แชร์ 8 วิธีมัดใจพี่ว้าก ให้รับน้องประชุมเชียร์มีแต่เรื่องแฮปปี้!

         ระเบียบเชียร์ พร้อม! เปิดตัวด้วยสุ้มเสียงน่าเกรงขาม แฝงความเยียบเย็นของพี่ว้ากกันเลยนะคะ สวัสดีน้องๆ Dek-D ที่น่ารักทุกคนค่ะ ไม่นานมานี้พี่เมก้าก็ได้แอบไปลงสนามเก็บข้อมูลข่าวมาว่า น้องๆ หลายสถาบันกำลังอยู่ในช่วงรับน้องประชุมเชียร์กันอย่างเมามันส์เลย แล้วบุคคลสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คงหนีไม่พ้น "พี่ว้าก"


 
         พี่ว้าก พี่ระเบียบ พี่อบรม พี่วินัย พี่เชียร์ พี่ไซโค ฯลฯ เป็นรุ่นพี่สุดโหดที่รุ่นน้องหลายคนเกรงกลัว แต่ก็เป็นรุ่นพี่อีกกลุ่มหนึ่งที่รุ่นน้องรักมากที่สุดเช่นกัน อุ๊ปส์! ปูทางมาขนาดนี้ น้องๆ ก็คงรู้แล้วว่าการผ่านด่านกิจกรรมรับน้องประชุมเชียร์ ไม่ใช่เรื่องยากเลย พี่เมก้าจะขอเป็นหน่วยกล้าตายมาแชร์ 9 วิธีมัดใจพี่ว้าก ให้เองค่ะ

1. กฎระเบียบสำคัญที่สุด!
         ช่วงแรกของการรับน้องประชุมเชียร์ น้องหลายคนคงยังไม่เข้าใจว่า "ทำไมเราต้องเข้ากิจกรรมนี้! บังคับหรือสมัครใจ" พี่เมก้าก็ขอบอกตามตรงว่า "ไม่ได้บังคับ แต่ถูกหลอกมา เอ้ย! ไม่ใช่ สมัครใจล้วนๆ ค่ะ" ช่วงแรกพี่ที่คอยดูแลเรา (ส่วนใหญ่เป็นพี่ปี 2) ก็จะเข้ามาอธิบายก่อนว่า กิจกรรมรับน้องประชุมเชียร์คืออะไร เกิดขึ้นมาเพราะอะไร หลังจากทำความเข้าใจกันแล้ว วินาทีต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของน้องเองล้วนๆ ว่าจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม แต่ส่วนใหญ่จะเข้าตามเพื่อน เพราะไปไหนไปกัน ^W^

         ระหว่างร่วมกิจกรรม พี่ก็จะย้ำค่ะว่า "น้องๆ ต้องอยู่ในระเบียบนะคะ ตลอดทั้งในและนอกห้องเชียร์ กฎต้องเป็นกฎ" น้องๆ อาจจะคิดว่ากฎพวกนี้เป็นกฎที่พวกพี่คิดขึ้นมาเองหรือเปล่าแล้วมาบังคับน้องให้ทำตาม แต่จริงๆ แล้วบางอย่างก็เป็นกฎของคณะ/มหาวิทยาลัยที่เราควรจะรู้ไว้ ดังนั้น อะไรที่พอทำตามระเบียบได้ ก็ทำเถอะค่ะ รับรองว่า ถ้าเราทำดี รุ่นพี่ไม่มีเรื่องมาดราม่าใส่แน่นอน!          


2. น้องเล็กต้องมีมารยาท
         ตามวัฒนธรรมของสังคมไทย ถ้าเจอคนอายุมากกว่าเราต้องไปลามาไหว้เนอะ ที่พี่เมก้าพูดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะแบ่งชนชั้น "มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้อง มาพร้อมเป็นเพื่อน" อะไรแบบนั้นนะคะ แต่การไหว้เป็นการแสดงถึงความมีสัมมาคารวะอย่างหนึ่งค่ะ เรายกมือไหว้รุ่นพี่ ก็เหมือนเป็นการฝากเนื้อฝากตัวให้พี่ช่วยดูแล
         แต่ถ้าเราเดินดุ่มๆ ไม่ทักไม่ทาย นี่จึงเป็นช่องโหว่ที่พี่ว้าก นำมาใช้กดดันน้องๆ ได้ บางทีพี่เมก้าก็พอจะรู้ค่ะว่า เราไม่ได้ตั้งใจหรอก น้องอาจจะไม่เห็นหรือไม่รู้ว่าเป็นรุ่นพี่คณะก็ได้ แต่พี่ว้ากก็จะเข้าใจไปว่า "เราไม่ใส่ใจมากพอ" ดังนั้น เจอกันทักทายกันนิดนึง จะไหว้หรือยิ้มให้ก็ได้ แม้ภายนอกพี่ว้ากจะดูเย็นชา แต่ตัวจริงนี่เอ็นดูน้องๆ มากเลยนะ 

3. ฉะฉานเหมือนพี่ว้าก!
         เคยได้ยินประโยคนี้มั้ยคะน้องๆ "คนเรามักจะมีโอกาสชอบคนที่มีอะไรคล้ายๆ กัน" เค้าเรียกว่ากฎแรงดึงดูดค่ะ พี่ว้ากก็เช่นกัน อยากเห็นรุ่นน้องเข้มแข็งเหมือนตัวเอง แต่! ไม่ใช่การออกมาหาทายาทว้ากเกอร์รุ่นต่อไปนะคะ พี่ว้ากเค้าจะมีช่วงทอล์กกับน้องเฟรชชี่ โดยการเรียกให้ตอบคำถามค่ะ  และต้องตอบให้ฉะฉานด้วย จะมานั่งหงอก้มหน้าบ่นงึมงัมพึมพำอยู่ในลำคอ พี่ว้ากเค้าไม่ชอบ! ตอบได้ ตอบไม่ได้ พูดให้เสียงดังฟังชัดไว้ก่อน ถ้าพี่เค้าจะหรี่ตามองแล้วถามเราว่า "คุณแน่ใจเหรอ?" ก็ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเพื่อนก็ยกมือช่วยเราเอง ยิ่งตอนหลังๆ เพื่อนนี่ช่วยกันเยอะมาก แย่งกันยกมือตอบจนพี่ว้ากตาลายเลย แหะๆ ^^ รู้เยอะๆ เข้าไว้ ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคณะ/มหา'ลัย ยิ่งควรรู้ให้เยอะ รอดแน่นอนค่ะ  


 
        

4. พี่ว้ากรักคนที่รู้หน้าที่
        กฎสำคัญข้อนึงของการเข้าห้องเชียร์คือ การตรงเวลา แต่บางทีก็มีเหตุให้เข้าสายกว่าคนอื่น พอเข้ามาแล้วก็อยากจะคุยกับเพื่อน ก็อาจจะเสียงดัง แถวเละ กว่าจะได้ซ้อม พี่ว้ากเลยอดรนทนไม่ไหวต้องออกมาอบรมกันยาวๆ
         ดังนั้น ถ้าน้องอยากชนะใจพี่ว้าก พี่เมก้าคิดว่าการรู้หน้าที่เป็นอะไรที่รุ่นพี่รักที่สุดแล้วค่ะ เพราะหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของน้องๆ น้องสามารถแบ่งเวลาเรียนกับเวลาทำกิจกรรมได้รึเปล่า แล้วน้องมีความตรงต่อเวลามากแค่ไหน ถ้าเลือกได้พี่ว้าก ก็อยากเป็นพี่ที่ใจดีของน้อง เหมือนพี่คนอื่นๆ เช่นกัน แต่ในเมื่อหน้าที่ค้ำคออยู่ ก็ต้องอบรมน้องให้น้องอยู่ในระเบียบวินัย รู้หน้าที่ของตนเอง เพื่อที่ในวันข้างหน้า ต่อให้มีงานหนักหรืออุปสรรคเข้ามาแค่ไหน น้องก็จะผ่านพ้นมันไปได้อย่างแข็งแกร่งนั่นเอง 


5. ทำอะไรว่องไวไว้ก่อน
         ความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่น้องๆ ต้องมีก็คือ "ความกระฉับกระเฉงว่องไว" นั่นเองค่ะ จริงๆ คำแนะนำเหล่านี้ไม่ได้บอกเพื่อเอาใจพี่ว้ากหรอกนะคะ แต่การทำอะไรต่างๆ ให้เรียบร้อย รวดเร็ว ก็จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ด้วย บางทีพี่ว้ากกำหนดเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ก็ไม่อยากให้เราต้องเลิกดึกหรือกลับบ้านดึกนั่นเอง ถ้าพี่ว้ากกำหนดเวลามาแล้วว่าให้ทำภายใน 5 นาที ก็ต้อง 5 นาทีนี้เท่านั้น ทุกนาทีในห้องเชียร์มีค่ามาก เราจะเสียเวลาซ้อมไม่ได้เด็ดขาดเลยค่ะ! 


 
         ตอนพี่เมก้าเข้ารับน้องประชุมเชียร์ มีช่วงที่ต้องเปลี่ยนไปซ้อมใหญ่บนสแตนเชียร์ด้วยค่ะ แล้วจากคณะไปตึกใหญ่ที่ต้องทำโชว์เชียร์ระยะทางไกลมากกก พี่ปี 2 ที่คอยดูแล กลัวน้องๆ เหนื่อย ก็เลยให้เดินเร็วๆ ได้ ไม่ต้องวิ่ง พวกพี่ก็เดินชมวิวชมนกชมไม้ไปเรื่อยสิคะ พอพี่อบรมวิ่งกรูเข้ามาเท่านั้นแหละ อื้อหือ! พวกเราปี 1 กลับมาต่อแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วใส่เกียร์วิ่งสี่คูณร้อยเลยค่ะ โอ้โห! ของเค้าแรงจริง แต่เราวิ่ง พี่ว้ากก็วิ่งด้วย แฟร์มาก!

6. เด่นมาก พี่ว้ากไม่รัก!
         เป้าหมายหนึ่งของการเข้ารับน้องประชุมเชียร์ คือรุ่นพี่อยากเห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของรุ่นน้อง เหมือนที่รุ่นพี่ก็สามัคคีกลมเกลียวกันมาแล้ว ถ้าน้องๆ ผ่านกิจกรรมนี้ไปได้ครึ่งทาง ลองสังเกตดูนะคะว่า เราสนิทกับเพื่อนมากขึ้น มีอะไรก็คอยช่วยเหลือกัน ไม่ทิ้งกันไปไหน ถึงจะมีบางช่วงที่ผ่านการทะเลาะกันมาบ้าง แต่ไม่นานเราก็หันมาคืนดี กอดคอเล่นกันเหมือนเดิม พี่ว้ากต้องการเห็นแค่ภาพนี้แหละค่ะ ซึ่งกว่าจะได้เห็นก็ต้องใช้เวลาพอสมควร

         สิ่งที่พี่เมก้าจะบอกก็คือก่อนหน้าที่น้องๆ จะเดินไปถึงจุดนั้น มักจะมีเพื่อนของเราหนึ่งถึงสองคนที่ทุ่มเทมาก อาสาทำภารกิจหมดทุกอย่าง ในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ ยังกลัวพี่ว้าก คือในใจพี่ว้ากอาจจะแอบปลื้มและเห็นศักยภาพในตัวเพื่อนคนนั้นก็ได้ แต่ภาพที่เรามักจะได้เห็นกันคือพี่ว้ากเมินไปเลยค่ะ เหมือนเห็นน้องเป็นอากาศ ถ้าเจอเคสแบบนี้ อย่าเพิ่งน้อยใจว่า เราทำอะไรผิดนะคะ พี่ว้ากก็แค่อยากให้น้องๆ รู้ว่า "รุ่นคุณไม่ได้มีคุณคนเดียว ถ้าคุณไม่มีเพื่อน รุ่นจะเป็นรุ่นได้ยังไง" คือการบิ้วท์ให้รักกันนั่นเอง
 

7. ฟิตแอนด์เฟิร์มเข้าไว้
         น้องๆ ฟิตแอนด์เฟิร์มในที่นี้คือหมั่นออกกำลังกาย ให้ร่างกายมีความแข็งแรง สุขภาพดี สดชื่นสดใสในทุกๆ วัน ที่เข้าห้องเชียร์นั่นเองค่ะ พี่เมก้ารับประกันว่า ไม่มีรุ่นพี่คนไหนรู้สึกสะใจ ที่เห็นน้องมาเข้าห้องเชียร์ด้วยสภาพผีดิบเรียกพี่แน่นอน! ในแต่ละวันน้องๆ ต้องนั่ง "หน้าตรง คอตั้ง หลังเหยียด" มันเกร็งไปทุกส่วนจริงๆ ค่ะ ไหนจะสุขภาพเสียงที่เราต้องเปล่งเพลงเชียร์ออกมาให้ดังกระหึ่มอีก ดังนั้นนอกจากพี่ๆ จะคอยดูแลพวกเราอยู่ห่างๆ แล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ

8. มีอะไรต้องบอกพี่ว้าก
         "ข้อสุดท้ายนี้เหมือนคนรักกันเลยอะ มีอะไรต้องบอกกันนะตะเอง เขินนน" เดี๋ยวๆๆ ขอดับฝันแป๊บ บอกในที่นี้ ไม่ใช่ในฐานะคนรักงอนง้อน้อยใจกันนะคะน้องๆ ให้บอกเรื่องสำคัญเกี่ยวกับความเป็นความตายของเราต่างหาก! อย่างที่พี่เมก้าได้พูดถึงตอนต้นบทความเลย ก่อนเข้าห้องเชียร์ พี่ปี 2 ก็จะถามความสมัครใจของน้องๆ ก่อนว่าเต็มใจเข้าร่วมมั้ย พอพี่ว้ากลงมาสมทบอีกครั้ง น้องก็จะได้รับฟังคำถามนี้อีก "ใครมีโรคประจำตัวออกไป! ใครรับความกดดันไม่ไหว เชิญ!"


 
         ข้อห้ามสำหรับการรับน้องประชุมเชียร์คือ อย่าฝืนตัวเองเด็ดขาด! ดังนั้นน้องที่ลังเล ใจหนึ่งก็อยากทำกิจกรรมกับเพื่อน อีกใจก็กลัวจะรับไม่ไหวกับการโดนอบรมจริงๆ ก็ให้บอกรุ่นพี่ ไม่ก็เดินออกไปเลยค่ะ (รับรองว่าไม่มีใครเขม่นแน่นอน) พอพี่ว้ากอบรมเพื่อนเสร็จ เราก็ค่อยกลับไปซ้อมเชียร์เป็นปกติเหมือนเดิม เกิดน้องๆ เป็นลมชักตาตั้งขึ้นมา พี่ว้ากไม่ได้กลัวตัวเองเดือดร้อนหรอกนะคะ กลัวน้องๆ จะได้รับอันตรายต่างหาก ไม่มีรุ่นพี่คนไหน อยากเห็นน้องเจ็บหรอกค่ะ   

         ตอนนี้รุ่นพี่หลายๆ มหาวิทยาลัยก็ได้รับคำสั่งจากคณาจารย์แล้วว่าห้ามจัดกิจกรรมรับน้องรุนแรงเด็ดขาด และให้น้องได้รับประโยชน์จากกิจกรรมนี้มากที่สุด พี่เมก้าเลยอยากฝากให้น้องๆ ลองมองจุดประสงค์ที่แท้จริงของการรับน้องดูค่ะ แม้จะมีองค์ประกอบบางอย่างที่ดูขัดใจไปบ้าง แต่คิดซะว่าจบกิจกรรมไปเราจะได้รับอะไรดีๆ กลับมา ทุกอย่างจะแฮปปี้ค่ะ แอบกระซิบว่าถ้าผ่านไปได้น้องจะรู้ว่า พี่ว้ากไม่ดุ มีความน่ารัก แถมยังทำให้เราได้ประสบการณ์ และความภาคภูมิใจมากมายด้วย ^^

 
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

6 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด