำวันเราจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เราเคยอยู่ในกฎในกรอบของโรงเรียน พอเข้ามหา'ลัยชีวิตจะเป็นยังไงนะ


 
         วันนี้พี่เมก้าเลยตั้งใจว่าจะชวนน้องๆ มาทบทวนกฏต่างๆที่ผ่านมาในวัยมัธยมฯ กับกฎใหม่ๆ ที่ต้องทำตัวให้คุ้นชินในวัยมหา'ลัย มาดูสิว่านับจากที่กฎเปลี่ยนไป ชีวิตเราจะเปลี่ยนแปลงไปทางใดบ้าง ไม่แน่ว่าหลังจากนี้น้องๆ อาจจะเป็นเฟรชชี่มือโปรพร้อมปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ก็ได้ค่ะ

1. มาโรงเรียนให้ทันเคารพธงชาติ Vs มามหา'ลัยให้ทันเข้าเรียน
         เป็นอันรู้กันในเด็กมัธยมฯ เกือบทุกโรงเรียนว่า นักเรียนอย่างเราๆ ต้องมาโรงเรียนให้ทันเข้าแถวเคารพธงชาติ บางโรงเรียนกำหนดมาเลยว่า 'นักเรียนต้องมาโรงเรียนก่อนเวลา 07.45 น.' หากมาสายเกินกว่านี้จะถูกลงโทษตามระเบียบ แต่เมื่อน้องๆ เข้ามหา'ลัย บรรยากาศของการเข้าแถวเคารพธงชาติพร้อมเพื่อนในทุกๆ เช้าจะไม่มีอีกแล้วค่ะ แค่มาให้ทันเข้าเรียนก็หืดขึ้นคอแล้ว แถมบางทีเพลงชาติยังเป็นเสียงนาฬิกาปลุกให้กับเด็กหอหลายๆ คนอีกต่างหาก

         อยู่มหา'ลัยเราต้องรับผิดชอบตัวเอง อาจจะไม่มีกฎตายตัวว่าต้องมาให้ทันเข้าแถวเหมือนตอนมัธยมฯ แต่ก็มีกฎที่ทุกคนต้องรู้เองโดยธรรมชาติว่า ถ้าเข้าเรียนช้าจะพลาดบทเรียนสำคัญ เรียนไม่ทันเพื่อน หรืออาจจะโดนเช็กสายไปจนถึงเช็กขาดได้ในคลาสที่เคร่งๆหน่อย

2. มัธยมฯ ขาดเรียนคุณครูรับรู้ Vs มหา'ลัยขาดเรียนรับผิดชอบตัวเอง
         ตอนมัธยมฯน้องๆ อาจจะมีอารมณ์งอแง 'ไม่อยากไปโรงเรียนขอหยุดเรียนหนึ่งวันน้าาา' หรือ 'ไม่อยากเรียนวิชานี้ แอบย่องไปงีบที่ห้องพยาบาลสักชั่วโมงสองชั่วโมงดีกว่า' ไม่ว่าน้องๆจะขาดเรียนแบบไหน สังเกตมั้ยคะว่าเราจำเป็นต้องรายงานคุณครูทุกครั้งหรือถ้าไม่บอกครูก็รู้ได้ทันที (ไม่ใช่เพราะมีหูทิพย์ตาทิพย์นะคะ) เพราะห้องเรียนหนึ่งมีนักเรียนไม่กี่คนเอง แค่เช็กชื่อกวาดตามองแวบเดียว ครูก็รู้แล้วว่าใครหายไป แถมบางวิชาถ้าหยุดเรียนไปยังต้องมีใบลามายื่นในวันรุ่งขึ้นอีก


 
          สำหรับโลกมหา'ลัย ไม่มีแบบนี้แล้วค่ะ จริงอยู่ว่าบางคลาสอาจจะมีเช็กชื่อ แต่หลายๆ คนเข้ามาเช็กแล้วก็หายตัวไปจากห้องยังกับนินจา ว่องไวได้อีก! พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ามหา'ลัยไม่มีครูคอยตามตัวเหมือนมัธยมฯ แล้ว ใครเข้าเรียนก็ได้ความรู้ไป ใครขาดเรียนก็ต้องแสวงหาความรู้ด้วยตัวเอง ที่แน่ๆ ถ้าขาดเรียนเกินกำหนด งานนี้อาจจะโดนหมดสิทธิ์สอบ แถมได้ F พ่วงท้ายมาด้วย ดังนั้นขาดเรียนได้แต่อย่าลืมตามงาน ตามสอบ และสำรวจข้อตกลงในรายวิชาให้ดีๆนะคะ
                             

3. มัธยมฯ ปิดโทรศัพท์ในเวลาเรียน Vs มหา'ลัยโทรศัพท์ในคลาสเรียนได้
         ตอนพี่เมก้าเรียน ม.ต้น ที่โรงเรียนมีกฎไม่ให้นำโทรศัพท์มาโรงเรียนเลยค่ะ แต่พอ ม.ปลาย ครูก็แอบกระซิบว่าให้นำมาได้แต่ต้องรักษาดีๆ ปิดเครื่องให้เรียบร้อย ประมาณว่าเอามาเถอะ แต่อย่าให้ครูรู้นะ เวลานั่งเรียนอยู่แล้วโทรศัพท์ดังในคาบนี่ ถึงกับเหงื่อตกเลยนะคะ (ซวยละ ลืมปิดเสียง) โดนยึดไปเก็บที่ห้องฝ่ายปกครอง TT__TT ต้องเดือดร้อนพ่อแม่มารับคืนไปอีก คิดว่ากฎข้อนี้มีไว้เพื่อป้องกันการใช้โทรศัพท์แบบผิดที่ผิดทาง ป้องกันปัญหาของหายในโรงเรียน ฯลฯ ค่ะ

          แต่ถ้าเข้ามหา'ลัย น้องๆ จะพบว่าเราสามารถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้ในคลาสได้แบบไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เลย อย่างบางวิชาที่ต้องสืบค้นข้อมูลด่วนๆ อาจารย์ก็อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้ บางคนยกขึ้นมาถ่ายรูปสไลด์เก็บไว้บ้าง นำมาอัดเสียงไว้ฟังตอนสอบบ้าง ถ้าใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียน ไม่รบกวนผู้อื่นก็ไม่มีปัญหาค่ะ
      

4. มัธยมฯ ห้ามออกไปซื้อของกินนอกโรงเรียน Vs ซื้อของกินรอบ ม. ได้ทุกเวลา
         งานนี้มีเซ็งทั้งโรงเรียน เพราะมีคำสั่งมาจากเบื้องบนเลยว่า ต่อให้หิวและเบื่อกับข้าวในโรงอาหารมากแค่ไหน นักเรียนก็ห้ามออกไปซื้อของกินนอกโรงเรียนเด็ดขาด! กว่าจะได้กินชานมไข่มุก เครป โตเกียว บาร์บีคิว เบอร์เกอร์ ไก่ทอด หมูปิ้ง ฯลฯ ก็นู่นแหละค่ะ ต้องรอให้เลิกเรียนก่อน (พิมพ์ไปแอบหิวไป อิอิ) น้องบางคนก็เลยต้องหาวิธีมาบรรเทาความหิว แอบเอาขนมปัง ลูกอม ขนมกรุบกรอบมายัดใต้โต๊ะไว้แอบงาบบ้างเวลาหิว ผิดกฎอีกว่าห้ามนำของกินมาทานในห้องเรียน -__-''


 
          ส่วนมหา'ลัยน้องๆ อยากตระเวนชิมของอร่อยรอบ ม. ที่ไหน สามารถทำได้ทุกเมื่อแทบครบทุกร้านเลยค่ะ แต่อาจจะต้องเผื่อเวลาสักนิดหนึ่งเวลาไปไหนไกลๆ เช่น ออกไปจิบน้ำชายามบ่าย ทานเค้กหอมหวานละมุนลิ้นกับเพื่อนๆ แล้วมีเรียนต่อก็ต้องรีบแล่นกลับมาให้ทันเข้าเรียนนั่นเอง 

5. มัธยมฯ ห้ามขับรถทุกชนิดมาเรียน Vs มหา'ลัยขับรถทุกชนิดมาเรียนได้  
         สำหรับบางโรงเรียนก็จะมีกฎข้อนี้ค่ะ 'ห้ามนักเรียนขับรถทุกชนิดมาเรียน' คุณครูอาจจะเป็นห่วงสวัสดิภาพของนักเรียน กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ กลัวว่าจะละเมิดกฎจราจร กลัวว่าโรงเรียนอาจจะแตกได้ เพราะไม่มีพื้นที่เพียงพอให้จอดรถ =__= ถึงแม้ว่าบางโรงเรียนอาจารย์จะอนุญาตให้หนูๆ ขับรถมาโรงเรียนได้ แต่พี่เมก้าก็เชื่อว่าอย่างมากคงอนุมัติให้แค่รถมอเตอร์ไซค์ (อาจจะต้องมีใบขับขี่ชั่วคราว) ส่วนรถยนต์นี่คงตัดหางปล่อยวัดเลยค่ะ

         ถ้าเรียนมหา'ลัยแล้วน้องๆ อยากจะปั่นจักรยาน แว้นซ์มอเตอร์ไซค์ หรือขับรถยนต์มาเรียนก็ไม่ได้มีข้อห้ามนะคะ เพียงแต่ทางมหา'ลัยอาจจะขอความร่วมมือให้จอดในพื้นที่ของนักศึกษา เพราะอาจารย์ไม่มีที่ยืนจริงๆ โดนนักศึกษาแย่งลานจอดไปหมด ที่จอดรถไม่เคยพอเลยค่ะ T__T 


6. มัธยมฯชุดนักเรียนตามระเบียบ Vs มหา'ลัยชุดนักศึกษาตามนิยมได้
         น้องๆ เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมกฎการแต่งกายของโรงเรียนนั้นเยอะเหลือเกิน ทั้งบังคับให้ตัดผมสั้นเท่าติ่งหู ทั้งไถเกรียน ทั้งใส่ชุดนักเรียนเป็นยูนิฟอร์มเดียวกัน? เรียกได้ว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าต้องถอดแบบมาตามระเบียบให้เป๊ะทุกคน ทั้งทรงผม เสื้อนักเรียน กระโปรง กางเกง รองเท้า และกระเป๋าตราโรงเรียน แม้ว่าเราอาจจะชอบเสื้อของโรงเรียนนี้มากกว่า ชอบแบบสีกระโปรงของอีกโรงเรียนมากกว่า หรืออยากใช้กระเป๋ายี่ห้ออื่นมากกว่า เราก็ต้องทำตามกฎให้เป็นหนึ่งเดียวกัน


 
         หากน้องๆ อยากจะตามเทรนด์ทรงผม อยากจะหยิบเครื่องแต่งกายมามิกซ์แอนด์แมตช์ด้วยกัน ต้องรอเข้ามหา'ลัยเลยค่ะ เครื่องแบบนักศึกษามีให้เลือกหลากหลายมาก ทั้งเสื้อแขนสั้น เสื้อแขนยาว พับแขน ปล่อยแขน มีสาบ ไม่มีสาบ กางเกงขาเดฟ กระบอกเล็ก กระบอกใหญ่ กระโปรงทรงเอ กระโปรงสอบ พลีทสั้น พลีทยาว สีดำ สีกรมท่า ฯลฯ เลือกมาใส่ตามชอบได้เลย ส่วนเรื่องกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับต่างๆ แบรนด์ไหนที่กำลังอยู่ในกระแสก็เป็นธรรมดาที่น้องๆจะหยิบมาใส่อยู่แล้ว เปิดกว้างขนาดนี้ยังไงก็อย่าลืมคำนึงถึงความเหมาะสมด้วยนะคะ

7. มัธยมฯ ห้ามแต่งหน้าเด็ดขาด Vs มหา'ลัยแต่งหน้าสวยใสสไตล์เฟรชชี่ได้
         พี่เมก้าก็เข้าใจนะคะ เรื่องความสวยความงามกับสาวน้อยวัยแรกแย้มเป็นของคู่กันเนอะ ไม่ว่าใครก็อยากจะดูดีในสายตาของเพื่อนๆหรือคนที่แอบปิ๊ง แต่ก็ติดอยู่ที่ว่าโรงเรียนมีกฎ 'ห้ามแต่งหน้า' ซะนี่ คราวนี้ทำไงดีล่ะ เผอิญว่าหน้าสดเป็นคนผิวหน้าหยาบกร้าน ไร้คิ้ว ปากซีดเหมือนคนป่วยด้วย ทำไมจะต้องทำร้ายตัวเอง ไม่มีความมั่นใจเลย น้องๆหลายคนเลยต้องหลบๆซ่อนๆ แอบเปิดรีวิวแต่งหน้ายังไงให้สวยใสเป็นธรรมชาติ เนียนจนอาจารย์จับไม่ได้ ^^

         ขึ้นมหา'ลัยเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยค่ะ เพราะน้องๆ สามารถแต่งหน้ามาเรียนได้แน่นอน เรียกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเหล่านักศึกษามากค่ะ วันไหนตื่นเช้ามีเวลาแต่งหน้ามาเรียนเพื่อนเรียกนางฟ้า วันไหนตื่นสายไม่ทันแต่งหน้าก็กลายเป็นศพดีๆ นี่เอง ดังนั้นใครประสงค์อยากจะโบ๊ะหน้าให้เช้งกระเด๊ะโอกาสของน้องๆ ก็มาถึงแล้วนะคะ ส่วนน้องคนไหนที่ชอบความเป็นธรรมชาติ แต่งใสๆ เบาๆ สไตล์เฟรชชี่ก็ทำได้เช่นกันค่ะ ขออย่างเดียวระวัง 'รองพื้นผิดเบอร์' ^^

         นี่ก็เป็น 7 ความต่างเรื่องกฎระเบียบระหว่างมัธยมฯ กับมหา'ลัย ที่พี่เมก้านำมาฝากน้องๆทุกคนนะคะ เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย รู้สึกตื่นเต้นกับชีวิตเด็กมหา'ลัยรึเปล่า? ยังไงแวะมาบอกเล่าความรู้สึกให้พี่เมก้าอ่านได้นะคะ 

 
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ร่มฉัตร 30 มิ.ย. 59 12:39 น. 2
มอปลาย : เทอมนึงสอบมากสุดเเค่สี่บท มหาวิทยาลัย : เทอมนึงสอบยี่สิบสามบท (สามปีมอปลายยัดในเทอมเดียว อ่านทันก็รอด อ่านไม่ทันก็ F ไปปปปป TT^TT) เสียใจ
1
กำลังโหลด
Easylanguage Member 2 ก.ค. 59 10:35 น. 5
แต่ให้นักเรียนคิดว่า เรามีบุญได้รับการศึกษาขั้นสูง ๆดีกว่า เพราะบางคนยากจนจบแค่ประถมศึกษา อยากเรียนต่อแต่ไม่มีปัญญา มีโอกาสเรียนก็พยายามเข้า เพราะในชีวิตจริงมันมีอะไรที่เหนื่อยกว่าชีวิตในเครื่องแบบอีกเยอะ ถือว่าเป็นการฝึกตัวเอง
0
กำลังโหลด
Mafia Chocolate Member 29 มิ.ย. 59 20:17 น. 1

พี่ก็เคยเล่าให้ฟังเหมือนกันนน ชีวิตมหาลัยถึงจะดูเหมือนสบายแต่ที่จริง...งานเยอะมาก...    

หวาา        เสียใจ         มืดมน

1
Sandrine_SKN Member 21 ม.ค. 61 23:02 น. 1-1

แต่ถ้าเป็นสาขาเอกโทที่เรารัก น่าจะเป็นหนักแต่สุขใจนะคะ เราประทับใจชีวิตมหาลัยนะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิชาที่เราเรียนส่วนมากก็เป็นวิชาที่เราเลือกมาด้วยใจนี่แหละค่ะ ^ ^

0
กำลังโหลด

10 ความคิดเห็น

Mafia Chocolate Member 29 มิ.ย. 59 20:17 น. 1

พี่ก็เคยเล่าให้ฟังเหมือนกันนน ชีวิตมหาลัยถึงจะดูเหมือนสบายแต่ที่จริง...งานเยอะมาก...    

หวาา        เสียใจ         มืดมน

1
Sandrine_SKN Member 21 ม.ค. 61 23:02 น. 1-1

แต่ถ้าเป็นสาขาเอกโทที่เรารัก น่าจะเป็นหนักแต่สุขใจนะคะ เราประทับใจชีวิตมหาลัยนะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิชาที่เราเรียนส่วนมากก็เป็นวิชาที่เราเลือกมาด้วยใจนี่แหละค่ะ ^ ^

0
กำลังโหลด
ร่มฉัตร 30 มิ.ย. 59 12:39 น. 2
มอปลาย : เทอมนึงสอบมากสุดเเค่สี่บท มหาวิทยาลัย : เทอมนึงสอบยี่สิบสามบท (สามปีมอปลายยัดในเทอมเดียว อ่านทันก็รอด อ่านไม่ทันก็ F ไปปปปป TT^TT) เสียใจ
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เหมียว 1 ก.ค. 59 23:09 น. 4
มหาลัย...แป๊ปๆสอบ แป๊ปๆอาจารย์ปล่อยก่อนหมดคาบ ค่อนข้างสบายและมีอิสระในการใช้ชีวิต แต่จะรอดรึเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง... และห้ามขาดวันสอบเทสย่อย(บางวิชา)อีกด้วย//ขาดทีนี่นอนชักตายได้แน่ ไม่ส่งงานไม่มีใครตามทวง เสียคะแนนต่อสิคะ//คิดถึงม.ปลายจัง
0
กำลังโหลด
Easylanguage Member 2 ก.ค. 59 10:35 น. 5
แต่ให้นักเรียนคิดว่า เรามีบุญได้รับการศึกษาขั้นสูง ๆดีกว่า เพราะบางคนยากจนจบแค่ประถมศึกษา อยากเรียนต่อแต่ไม่มีปัญญา มีโอกาสเรียนก็พยายามเข้า เพราะในชีวิตจริงมันมีอะไรที่เหนื่อยกว่าชีวิตในเครื่องแบบอีกเยอะ ถือว่าเป็นการฝึกตัวเอง
0
กำลังโหลด
Tanya1996 Member 2 ก.ค. 59 11:06 น. 6

มอต้น ปวช.และมหาวิทยาลัยที่เราเสมอต้นเสมอปลายอย่างเดียวคือทันเข้าเรียน

แต่เราเคยแต่งหน้าตอนอยู่ปวช.แถมครูก็ชมอีก 55555

0
กำลังโหลด
[ DECRIVY ] Member 3 ก.ค. 59 16:12 น. 7
เคยโทรศัพท์ดังในห้องเรียนลืมปิดเสียง แต่เป็นสายสำคัญจริงๆ เลยยกมือขออนุญาตรับโทรศัพท์ เลย 55555
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด