สวัสดีน้องๆ Dek-D ที่น่ารักทุกคนนะคะ รู้มั้ยผลเสียของการมีเวลาว่างคืออะไร? คือการที่เราบริหารเวลาไม่เป็นนั่นเอง หลายคนชอบหลอกตัวเองว่าเรายังเหลือเวลาอีกมาก ทั้งที่ความจริงก็รู้ดีแก่ใจว่า ว่างก็เหมือนไม่ว่าง ความรู้สึกแบบนี้น่าจะเคยเกิดกับน้องๆ ที่ซิ่วอยู่บ้านมาทุกรุ่นเลยค่ะ


 
         ด้วยความที่เราชอบคิดว่าตัวเองมีเวลาว่างอีกเยอะนี่แหละ ทำให้เผลอชิลล์ไปบ้าง แอบหยิบเกมมาเล่นบ้าง ดูซีรีส์เกาหลีบ้าง นอนมากเกินไปบ้าง สิ่งเหล่านี้มันบั่นทอนเวลาเราไปมากเลย วันนี้พี่เมก้าเลยมี 7 ทริกดีๆ ซิ่วอยู่บ้านยังไงไม่ให้เหลวไหล มาฝากให้น้องๆ ได้ลองทำกันค่ะ
                          

1. บันทึกแผนชีวิต Study Planner
         เพื่อไม่ให้การซิ่วอยู่บ้านของน้องๆ เป็นชีวิตที่ล่องลอยเกินไป เราต้องมโนเหมือนว่าตอนนี้กำลังเรียนอยู่ค่ะ หยิบแนวคิดมาจากการทำ Study Planner เลย จดบันทึกแผนการเรียนมาซิว่า ในแต่ละวันแต่ละชั่วโมงเราจะทำอะไร เช่น อ่านหนังสือ ฝึกทำข้อสอบ เรียนพิเศษเสริม ฯลฯ การทำแผนนี้ครีเอทได้ตามขีดความสามารถของเราเลยค่ะ เพราะพื้นฐานของแต่ละคนไม่เท่ากัน วิชาที่สอบก็ไม่เหมือนกัน จัดตารางให้ชัดเจนแล้วทำเป็นกิจวัตร จะได้มองเห็นหน้าที่ที่ต้องทำในแต่ละวัน

         ใน Study Planner ของน้องๆ ควรระบุวันที่สอบลงไปด้วย อย่างบางคนซิ่วทั้งทีก็อยากลุยทั้งสอบตรงทั้งแอดมิชชั่น ต้องใช้คะแนนสอบจากหลายสนาม ทั้ง GAT PAT 9 วิชาสามัญ สอบข้อเขียน ฯลฯ อาจทำให้เผลอตกหล่น ลืมสมัครสอบบ้าง ลืมไปสอบบ้าง อันตรายมากเลย O[]O อ่านระเบียบการของคณะที่ใช่ให้ดีว่าใช้คะแนนสอบอะไร กำหนดคะแนนขั้นต่ำมั้ย คุณสมบัติผ่านมั้ย เพราะเกณฑ์แต่ละปีอาจเปลี่ยนได้ค่ะ คนที่ทำ Study Planner แบบเป๊ะๆ จะรู้เลยว่า ตอนนี้เหลือเวลาทำโจทย์อีกกี่วัน สุดยอดมาก!  


2. เลือกหนังสือที่อ่านแล้ววางไม่ลง
         "โห! พี่เมก้าคะ จะหาหนังสือเรียนที่อ่านแล้ววางไม่ลงนี่ เอากาวมาทามือยังง่ายกว่าอีกค่ะ"  ช้าก่อนนะคะน้องๆ ความจริงแล้วถึงหนังสือที่ถูกใจเรานั้นจะหาได้ยากมากกก แต่พี่เมก้าก็ขอการันตีว่า หนังสือเรียนที่อ่านสนุกอ่านเพลินจนวางไม่ลงยังมีอยู่ค่ะ วิธีเลือกที่ดีที่สุดคือต้องลองหยิบขึ้นมาอ่านก่อน ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าเล่มนี้คือภาษาที่เราอ่านรู้เรื่อง ทำความเข้าใจตามได้ง่าย นี่แหละคือหนังสือที่เกิดมาเพื่อเรา แต่ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่านี่ไม่ใช่หนังสือสำหรับคนธรรมดา (เทพมาเอง) ก็หยุดไว้เลยค่ะ บางคนชอบโลกเอียงไปตามคนอื่น หนังสือที่คนส่วนใหญ่บอกว่าดี อาจไม่ใช่หนังสือที่ดีที่สุดสำหรับเราก็ได้ ต้องลองอ่านเนื้อในดูก่อนแล้วจะรู้นะคะ


 
         หนังสือที่อ่านแล้ววางไม่ลงจะทำให้เราอ่านไปได้เรื่อยๆ ไม่รู้สึกว่ายิ่งอ่านยิ่งงง มันบั่นทอนกำลังใจค่ะ เอาจริงแค่เปิดไปแล้วเห็นตัวหนังสืออัดแน่นเต็มไปหมด เราก็นอยด์จนหนังตาแทบปิดแล้วนะคะ ถ้ายังอ่านไม่สนุกอีกคงจะชวนให้เหลวไหลน่าดู (เพราะอยากไปทำอย่างอื่นมากกว่า) ^^' ดังนั้นเลือกหนังสือดีมีชัยค่ะ   

3. ทริกตัดสลับ "อ่านหนังสือ+ลุยข้อสอบ"
         เชื่อว่าน้องๆ ต้องเคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาแล้ว อ่านหนังสืออยู่บ้านทั้งวันทุกวันมันเกิดอาการเบื่อ พอเบื่อปุ๊บก็เท ไม่เอาแล้ว ไม่อ่านแล้ว เป็นตัวการของความเหลวไหลเลยค่ะ เพื่อไม่ให้เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำซ้อน ก็ต้องรีบหาวิธีมากำจัดความเบื่อของเราออกไปนะคะ รุ่นพี่เด็กซิ่วหลายคนการันตีมาแล้วว่า วิธีที่ดีที่สุดของการเตรียมตัวสอบคือ การอ่านหนังสือสลับกับฝึกทำข้อสอบเก่าไปด้วยกันเพลินๆ อาจจะอ่านเนื้อหาสัก 2 ชั่วโมง ทำข้อสอบต่ออีกสัก 3 ชุด แล้วค่อยพัก

         ความจริงการทำข้อสอบนั้นจำเป็นมากเลยค่ะ เพราะเราได้เห็นโจทย์หลายรูปแบบ ทำให้จับทางถูกว่าเรื่องไหนสำคัญ *ออกสอบทุกปี* แถมยังได้ทดสอบความแม่นยำของตัวเองด้วยว่าเรื่องไหนเราชัวร์แล้ว เรื่องไหนต้องอ่านเพิ่ม ไม่ต้องกลัวว่าเนื้อหาไม่เป๊ะแล้วจะไปลองทำโจทย์ได้ยังไงนะคะ ไม่มีใครพร้อม 100% หรอกค่ะ แล้วอย่างที่รู้กันเดี๋ยวนี้ข้อสอบมาแปลกแหวกแนวมาก ต้องใช้ทั้งทักษะวิเคราะห์และประยุกต์เลย ถ้ามัวแต่นั่งอ่านอย่างเดียวกลัวว่าจะไม่ทันกิน ^^' ทำโจทย์เถอะ ไม่มีเวลาเหลวไหลแน่นอน  


4. จัดคอร์สพิเศษเรียนเสริมด่วนๆ
         แอบเห็นน้องๆ แวะมาตัดพ้อกันประจำเลยว่า "เด็กซิ่วเรียนพิเศษที่ไหนได้บ้าง? เฮ้อออ สมัครไปใครก็ไม่รับ" พี่เมก้าก็เข้าใจนะคะ น้องหลายคนอยากจะปูพื้นความรู้ให้แน่นๆ สอบครั้งนี้จะได้มั่นใจ แต่ก็ติดตรงที่ว่าโรงเรียนกวดวิชาหลายแห่งมักจำกัดอายุของผู้เรียน แค่พี่เกิดเร็วไปซักปีสองปีก็ได้รับคำปฏิเสธมาให้ช้ำใจแล้ว TTOTT นอนเฉยๆ กลิ้งไปกลิ้งมาดีมั้ย? อย่าเพิ่งประชดชีวิตนะคะน้องๆ เอาจริงหนทางในการเรียนพิเศษเสริมยังมีอยู่อีกเยอะแยะเลย


 
         บางคนโชคดีมีรุ่นพี่มาติวให้ที่บ้านบ้างนอกบ้านบ้าง หรืออีกหลายคนที่โชคดียิ่งกว่าคือ เจอคอร์สพิเศษออนไลน์เจ๋งๆ ก็จัดมาเรียนเสริมด้วยตัวเองที่บ้านเลย การเรียนพิเศษเสริมมีข้อดีคือถ้าเรียนเป็นเวลา แล้วเรามีความตั้งใจจริง โอกาสที่จะได้ความรู้เตรียมสอบแบบเนื้อหาแน่นๆ นี่เยอะมากเลยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นน้องๆ จะไม่มีเวลาไปทำเรื่องเหลวไหลไร้สาระ เพราะนาทีนี้เราทุ่มให้กับการเตรียมสอบเท่านั้น ^W^ อยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ค้นคว้ามาอ่านได้ตลอดเลย

5. ให้เวลาตัวเองได้เหลวไหลบ้าง
         การบังคับตัวเองเป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด ยิ่งเครียด ยิ่งกดดัน ยิ่งสั่งตัวเองให้นั่งอ่านหนังสือไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำได้ยากเท่านั้น เพราะสุดท้ายเราก็เล่นกันจนเละเทะอยู่ดี ดังนั้นถ้าไม่อยากเหลวไหลมากจนเกินไป หนทางเดียวที่พอทำได้คือน้องๆ ต้องให้เวลาตัวเองได้เหลวไหลบ้าง แบ่งเวลามาทำตัวไม่มีสาระบ้าง ถ้าเราเหลวไหลให้เป็นเวลา ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายค่ะ อย่างน้องบางคนก็ตั้งเป้าไว้ว่า ในหนึ่งวันอ่านสัก 10-12 ชั่วโมง นอนอีก 8-10 ชั่วโมง เล่น 4 ชั่วโมง หรือในหนึ่งสัปดาห์อ่าน 6 วัน เล่น 1 วัน

         วิธีนี้คล้ายกับว่าเราให้รางวัลตัวเอง ถ้าบังคับตัวเองให้นั่งอ่านวนไปอย่างนั้นไม่หยุด มันจะค่อยๆ สะสมความเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ ลองให้โอกาสตัวเองได้ผ่อนคลายบ้าง น้องจะรู้สึกว่าความจำเราดีขึ้น มีกำลังใจในการอ่านมากขึ้น สิ่งสำคัญของการอ่านหนังสือเตรียมสอบให้ได้ผลดีที่สุด ก็คือการบริหารเวลาอ่านกับเวลาเล่นนี่แหละค่ะ อย่าอ่านหนักเกินไป แล้วก็ควรเลือกช่วงเวลาอ่านให้ถูก บางคนถนัดอ่านตอนกลางวัน บางคนถนัดอ่านตอนกลางคืน เวลาไหนที่อ่านแล้วหัวแล่นฉิวก็จัดไป! 


6. ลองขู่ตัวเองแบบฮาร์ดคอร์
         ต้องยอมรับว่าบางทีเราก็ไม่ได้อยากทำตัวเหลวไหลหรอก แต่บรรดาคำสบประมาท รวมถึงสายตาดูถูกดูแคลนทั้งหลาย จากคนใกล้ตัวบ้างคนไกลตัวบ้าง ก็ทำให้ท้อจนไม่อยากจะทำอะไรได้เหมือนกัน รู้สึกแย่จนอยากตะโกนว่า "ลำไยจริงๆ (-_-')พี่เมก้านะอยากจะบอกน้องๆ ว่าไม่ต้องไปสนใจเลยค่ะ มีใครไม่เคยถูกนินทาบ้าง ขนาดพี่เมก้าไปเรียนทุกวันยังโดนทักว่า "อ้าว! ยังเรียนอยู่เหรอ นึกว่าไม่ได้เรียนแล้ว" (ทุกวันนี้ก็ยังแปลกใจ ตกลงที่ใส่ชุดนักศึกษาออกจากบ้านทุกวัน เราไม่ได้ไปเรียนเหรอ O[]O)


 
         ที่เล่าสู่กันฟัง เพราะอยากให้น้องๆ รู้ว่าคำพูดคนอื่นไม่สำคัญเลยค่ะ พี่เมก้าเคยคุยกับเพื่อนที่ซิ่วอยู่บ้านคนหนึ่ง นางขู่ตัวเองประจำ ทุกครั้งที่เหลวไหลก็จะมานั่งด่าตัวเองแล้ว "อยากล่องลอยไปเรื่อยๆ เหรอ! งั้นก็แพ้ไปเถอะ" คือฟังแล้วนอกจากจะเจ็บกว่าที่คนอื่นด่า ยังทำให้ไม่กล้าทำตัวเหลวเป๋วด้วย TT__TT การเปลี่ยนถ้อยคำร้ายๆ มาเป็นแรงฮึดแบบนี้ อาจจะดูฮาร์ดคอร์ไปสักหน่อยแต่ก็น่าจะช่วยได้นะคะ อนาคตที่ดีมันอยู่ในมือเราจริงๆ เราเป็นคนสร้าง ไม่ใช่คนอื่นค่ะ     

7. My Inspiration...เธอคือแรงบันดาลใจ
         เพราะกำลังใจสำคัญที่สุด พี่เมก้าเลยอยากให้น้องๆ นึกถึง My Inspiration ของเราไว้ค่ะ ใครคือแรงบันดาลใจ ใครคือคนที่ทำให้เราอยากทำแต่สิ่งดีๆ (แหะๆ แอบได้ยินน้องๆ บอกว่า "คุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ อยู่บ้านไม่กล้าทำตัวเหลวไหล กลัวโดนจัดการ") นี่ก็เป็นวิธีสร้างแรงบันดาลใจที่ดีเหมือนกันนะคะ ความจริงแล้วแรงบันดาลใจอยู่รอบตัวเราเลย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นบุคคลสำคัญ เช่น คุณพ่อคุณแม่ ครอบครัว นักร้อง นักแสดง ฯลฯ อาจจะเป็นหนังเรื่องโปรด คำคมประจำใจ หรือคณะ/มหาวิทยาลัยที่เรารักก็ได้

         พี่เมก้าขอเน้น คณะ/มหาวิทยาลัย ที่เรารักเป็นพิเศษ เพราะสิ่งนี้คือเหตุผลที่ทำให้เราตัดสินใจซิ่วถูกมั้ยคะ? วันไหนที่น้องๆ เกิดท้อหรืออยากทำตัวเหลวไหลขึ้นมา ให้ลองนึกถึงวันที่เราจะได้เข้าไปเรียนในคณะ/มหาวิทยาลัยแห่งนั้น วันที่เรากับคุณพ่อคุณแม่จะยิ้มได้กว้างมากที่สุด วันที่ความอดทนและพยายามต่างๆ จะไม่สูญเปล่า ทั้งหมดนี้คือพลังที่ทำให้เราสู้ต่อไปได้อย่างมั่นคงค่ะ เก็บเกี่ยวแรงบันดาลใจแล้วก็อย่าลืมอ่านหนังสือนะคะ สอบติดไม่ใช่เรื่องของโชคช่วย จงภูมิใจในความสามารถของเราค่ะ  

         สุดท้ายนี้พี่เมก้าก็อยากฝากให้น้องๆ ลองถามตัวเองดูว่า ถ้าเวลา 24 ชั่วโมงเป็นของเรา เราจะใช้เวลาทั้งหมดนี้ไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด สิ่งที่ช่วยไม่ให้เหลวไหลเกินไปก็คือน้องๆ ต้องมีวินัยในตัวเองให้มากค่ะ ขี้เกียจเมื่อไหร่ก็ดึงสติกลับมาว่า ตอนนี้หน้าที่เราคืออะไร เราซิ่วเพื่อใคร รับรองว่าไฟแรงขึ้นแน่นอน!

 
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

4 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ว่าที่ kku5 มั้ง 10 ส.ค. 59 02:40 น. 4
เราซิ่วแต่ไม่ได้อยู่บ้านจร้า อยู่หอ555 เพราะลงเรียนกวดวิชาไม่รู้จะทันไหมจะสอบแย้วว งืออเสียใจ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด